บทที่ 866 แค่เจอกันครั้งสุดท้าย
ที่แท้เขาก็คิดแบบนี้
หานมู่จื่อยังคิดว่าเขาจะถามเรื่องเกี่ยวกับส้งอาน คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มี
หล่อนรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ จ้องเขาที่กำลังขับรถอยู่ทางด้านข้าง ลังเลอยู่สักพักใหญ่จึงถามขึ้น: “ตอนที่นายเห็นน้าส้ง…ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ?”
หลังจากถามเขาไปเช่นนั้น หล่อนกลั้นหายใจ รอคำตอบจากเขาอย่างใจจดใจจ่อในความเงียบสงัด
แต่สุดท้ายในตอนนั้นเองมือถือของเย่โม่เซินก็ดังขึ้น จนทำให้หล่อนหายใจกระหืดกระหอบ หล่อนมองเย่โม่เซินรับสายด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นพูดเพียงไม่กี่คำก็วางสายไป และหันกลับมามองหล่อนต่อ
“สบายใจได้ ในเมื่อเป็นน้าของเธอ ฉันก็จะดูแลเขาเป็นอย่างดี”
หานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไรต่ออีก
เมื่อลงมาถึงด้านล่าง มือถือของเย่โม่เซิดังขึ้นอีกครั้ง หานมู่จื่อกระพริบตาปริบๆ
“คุณตาเรียกให้คุณกลับไปเหรอ? หรือว่าคืนนี้คุณ…”
เย่โม่เซินปิดเสียงมือถืออย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่เป็นไร”
หานมู่จื่อก้มมองต่ำลง รู้สึกหนักใจมาก
ยู่ฉือจินไม่ยอมให้หล่อนคบกับเขาจริงๆ แต่ช่วงนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร เป็นเพราะเย่โม่เซินรึเปล่า?
และไม่รู้ว่าคืนวันที่ดูเหมือนปกติแต่แฝงไปด้วยความอันตรายมากมายขนาดนี้ จะยื้อต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่
***
“ฮื่อๆคุณปู่ยู่ฉือ เสี่ยวเสว่ทุกข์ใจมาก พี่เซินไม่ยอมหมั้นกับหนู ทั้งยังไปชอบพนักงานผู้หญิงในบริษัทอีก พี่เขาคิดว่าหนูมีปัญหาทางจิต ยังพาหนูไปพบจิตแพทย์อีกด้วย หนูกลัวมากจริงๆ….วันดีคืนดีพวกเขาจะคิดว่าฉันเป็นคนบ้ารึเปล่า?”
น้ำตาของตวนมู่เสว่ไหลรินลงมาเป็นสาย หล่อนร้องไห้พลางดึงแขนเสื้อของยู่ฉือจิน “คุณปู่ยู่ฉือ คุณปู่อยากบอกพี่ชายของฉันเด็ดขาดนะคะ อีกอย่างคุณปู่ให้ฉันอยู่ที่ได้ไหมคะ? ฉันไม่กล้าเจอพวกเขา”
เมื่อได้ยินเรื่องที่ตวนมู่เจ๋อพาตวนมู่เสว่ไปพบจิตแพทย์ ยู่ฉือจินโกรธขึ้นมาทันที
ตวนมู่เสว่ในสายตาของเขาไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน เพียงแต่สาวน้อยผู้นี้ชอบและหลงใหลยู่ฉือเซินมากจริงๆ และไม่รู้ว่าพี่ชายของหล่อนนั้นคิดอย่างไรกันแน่ ทำไมจู่ๆถึงพาหล่อนไปหาจิตแพทย์ล่ะ?
ทั้งๆที่เป็นคนมีจิตใจปกติ จู่ๆก็ถูกคนพาไปทำอะไรแบบนี้ หล่อนจะไม่กลัวได้อย่างไร?
