บทที่ 858 ไม่แกล้งนอนแล้ว
ในความมืดไม่มีเสียงเลยสักนิด
หานมู่จื่อปิดตาไว้มองไม่เห็น หูในเวลานี้ก็ไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆเลย นอกจากหลังจากที่มีเสียงปิดประตูนั้นเมื่อกี้แล้วก็ไม่มีเสียงอื่นดังขึ้นแล้ว
หรือว่าเดิมทีเย่โม่เซินก็ไม่ได้เข้ามา?
ด้วยความคิดนี้ หานมู่จื่อจึงได้เปิดตาออกทันที
ผลสุดท้ายเมื่อเปิดตาออก ก็ได้เห็นถึงใบหน้ารูปงามในความมืดที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม หานมู่จื่อตกใจจนเกือบจะส่งเสียงร้องออกมา
แต่ว่าระดับความเร็วของเย่โม่เซินก็เร็วกว่า ก่อนหน้าที่เธอจะส่งเสียงร้องออกมา ก็ได้ก้มหัวคว้าริมฝีปากของเธอเอาไว้อย่างรุนแรง
“วู”
หานมู่จื่อได้ถลึงตาโต จิตใต้สำนึกได้ยื่นมือออกไปผลักเขาไว้
การป้องกันสิ่งที่ไม่คาดคิด คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่ตรงหน้าตัวเองเพื่อจับตัวเอง อีกทั้งยังไม่ส่งเสียงใดๆ คนนี้……เป็นจอมมารงั้นเหรอ?
ประมาณสิบกว่าวินาที เย่โม่เซินได้ถอยกลับไป และมีน้ำเสียงแหบต่ำ: “ทำไม ไม่แกล้งนอนแล้ว?”
หานมู่จื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบนริมฝีปากและใบหน้า สิ่งหนึ่งคือถูกจูบจนเจ็บ อีกสิ่งหนึ่งคือเขินอาย เธอได้ถลึงตาใส่เขาทีหนึ่งอย่างโหดร้าย ก็ไม่สนใจว่าเย่โม่เซินในความมืดจะเห็นหรือไม่ จากนั้นก็ได้พูดด้วยความโกรธ: “ฉันก็ไม่ได้แกล้งนอน”
เมื่อคำพูดตกออกมา ก็รู้สึกถึงเสียงหัวเราะต่ำที่ส่งมาตรงหน้า น้ำเสียงจากลำคอที่มีความแหบอยู่หน่อย เหมือนกับเป็นเสียงจากลำคอหลังจากอาการเมาค้าง เมื่อได้ยินก็รู้สึกเซ็กซี่และร้อนแรงเป็นพิเศษ
“ใช่เหรอ?”
หานมู่จื่อรู้สึกว่าตำแหน่งที่อยู่ด้านข้างได้หนักขึ้น คิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะพลิกตัวไปนอนตะแคงอยู่ข้างเธอ พิงอยู่ใกล้หูของเธอ
“ครั้งหน้าตอนที่แกล้งหลับ ก็จำไว้ให้ควบคุมอัตราการหายใจของตัวเองให้ดี”
หานมู่จื่อ:“……”
“ลมหายใจกับใจเต้นเร็วขนาดนั้น คิดจะหลอกใคร?”
เห็นเธอไม่ตอบกลับ มือของเย่โม่เซินก็ได้ตกอยู่บนหน้าของเธอ หากไม่เป็นไปตามคำขอจะติดพันตลอดไป: “อืม?”
