บทที่850 นายมีแผนอะไร
ภายในร้านกาแฟตรงหัวมุมถนน ด้านนอกมีคนไหลเวียนกันเข้ามา ส่วนภายในร้านนั้นได้เปิดฮีตเตอร์เอาไว้ และยังเปิดบทเพลงที่อบอุ่นช่วยผ่อนคลายสมองออกมา
เมื่อเทียบกับความหนาวเหน็บด้านนอกแล้ว ร้านกาแฟเป็นที่ที่สามารถทำให้คนผ่อนคลายได้จริงๆ
เมื่อเห็นตวนมู่เจ๋อ คิ้วที่กำลังขมวดออกมาแน่นอยู่นั้นของหานมู่จื่อก็ได้คลายลงไปในที่สุด
“พี่สะใภ้มาแล้ว”
ทันทีที่เฉียวจื้อเห็นเธอ ก็รีบลุกขึ้นมาดึงเก้าอี้ให้เธออย่างเอาใจใส่กระตือรือร้น เพื่อเป็นสัญญาณให้เธอนั่งลง จากนั้นก็ทั้งถือกระเป๋าให้เธอและยังส่งเมนูอาหารมาให้เธอ
การกระทำที่ลื่นไหลเหล่านี้ทำเอาตวนมู่เจ๋ออดไม่ได้ที่จะหรี่ตาออกมาเล็กน้อย
ช่วงนี้เขาได้ให้คนสืบดู จึงได้รู้ว่าเฉียวจื้อกับยู่ฉือเซินสนิทกันตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เห็นเขาเป็นเพื่อนสนิทคนนึง มาตอนนี้เฉียวจื้อก็ยังเอาใจใส่หานมู่จื่อออกมาเสียขนาดนี้ หรือยู่ฉือเซินกับหานมู่จื่อจะคบกันแล้ว?
อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด ถึงแม้ว่าจะสูญเสียความทรงจำไป แต่ความรู้สึกและความทรงจำส่วนลึกบางอย่างไม่มีทางที่จะเลือนหายไปได้ล่ะมั้ง?
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว ตวนมู่เจ๋อเลิกคิ้วออกไปเล็กน้อย
อย่างที่คิดความรู้สึกเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างนึง นึกไม่ถึงว่าคนที่สูญเสียความทรงจำคนหนึ่งจะสามารถกลับไปรักคนที่เคยรักมาก่อนได้อีก ส่วนน้องสาวของเขานั้น….เพราะความรู้สึกพวกนี้จึงทำให้กลายมาเป็นคนที่บ้าคลั่งเสียสติได้ถึงขนาดนี้เช่นกัน
ความกระตือรือร้นของเฉียวจื้อได้ทำเอาหานมู่จื่อรู้สึกเกรงใจขึ้นมา หลังจากที่นั่งลงไปเธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดออกไป “เฉียวจื้อ คุณอย่าทำอย่างนี้เลย รีบนั่งลงเถอะ”
เฉียวจื้อนั่งลงตรงกันข้ามเธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ครับ ไม่มีปัญหา!”
เขาได้รับการฝากฝังมาจากยู่ฉือเซิน ว่าจะต้องดูแลพี่สะใภ้ให้ดี
ภายในใจของเฉียวจื้อเกิดความดีใจขึ้นมามากมาย ยู่ฉือเซินเชื่อมั่นเขาตั้งขนาดนี้ นั่นนับว่าเป็นเกียรติของเขาจริงๆ
หลังจากที่นั่งลงไปได้ไม่นาน พนักงานก็เดินเข้ามา หานมู่จื่อจึงสั่งน้ำผลไม้มาแก้วนึง จากนั้นก็มองตวนมู่เจ๋อที่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน
ส่วนเฉียวจื้อเองก็เหมือนกับว่าในตอนนี้จะได้สติกลับมา ก็ได้ร้องอุทานออกมา
“เมื่อกี้นี้เหมือนผมจะได้ยินตวนมู่เจ๋อพูดว่าเจอกันอีกแล้ว? ผมคงไม่ได้ฟังผิดไปหรอกใช่มั้ย? พวกคุณเคยเจอกันมาก่อน?”
หานมู่จื่อพยักหน้า มองตวนมู่เจ๋อไปด้วยสายตานิ่งเรียบ
“คุณฟังไม่ผิดหรอก พวกเราเพิ่งเจอกันไม่นานมานี้เอง”
พอเฉียวจื้อได้ยินอย่างนั้น ก็เบิกตากว้างออกมาทันที พร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วถลึงตามองไปยังตวนมู่เจ๋อออกไปทันที “ตวนมู่เจ๋อ นายหมายความว่าอะไร? ทำไมนายถึงได้ไปเจอกับพี่สะใภ้เล็กของฉันเป็นการส่วนตัว นายมีแผนการอะไรกับเธอ?”
