บทที่887 แผนการในอนาคต
ตอนที่กินข้าวนั้น เพราะว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องครัว หานมู่จื่อก็เอาแต่รู้สึกผิด ตอนที่เธอกับข้าวออกมานั้นเธอไม่กล้าสบตาส้งอานเลย กลัวว่าส้งอานจะมองท่าทางของเธอออก
พอถือข้าวออกมาหมดแล้ว หานมู่จื่อก็กลับห้องอ้างว่าจะมาถอดเสื้อคลุม แล้วก็เข้าไปในห้องน้ำ
พอเข้าไปในห้องน้ำ หานมู่จื่อก็จ้องมองตัวเองในกระจกทันที ก็พบว่าริมฝีปากของเธอไม่ได้มีอะไรผิดปกตินอกจากแดงขึ้นเล็กน้อย
ที่เธอบอกว่าให้จูบแป๊บเดียวไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลนะ เพราะว่าถ้าจูบนานเกินไปปากเธอจะบวมได้
พอถึงตอนนั้นแค่ส้งอานมองก็รู้แล้วว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ถึงแม้ว่าทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าสำหรับคู่แฟนหรือคู่สามีภรรยามันก็เป็นแค่เรื่องเล็ก แต่ว่าถ้าเกิดว่ามันเปิดเผย ก็น่าอายมาก
โชคดี ที่ตอนนี้เธอไม่ได้ดูผิดปกติอะไร
หานมู่จื่อรู้สึกโล่งใจอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็กลับไปที่โต๊ะกินข้าว
ตอนที่เธอเตรียมจะตักข้าวนั้น เย่โม่เซินก็ยื่นชามที่ตักข้าวเรียบร้อยแล้วให้เธอ ตอนที่หานมู่จื่อยื่นมือไปรับชามข้าวนั้น ก็เห็นเหล่มองเธอด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ไม่ได้จะไปถอดเสื้อคลุมหรอกเหรอ? ”
หานมู่จื่อ :“……”
เธอก้มหน้าลงในทันที ก็พบว่าเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว
สีหน้าของหานมู่จื่อดูตกใจเล็กน้อย หูเธอแดงในทันที
เขาต้องจงใจแน่ๆ
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอรู้สึกอาย แต่เขาก็ยังจงใจพูดเรื่องนี้
หานมู่จื่อถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้าย แล้วก็พูดว่า “พอถอดเสื้อคลุมออกแล้วก็รู้สึกหนาว ก็เลยใส่กลับเข้าไปใหม่ มีปัญหาอะไรรึเปล่า? ”
ส้งอานที่นั่งอยู่ตรงนั้นแล้วถือชามข้าวอยู่พอได้ยินก็ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “แน่นอนว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร อากาศแบบนี้สิ่งที่สำคัญคือต้องทำร่างกายให้อุ่นไว้ก่อน ใส่เสื้อผ้าหนาๆ ”
หานมู่จื่อมองเธอ เห็นว่าสีหน้าของเธอดูไม่ได้ใส่ใจ และก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ ก็รู้สึกว่าตัวคิดมากเกินไปเอง กลายเป็นวิตกกังวลไป
เธอก็เลยตามน้ำไป “ขอบคุณคุณน้านะคะที่เป็นห่วง หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
หลังจากนั้นตอนที่กินข้าวต่อ ถึงแม้ว่าเย่โม่เซินจะนั่งอยู่กับหานมู่จื่อ แต่ว่าหานมู่จื่อไม่สนใจเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแต่คุยกับส้งอาน แม้แต่หันหน้าไปมองเขายังไม่มี
ถึงแม้ว่าภายนอกของส้งอานจะดูสงบนิ่ง ตอนที่กำลังคุยกับหานมู่จื่ออยู่นั้นก็เหลือบไปมองเย่โม่เซินบ้างเป็นครั้งคราว ก็เห็นว่าเขาก็ไม่ได้โกรธอะไร แถมนัยน์ตาสีหมึกของเขายังมีรอยยิ้มของความรักและทะนุถนอมอยู่
เมื่อห้าปีก่อน เธอก็เห็นเรื่องราวของทั้งสองคน
