บทที่889 ไม่ได้ทำให้เธอตกใจใช่ไหม
น่าจะเพราะว่าออร่าของส้งอานมันแข็งแกร่งเกินไป หรือไม่หยูโปก็กลัวว่าจะเชิญเธอกลับไปไม่ได้ หน้าผากของเขาก็เริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดออกมา เขามองส้งอานด้วยสีหน้าที่ไม่มีทางเลือก
“คุณหนูอาน นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตแล้วนะครับ นี่มันผ่านไปนานหลายปีแล้ว คุณหนูอานยังจำได้อีกเหรอครับ? นายท่านรู้สึกเสียใจตั้งแต่แรกแล้ว”
“เสียใจงั้นเหรอ? ”พอส้งอานได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมา “ลุงหยู วันนั้นที่อยู่ที่บ้านฉันสิ่งที่ลุงเห็น สิ่งที่ลุงได้ยินมันเป็นเรื่องไม่จริงงั้นเหรอ? แต่ว่าถ้าเกิดว่าเขาสำนึกผิดจริงๆ ตอนนี้เขาก็คงไม่ทำเรื่องพวกนี้หรอก! ฉันเห็นเองกับตา ฉันว่าเขาน่ะเสียใจนะ แต่เสียใจที่ไม่ได้ทำให้ฉันกับพี่สาวเจ็บปวดมากกว่านี้! ”
พอพูดถึงเรื่องเมื่อปีนั้น ส้งอานรู้สึกขึ้นมาก ความโกรธพลุ่งพล่านอยู่รอบกายเธอ เกือบจะล้นออกมาทางดวงตาของเธออยู่แล้ว
หานมู่จื่อมองส้งอานอย่างรู้สึกช็อก
เมื่อปีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไม……ระหว่างพ่อลูกถึงได้เปลี่ยนไปกลายเป็นแบบนี้ไปได้?
พอเห็นว่าส้งอานโกรธ หยูโปเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก แต่พอคิดว่าที่ตัวเองมาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาเชิญให้ส้งอานกลับไป แต่ว่าก็เห็นได้ชัดว่าเขาคิดไว้แล้วว่าครั้งแรกหรือครั้งที่สองก็อาจจะไม่สามารถเชิญส้งอานไปได้ เขาก็เลยรีบพูดปลอบเธอ
“คุณหนูอานอย่าโมโหไปเลยนะครับ ลุงหยูก็แค่พูดกับคุณเท่านั้นเอง ถ้าเกิดว่าคุณไม่ยอมไปเจอนายท่านล่ะก็ ลุงหยูก็ไม่ฝืนใจลักพาตัวคุณไปหรอกถูกไหม? ”
พอได้ยินดังนั้น ส้งอานก็ถึงได้รู้สึกตัวว่าตัวเองโมโหมากเกินไป ลืมตัวไปเลย
เธอหลับตาลง หันหลังไปพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้ได้ หานมู่จื่อเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ได้แต่ก้าวขึ้นไปขวางไว้ตรงหน้าเธอแล้วก็พูดกับหยูโปด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า
“ลุงหยู ตอนนี้อารมณ์ของน้าส้งไม่ค่อยคงที่เท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าไปเจอกันตอนนี้ล่ะก็ หนูเดาว่าผลลัพธ์มันอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่งั้น……วันนี้ลุงหยูกลับไปก่อนดีไหมคะ? ”
คำพูดของเธอรู้จักการให้และได้รับ สายตาที่หยูโปมองมาที่เธอมีความพึงพอใจเพิ่มขึ้นเยอะ