ฝ่ามือของเขาร้อนมาก และได้ปกคลุมอยู่บนแก้มของเธอ เหมือนกับกำแพงร้อนด้านหนึ่งยังไงยังงั้น การกระทำของเย่โม่เซินคือให้เธอเอนไปตามทิศทางของเขา
หานมู่จื่อไม่เป็นดังเช่นความต้องการของเขา เธอก็ไม่ต้องการจ้องหน้ากันกับเขา อีกเดี๋ยวจะต้องถูกเอาเปรียบแล้ว
ด้วยเหตุนี้เธอจึงได้บิดตัวแล้วบิดอีก และหันหลังให้กับเย่โม่เซินตรงๆ
คนที่อยู่ด้านหลังได้มึนงงไปแล้วครู่หนึ่ง แต่ไม่ช้าก็ได้พิงเข้ามาแล้ว ตระหนักถึงการเข้าใกล้ของเขา หานมู่จื่อจึงใช้มือศอกเขาไว้: “นายห่างจากฉันไกลหน่อย”
ตอนเริ่มตีศอกเข้าไป เย่โม่เซินยังคงมึนงงและได้ถอยไปทางด้านหลัง แต่ว่าในไม่ช้าเขาก็ได้พิงเข้ามา อยู่ที่ด้านหลังโอบอุ้มเธอเอาไว้ ไม่ว่าเธอจะตีเขาด้วยศอกยังไงเขาก็จะไม่ถอยออกไปแล้ว
ลมหายใจที่อบอุ่นก็อยู่ตรงหลังหู เขาเพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่นาน บนตัวก็ยังมีไอน้ำร้อนอยู่ อุณหภูมิที่สูงมากในห้อง อีกทั้งยังติดอยู่แน่นด้วยกันเช่นนี้ ผ่านไปไม่นานทั้งสองฝ่ายก็ได้มีเหงื่อออกบางๆแล้ว
“นายทำอะไรเนี่ย?” หานมู่จื่อร้อน แม้แต่ลมหายใจก็ได้ถี่ขึ้นมาแล้ว และไม่หยุดที่จะผลักคนด้านหลังออก
“คำพูดที่ฉันพูดตรงระเบียงเมื่อกี้ เธอก็ได้ยินหมดแล้ว?”
คือได้ยินแล้วจริงๆ หานมู่จื่อได้แอบตอบกลับหนึ่งประโยคในใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
เธอรับพูดส่งเสียงออกมา: “นายพูดก็พูด มือเท้าอย่าขยับ……”
เธอรีบไปกดมือที่ไม่สงบคู่นั้นของเขาเอาไว้
เมื่อกี้ไม่มีสติ คาดไม่ถึงว่ามือของถามจะวิ่งไปถึงปลอกคอเสื้อ ต้องการที่จะปลดกระดุมชุดนอนของเธอ
ผู้ชายก็ล้วนเป็นคนมีคุณธรรมคนหนึ่งจริงๆ!
ปกติมักจะดูเย็นชาและไม่ละเว้น เมื่อไปถึงบนเตียงก็เผยธาตุแท้ออกมา
หานมู่จื่อรู้สึกว่าอุณหภูมิของเขาสูงขึ้นอยู่ตลอด และรู้ดีว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องมีเรื่องใหญ่ไม่น้อย จึงทำได้เพียงรีบพูดออกไป: “หากว่าคืนนี้นายจะอยู่ที่นี่แล้วละก็ งั้นความประทับใจที่คุณตาของนายมีต่อฉันก็จะต้องยิ่งแย่”
เป็นไปตามคาด การเคลื่อนไหวของเย่โม่เซินได้ชะงักงัน แต่ทว่าก็เป็นเพียงการชะงักงัน ไม่ช้าก็ได้ทำต่อไปอีก
“ไม่เป็นไร ต้องมีสักวันที่เปลี่ยนแปลง”
ดูเหมือนว่าเขาก็มีความใจร้อนอยู่บ้างแล้ว
ลมหายใจของหานมู่จื่อก็มีความสั่นอยู่บ้าง จากนั้นก็ได้คว้าจับเหตุผลสุดท้ายของตัวเองเอาไว้ด้วยชีวิต “แต่ว่าฉันยังไม่ได้เตรียมตัวดี เร็วเกินไปแล้ว!”
การกระทำของเย่โม่เซินก็ได้ชะงักงันอีกแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ได้หยุดลงมา
นับวันเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ก็ไม่มากจริงๆ
หากว่าไม่ใช่เปลี่ยนที่อยู่ให้เธอ ทั้งสองคนก็จะไม่นอนอยู่ที่เดียวกันเร็วเช่นนี้ และวันนี้เขากลับคิดไม่ถึงว่าจะควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่
ความคิดจนถึงตอนนี้ เย่โม่เซินได้ปิดตาลง และแอบพูดอยู่ในใจ ยังคงเป็นคนก่อนเถอะ
คือเร็วเกินไปจริงๆ
เมื่อตระหนักได้ถึงการไม่เคลื่อนไหวของคนด้านหลังแล้ว หานมู่จื่อก็ได้โล่งใจไปแล้วฟอดหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าประโยคนี้ยังดีกว่าคุณตาของเขา
หรือว่าอยู่ในใจของเขาแล้ว การมองของคุณตาเขากับความคิดทั้งหมดก็ไม่สำคัญเลยงั้นเหรอ?
