บทที่ 861 ความทรงจำที่หายไป
หลังจากที่เย่โม่เซินได้ทราบเรื่องที่ตวนมู่เสว่ตกใจจนเตลิดหนีไป สีหน้าของเขากลับดูเรียบนิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท่าทางนิ่งขรึมไม่สะทกสะท้านของเขาทำให้เฉียวจื้อกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
“ที่ฉันพูดไปเมื่อครู่ นายไม่ได้ยินเลยหรือยังไง? ห้ะ?”
ดูท่าทีของเฉียวจื้อที่เหมือนคนแก่คอยยุ่งวุ่นวายเรื่องของตัวเอง เย่โม่เซินหยุดชะงัก วางมือลง ยกมือขึ้นมากุมขมับ พูดด้วยเสียงนิ่งขรึม
พยักหน้า “อืม”
เฉียวจื้อ: “ได้ยินแล้ว ทำไมนายถึงไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้อะไรบ้างเลย? คิดว่าเรื่องนี้ไม่ร้ายแรงเหรอ?”
“แล้วไงล่ะ?” เย่โม่เซินเหลือบสายตามองเขา “นายจะให้ฉันเป็นเหมือนนาย เดือดเนื้อร้อนใจกระวนกระวาย จึงจะแสดงให้เห็นว่าฉันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก?”
เฉียวจื้อ: “…”
หากจะให้ผู้ชายเย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็งอย่างเย่โม่เซินกระวนกระวายใจจนนั่งไม่ติด เกรงว่าชีวิตนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้
เขาเบ้ปาก พูดอย่างตรงไปตรงมา: “ถ้าไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจ นายก็ควรแสดงท่าทีอะไรบางอย่างออกมาบ้างรึเปล่า?”
เย่โม่เซินไม่ตอบ เพียงแต่ทำท่าทีครุ่นคิด โชคดีที่เขาเปลี่ยนที่พักให้มู่จื่อไว้ก่อนแล้ว เรื่องความปลอดภัยของหมู่บ้านแห่งนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร อีกอย่าง ไม่ว่าจะไปทำงานหรือเลิกงานก็มีคนคอยรับส่งตลอด หากจะลงมือทำอะไรหล่อนคงหาโอกาสได้ยากมาก
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เย่โม่เซินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “นายส่งคนไปตามหาหล่อน ถ้าหาเจอแล้วให้แอบสะกดรอยตามหล่อน ถ้ามีความเคลื่อนไหวอะไร ค่อยรายงานให้ฉันทราบ”
เฉียวจื้อพยักหน้าลง: “งั้นโอเค ฝั่งพี่สะใภ้ นายไปดูแลด้วยตัวเองใช่ไหม?”
“หรือจะให้นายมาดูแลล่ะ?” เย่โม่เซินชายตาเหลือบมองเขาด้วยสายตาอันเย็นชา ราวกับงูพิษ
เฉียวจื้อกลัวจนหนาวสั่นไปทั้งตัว มุมปากก็เกร็งตามไปด้วย
ให้คนอย่างเขาจะไปดูแลภรรยาปีศาจแบบนั้น ใครจะกล้า?
คิดบางอย่างขึ้นมาได้ เฉียวจื้อเอ่ยปากพูดขึ้น: “เมื่อวานคุณปู่ยู่ฉือโทรมาหาฉัน บอกว่าเมื่อคืนนายไม่กลับบ้าน คงไม่ได้อยู่กับพี่สะใภ้ใช่ไหม?”
เย่โม่เซินพลิกเปิดเอกสาร สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
ท่าทางแบบนี้…เห็นได้ชัดว่ายอมรับ
เฉียวจื้อเบิกตาโตกว้าง ชี้นิ้วไปที่เขา: “นายๆๆ——นายนี่ร้ายกว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ!”