หานมู่จื่อ “…”
ตวนมู่เจ๋อกลอกตาเล็กน้อย มองเฉียวจื้อไปอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
อืม ช่างเหมือนกับสายตาของคนโง่ที่รู้สึกกังวลออกมาก็ไม่ปาน
หานมู่จื่อเหลีอบมองไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็สามารถตัดสินได้เลยทันที
เห็นเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เฉียวจื้อจึงใช้โอกาสนั้นคว้าคอปกเสื้อตวนมู่เจ๋อเหมือนอย่างกับพวกโจรท้องถิ่นไม่มีผิดออกมา “นายพูดออกมาสิ? นายพยายามวางแผนทำอะไรพี่สะใภ้ฉันกันแน่ นายคงไม่มีนิสัยแยกคนอื่นเขาออกจากกันเหมือนน้องสาวนายหรอกใช่มั้ย?”
เมื่อเอ่ยถึงตวนมู่เสว่ สายตาของตวนมู่เจ๋อก็เยือกเย็นลงหลายส่วน ส่วนหานมู่จื่อก็สังเกตเห็นตอนที่เฉียวจื้อคว้าคอเสื้อของเขา ในมือของตวนมู่เจ๋อก็ยังถือกาแฟอยู่เลย ในสถานการณ์ที่ดุเดือดอย่างนี้ กาแฟแก้วนั้นไม่แม้แต่จะหกออกมาเลย
ไม่เพียงอย่างนั้นแล้ว การกระทำของเขาก็ยังสงวนท่าทีเหมือนกับก่อนหน้านี้ ยังคงความสง่างามออกมาดังเดิม
แววตาคู่นั้นของตวนมู่เจ๋อเผยความเจ้าเล่ห์ออกมา ริมฝีปากบางเอ่ยออกมาเบาๆ
“ถ้าไม่ปล่อยมือออกไปอีก เชื่อมั้ยว่าฉันจะสาดกาแฟนี้ใส่นาย?”
เฉียวจื้อ “…”
เขากัดฟัน “งั้นนายก็พูดออกมาสิ ทำไมนายไปเจอพี่สะใภ้ของฉันเป็นการส่วนตัวได้? ตกลงนายก็มีนิสัยเหมือนกับน้องสาวของนายใช่มั้ย?”
ตวนมู่เจ๋อชำเลืองมองเขาอย่างหน่ายใจ “สมองอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าหรือไง?”
“นายว่าอะไรนะ?” เฉียวจื้อขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน โกรธฮึดฮัดออกมาทันที
“เคยเห็นคนที่แย่งแฟนคนอื่นแล้วยังพาคนนอกมาอีกมั้ยล่ะ?”
และไม่รู้ว่าเฉียวจื้อโง่งมเกินหรือว่าคำพูดของตวนมู่เจ๋อมันอ้อมค้อมจนเกินไป นานกว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับออกมา หานมู่จื่อที่อยู่ข้างๆทนดูไม่ไหวอีกต่อไปแล้วจริงๆ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยพูดออกไป “ฉันเจอกับเขา ก็เพราะเรื่องน้องสาวของเขา”
เฉียวจื้อมองไปยังหานมู่จื่อ “พี่สะใภ้เล็ก ไม่ได้โกหกผมนะครับ?”
หานมู่จื่อ “…”
“เออใช่ พี่สะใภ้เล็กไม่โกหกฉันแน่นอนอยู่แล้ว” เฉียวจื้อจึงได้คลายมือออกจากคอเสื้อของตวนมู่เจ๋อได้เสียที ส่งเสียงเฮอะเสียงเย็นออกมา “ฉันก็นึกว่าการชอบแย่งแฟนชาวบ้านจะเป็นความสามารถพิเศษของตระกูลตวนมู่ของพวกนายเสียอีก เฮอะ”
ตวนมู่เจ๋อยกมือข้างนึงขึ้นมาจัดคอปกเสื้อที่ถูกเฉียวจื้อทำให้ไม่เรียบร้อย สายที่ตาเป็นที่เลื่องลือและกลิ่นอายที่ออกจากร่างเยือกเย็นอยู่หลายระดับ เลิกสายตามองไปยังเฉียวจื้ออย่างไม่พอใจ
“ถ้าไม่รู้จักพูด ก็หุบปากไปซะ ไม่มีใครหาว่านายเป็นใบ้หรอกนะ”
เฉียวจื้อร้องเฮอะเสียงเย็นออกมา “ทำไม กล้าทำแต่กลับไม่อยากให้คนอื่นเขาพูด? ตระกูลตวนมู่ของพวกนายเป็นตระกูลแบบไหนกัน นึกไม่ถึงเลยว่าอบรมสั่งสอนผู้หญิงคนนึงออกมาอย่างนี้ได้”
ตวนมู่เจ๋อ “ตระกูลตวนมู่จะอบรมสั่งสอนผู้หญิงออกมายังไงนั่นมันก็เป็นเรื่องของตระกูลตวนมู่ของเรา ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่นายจะมีสิทธิ์พูดออกมามั้ย?”
