บทที่811 หัวใจถูกควักออกมาจากร่างกาย
ห้องรับรองสุดหรูตกอยู่ในความเงียบ จนได้ยินแต่เสียงหายใจของทั้งสองคน
หานมู่จื่อมองตวนมู่เจ๋อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดวงตากลมโตจ้องมองเขาที่นั่งอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่สอดส่องลงมา ทำให้เขาดูเฉิดฉายมาก แต่สิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อตะกี้…
เธอยิ้มบาง “แล้วยังไงคะ”
“หืม”ตวนมู่เจ๋อย่นคิ้ว “คุณรู้เรื่องพวกนี้แล้วเหรอครับ”
หานมู่จื่อเม้มปากไม่ตอบกลับ สีหน้าของเธอดูไปแล้วเหมือนจะไม่ใส่ใจ แต่ริมฝีปากของเธอกลับซีดเซียวแล้วเล็กน้อย
“ก็ได้ครับ งั้นเรามาคุยกันในเรื่องที่คุณยังไม่รู้ดีไหมครับ” ตวนมู่เจ๋อยกยิ้มกริ่ม เหมือนกำลังกระตุ้นความอยากรู้ของหานมู่จื่อ “ตระกูลยู่ฉือกับตระกูลตวนมู่มีสัญญาเรื่องการแต่งงานเชื่อมตระกูลกันอยู่ คุณรู้เรื่องนี้ไหมครับ”
ตวนมู่เจ๋อมองเห็นความผิดปกติในแววตาของเธอ จึงยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่า ผมจะพูดถึงเรื่องที่คุณยังไม่รู้เรื่องแล้วสินะครับ งั้นวันนี้ผมก็ไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้วล่ะ”
เขาไม่รู้เลยว่า มือของหานมู่จื่อที่อยู่ใต้โต๊ะกำลังกำหมัดแน่น เธอเดาไม่ถูกจริงๆว่าตวนมู่เจ๋อคิดจะทำอะไรกันแน่
“ตอนที่พวกเราเจอกันครั้งที่แล้ว คุณถามฉันว่าทำไมไม่เชิญคุณมาดื่มเหล้ามงคลในงานแต่งงานใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ”
“ในตอนนั้น คุณยังไม่รู้เรื่องพวกนี้เหรอคะ”
ตวนมู่เจ๋อยักไหล่ “ผมไม่รู้ครับ ผมเดินทางไปทำธุระ จึงไม่มีเวลามาสนใจเรื่องทางฝั่งนี้เลย อีกอย่าง ผมไม่มีความสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว และผมก็ไม่ได้ติดตามข่าวสารทุกวันด้วย”
หานมู่จื่อมองหน้าเขา ก่อนจะคลายมือลง ริมฝีปากที่ซีดเซียวยิ้มออกมา
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงกันคะ ว่าสิ่งที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริง เพราะยังไงซะพวกคุณก็เป็นคนครอบครัวเดียวกัน ใครจะไปรู้ว่าพวกคุณจะยืนอยู่ฝั่งเดียวกันหรือเปล่า”
พอพูดจบ หานมู่จื่อก็ลุกขึ้นยืน “เอาล่ะค่ะ วันนี้หยุดการพูดคุยกันแค่นี้เถอะค่ะ นี่ก็เย็นมากแล้ว ฉันต้องกลับแล้วค่ะ”
เธอพูดจบก็เดินออกจากห้องไป แต่เสียงของตวนมู่เจ๋อก็ดังขึ้นมา
“แน่นอนว่าผมต้องยืนอยู่ฝั่งเดียวกับน้องสาวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเธอ ถึงแม้เย่โม่เซินจะเป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมาก แต่เขาไม่ได้รักน้องสาวของผม เพราะฉะนั้นผมจะไม่ยอมให้น้องสาวของผมแต่งงานกับเขาแน่นอน”
หานมู่จื่อหยุดเดิน แต่ก็ไม่ได้กลับมา
“ดังนั้น…”
“ดังนั้นคุณไม่อยากให้น้องสาวของคุณแต่งงานกับเขา แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยคะ”