ทั้งสองเพิ่งคบกันไม่นาน เขากลับย้ายไปอยู่กับพี่สะใภ้แล้ว
ไม่ใช่สิ เฉียวจื้อเกือบลืมเรื่องที่เขาเกือบจะได้แต่งงานกับหานมู่จื่อไปแล้ว ตอนนี้อยู่ด้วยกันก็ถือเป็นเรื่องปกติ
เฉียวจื้อนึกถึงเรื่องของตัวเองก่อนหน้านี้ที่ได้รับภารกิจจากหานมู่จื่อเพื่อช่วยเย่โม่เซินรื้อฟื้นความทรงจำ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉียวจื้อกรอกตามองไปมา จากนั้นลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเย่โม่เซิน
“ยู่ฉือ ช่วงนี้นายยังปวดหัวอยู่รึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น มือของเย่โม่เซินหยุดชะงักไปทันที จากนั้นเม้มปากและหันมามองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น
เฉียวจื้อหัวเราะชอบใจ: “อันที่จริงฉันแค่อยากถามว่า นายคิดอะไรออกบ้างไหม?”
“นายคิดว่าฉันต้องนึกอะไรออกงั้นเหรอ?”
เขาไม่ขำกลับย้อนถาม
เมื่อเฉียวจื้อได้ยินเช่นนั้น ร้อนใจขึ้นมาทันที “ไม่ใช่สิ ฉันกำลังถามนายว่าคิดอะไรออกบ้างไหม? ทำไมนายกลับมาถามฉันว่านายควรคิดอะไรออกขึ้นมาล่ะ?
คนที่มีความทรงจำส่วนนั้นคือนายไม่ใช่ฉัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ? ”
เย่โม่เซินหมุนปากกา เซ็นชื่อลงบนเอกสารลงนาม ชื่อยู่ฉือเซินสามคำถูกเขียนตวัดประทับลงบนกระดาษ
“ในเมื่อเป็นความทรงจำของฉัน นายจะร้อนใจทำไม?”
เฉียวจื้อ:“……”
เอาใจยากจริงๆ เขาไม่รู้สึกสงสัยกับความทรงจำของตัวเองบ้างเลยหรือไง?
เฉียวจื้อกัดฟัน: “นายไม่อยากรู้บ้างหรือไงว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นคนแบบไหน? ใช้ชีวิตยังไง? อีกอย่างมีเพื่อนแบบไหนบ้าง… หรือว่า…มีคนที่ชอบรึเปล่า?”
ปั้ง!
เย่โม่เซินปิดเอกสาร จ้องเขาด้วยสายตาเยือกเย็น
“นายว่างมากเหรอ?”
ดูจากสายตาของเขาก็รับรู้ได้ว่าเขาหมดความอดทนแล้ว คำถามของเฉียวจื้อล้ำเส้นมากเกินไป และเฉียวจื้อก็เป็นคนไม่เกรงกลัวอะไร พูดต่อ: “เปล่า ฉันแค่อยากถามนายเท่านั้น ถ้าในอดีตนายเคยเป็นคนมีลูกมีเมียล่ะ? ถึงตอนนั้นนายไปกินอยู่กับพี่สะใภ้แล้ว เมียกับลูกของนายกลับมาหา นายจะทำยังไง? จะเลือกลูกเมียหรือพี่สะใภ้ล่ะ?”
เย่โม่เซิน: “…”
เฉียวจื้อมองเย่โม่เซินด้วยความสะใจ สายตาของเขาก็แฝงไปด้วยความลึกซึ้งเช่นกัน
“ถ้านายยังพูดจาเพ้อเจ้ออีก ฉันจะโยนนายออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้”
เฉียวจื้อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“บ้าจริง นี่มันสายตาพิฆาตชัดๆ ให้นายย้อนความทรงจำสักหน่อยไม่ได้หรือไง? มีคนแบบนายที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง แต่กลับไม่สนใจอะไรเลย? ”
เขาพูดบ่นพลาง ลุกขึ้นจัดเสื้อของตัวเองพลาง พูดด้วยความโมโห: “ช่างเถอะ ฉันขี้เกียจสนใจนายแล้ว ไปก่อนนะ”
หลังจากที่เฉียวจื้อออกมาจากห้องทำงาน จับคลำคางของตัวเอง ยู่ฉือเป็นแบบนี้จัดการยากจริงๆ
เขาไม่อยากกลับไปคิดถึงเรื่องราวในอดีต หรือเป็นเพราะพอใจกับสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว?