ถึงอย่างไรก็เป็นน้องสาวแท้ๆของตน ตวนมู่เจ๋อจึงทนเห็นคนอื่นมากล่าวหาเธออย่างนี้ไม่ได้
เฉียวจื้อยังคิดที่จะพูดต่อออกไป หานมู่จื่อกลับยื่นมือข้างนึงออกไปกดรั้งเขาเอาไว้ เฉียวจื้อจำต้องหันมองมายังเธอ จึงใช้สายตาส่งสัญญาณบอกเขาออกไป
หานมู่จื่อยิ้มออกไปเล็กน้อย มองไปยังตวนมู่เจ๋อที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม
“ฉันขอโทษแทนเขาด้วยแล้วกัน คุณพูดถูก ตระกูลตวนมู่สั่งสอนผู้หญิงออกมายังไงมันเป็นเรื่องที่พวกเราไม่มีสิทธิ์สอดปากเข้าไปพูดจริงๆ งั้นฉันขอถามหน่อยว่าทำไมวันนี้คุณถึงมาที่นี่ได้? หรือว่า…เพราะเรื่องน้องสาวของคุณอีก?”
ตวนมู่เจ๋อจัดคอปกเสื้อตัวเองเสร็จแล้ว เขาก็วางกาแฟในมือลง สายตามองไปยังใบหน้าของหานมู่จื่อ
“ไม่งั้นแล้วเธอคิดว่าฉันจะมาทำไมล่ะ?”
“ในเมื่อมาเพราะเรื่องน้องสาวของคุณ งั้นก็พูดออกตรงๆเถอะค่ะ พวกคุณจะเอายังไง?”
เธอก็ได้พูดออกไปอย่างชัดเจนแล้ว แต่ตวนมู่เจ๋อก็ยังไม่ยอมพูดกับเธอออกมาตรงๆ โดยเอ่ยออกมาว่า “น้องสาวของฉันตวนมู่เจ๋อทำผิดพลาดไป ฉันจะสั่งสอน และห้ามปรามเธอเอง แต่…ฉันเองก็ยังต้องการความร่วมมือจากพวกนายเหมือนกัน”
เฉียวจื้อเอ่ยถามออกไปอย่างใจร้อน “นายอยากให้ฉันร่วมมืออะไรกับนาย?”
ตวนมู่เจ๋อเม้มริมฝีปากออกมา มองหานมู่จื่อไปอย่างจริงจัง
“ถ้าเป็นไปได้ ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด”
หานมู่จื่อ “…”
เฉียวจื้อ “…”
เขาเบิกตากว้างออกมา คิดว่าตัวเองฟังผิดไป
เขาบอกให้ยู่ฉือกับพี่สะใภ้เล็กแต่งงานกันให้เร็วที่สุดงั้นหรอ?
หานมู่จื่อเองก็รู้สึกไม่คาดคิดออกมาเหมือนกัน แต่ก็ได้เรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่ยกยิ้มออกมา “ฉันเข้าใจความหมายของนายตวนมู่แล้วค่ะ คุณอยากให้ฉันแต่งงานกับเขา เพื่อตัดความคิดนั้นของน้องสาวของคุณไปซะ ใช่มั้ยคะ?”
ตวนมู่เจ๋อไม่ได้พูดตอบออกไป แต่สายตาและสีหน้าที่แสดงออกมานั้นได้ยอมรับออกมาอย่างชัดเจน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นนายตวนมู่ก็ตั้งความคาดหวังกับฉันสูงจังเลยนะคะ ถึงแม้ว่าเขาจะยังหลงเหลือความรักความผูกพันที่มีต่อฉันอยู่ แต่ถึงอย่างไรเขาก็สูญเสียความทรงจำ อยากให้พวกเราแต่งงานกันตอนนี้ อย่าว่าแต่เขาจะตกลงหรือไม่เลย แม้แต่ตัวฉันเอง ก็ไม่มีทางตอบตกลงได้หรอกค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ตวนมู่เจ๋อขมวดคิ้วออกมา มองเธอไปด้วยแววตาที่ไม่เข้าใจ
“ที่ผ่านมาคุณเคยรักใครสักคนหรือเปล่า?” หานมู่จื่อมองจ้องเขา เอ่ยอธิบายเสียงเรียบออกไป “เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ฉันรัก ฉันไม่อยากให้เขาทำเรื่องอะไรในช่วงที่เขากำลังสูญเสียความทรงจำไปอย่างนี้”
เฉียวจื้อ “ทำไมล่ะพี่สะใภ้เล็ก ก่อนหน้าที่ยู่ฉือจะเสียความทรงจำ เดิมทีพวกพี่ก็กำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมตอนนี้เขาเสียความทรงจำไป พี่สะใภ้กลับไม่ยอมเสียอย่างนั้นล่ะ?”