คนที่ตระกูลยู่ฉือส่งไปตามหาหล่อนกลับหาไม่เจอ ยู่ฉือเซินก็ไม่สนใจเรื่องนี้ ในขณะที่ยู่ฉือจินร้อนใจจนทนไม่ไหว ตวนมู่เสว่กลับเป็นฝ่ายมาหาเขาเอง
และตอนที่มาปรากฏตัวต่อหน้ายู่ฉือจิน เสื้อและใบหน้าของตวนมู่เสว่สกปรกเลอะเทอะมาก ดูเหมือนคนที่ถูกทรมานมาอย่างหนักหนา
คุณหนูผู้ดีแสนสวยกลับเปลี่ยนไปอยู่ในสภาพแบบนี้ และยังเป็นสะใภ้ที่ตัวเองเป็นคนเลือก ตอนนั้นยู่ฉือเซินรู้สึกสงสารและเอ็นดูมาก จึงให้หล่อนอยู่ด้วย
เมื่อตอนนี้ได้ยินหล่อนทั้งเรียกคุณปู่ยู่ฉือและดึงแขนเสื้ออยู่ตลอด และได้ยินเสียงเรียกร้องที่พูดว่าไม่อยากเจอพี่ชายและคนตระกูลตวนมู่แล้ว นายท่านยู่ฉือรู้สึกเจ็บใจราวกับโดนมีดทิ่มแทงมากขึ้นไปอีก
“เสี่ยวเสว่ หนูสบายใจได้นะ ขอเพียงแค่มีคุณปู่ยู่ฉืออยู่ด้วย จะไม่มีทางให้พี่ชายของหนูพาหนูไปหาจิตแพทย์อะไรนั่นอีก เสี่ยวเสว่ของพวกเราเก่งขนาดนี้ จิตใจเข้มแข็งสมบูรณ์ ทำไมจะต้องไปพบจิตแพทย์ล่ะ? หนูไม่ต้องกลัว คุณปู่ยู่ฉือจะปกป้องหนูเอง ”
“คุณปู่ยู่ฉือ ปู่จะไม่ยอมให้พี่ชายพาหนูไปพบจิตแพทย์อีกแล้วใช่ไหมคะ? หนูกลัวมากจริงๆ หนูขอเจอพี่เซิน…ได้ไหมคะ?”
อันที่จริงตั้งแต่เสี่ยวเสว่มาที่นี่ ยู่ฉือจินก็ให้หยูโปผู้ดูแลบ้านโทรหาเย่โม่เซิน แต่ครั้งแรกหมอนั่นกลับบอกว่าไม่กลับบ้าน ต่อมาโทรไปอีกครั้งก็ไม่รับสาย
ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ก็ชัดเจนมากแล้ว
ยู่ฉือจินถอนหายใจอย่างจนปัญญา: “ดีสิ หยูโปโทรหาเขาแล้ว แต่สภาพหนูตอนนี้ต้องไปอาบน้ำให้สะอาดก่อนนะ ไม่เช่นนั้น เดี๋ยวพี่เซินมาเห็นหน้าที่สกปรกของหนูนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตวนมู่เสว่นึกขึ้นได้ว่าสภาพของตัวเองตอนนี้สกปรกเลอะเทอะมาก จากนั้นจึงพยักหน้าสุดแรง: “งั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“อืม ปู่ให้คนพาหนูไปห้องรับแขกด้านบนนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่” ตวนมู่เสว่จับมือของยู่ฉือจินไว้แน่น พูดด้วยเสียงแผ่วเบา: “คุณปู่ต้องให้พี่เซินมาเจอหนูให้ได้นะคะ สักครั้งก็ยังดี เขาไม่ต้องหมั้นกับหนูก็ได้…แต่คืนนี้หนูอยากเจอเขา ได้ไหมคะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ยู่ฉือจินตกใจตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อจะเจอหน้ายู่ฉือเซินสักครั้ง หล่อนยอมที่จะไม่หมั้นกับเขาแล้ว
ได้ยังไงล่ะ? ถ้าตวนมู่เสว่ไม่หมั้นกับเขา งั้นก็หมายความว่า…
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของยู่ฉือจินขรึมขึ้นมาทันที “แบบนี้ไม่ได้ ฉันยู่ฉือจินยอมรับแค่เธอให้เป็นลูกสะใภ้เท่านั้น นอกจากเธอแล้ว ใครก็ไม่มีสิทธิ์”
ตวนมาเสว่ร้องไห้ด้วยใบหน้าที่อิดโรย: “คุณปู่ยู่ฉือ หนูทราบดีว่าคุณปู่ดีกับหนูมาก แต่พี่เซิน…เขาไม่ชอบเสี่ยวเสว่เลยสักนิด เมื่อก่อนเป็นเพราะเสี่ยวเสว่บังคับเขาเอง ดังนั้น…ตอนนี้หนูแค่อยากขอเจอเขาสักครั้ง ขอเพียงแค่เขายอมเจอหนู ให้หนูได้พูดความในใจ เรื่องอื่นหนูไม่หวังอะไรอีกแล้ว”
ยิ่งหล่อนพูดแบบนี้ ยู่ฉือจินยิ่งรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้รู้จักคิด ทำให้เขาอดเห็นใจไม่ได้
เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่: “หนูสบายใจได้ ปู่จะต้องทำให้เขากลับมาเจอหนูให้ได้ และจะให้พวกเธอหมั้นหมายแต่งงานกัน”
จากนั้นคนใช้ก็พาตวนมู่เสว่ไปอาบน้ำด้านบน
ยู่ฉือจินเรียกหยูโปเข้ามาด้วยสีหน้านิ่งขรึมหนักใจ: “เขาไม่ยอมรับสายใช่ไหม?”