คิดไปคิดมาก็ไม่แปลก เขาอ่านความคิดของเขาที่มีต่อพี่สะใภ้ออกดี…
เอาใจใส่ขนาดนั้น
แม้ว่าคนที่ชอบตอนนี้กับเมื่อก่อนจะเป็นคนเดียวกัน แต่เมื่อขาดความทรงจำบางส่วนไป เฉียวจื้อยังคงรู้สึกว่าแปลกๆ
แต่เมื่อเฉียวจื้อออกไปจากห้องทำงาน เย่โม่เซินกลับเลิกคิ้วขึ้น
เขาไม่ได้เป็นคนที่จะยอมให้คนอื่นทำอะไรกับเขาก็ได้ เฉียวจื้อรู้จักกับเขามานาน แต่ไม่เคยถามก้าวก่ายถึงเรื่องในอดีตของเขาเลย
จู่ๆมาถามเขาแบบนี้ ต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่นอน
ความทรงจำในอดีต…
เย่โม่เซินเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ ค่อยๆเคาะเป็นจังหวะ
พยายามย้อนคิด แต่ในสมองกลับว่างเปล่า ไม่หลงเหลืออะไรเลย
ความทรงจำในอดีตของเขา หายไปไหนหมดกันแน่?
*
ช่วงสองสามวันนี้ ตวนมู่เสว่ไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าไปในบริษัทตระกูลยู่ฉือ ทำให้นายท่านยู่ฉือไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาอยากใช้ความสามารถของตัวเองไล่หานมู่จื่อออกไป แต่เกรงว่าหลังใช้อำนาจนี้แล้วจะทำให้หลานชายของตัวเองขายหน้าในบริษัท
แต่ถ้าไม่ทำ หานมู่จื่อก็จะอยู่ในบริษัทตลอดไป และตวนมู่เสว่ก็จะไม่มีโอกาสเข้ามา
ดังนั้นนายท่านยู่ฉือจึงคิดเริ่มจะจัดการจากหานมู่จื่อ
แต่ใครจะไปคาคคิดว่าเย่โม่เซิน หมอนั่นจะคอยไปรับส่งด้วยตัวเองตลอด และยังเปลี่ยนที่พักให้หล่อนอีกด้วย
ทำให้คนแก่อย่างเขาไม่มีโอกาสได้ลงมือจัดการ โมโหจนเกือบจะทำให้ความดันขึ้นสูง
นายท่านยู่ฉือทำได้เพียงให้หยูโปช่วยเขาคิดหาวิธี โดยการนัดให้หานมู่จื่อออกมา จากนั้นจัดการให้หล่อนกลับประเทศไป ห้ามมาพัวพันกับเย่โม่เซินอีกต่อไป
สุดท้ายยังคิดวิธีไม่ได้ บ้านของตวนมู่ก็โทรมาบอกว่าตวนมู่เสว่หายตัวไป
เมื่อได้ยินข่าวนี้ นายท่านยู่ฉืออดทนความโมโหไว้ ถามด้วยความใจเย็น : “เกิดอะไรขึ้น?”
หยูโปพูดอย่างหมดหนทาง: “ได้ยินมาว่าคุณชายตวนมู่คิดว่าคุณหนูตวนมู่มีปัญหาทางจิต อยากพาหล่อนไปหาจิตแพทย์ แต่คุณหนูตวนมู่ไม่ยอม จึงเกิดผลกระทบทางจิตใจ ทำให้หนีหายไป”
“ว่าไงนะ?” เมื่อยู่ฉือจินได้ยินเช่นนั้น รีบตบโต๊ะและลุกขึ้นทันที: “ตวนมู่เจ๋อก็ทำเกินไปรึเปล่า? คนสบายดีจู่ๆจะพาไปหาจิตแพทย์”
หยูโปก็หมดคำพูด
“เรื่องนี้ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจครับ”
ยู่ฉือจิน: “นายรีบส่งคนไปตามหา หญิงสาวตัวคนเดียว…หายตัวไปไม่ใช่เรื่องดีอะไรเลย!”