บทที่884 ฉันไม่มีหลานสาวแบบเธอ
ตวนมู่เสว่แค่รู้สึกว่าวันนี้แรงเขาเยอะมาก รู้สึกเหมือนแขนของตัวเองโดนบีบจนจะหักยังไงยังงั้น เธออยากจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแววตาที่ดำมืดของตวนมู่เจ๋อ เหมือนกับว่ามีเมฆดำปกคลุมอยู่ด้านบน
วินาทีนั้น เธอกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรเลย
ปล่อยให้ตวนมู่เจ๋อลากแขนตัวเองเดินออกไปข้างนอก เธอไม่ได้ใส่รองเท้า เดินเท้าเปล่าตามอยู่ด้านหลังของตวนมู่เจ๋อไป
ตวนมู่เจ๋อไม่ได้หันหน้ากลับมา แรงกดดันปกคลุมมาที่ตัวของตวนมู่เสว่ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว นี่เป็นครั้งแรกในความทรงจำของเธอที่เห็นพี่ชายของเธอทำให้เธอรู้สึกแบบนี้
พอขึ้นรถ ตวนมู่เจ๋อก็สั่งให้เธอคาดเข็มขัดอย่างเยือกเย็น ตวนมู่เสว่เองก็ไม่กล้าขัดขืน ทำตามที่เขาสั่ง
มุ่งไปข้างหน้าด้วยความกดดันตลอดทั้งทาง พอมาถึงบ้าน ตอนที่จะลงจากรถนั้น ตวนมู่เสว่ถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา ให้ตายก็ไม่ยอมลงจากรถ
เธอทำเรื่องพวกนั้นไป ตวนมู่เจ๋ออาจจะไม่ทำอะไรเธอ แต่ว่าคุณปู่ล่ะ?
คุณปู่ไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่นอน
ตวนมู่เสว่ไม่ยอมปลดเข็มขัด เอาแต่อยู่ในรถไม่ยอมลงมา
ตวนมู่เจ๋อสีหน้าเย็นชา และพูดอย่างไม่พอใจ “ถึงบ้านแล้ว เธอจะมารู้สึกเสียตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว เธอจะลงจากรถเอง หรือว่าจะให้พี่ไปเรียกคนมาเอาเธอลงจากรถ? ”
ประโยคหลัง ไม่หลงเหลืออารมณ์ความรู้สึกเลยแม้แต่นิดเดียว
เหมือนกับว่าถ้าเกิดว่าตวนมู่เสว่ไม่ยินยอม ตวนมู่เจ๋อก็จะไปหาคนมาลากเธอลงจากรถในทันที
“พี่ให้เวลาเธอสิบวินาที”
ไม่รอให้เธอพูดอะไรอีก ตวนมู่เจ๋อก็ยื่นคำขาดแล้ว
ไม่มีทางเลือก ตวนมู่เสว่ก็ทำได้แค่ลงจากรถภายใต้สายตาที่บีบบังคับของเขา หลังจากนั้นก็เดินตามเขาเข้าไปข้างใน เดินไปเดินมาก็ยั้งน้ำตาไว้ไม่อยู่ “พี่ ฉันรู้แล้วว่าผิด พี่ช่วยอ้อนวอนคุณปู่ให้ฉันหน่อยได้ไหม? ”
การแสดงออกบนใบหน้าของตวนมู่เจ๋อมีแต่ความเย็นชาและว่างเปล่า เหมือนกับว่าคนที่กำลังขอร้องเขาอยู่นั้นไม่ใช่น้องสาวของเขายังไงยังงั้นเลย
“พี่ เมื่อก่อนพี่รักฉันที่สุดแล้วนะ ฉันรู้แล้วว่าผิด พี่ช่วยฉันครั้งหนึ่งนะ ครั้งเดียวก็พอแล้ว” ตวนมู่เสว่เห็นว่าเขานิ่งไม่ไหวติง ก็รู้สึกกลัวมาก
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเธอจะเคยทำผิด แต่ว่าทุกครั้งตวนมู่เจ๋อก็จะแค่ทำหน้าดำคร่ำเครียด หรือว่าอธิบายเหตุผลกับเธออย่างจริงจัง บอกให้เธอว่าไม่ควรทำอะไร หรือว่าต้องทำอะไร
แต่ว่าไม่เหมือนกับตอนนี้ เธอร้องไห้ขนาดนี้พร้อมกับขอร้องเขา แต่ว่าสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปเลย แถมยังไม่พูดอะไรอีกด้วย
ขนาดพี่ชายที่รักเธอมากยังเป็นขนาดนี้ แล้วจะนับประสาอะไรกับคุณปู่ที่เข้มงวดกันล่ะ
ตวนมู่เสว่ขาอ่อน เธอไม่กล้าก้าวเดินไปข้างหน้าเลยจริงๆ
ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆ ตวนมู่เจ๋อจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ถ้าเกิดว่าเธอยังชักช้า พี่จะไม่สนใจเธออีกแล้ว”
พอได้ยินดังนั้น ตวนมู่เจ๋อก็เงยหน้าขึ้นมาทันที “พี่? ”
ความหมายของเขาก็คือ เขายังจะสนใจฉันเธออยู่งั้นเหรอ?