หยูโปจับคลำหน้าของตัวเอง พยักหน้าด้วยความจนปัญญา: “ใช่ครับ ผมเดาว่าเขาปิดเสียงมือถือไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจากการที่ผมโทรไปหลายสายแบบนี้ เขาจะไม่รับได้อย่างไร?”
“หึ!” ยู่ฉือจินสบถด้วยความไม่พอใจ พูดด้วยความโมโห: “ไม่รับสาย ก็โทรไปจนกว่าเขาจะรับ เสี่ยวเสว่จริงใจกับเขาขนาดนี้ เขากล้าไม่มาเจอแม้แต่ครั้งเดียว? หยูโปนายโทรต่อไป หรือไม่ก็ส่งข้อความไปบอกให้เขากลับมา ถ้าไม่กลับมา ฉันจะตรอมใจตายในห้องรับแขกนี้”
ประโยคสุดท้ายทำให้สีหน้าของหยูโปเปลี่ยนไปทันที เข้าเม้มปาก พยักหน้าด้วยความตกใจ: “ผมทราบแล้วครับ คุณปู่ให้เวลาผมสักนิดนักครับ ผมต้องทำให้คุณชายเซินกลับมาให้ได้”
หลังจากที่หยูโปออกไปจากห้องรับแขก หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเย่โม่เซินอีกหลายครั้ง และยังคงไม่มีการตอบรับเช่นเดิม เสียงที่ดังมาจากคู่สายมีเพียงแค่เสียงผู้หญิงอันไพเราะอ่อนหวานและเชื่องช้าดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า
หยูโปจึงวางสาย และหมดหนทางจริงๆ
ดูไปแล้วโทรศัพท์คงไม่ได้ผล คุณชายเซินไม่ยอมกลับมา แม้ว่าคืนนี้หยูโปจะโทรจนมือถือระเบิดก็ตาม เขาก็คงไม่มีทางรับสาย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องไปหาด้วยตัวเองแล้ว
เพราะคำพูดที่ยู่ฉือจินกล่าวขึ้นในคืนนี้ ทำให้เขาตกใจตะลึงจริงๆ
หานมู่จื่อเพิ่งอาบน้ำออกมา ก็ได้ยินเสียงกดกริ่งดังขึ้น เย่โม่เซินไม่อยู่ในห้อง หล่อนจึงทำได้เพียงสวมชุดคลุมออกไป
ขณะที่เดินออกไปออกไป บังเอิญเจอเย่โม่เซินเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี
“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมมีคนมากดกริ่งอีกล่ะ?”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น ท่าทางไม่สบอารมณ์ เดินเข้ามาพูดกับหล่อน: “เธอเข้าไปด้านในก่อน ฉันออกไปดูเอง”
“อืม” หานมู่จื่อไม่สงสัยอะไร พยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในห้อง
เมื่อเห็นว่าหล่อนเดินกลับเข้าไปแล้ว สายตาของเย่โม่เซินดุดันขึ้นมาทันที