บทที่ 873 สัญญาณของการแท้งบุตร
หลังจากที่หานมู่จื่อสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วนั้น แล้วก็เหลือบมองไปที่เย่โม่เซินที่ยังคงจมอยู่ในความฝัน เขายังคงนอนอยู่ท่าทางเดิมไม่ขยับตัวไปไหน คิดๆดูแล้วน่าจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยา จึงทำให้เขาจมอยู่ในความฝัน
แบบนี้ก็ดี ใช้โอกาสในช่วงเวลานี้เธอจึงรีบไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล ตอนที่กลับมาถ้าเขาตื่นแล้ว งั้นเธอจะบอกเขาว่าเธอไปซื้อกับข้าวที่ซูเปอร์มาร์เก็ตมา
ถ้าหากว่าเขายังไม่ตื่น งั้นก็ดีแล้ว
หานมู่จื่อก้าวไปข้างหน้าเพื่อผ้าห่มให้เขาดีๆ และกระซิบเบา ๆ ว่า “ไม่นานฉันก็จะกลับมาแล้ว คุณต้องนอนอย่างเชื่อฟังนะ”
ขนตาของคนที่จมอยู่ในห้วงความฝันดูเหมือนจะสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาอื่นใดๆ
ไม่นานหานมู่จื่อก็ออกไปข้างนอกแล้ว และตอนที่เธอกำลังลงจากตึกนั้นส้งอานก็ได้โทรมาหาเธอบอกว่าหล่อนเดินทางออกจากโรงแรมแล้ว
“เธอเรียกรถมาเลยแล้วกัน แล้วเจอกันที่โรงพยาบาล XX รู้ใช่ไหม?”
ส้งอานเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน สำหรับคำพูดของหล่อนหานมู่จื่อไม่ได้เป็นกังวลใจใดๆเลย และพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะน้าส้ง ฉันจะเรียกรถเดี๋ยวนี้ค่ะ”
หานมู่จื่อเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น แต่ทว่าท้องน้อยของเธอกลับปวดเมื่อยขึ้นมา และเรื่องเมื่อคืนทำให้ขาทั้งสองข้างของเธอเดินไม่ค่อยสะดวก
ตอนที่ตื่นขึ้นมาครั้งแรกยังไม่ได้รู้สึกรุนแรงขนาดนี้เลย แต่ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันมีผลกระทบต่อบาดแผล
หานมู่จื่อรู้สึกกลัวในใจ และทำได้เพียงเดินไปช้าๆและเรียกรถไปพลาง
หลังจากที่รถแท็กซี่ส่งเธอไปถึงโรงพยาบาลแล้วนั้น หานมู่จื่อเพิ่งจะลงจากรถส้งอานก็เดินเข้ามาพยุงเธอแล้ว “เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หานมู่จื่อส่ายศีรษะ เพิ่งจะเดินไปข้างหน้าเพียงสองก้าวก็เกือบจะล้มลงกับพื้น แต่โชคดีที่ส้งอานเคลื่อนที่ว่องไวประคองเธอไว้ได้
ฉากเมื่อสักครู่นี้ทำให้ส้งอานหัวใจเต้นแรงจนแทบจะบินออกมา ต้องรู้ว่าหานมู่จื่อเป็นถึงหญิงมีครรภ์ ถ้าหากว่าล้มลงจริงๆละก็ พอถึงตอนนั้นล้มออกมาเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม งั้นหล่อนที่เป็นถึงคุณน้าที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยจะต้องถูกตำหนิแน่นอน
“ ทำไมไม่ระวังหน่อยล่ะ?”
