บทที่ 867 รอฉันกลับมา
หยูโปยืนอยู่หน้าประตูเพียงคนเดียว หลังจากกดกริ่งเสร็จก็ยืนรอด้วยความอดทน
ตามความจริงเขาไม่มีสิทธิ์เข้ามา แต่เมื่อเปิดเผยตัวตนของตัวเอง ใช้เส้นสายพูดคุยอยู่นานจึงจะเข้ามาหาเย่โม่เซินได้
แน่นอนว่า เพื่อความปลอดภัยในการพบปะ ยังมียามในหมู่บ้านหนึ่งคนเดินตามเขาเข้ามาด้วย
และไม่รู้ว่ายืนรออยู่นานเท่าไหร่ ในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก
หยูโปได้เจอกับเย่โม่เซินสักที ท่าทางของเขาตื่นเต้นมาก: “คุณชายเซิน ในที่สุดผมก็หาคุณเจอ”
สายตาของเย่โม่เซินเหลือบมองหยูโปผู้ดูแลบ้านด้วยความเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ: “ลุงหยู ดึกขนาดนี้แล้ว มีธุระอะไรเหรอ?”
เมื่อพูดจบ สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นยามที่อยู่ด้านหลัง
ยามหมู่บ้านเห็นว่าพวกเขารู้จักกัน จึงพูดขึ้น: “ที่แท้ก็คนรู้จักกัน งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
หลังจากที่ยามหมู่บ้านเดินออกไป หยูโปก็หัวเราะและพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา: “คุณชายเซิน หยูโปโทรหาคุณแต่คุณไม่รับสายเลย ดังนั้นผมจึงจำเป็นต้องมาหาด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เย่โม่เซินมองด้วยสายตาเยือกเย็นมากขึ้น “ฉันรู้ว่านายจะทำอะไร วันนี้ฉันไม่กลับ”
“คุณชาย ยังไงก็เป็นคุณตาของคุณนะครับ คุณชายทำแบบนี้เหมือนเด็กน้อยงอแงอารมณ์ไม่ดี”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น เด็กน้อยงอแง? เขาโตขนาดนี้แล้ว จะงอแงอะไรกันอีก? เขาทำแบบนี้ไปก็เพราะอยากแสดงจุดยืนความคิดของตัวเองต่อยู่ฉือจิน ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
แม้ว่าเขากับหานมู่จื่อจะรู้จักกันมาไม่นานก็ตาม
แต่หานมู่จื่อกลับมาเติมเต็มความรู้สึกบางอย่างให้เขา หากขาดหล่อนไป เขาก็คงรู้สึกเหมือนขาดใจไปด้วย
ชีวิตนี้ เขาไม่มีทางทอดทิ้งหล่อนไปไหนเด็ดขาด
หยูโปพูดต่อ: “คุณชายเซิน ผมไม่ปิดบังคุณนะ ตอนนี้สถานการณ์ฝั่งคุณปู่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เขาเองก็พูดว่า…ถ้าคืนนี้คุณไม่กลับบ้าน เขาอาจจะ…”
พูดถึงตอนสุดท้าย หยูโปถอนหายใจ: “ผมรู้จักกับคุณปู่มานานหลายปี ผมดูออกว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ไม่ว่ายังไง แม้ว่าจะต้องขัดแย้งกับคุณตาของคุณ แต่คุณชายเซิน คุณเป็นลูกหลาน บางครั้ง…”
หยูโปหยุดชะงักไป ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
เขาพูดไปเยอะพอสมควรแล้ว คนฉลาดอย่างยู่ฉือเซินทำไมจะฟังไม่เข้าใจ
เย่โม่เซินยิ้มมุมปาก หัวเราะเย้ย: “ถ้าวันนี้ฉันยอม ต่อไปเหตุการณ์แบบนี้ก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆไม่ใช่หรือไง? คุณตาคิดว่าแบบนี้จะทำให้ฉันใจอ่อน?”