ตวนมู่เสว่ไม่กล้าชักช้า ถึงแม้ว่าขาของเธอจะอ่อนแรง แต่ว่าเธอก็จะพยายามลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินตามตวนมู่เจ๋อไป
ไม่รู้เหมือนกันว่าเดินอยู่นานแค่ไหน ในที่สุดก็มาถึงห้องโถงใหญ่แล้ว
และในห้องโถงใหญ่นั้น ตวนมู่อ้าวเทียนก็นั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟาเงียบๆ คนใช้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ยืนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจดังด้วยซ้ำ สามารถมองความกดดันของสถานที่ตรงนี้ออก
พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ ตวนมู่เสว่ก็เกือบจะพังทลาย
แต่ว่าพอกลับมาคิดแล้วก็เห็นร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าของตัวเอง ไม่เป็นไร ตวนมู่เสว่คิด ยังไงพี่ชายก็ยังรักเธอ
เดี๋ยวพี่ชายต้องช่วยเธอแน่นอน ตวนมู่เสว่รู้สึกแน่ใจ
พอเข้าไปในที่ห้องโถง ตวนมู่เสว่ก็รู้สึกได้ถึงเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่
ผ่านไปนาน เธอก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงเบาว่า “คุณ……คุณปู่คะ เสี่ยวเสว่กลับ……เอ้ะ! ”
แต่ทว่าเธอยังไม่ทันจะพูดจบ ตวนมู่อ้าวเทียนที่เมื่อกี้นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้น ไม่เห็นเหมือนกันว่าเขาขยับยังไง แต่ว่ามือก็ตบลงบนใบหน้าขาวๆ ของตวนมู่เสว่ทันที
เพียะ——
การตบหน้าที่กะทันหันนี้ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นในห้องที่เงียบๆ แห่งนี้ พอได้ยินเสียงนั้น ก็สามารถสัมผัสได้ว่าตบของตวนมู่อ้าวเทียนนั้นมันแรงแค่ไหน
ตวนมู่เสว่โดนตบจนหล่นไปกองอยู่กับพื้น คนใช้ที่อยู่ในสถานที่นั้นตกใจ แต่ว่าก็กลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ส่วนตวนมู่เจ๋อ ก็ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ได้ขยับ เขาก้มหน้าเพื่อปกปิดดวงตาที่สวยงามคู่นั้น ดวงตาสีเข้มมืดมนและไม่ชัดเจน
“เธอยังกล้าเรียกฉันว่าปู่อีกงั้นเหรอ? ตระกูลตวนมู่ของเราไม่มีหลานสาวที่หน้าไม่อายอย่างเธอ เธอรีบไปเก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปจากตระกูลตวนมู่เดี๋ยวนี้”
ลูกตบนั้นทำให้ตวนมู่เสว่จากใจจริงๆ ผ่านไปนานเธอก็ยังไม่สามารถดึงสติกลับมาได้ เธอรู้แค่ว่าเสียงที่ดังก้องอยู่ที่หูตอนโดนตบเหมือนกับว่าเป็นเสียงของอะไรบางอย่างที่ถูกเจาะ
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นเลือดฝาดๆ อยู่ในปากของเธอ และเลือดก็ออกมาจากมุมปาก
จนถึงตอนที่ตวนมู่อ้าวเทียนให้เธอออกไปจากบ้านตระกูลตวนมู่ ตวนมู่เสว่ถึงได้สติกลับมา เธออยากจะยื่นมือไปกุมหน้าของตัวเอง แต่พอนิ้วสัมผัสโดยนั้นเธอก็เจ็บจนเกือบจะร้องออกมา
น้ำตาร่วงหล่นลงในทันที ตวนมู่เสว่เงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองตวนมู่อ้าวเทียน