หานมู่จื่อพูดขัดขึ้นมา ก่อนจะหันกลับมา “คุณคงไม่คิดจะขอให้ฉันช่วยคุณหรอกนะคะ แต่น่าเสียดายที่ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอกค่ะ และมันก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันด้วย”
พอได้ยินแบบนี้ ทำให้เขาเข้าใจ ว่าผู้หญิงตรงหน้าพูดจาได้ไร้เยื่อใยมาก ตวนมู่เจ๋ออดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้
“หรือคุณอยากจะให้พวกเขาหมั้นกันจริงๆ เย่โม่เซินเขาเป็น…”
“คุณตวนมู่คะ”หานมู่จื่อพูดขัดขึ้นมา ไม่ให้เขาพูดต่อ ก่อนจะพูดเสียงเรียบนิ่ง “ถึงแม้ฉันกับเย่โม่เซินเกือบจะได้แต่งงานกันแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานกันจริงๆ เขามีอิสระ ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำไป สิ่งที่ฉันต้องทำ ก็คือทำให้เขาจำฉันได้ ไม่ใช่บังคับให้เขายอมรับในตัวฉันค่ะ ถ้าหาก… เขาต้องการจะหมั้นกับคนอื่นจริงๆ งั้น… ฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องอาลัยอาวรณ์”
อย่างน้อยในสายตาของเธอ เธอให้ความสำคัญกับความรักในครั้งนี้มาก
และเธอเชื่อมาตลอด ว่าความรักสามารถเอาชนะอุปสรรคทุกอย่างได้ ขอแค่มีความเชื่อใจที่เพียงพอ ไม่อย่างนั้น… ช่วงนี้เย่โม่เซินคงไม่เข้าใกล้เธอบ่อยๆแบบนี้
เพราะก้นบึ้งในจิตใจของเขา ยังคงมีเธออยู่ในนั้น
ถ้าหากเขาในตตอนนี้ ยังติดจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น
งั้นเธอ ก็ไม่มีอะไรต้องอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะยังรักเขา แต่ถ้าเป็นเรื่องการแต่งงาน เขามีอิสระในการเลือกคู่ครอง แล้วอีกอย่าง เธอไม่ใช่คนประเภทชอบทะเลาะแย่งชิงกับคนอื่น และยังไม่ชอบอะไรแบบนี้ด้วย การที่ต้องให้ผู้หญิงสองคนมาทะเลาะตบตีกันเพื่อแย่งผู้ชายคนหนึ่ง มันดูไม่ได้เลยจริงๆ
หานมู่จื่อพยักหน้าให้ตวนมู่เจ๋อ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ตวนมู่เจ๋อเหม่อมองไปทางที่เธอเดินจากไป เดิมทีเขาคิดว่า… เธอจะยอมร่วมมือกับเขา เขาทำเพื่อน้องสาว ส่วนเธอทำเพื่อเย่โม่เซิน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะปฏิเสธข้อเสนอของเขา แล้วยังพูดแบบนั้นออกมา
ท่าทางของเธอเหมือนไม่ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้จริงๆ แต่เธอกลับพูดได้อย่างเรียบง่ายได้ถึงขนาดนี้
ทันใดนั้นเอง ตวนมู่เจ๋อเริ่มมองหานมู่จื่อเปลี่ยนไปจากเดิม
ระหว่างคนสองคนจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ ถ้าเทียบกับนิสัยเรียบง่ายเด็ดเดี่ยวของหานมู่จื่อ น้องสาวของเขา… ช่างเอาแต่ใจและไม่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย
หลังจากหานมู่จื่อเดินออกมา เธอก็มองถนนที่กำลังครึกครื้นตรงหน้า ความมืดค่อยๆครอบคลุมลงมา หลอดไฟตามท้องถนนเริ่มสว่างไสว เงาของเธอถูกยืดออกไป