น้าส้งมองเธออย่างหมดหนทางหนึ่งครั้ง แววตามีความแข็งกร้าวเล็กน้อย
หานมู่จื่อรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเธอไม่อยากบอก น้าส้งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงอย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าอายระหว่างชายหญิงเล็กน้อย
แต่สถานการณ์ในตอนนี้จะไม่บอกให้หล่อนรู้ก็ไม่ได้
ตอนนี้ถูกหล่อนตำหนิขนาดนี้ หานมู่จื่อก็ไม่กล้าที่จะตอกกลับ และทำได้แค่กระซิบว่า “ขอโทษนะคะน้าส้ง เมื่อสักครู่นี้…ฉันใจลอยไปแล้ว “
เมื่อเห็นเธอลดสายตาลงเพื่อขอโทษ น้าส้ง ถึงจะรู้สึกได้ว่าเมื่อสักครู่นี้พูดเกินไปแล้ว กระแอมหนึ่งครั้งเพื่อเปลี่ยนลักษณะท่าทาง “ไม่เป็นไร น้าก็ไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเธอ เพียงแค่เมื่อสักครู่นี้เห็นเธอเกือบล้มลงไปเลยใจร้อนเท่านั้นเอง “
หลังจากนั้นส้งอานก็พามู่จื่อเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
ตอนที่เดินไป หานมู่จื่อ อดทนความเจ็บปวด ดังนั้นจึงเดินช้าไปหน่อย ส้งอานก็สังเกตเห็นท่าทางการเดินแปลก ๆ ของเธอ ริมฝีปากขยับไปมา อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลั้นไว้
ช่างมันเถอะ อย่างไรก็ตามเรื่องราวได้ดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว ตอนนี้เธอพูดอะไรออกไปอีกก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
รอผลการตรวจสอบออกมาแล้วค่อยว่ากัน
เพราะว่ามาถึงโรงพยาบาลเร็ว ดังนั้นตอนที่จับบัตรคิวเลยไม่ต้องต่อแถว ก็เข้าไปหาคุณหมอเพื่อตรวจสอบได้โดยตรง
ทุกขั้นตอนส้งอานอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอด หลังจากรอให้ผลการตรวจออกมาแล้วนั้น คุณหมอก็ขมวดคิ้วมองไปทางเธอแล้วพูดว่า “รกในครรภ์ของคุณอายุยังไม่ถึงสามเดือนเลยสินะ ทำไมคุณถึงไม่ระมัดระวังขนาดนี้?”
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของเธอด้วยความลำบากใจ ส้งอานที่ยืนอยู่ข้างๆเธอก็ออกเสียงพูดแทนเธออย่างเบาๆ “ครั้งนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ”
“จะมีสถานการณ์พิเศษอะไรที่สามารถทำจนถึงขั้นนี้ได้ สมมุติว่าอดไม่ได้ก็ไม่น่าจะเป็นแบบนี้?นี่ถึงขั้นมีสัญญาณของการแท้งบุตรแล้วนะ”
เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็หน้าซีดไปทั้งแถบ แทบจะยืนไม่ไหว โชคดีที่ส้งอานยื่นมือออกมาพยุงตัวเธอไว้ทัน มิฉะนั้นเธอจะต้องหงายหลังไปอย่างแน่นอน
หลังจากได้ยินสิ่งที่คุณหมอพูดเมื่อสักครู่นี้ ส้งอานก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแน่น “คุณหมอสถานการณ์ที่คุณพูดจะไม่เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ นี่ถ้าไม่ได้รู้สึกว่าผิดปกติไปถึงได้มาโรงพยาบาลหรอกเหรอ?”
คุณหมอส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นว่าหานมู่จื่อไม่ได้พูดอะไรมาโดยตลอด หลังจากที่ได้ยินว่ามีสัญญาณของการแท้งบุตรแล้วนั้นสีหน้าก็ซีดขึ้นมาอีกครั้ง ก็เลยรู้สึกสงสารเธอเล็กน้อย และทำได้เพียงแค่พูดว่า “แค่มีสัญญาณของการแท้งบุตรเท่านั้นเอง แต่ก็ยังไม่ถึงกับแท้งบุตร ดูแลตัวเองให้ดีสักหน่อย คงน่าจะคลอดออกมาได้อย่างราบรื่น เพียงแต่ว่า… “
สายตาของเธอหยุดลงบนร่างกายของหานมู่จื่อ และกล่าวต่อไปว่า “เรื่องทุกอย่างต้องระวังไว้ก่อนห้ามได้รับการตกใจ เหมือนเช่นกันกับสถานการณ์เช่นนี้ ห้ามเกิดขึ้นอีกแล้ว”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็พูดต่ออีกว่า “นอนโรงพยาบาลเพื่อพักฟื้นสักหน่อยแล้วกัน”
นอนโรงพยาบาล?
หานมู่จื่อส่ายศีรษะโดยทันที “ไม่ได้ ฉันไม่สามารถนอนที่โรงพยาบาลได้”
เมื่อได้ยิน คุณหมอก็หรี่ตามองเธอ และส้งอานก็พูดทันทีว่า “คือแบบนี้นะคะ สถานการณ์ในครอบครัวของเราค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถนอนที่โรงพยาบาลได้ชั่วคราว คุณหมอลองดูสิว่า ยังมีทางเลือกอื่นอีกไหม?”