ผ่านมาห้าปี ส้งอานนึกว่าพรหมลิขิตระหว่างทั้งสองคนนี้คงจะจบลงแล้ว ก็เลยแนะนำคู่ให้เย่โม่เซิน หวังว่าเขาจะสามารถเดินออกมาได้
แต่ว่าเธอไม่คิดเลยว่า ทั้งสองคนจะมาพบกันอีก แล้วหลังจากนั้น……
ยังไงเมื่อมองย้อนกลับไปในอดีตมันก็น่าถอนหายใจจริงๆ กว่าทั้งสองคนจะเดินมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่ว่าหลังจากผ่านเรื่องนี้มาส้งอานก็ถือว่ามองออก เดาว่าตลอดชีวิตของทั้งสองคนนี้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้หรอก
พอคิดได้แบบนี้ จู่ๆ ส้งอานก็หันไปมองเย่โม่เซิน แล้วก็เอ่ยปากถาม
“แล้วพวกเธอวางแผนในอนาคตว่ายังไงกันเหรอ? ”
ประโยคที่กะทันหันนี้ ทำให้หานมู่จื่ออึ้งไป เธอมองหน้าส้งอานนิ่งด้วยความมึนงง แต่ว่ากลับเห็นว่าสายตาของส้งอานจ้องไปที่ใบหน้ของเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาดมาก จากนั้นเขาก็คิดอย่างจริงจัง “ผมอยากจะแต่งงานกับมู่จื่อ แต่ว่า……ก็ต้องดูก่อนว่ามู่จื่อจะยอมไหม”
มือของหานมู่จื่อที่ถือถ้วยอยู่นั้นชะงัก หลังจากนั้นก็พูดว่า “คือว่า คุณน้าคะ……ตอนนี้พวกเราพูดถึงเรื่องคบกันก่อนดีกว่า เรื่องแต่งงานค่อยคุยกันอีกทีในอนาคตก็ได้”
ส้งอานรู้ดีว่าเธอกำลังช่วยเย่โม่เซินให้หลุดพ้น ให้เธอไม่ต้องถามอะไรอีก แต่ว่าส้งอานไม่ได้คิดแบบนั้น เธอถามอีกว่า “คนในครอบครัวของนายล่ะ? เขารู้เรื่องนี้ไหม? ”
“คุณน้า……”
“มู่จื่อ กินข้าวของเธอไป” ส้งอานคลี่ยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นดูเหมือนไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่ามันดูมีอานุภาพทำลายล้างสูงมาก
เดิมทีหานมู่จื่อไม่ค่อยอยากจะคุยเรื่องนี้ เธอก็ได้แต่กัดฟันแล้วพูดว่า “ตอนกินข้าวพูดเรื่องนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่มั้งคะ? ถ้าไม่งั้น เดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จแล้วค่อยคุยดีไหม? ”
ตอนแรกนึกว่าจะถูกปฏิเสธ ใครจะไปรู้ว่าส้งอานจะกลับพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ก็ได้ ถ้ายังงั้นเดี๋ยวกินเสร็จแล้วค่อยคุยกันก็ได้”
แล้วผลลัพธ์ล่ะ? หลังจากกินข้าวเสร็จ หานมู่จื่อก็ถูกส้งอานเรียกเข้าไปในห้องครัว “มู่จื่อ ลำบากหนูล้างจานแล้วนะ”
เพราะว่าเย่โม่เซินก็อยู่ตรงนั้น ดังนั้นหานมู่จื่อก็เลยพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ได้มองส้งอานเงียบๆ
หลังจากนั้นเธอก็เข้าไปในห้องครัว และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าส้งอานคุยอะไรกับเย่โม่เซิน เธอล่ะกลัวจริงๆ ว่าส้งอานจะใจร้อนแล้วบอกทุกอย่างให้เย่โม่เซินรู้ เพราะฉะนั้นพอล้างจานเสร็จแล้วหานมู่จื่อก็ยังคงไม่สบายใจ
ไม่รู้เหมือนกันว่ารออยู่นานแค่ไหน หานมู่จื่อรอต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ ตอนที่เธอตัดสินใจจะออกไปแอบฟังนั้น เธอก็วางจานที่เต็มไปด้วยฟองไว้ด้านข้าง เตรียมจะล้างมือแล้วก็ออกไปแอบฟัง
แต่ว่าผลก็คือมือลื่น จานกำลังจะตกพื้น เธอก็ยื่นมือไปคว้าจานใบนั้นอย่างรวดเร็ว
เพล้งเพล้งเพล้ง!
