บทที่ 874 คุณไม่เหนื่อยเหรอ
หลังจากที่เมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาแล้วนั้น …
หลังจากที่ฟื้นคืนสติแล้วนั้นปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือยื่นมือออกไปโอบกอดเธอ ทว่าผลสุดท้ายกลับลูบไปเจอความว่างเปล่า จากนั้นดวงตาที่ลึกล้ำก็ลืมตาขึ้นมาแล้ว
ไม่เห็นเงาของหานมู่จื่อจริงๆด้วย
เย่โม่เซินรีบเปิดผ้าห่มและลุกขึ้นนั่ง แต่พบว่าผ้าปูที่นอนและผ้าห่มในตอนนี้ยับยุ่ยไปหมด เขาตะโกนเรียกชื่อหานมู่จื่อไปหนึ่งครั้งแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆกลับมา เขาจึงลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าและตามหาจนทั่วห้อง
ผลสุดท้าย ภายในบ้านเงียบสงบ โดยไม่มีเงาของหานมู่จื่อ
เย่โม่เซินนั่งลงบนขอบเตียง บริเวณรอบๆมีเพียงแค่เสียงตะโกนเรียกของเขาคนเดียว ถ้าหากไม่ใช่เพราะร่องรอยบนผ้าห่มพวกนั้น เย่โม่เซินคงจะต้องสงสัยแน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นจริงหรือไม่
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่โม่เซินก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาหานมู่จื่อ
สายที่หนึ่ง สายที่สอง สายที่สาม…
หลังจากสิ้นสุดลงก็ล้วนแต่มีเสียงผู้หญิงที่สุภาพและเย็นชา
“ขออภัยค่ะ หมายเรียกที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ”
หัวคิ้วของเย่โม่เซินขมวดขึ้นมา และนิ้วมือที่มีรอยข้อต่ออย่างชัดเจนก็กดต่อสายอีกครั้ง แต่ว่าไม่มีคนรับโทรศัพท์อยู่ตลอด หัวคิ้วของเขาก็เรื่อยขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ แรงที่เขาบีบโทรศัพท์ก็หนักแน่นขึ้นมาหลายระดับ
หรือว่า เป็นเพราะเรื่องของเมื่อคืน เธอจึงเสียใจภายหลังแล้ว?
ดังนั้นจึงออกไปตั้งแต่เช้า แม้แต่สายโทรศัพท์ของเขายังไม่รับเลย?
จิตใต้สำนึกนี้เพิ่งจะปรากฏขึ้นมาในสมอง เปลือกตาของเย่โม่เซินก็กระตุกอย่างแรง รีบลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก ตอนที่เดินผ่านห้องน้ำนั้น ทว่าฝีเท้าก้าวของเย่โม่เซินก็หยุดลง
จากนั้นเขาก็มองตรงด้านข้าง และมองเห็นเสื้อผ้าที่ทั้งสองเปลี่ยนเมื่อคืน ได้ถูกจัดการโยนลงในเครื่องซักผ้าแล้ว เพียงแต่ว่าเป็นเพราะตอนเช้ากลัวว่ารบกวนทำให้เขาตื่น ดังนั้นเครื่องซักผ้ายังไม่ทำงาน
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของเย่โม่เซินมืดลงเล็กน้อย
ถ้าเธอเสียใจภายหลังแล้วละก็ งั้นเธอก็ไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ แต่เป็นเก็บของและจากไปเลยโดยทันที
เย่โม่เซินยืนดูอย่างเงียบ ๆ สักพักหนึ่ง จากนั้นก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง และพบว่ากระเป๋าเดินทางของหานมู่จื่อและสิ่งของทั้งหมดยังอยู่ครบ มีเพียงโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสะพายในแต่ละวันของเธอเท่านั้นที่หายไป
น่าจะออกไปข้างนอกแล้ว
เย่โม่เซินคิด ในเมื่อไม่รับสายโทรศัพท์ของเขา น่าจะเป็นเพราะว่าปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ หรือไม่ก็เป็นเพราะข้างนอกเสียงดังเกินไปจนไม่ได้ยิน
เขาปลอบใจตัวเอง ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะมีเหตุผล
แต่ทันทีที่หลับตาลงก็นึกถึงฉากเมื่อคืน เย่โม่เซินก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์ร้ายจริงๆ เธอบอกว่าเป็นห่วงตัวเขาเอง และอยากจะช่วยตัวเขาเอง เขาก็ยับยั้งใจตัวเองไม่ได้แล้วเหรอ?