เธอไม่คุ้นชินกับที่นี่ จึงจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับ
ในขณะที่หานมู่จื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะเรียกรถ กลับพบว่ามีคนส่งข้อความมาในวีแชทหลายข้อความ เธอกดเปิดเข้าไปดู พบว่าเป็นข้อความที่เฉียวจื้อส่งมาทั้งหมด ถามว่าเธอไปไหน ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์ อะไรประมาณนั้น
จนถึงตอนนี้เธอถึงได้พบว่า เฉียวจื้อโทรหาเธออยู่หลายสาย แต่เธอปิดเสียงไว้ตั้งแต่เวลาทำงานแล้ว ตอนเลิกงานลืมเปลี่ยนกลับมา
หานมู่จื่อทำการเปลี่ยนเป็นโหมดระบบเสียงตามเดิม ก่อนจะกดโทรหาเฉียวจื้อ
“อ๊าา”
เพิ่งกดรับสาย ทางฝั่งเฉียวจื้อก็โห่ร้องเสียงดังออกมา จนทำให้หานมู่จื่อสะดุ้งตกใจ เธอยกมือขึ้นมานวดขมับ แล้วเดินไปตามทาง
เธอเห็นว่าข้างหน้ามีร้านอาหารจีนเสฉวนเปิดอยู่ จึงรู้สึกหิวขึ้นมา อยากจะหาอะไรกินสักหน่อยค่อยกลับห้อง
“พี่สะใภ้ ในที่สุดคุณก็ยอมรับโทรศัพท์ของผมแล้ว ผมนึกว่าคุณจะหายตัวเพื่อประชดแล้วซะอีก”
หานมู่จื่อ “…”
เฉียวจื้อพูดต่อรัวๆ “คุณอย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดเลยนะครับ คุณต้องติดต่อกับผมตลอด ผมรับรองว่าถ้ามีข่าวอะไรจะรีบบอกคุณเป็นคนแรกเลย”
หานมู่จื่อ “… ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันจะหายตัวเพื่อประชดกันคะ”เธอรู้สึกเหนื่อยใจมาก แต่ขาของเธอก็ยังเดินไปอย่างรวดเร็ว จนใกล้จะถึงร้านอาหารจีนเสฉวนเข้าไปเรื่อยๆแล้ว
“เอ่อ… พี่สะใภ้ยังไม่รู้เรื่องเหรอครับ”
“รู้เรื่องอะไรคะ”หานมู่จื่อได้กลิ่นอาหารเสฉวนที่ลอยมาแล้ว ริมฝีปากของเธอแยกยิ้มกว้าง
“วันนี้คุณปู่ยู่ฉือนัดพบกับตวนมู่อ้าวเทียนและตวนมู่เสว่ที่เป็นหลานสาว เตรียมปรึกษากันเรื่องงานหมั้นระหว่างสองตระกูลครับ”
หานมู่จื่อที่เตรียมตัวจะก้าวเข้าไปในร้าน พอได้ยินคำพูดนี้ก็หยุดชะงักไป และไม่ก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าอีก
นี่เธอ… ฟังผิดไปใช่ไหม
วันนี้พวกเขาจะปรึกษากันเรื่องงานหมั้นระหว่างเย่โม่เซินกับตวนมู่เสว่อย่างนั้นเหรอ
พอเห็นว่าเธอเงียบไป เฉียวจื้อก็เริ่มรู้สึกกลัว “พี่สะใภ้ คุณ… คุณยังไม่รู้เรื่องนี้เหรอครับ ผม ผมนึกว่าคุณรู้เรื่องแล้ว ก็เลยหายตัวไปไม่ยอมรับโทรศัพท์ผมเพื่อประชดซะอีก”
“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ เฮ้ย คุณตอบผมหน่อยสิ ทำไมผมรู้สึกเหมือนตัวเองสร้างปัญหาให้ลูกพี่แล้วเนี่ย…”
เสียงพูดของเฉียวจื้อดังมาตามสาย หานมู่จื่อได้สติกลับมา หลังจากที่นิ่งเงียบไปสักพัก เธอก็ตอบกลับเสียงเรียบ “ตอนนี้รู้แล้วค่ะ”
ที่แท้ สาเหตุที่เขาไม่ไปกินข้าวที่บ้านเธอ เพราะต้องไปปรึกษากันเรื่องงานหมั้นนี่เองสินะ
หานมู่จื่อรู้สึกเหมือนหัวใจถูกควักออกมาจากร่างกาย