หยูโป: “…”
เขาพูดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีเหตุผล
“ไปเถอะ”
ในขณะที่หยูโปกำลังคิดหาวิธีอื่นมาพูดโน้นน้าวเย่โม่เซิน เสียงของผู้หญิงที่เล็กแหลมก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง
เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วหันไปมองตามเช่นกัน พูดด้วยความไม่พอใจ: “ให้เธอกลับเข้าไปในห้องไม่ใช่หรือไง?”
หานมู่จื่อสวมชุดคลุมตัวใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อได้ยินเสียงฝีก้าวที่กำลังเดินเข้ามา พยักหน้าให้หยูโป: “ลุงหยู”
หยูโปพยักหน้าให้หล่อน
“คุณกลับไปเถอะ ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นลูกหลานเขา ถึงแม้ว่าต้องขัดแย้งกับเขาบ้าง ก็ไม่ควรทำตัวเกเรแบบนี้”
เย่โม่เซินไม่ขยับไปไหน ขมวดคิ้วแน่นไม่ยอมผ่อนคลาย
แต่คำพูดนี้กลับทำให้หยูโปมองหานมู่จื่อด้วยความชื่นชมอย่างมาก จากนั้นพูดขึ้น: “คุณชายเซินของพวกเราตาดีจริงๆ คุณหนูหานพูดถูก คุณชายลองคิดดูนะครับ ถ้าคุณทำแบบนี้กับคุณปู่ตลอด คุณปู่ก็จะยิ่งต่อต้านคุณหานมากขึ้น ผมไม่ปิดบังคุณ ตอนนี้ตวนมู่เสว่อยู่ที่บ้านยู่ฉือ เมื่อครู่ตอนที่ผมอยู่ด้านนอกได้ยินมาคร่าวๆว่า คุณตวนมู่บอกว่าไม่แต่งงานกับคุณแล้วก็ได้ แต่ต้องเจอคุณให้ได้ อยากจะคุยกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย”
เย่โม่เซินหัวเราะเยาะ: “เรื่องพวกนี้เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย? หล่อนอยากแต่งก็แต่ง?”
แขนเสื้อถูกดึงอย่างเต็มแรง หานมู่จื่อดึงแขนเสื้อของเขา “คุณไปเถอะ เหมือนที่ลุงหยูพูด ถ้าคุณทำไปเพราะความขัดแย้งระหว่างฉันกับคุณตา นั่นก็มีแต่ทำให้คุณตาเกลียดฉันมากขึ้นเท่านั้น”
หานมู่จื่อเดินเข้าไป ยิ้มขึ้น: “ตอนนี้ฉันยังไม่นอน คุณรีบไปรีบกลับ ฉันจะรอคุณกลับมานะ”
หล่อนพูดด้วยความอ่อนโยนมาก ทำให้แทรกซึมเข้าไปในใจของเย่โม่เซินได้อย่างง่ายดาย เขาชะงักไปครู่หนึ่ง สบสายตาอันลึกซึ้งไปที่หานมู่จื่อ
“ไม่กังวลว่าผมจะไม่กลับมาเหรอ?”