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนยังอยู่ด้วยกันไม่นาน คิดไม่ถึงว่าจะอยู่ด้วยกันเป็นเพราะเขาถูกวางยา …
ยิ่งคิดเช่นนี้ เย่โม่เซินก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเขาเองรู้สึกผิดต่อเธอ
ถ้าหากว่าเธอโกรธ และหนีไป … ก็เป็นเรื่องปกติ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่โม่เซินก็ไม่สามารถนั่งนอนใจได้ หลังจากนั้นเขาจึงโทรศัพท์ให้คนไปตรวจสอบที่อยู่ของหานมู่จื่อ
ในไม่ช้า กล้องวงจรปิดของชุมชนก็ถูกส่งเข้าไปที่อีเมลของเย่โม่เซิน เขาเปิดดูหนึ่งครั้ง
พบว่าตอนที่หานมู่จื่อ ออกไปนั้น สภาพและการแสดงออกบนใบหน้าของเธอ ดูไม่ออกว่าไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ ยกเว้นแค่ … ท่าทางแปลก ๆตอนที่เธอเดิน
“… “
เย่โม่เซินนึกถึงความโหดร้ายของตัวเองในเมื่อคืน ตลอดจนฉากที่เธอเอาแต่บอกตัวเขาเองว่าเบาหน่อย ดวงตาก็มืดลง และลำคอก็กลิ้งไปมา
รสชาติของเธอ …
มันเลิศล้ำอย่างกับที่เขาคิดไว้จริงๆด้วย
แม้ว่าตอนนั้นเขาจะถูกกระตุ้นด้วยฤทธิ์ของยา แต่เย่โม่เซินกลับรู้ว่า สมมุติว่าไม่โดนยา ตอนที่เผชิญหน้ากับเธอ เดาว่าเขาก็น่าจะมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกัน
เธอรับโทรศัพท์แล้ว ดูท่าทางของเธอ น่าออกไปข้างนอกเฉยๆ
จากนั้นก็ได้รับข่าวว่า เธอออกไปข้างนอกกับส้งอาน
เมื่อได้ยินชื่อของส้งอาน เย่โม่เซินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง นั่นไม่ใช่น้าของเธอหรอกเหรอ?
“คุณชายเซิน เธอออกไปกับส้งอานแล้ว … “
“พอแล้ว” เย่โม่เซินขัดจังหวะเขา “ฉันเข้าใจแล้ว”
ในเมื่อออกไปข้างนอกกับส้งอาน ก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพวกเธอล้วนแต่เป็นผู้หญิง เมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เธออาจจะอยากถามคนใกล้ตัวเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ดูก็ได้?
เย่โม่เซินไม่ได้ถามไปต่อ ผู้ที่ตรวจสอบทำได้เพียงกลืนคำที่จะบอกว่าทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาล
แล้วลงไป
ช่างมันเถอะ คุณชายเซินไม่อยากรู้แล้ว ถ้าเขาพูดต่อไปอีกมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร
อาจเป็นเพราะเป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องผลได้ผลเสียจากประโยชน์ส่วนตัว เย่โม่เซินจึงต่อสายไปที่โทรศัพท์มือถือของหานมู่จื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในที่สุดเธอก็รับสายโทรศัพท์แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงของเธอว่าทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรผิดปกติไป ในที่สุดเย่โม่เซินก็ถอนหายใจออกมาได้
*
หานมู่จื่อไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ ๆ ถือโอกาสซื้อของใช้ประจำวันนิดหน่อย สิ่งของเบาๆ หลังจากนั้นก็เตรียมตัวกลับบ้าน
คิดไม่ถึงว่าตอนที่เธอออกจากซูเปอร์มาร์เก็ตมา เย่โม่เซินจะมารับเธอด้วยตนเอง
เขาเดินไปข้างหน้าก้าวใหญ่เพื่อหยิบถุงในมือของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ทำไมออกไปโดยไม่บอกไม่กล่าวสักคำ?”