สำหรับเขาแล้ว ที่สำคัญกว่าคือความคิดของตัวเอง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของหานมู่จื่อก็อบอุ่นขึ้น เพียงแต่ว่าอุณหภูมิของเขายังคงเพิ่มขึ้น หานมู่จื่อกลัดกลุ้มจนไม่ไหวแล้วจริงๆ และได้ขยับร่างกายเพื่อให้อยู่ห่างจากเขาไกลหน่อย
“อย่าขยับ”
คนบางคนส่งเสียงไม่พอใจออกมา ในน้ำเสียงยังมีความหมายของการกัดฟันสู้อยู่บ้าง: “หากว่าคืนนี้เธออยากนอนดีๆแล้วละก็”
หานมู่จื่อ“……”
นี่เป็นการข่มขู่เธองั้นเหรอ?
เห็นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ หานมู่จื่อกลับยังคงเชื่อฟังไม่กล้าขยับ ตอนแรกก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยที่ต้องนอนกับเขา แต่หลังจากที่ตระหนักได้ว่าเขาคือจะไม่ทำอะไรกับตัวเองแล้ว ใจของหานมู่จื่อก็ได้วางลงไปแล้ว ไม่ช้าความง่วงก็ได้โจมตีเข้ามาแล้ว เธอควบคุมหนังตาไม่ไหวได้หลับไปแล้ว
ได้ยินเสียงลมหายใจของคนในอ้อมแขนได้เปลี่ยนไปจนค่อยๆมั่นคง เย่โม่เซินอดหัวเราะไม่ไหวแล้ว
เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีหัวใจจริงๆ
ตัวเองเดือดร้อนอยู่ แต่เธอนอนหลับโดยไม่รู้เรื่องเลย
ถ้ารู้ก่อน เขาไม่ควรอยู่ต่อ
ถึงแม้ว่าอยู่ต่อ ก็ไม่ควรพักที่ที่เดียวกับเธอ
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหน หลังโม่เซินยืนยันหานมู่จื่อ หลับอยู่และจะไม่ถูกปลุก จึงค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วเข้าห้องน้ำ
***
ตวนมู่ หลังจากลุกขึ้น เริ่มแต่งตัวเองอย่างจริงจัง วันนี้เธอตั้งใจเปลี่ยนชุดที่เรียบง่าย ตู้เสื้อเธอไม่มีชุดนี้จริง คือเมื่อวานให้คนเตรียมให้
เพราะเห็น หานมู่จื่อ สวมใส่เรียบง่ายเสมอ ตัวเองสวมใส่สวยขนาดนั้น แต่พี่เซินไม่เคยมองเห็นเธอ
อาจจะ พี่เซินชอบแบบสวมใส่เรียบง่ายหรือ
ฉะนั้นเธออยากลองครั้งหนึง ถ้าพี่เซินมองฉันมากกว่านี้ก็หมายถึงมีผล
สวมใส่เรียบง่าย การแต่งหน้าของเธอค่อนข้างเบาด้วย
หลังจากมองตัวเองเรียบร้อยในกระจก ตวนมู่เสว่ ถือกระเป๋าด้วยความภาคภูมิใจ พร้อมออกจากบ้าน
เพิ่งเปิดประตู ก็เห็น ตวนมู่เจ๋อ ขึ้นบันได
เห็น ตวนมู่เจ๋อ ตวนมู่เสว่อยากหลีกเลี่ยงทันที
ใครจะรู้ว่า ตวนมู่เจ๋อ เดินตรงมาและเรียกเธอ
“เสี่ยวเสว่”
ตวนมู่เสว่เลยต้องหยุf ยิ้มแบบสดใส“พี่ชาย อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“วัสดี ทำไมวันนี้คุณแต่งตัวเรียบง่าย”มองเห็น ตวนมู่เสว่ จู่ๆก็เปลี่ยนชุด ไม่รู้ทำไมตวนมู่เจ๋อสวมใส่แบบนี้คุ้นเคยโดยเฉพาะชุดนี้ เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อน
อีกไม่นาน สมอง ตวนมู่เจ๋อ มีใบหน้าที่เย็นชาของผู้หญิงคนหนึ่งโผล่ออกมา
เป็นเธอ
ตวนมู่เจ๋อ ขมวดคิ้ว เสี่ยวเสว่รู้เย่โม่เซิน ชอบ หานมู่จื่อ ฉะนั้นเปลี่ยนสไตล์เข้ากับเธอ