“… “
ผู้ป่วยไม่ให้ความร่วมมือ ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณหมอก็ทำได้เพียงคิดหาวิธีอื่น สุดท้ายก็พูดได้เพียงว่า “งั้นก็รักษาตัวให้ดีอย่าให้กระทบกระเทือนรกในครรภ์แล้วกัน จากนั้นก็กลับไปนอนพักผ่อนบนเตียงเยอะๆ มาตรวจสอบตามเวลาที่นัด มีสถานการณ์อื่นๆให้รีบมาโรงพยาบาลโดยทันที”
วิธีการรักษาเช่นนี้ หานมู่จื่อรับได้ และเธอก็พยักหน้า
“ ขอบคุณค่ะคุณหมอ”
*
ตอนที่ออกมาจากโรงพยาบาล ก็ค่ำแล้ว
หานมู่จื่อ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูหนึ่งครั้ง และพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับหลายสายของเย่โม่เซิน
ดูท่าเขาน่าจะตื่นแล้ว
“ เขาโทรหาเธอแล้วเหรอ?” ส้งอานเหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอหนึ่งครั้ง แล้วถาม
หานมู่จื่อ พยักหน้า: “ใช่”
“ ถ้าอย่างนั้นเธอคิดออกหรือยังว่าจะบอกเขาอย่างไร?”
หานมู่จื่อครุ่นคิด และไม่ได้ตอบคำถามของส้งอานโดยตรง ส้งอานก็เม้มริมฝีปาก “ให้ฉันกลับไปกับเธอไหม?ฉันสามารถอธิบายให้เธอได้”
“ไม่ต้องแล้วค่ะคุณน้า ตั้งแต่เช้าลำบากคุณให้พามาโรงพยาบาลก็รู้สึกผิดมากแล้วค่ะ เมื่อวานนี้คุณยุ่งอยู่กับงานมาทั้งวัน วันนี้รับกลับไปพักผ่อนกันเถอะค่ะ”
พักผ่อน?
ส้งอานเลิกคิ้ว และเอ่ยยิ้ม “เธอยังมีกะจิตกะใจอยู่อีกเหรอ เมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เธอคิดว่าในฐานะที่ฉันเป็นคุณน้าคนหนึ่งจะนั่งนิ่ง ๆเฉยๆได้งั้นเหรอ? ฉันก็นึกว่าทางนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ ใครจะไปรู้ล่ะว่า … ”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ การแสดงออกระหว่างคิ้วและดวงตาของส้งอานก็เย็นชาเป็นอย่างมาก
หานมู่จื่อยังอยากจะพูดอะไรต่ออีก ก็มีสายเรียกเข้ามาในโทรศัพท์มือถืออีกครั้ง ส้งอานยิ้มเล็กน้อย “เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉัน จริงๆแล้วฉันค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ ถึงอย่างไรก็ตามฉันเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งหลายปี ในเมื่อโม่เซินกำลังตามหาเธอ เธอก็รีบกลับไปเร็วๆเถอะ ระวังหน่อยก็แล้วกัน ห้ามกระทบกระเทือนเด็กอีกแล้วนะ “
เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็พยักหน้าอย่างหน้าแดง
“ขอบคุณค่ะ น้าส้ง ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“ต่อจากนี้ไปเรียกฉันว่าน้าเถอะ และเธอก็ไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้แล้ว ไม่เร็วก็ช้าถึงอย่างไรพวกเราก็ต้องกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน” ส้งอานพูดไปพลางแถมยังยื่นมือออกมาและลูบไปที่ศีรษะเธอ “รีบไปเถอะ”
หลังจากที่หานมู่จื่อบอกลาส้งอานเสร็จแล้วนั้น ก็เรียกรถหนึ่งคันกลับไป
หลังจากที่เธอขึ้นรถแล้วถึงจะรับสายของเย่โม่เซิน
“ฮัลโหล?”
อีกด้านหนึ่งเงียบอยู่สองสามวินาที จากนั้นก็มีเสียงแหบแทรกเข้ามา
“อยู่ไหน?”
หานมู่จื่อมองออกไปข้างนอกหนึ่งครั้ง ยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า “ฉันไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกำลังจะกลับแล้ว”
แทบจะขึ้นไม่ถึงว่าเธอจะไปซูเปอร์มาร์เก็ต อีกด้านหนึ่งก็เงียบไปพักหนึ่ง หลังจากนั้นก็กำชับเธอไปว่า “กลับมาเร็วๆ หรือไม่ก็ส่งตำแหน่งที่อยู่มาให้ผม ผมจะไปรับคุณ”
“ไม่ต้อง ไม่นานฉันก็กลับไปแล้ว คุณรอฉันก็พอแล้ว”
หลังจากวางสายเสร็จ เย่โม่เซินก็มองไปที่โทรศัพท์มือถือด้วยความงุนงง