เขาสวมเสื้อคลุมสีเทา ริมฝีปากบางเม้มแน่น ดวงตาลึก และดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติไป
อืม กลับคืนสภาพเดิมอีกแล้ว
เมื่อคืนริมฝีปากของเขาเป็นสีม่วงอ่อน ความปรารถนาในดวงตาของน่ากลัวมากจริงๆ
หานมู่จื่อเหนี่ยวรั้งมือของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ “ฉันเห็นว่าคุณยังหลับอยู่ ฉันจึงไม่กล้าที่จะรบกวนคุณ”
เย่โม่เซิน “… “
เขาหรี่ตาเล็กน้อย และพูดเสียงเบาว่า “หรือว่าเมื่อคืนคุณไม่เหนื่อยเหรอ?เมื่อคืน … ขนาดนั้น”
ประโยคด้านหลังของเขาไม่สามารถพูดออกมาได้ เนื่องจากจู่ๆหานมู่จื่อก็หน้าแดงและขัดจังหวะของเขา “คุณห้ามพูดเชียวนะ”
เมื่อคืน……
เป็นเขาจริงๆ …
เมื่อหานมู่จื่อนึกถึงตอนที่เขาบังคับให้ตัวเธอรุกด้วยตัวเองนั้น ใบหูของเธอก็เริ่มมีสีแดงเลือดฝาดอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางโกรธที่สวยงามของเช่นนี้ ความผิดหวังภายในใจพวกนั้นของเย่โม่เซินก็หายไปอย่างสมบูรณ์ภายในชั่วพริบตา แทนที่ด้วยใบหน้าสีแดงและปลายหูสีแดงเล็กน้อยที่เหมือนเปื้อนเลือด
ท่าทางแบบนี้…
ดวงตาอันมืดคู่หนึ่งของเย่โม่เซินก็สว่างขึ้นมา ลูกกระเดือกก็กลิ้งขึ้นกลิ้งลง เขายับยั้งตัวเองให้เคลื่อนย้ายสายตา ฝ่ามือใหญ่บีบไปที่มือผิวขาวเล็กอันอ่อนโยนของเธอแน่น และน้ำเสียงของเขาก็หยาบกระด้าง“ก็ได้ ผมจะไม่พูด”
เธอคิดว่าเขาจะเชื่อฟังแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าประโยคต่อมาของเขาก็ตามจะพูดว่า “ฉันจะทำ”
หานมู่จื่อ “… “
เมื่อสักครู่นี้มีแค่ปลายหูและแก้มที่มีสีแดงระเรื่อ ตอนนี้ค่อยๆลามไปจนถึงคอแล้ว หานมู่จื่อใช้แรงบีบฝ่ามือของเขา
เธอไม่รู้ว่าหยิกแบบนี้เขาจะเจ็บหรือไม่ รู้แค่ว่าดวงตาของเย่โม่เซินนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่น่าเอ็นดูร่างกายสูงอย่างเขายืนอยู่ข้างๆ ท่าทางแบบนี้ดูเหมือนเขาเหมือนผู้ใหญ่ที่เอาใจเด็กไม่มีผิด ตราบใดที่เด็กเต็มใจก็ปล่อยให้เธอเอาแต่ใจได้ตามอำเภอใจ
หลังจากนั้นไม่นาน หานมู่จื่อก็หดมือกลับ นึกถึงคำกำชับที่คุณหมอเคยบอกไว้ เมื่อตอนที่อยู่ในโรงพยาบาล และกระซิบว่า “ต่อจากนี้ไป …ทำแบบนี้ไม่ได้แล้ว”
ลูกในท้องของเธอยังอายุไม่ถึงสามเดือน ถ้าหากว่าเกิดเรื่องแบบเมื่อคืนขึ้นอีกครั้งละก็ เธอก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
แม้ว่าครั้งนี้จะไม่เป็นอะไร แต่ว่าเธอก็มีสัญญาณของการแท้งบุตรแล้ว
สรุปก็คือคราบรอยเลือดพวกนั้น ทำให้คนน่าตกใจมากจริงๆ
เย่โม่เซินไม่รู้ความคิดภายในใจของเธอ เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ นึกว่าเรื่องเมื่อคืนทำให้เธอรู้สึกกลัว ริมฝีปากบาง ก็ยกขึ้นเล็กน้อย
“ ต่อจากนี้ไป … ผมจะอ่อนโยน”