เห็นได้ชัดว่าการตบนั้นไม่ได้ทำให้ตวนมู่อ้าวเทียนสงบลงเลย ความโกรธในใจของเขายังคงแผดเอามากขึ้นเรื่อยๆ
เขาชี้หน้าของตวนมู่เสว่แล้วด่า
“ในฐานะที่เป็นลูกหลานของตระกูลตวนมู่ แต่ว่าเธอกลับกล้าทำเรื่องที่มันต่ำช้าแบบนี้ได้ ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้หลุดออกไปก็คงจะมีคนคิดว่าฉันตวนมู่อ้าวเทียนเป็นคนสอนเธอมา! ชื่อเสียงของฉันตวนมู่อ้าวเทียนถูกเธอทำลายไปทั้งหมด! ”
สุดท้ายตวนมู่เสว่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ “คุณปู่ หนูรู้ไปแล้วว่าผิด ให้อภัยหนูเถอะค่ะ”
“รู้งั้นเหรอ? ” ตวนมู่อ้านเทียนหัวเราะเยาะ “ครั้งที่แล้วตอนไปกินข้าวที่โรงแรมนั้นมันสถานการณ์อะไรกัน? คนอื่นปฏิเสธการแต่งงานต่อหน้าเธอขนาดนั้น เธอควรจะตัดใจจากเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีจิตใจชั่วร้าย ไปเรียนรู้จากข้างนอกแล้วทำเรื่องที่ต่ำช้าพวกนี้! ”
พอพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ตวนมู่อ้าวเทียนก็รู้สึกไฟลุกโหมเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ยู่ฉือเซินพูดต่อหน้าว่าจะไม่แต่งงานกับตวนมู่เสว่ ตั้งแต่หลังจากที่เขาปฏิเสธการแต่งงานอย่างชัดเจนแล้วนั้น ในใจของตวนมู่อ้าวเทียนก็เต็มไปด้วยไฟมาโดยตลอด
หลานสาวของเขาตวนมู่อ้าวเทียนเป็นคนที่ดีในทุกๆ ด้าน ภูมิหลังของครอบครัวก็เป็นหนึ่งในล้าน
แต่ว่ายู่ฉือเซินกลับมาเรื่องมากอีกงั้นเหรอ? หลานสาวของเขามีตรงไหนที่ไม่เหมาะสมกับเขาบ้าง?
แต่ว่าตอนนี้พอตวนมู่เสว่ทำเรื่องแบบนี้ออกมาแล้วนั้น เขาตวนมู่อ้าวเทียนถึงได้ตระหนักได้ว่า ทำไมเขาถึงไม่ชอบหลานสาวของตัวเอง
ยิ่งคิดเขายิ่งโกรธยิ่งผิดหวัง การที่หลานสาวเพียงคนเดียวของเขาเปลี่ยนไปกลายเป็นแบบนี้ทำให้เขารู้สึกปวดใจ ตวนมู่อ้าวเทียนโกรธจนตาแดงก่ำไปหมด “โทษฉันเลย ฉันผิดเอง ที่ฉันไม่ได้สอนเธอให้ดี ถึงได้ให้เธอทำเรื่องแบบนั้นได้ ฉันผิดเอง……”
“คุณปู่” เธอร้องไห้ฮือๆ ต่อ “คุณปู่ หนูเองที่ไม่ดี คุณปู่ให้อภัยเสี่ยวเสว่สักครั้งเถอะนะคะ ครั้งหน้าเสี่ยวเสว่จะไม่กล้าอีกแล้ว”
ตวนมู่อ้าวเทียนมองไปที่เธอด้วยสายตาเหมือนขี้เถ้า “ไม่กล้าอีกแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร? ศักดิ์ศรีของตระกูลตวนมู่มันต้องหายไปหมดแล้วเพราะว่าเธอ ต่อไป……ฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปยืนอยู่ตรงหน้ายู่ฉือจิน? เธอรีบไสหัวออกไปจากตระกูลตวนมู่เดี๋ยวนี้ ต่อไปนี้ฉันตวนมู่อ้าวเทียนไม่มีหลานสาวอย่างเธอ”
ตวนมู่เสว่เห็นว่าเขาอยากจะตัดความสัมพันธ์กับตัวเองจริงๆ ก็ร้อนใจทันที เธอรีบกอดขาของเขาเอาไว้ “ไม่เอา ไม่เอานะคะคุณปู่ เสี่ยวเสว่ไม่อยากไป นี่คือบ้านของเสี่ยวเสว่ คุณคือคุณปู่ของเสี่ยวเสว่ หนูไม่อยากไป”