มีเสียงดังมาจากห้องครัว ทำให้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่ห้องรับแขกตกใจ
เย่โม่เซินลุกขึ้นเกือบจะในทันที บอกส้งอานว่าขอโทษแล้วก็รีบเดินไปที่ห้องครัว
มองแผ่นหลังของเขา ส้งอานก็ยื่นมือมาเท้าคาง แล้วก็ส่ายหน้าอย่างจำใจ
เพราะฉะนั้น มีลูกชายมันดียังไง พอโตขึ้นมาก็สนใจแต่เมียของตัวเองคนเดียว ถ้าเกิดว่ามีโอกาสเธอเลือกที่จะมีลูกสาวดีกว่า
โทรศัพท์ในกระเป๋าสั่นเล็กน้อย ส้งอานหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยจากที่มาจากบ้านเกิดที่คุ้นเคย เธอก็ขมวดคิ้วแน่น หลังจากนั้นก็ไม่แม้แต่จะคิด เธอตัดสายในทันที
ตาเฒ่านั่น โทรมาหาเธอ แล้วทำไมเธอต้องรับสายด้วยล่ะ?
ถ้าเกิดว่าไม่ใช่เพราะว่าเรื่องของมู่จื่อกับโม่เซิน เดาว่าตลอดชีวิตนี้เธอจะไม่มีวันไปเจอเขาอีกแล้ว
ในห้องครัว
หานมู่จื่อมองไปที่ความยุ่งเหยิงทั่วทั้งพื้นอย่างตกตะลึง ใช้เวลาในการตอบสนองนานมาก
เมื่อกี้เธอ……เพื่อที่จะช่วยจานแค่ใบเดียว แต่ดันเผลอไปปัดเครื่องปั้นดินเผาหล่นลงมาทั้งหมดเลย
นี่มันถือว่า ได้น้อยเสียมากใช่ไหม?
หานมู่จื่อกัดริมฝีปากล่างของตัวเอง หูของเธอแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว
พวกเขาอยู่ในห้องรับแขก พอรู้ว่าเธอล้างจานแล้วแตก จะรู้สึกขำเธอไหม?
เธอยืนงงอยู่แบบนั้น ทันใดนั้นประตูห้องครัวก็ถูกเปิดออกอย่างแรง วินาทีถัดมาเย่โม่เซินก็เดินเข้ามา หลังจากที่เห็นความยุ่งเหยิงทั่วพื้นและหานมู่จื่อที่ยืนมึนอยู่ตรงนั้น
“ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกี้ฉันไม่ทันระวัง……”
ยังไม่ทันจะพูดจบ เย่โม่เซินก็ก้าวยาวเข้ามา พร้อมกับอุ้มเธอขึ้นและเดินออกจากห้องครัวมา
แล้วก็เจอกับส้งอานที่กำลังเดินเข้ามาพอดี “มีอะไรเหรอ? ”
ในมือของหานมู่จื่อยังเต็มไปด้วยฟอง เธอพูดอย่างเก้อเขินว่า “มือ มือลื่นนิดหน่อยค่ะ”
หลังจากพูดจบ ก็รู้สึกได้ว่าแววตาที่ส้งอานมองมาที่เธอดูมีเลศนัยมาก หานมู่จื่อรู้สึกอึดอัดขึ้นในทันที ท่าทางของส้งอานตอนนี้เหมือนกับว่าเธอจงใจทำให้จานแตกยังไงยังงั้น
เธอพะว้าพะวังว่าส้งอานจะบอกอะไรเย่โม่เซินมากเกินไปก็จริง แต่ว่า……เธอไม่ได้คิดวิธีนั้นจริงๆ นะ มือลื่นโดยไม่ตั้งใจ หลังจากนั้นก็……
“คุณน้าครับ นั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ เธอได้รับบาดเจ็บ เดี๋ยวผมจะไปจัดการให้เธอก่อน”
หานมู่จื่อกะพริบตา เธอได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ?
ตอนไหนกัน? ทำไมเธอไม่รู้?