หานมู่จื่อส่ายหน้า: “คุณไม่มีทางทำแบบนั้น”
สายตาและน้ำเสียงของหล่อนเด็ดขาดมาก และไม่มีท่าทีลังเล แสดงถึงความเชื่อใจเย่โม่เซินเป็นอย่างมาก
ได้รับความเชื่อใจจากหล่อนเช่นนี้ เย่โม่เซินจึงยื่นมือออกมาจับจมูกของหล่อน
“รอฉันกลับมานะ”
“ค่ะ”
ก่อนจะออกไป หยูโปมองไปที่หานมู่จื่อและขอบคุณหล่อน: “ขอบคุณสำหรับความเชื่อใจและความช่วยเหลือครับคุณหาน ลุงดูแลบ้านอย่างผมขอบคุณมากครับ”
หานมู่จื่อ: “…ลุงหยูคุณก็พูดเกินไป ฉันก็ไม่อยากให้ตาหลานต้องขัดแย้งกันเพราะฉันหรอกนะ”
“คุณหานเข้าใจดี หวังว่าคุณปู่จะชอบคุณนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากนั้น เย่โม่เซินให้หล่อนล็อคประตูให้เรียบร้อย ถ้ากลางคืนได้ยินเสียงกริ่งห้ามเปิดประตูเด็ดขาด รอเขากลับมา
หานมู่จื่อแสดงท่าทีให้เขาสบายใจ จากนั้นเย่โม่เซินก็ออกไปพร้อมกับหยูโป
หลังจากที่พวกเขาออกไป หานมู่จื่อก็กลับไปที่ห้องของตัวเอง ขดตัวเข้าไปนอนในผ้าห่ม และนึกถึงคำพูดที่หยูโปพูดขึ้นเมื่อครู่
เขาบอกว่า ตวนมู่เสว่อยากเจอเย่โม่เซินเป็นครั้งสุดท้าย และจะไม่แต่งงานกับเขาแล้ว?
จู่ๆหานมู่จื่อรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ตอนที่เจอตวนมู่เสว่ สายตาของหล่อนยังไม่วี่แววที่เหมือนคนยอมปล่อยเขาไป
ทำไมจู่ๆถึงกลับคำพูดล่ะ?
หรือว่ามีเรื่องอะไรแอบแฝงอยู่?
คิดไปคิดมา หานมู่จื่อรู้สึกไม่สบายใจ จากนั้นจึงหยิบมือถือโทรหาเฉียวจื้อ
ตอนที่เฉียวจื้อได้รับสายจากหานมู่จื่อ เขายังสังสรรค์อยู่ด้านนอก เมื่อเห็นว่าหล่อนโทรมา เขารีบออกไปรับสายทันที
ทำให้คนที่เหลืออดไม่ได้ที่จะบ่นโอดครวญ
“ช่วงนี้เฉียวจื้อมีโทรศัพท์มาตอนกลางคืนเยอะจัง? ทุกคืนต้องมีคนโทรหาเขา เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“ไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“เห้อ คิดถึงสมัยก่อนจัง”
เฉียวจื้อหาที่สงบเงียบรับสายของหานมู่จื่อ
“พี่สะใภ้ ดึกขนาดนี้โทรมาหาผม มีเรื่องสำคัญอะไรรึเปล่าครับ?”
“อืม” หานมู่จื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้เฉียวจื้อฟัง: “ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ฉันออกหน้าไม่ได้ ดังนั้น…”
เฉียวจื้อเข้าใจความหมายของหล่อนทันที: “คุณสบายใจได้ ผมรู้แล้วว่าควรทำยังไง อีกอย่างที่คุณคาดเดานั้นถูกต้องแล้ว ผมก็รู้สึกว่าวิธีของตวนมู่เสว่มีปัญหา เขาจะปล่อยยู่ฉือเซินไปได้ง่ายๆได้อย่างไรกัน จากนิสัยของหล่อนแล้ว ผมคิดว่าหล่อนคงกำลังคิดบางอย่างไม่ดีกับเย่โม่เซินอยู่…”
ได้ยินเช่นนั้น หานมู่จื่อแทบจะหยุดหายใจ “งั้น…”
“ผมจะรีบตามไปที่บ้านยู่ฉือเดี๋ยวนี้ จะพยายามไม่ทำให้พวกเขาตกใจ ดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
หานมู่จื่อคิดอยู่สักพัก “หรือให้ฉันไปกับคุณด้วย”
“ไม่ได้ครับ ถ้ามีเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจริงๆ อันตรายเกินไป…แต่คุณสบายใจได้ ผมไปที่นั่นแล้วจะปกป้องยู่ฉืออย่างดี และจะไปส่งเขากลับไปที่บ้านให้ครับ”
หานมู่จื่อเข้าใจความหมายของเขาดี ตัวเองเป็นผู้หญิง ไปแล้วก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะไปสร้างความลำบากให้ สุดท้ายจึงต้องตอบตกลงไป