น่าเสียดาย ที่ต่อให้เขาพึงพอใจไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร ถึงยังไงเขาก็เป็นแค่พ่อบ้านคนหนึ่งของตระกูลยู่ฉือเท่านั้น ไม่มีสิทธิทำอะไร อย่างมากเขาก็สามารถเป่าหูตระกูลยู่ฉือได้ แต่ว่า……ยู่ฉือจินจะว่ายังไงดีล่ะ
นิสัยของเขาช่างดื้อรั้นมากจริงๆ
พอคิดได้แบบนี้ หยูโปก็พยักหน้า “คุณหนูหานคิดได้รอบคอบมากครับ ผมเองก็รีบร้อนไปหน่อย ถ้ายังงั้นรบกวนคุณหนูหานช่วยดูแลอารมณ์ของคุณผู้หญิงของพวกเราด้วยนะครับ ผมกลับก่อนแล้ว”
หานมู่จื่อมีความรู้สึกดีๆ ให้หยูโป ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะรับคำสั่งมาจากนายท่านของเขาแล้วก็มอบจดหมายให้เธอออกไป
แต่ว่าหานมู่จื่อก็มองออกว่า ในสายตาของพ่อบ้านหยูไม่ได้มีเจตนาร้ายเลย มีแต่ความเมตตากรุณาเท่านั้น
เขาคือชายชราที่ใจดีมาก
พอคิดแบบนี้ หานมู่จื่อก็คลี่ยิ้มให้กับเขา “ลุงหยูกลับดีๆ นะคะ”
หลังจากหยูโปกลับไปแล้ว หานมู่จื่อก็ปิดประตูอีกครั้ง ส้งอานยังคงยืนหันหลังอยู่ตรงนั้น ได้ยินเสียงเธอหายใจอย่างรุนแรง หลังจากนั้นก็หันมาพูดกับหานมู่จื่อว่า
“เมื่อกี้ฉันสติหลุดไปหน่อย ไม่ได้ทำให้เธอตกใจใช่ไหม? ”
เธอไม่ชอบดุร้ายต่อหน้ารุ่นน้อง แต่พอพูดถึงตาเฒ่าขึ้นมาเธอก็โกรธมาก แล้วอีกอย่างเมื่อปีนั้น……
คิดไปคิดมา ดวงตาของส้งอานก็มืดสนิท
หานมู่จื่อเองก็ไม่กล้าถามเธอว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้แค่ส่ายหน้า “ไม่หรอกค่ะ” หลังจากนั้นก็เดินไปพยุงมือของเธอ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “อารมณ์ของคุณน้าไม่คงที่ หรือว่ากินข้าวเย็นก่อนแล้วค่อยกลับดีไหมคะ”
ส้งอานโกรธจนสั่นจริงๆ พอได้ยินดังนั้นเธอก็พยักหน้า “ได้”
ด้านล่าง
หยูโปเปิดประตูรถ แล้วก็เข้าไปข้างใน ยู่ฉือจินเห็นว่าเขากลับมาแค่คนเดียว ดวงตาสีขุ่นของเขาก็มีความผิดหวัง
“อานอานไม่ยอมมาเจอพ่อแก่ๆ อย่างฉันเหรอ? ”
ไม่รู้ว่าหยูโปตาฝาดไปเองรึเปล่า จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าตอนที่ยู่ฉือจินพูดประโยคนี้ผมหงอกทั้งสองข้างของเขาเยอะขึ้นมากเลย
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันไม่ได้เยอะขนาดนี้
พอคิดว่าหลายปีมานี้ยู่ฉือจินเอาแต่คิดถึงสองพี่น้องคู่นั้น ก็รู้สึกปวดใจเล็กน้อย หยูโปก็ค่อยๆ อธิบาย “นายท่านอย่าท้อแท้ไปเลยครับ ตอนนี้คุณหนูอานยังคงโกรธอยู่ จะไม่อยากเจอนายท่านก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ รอให้ผ่านไปสักสองวันแล้วความโกรธของคุณหนูอานหายไปแล้ว พวกเราค่อยมาหาคุณหนูอานกันใหม่ก็ได้ครับ”
ยู่ฉือจินเงยหน้าขึ้น มองไปที่ไหนสักแห่ง เห็นได้ชัดว่าดวงตาที่แก่หง่อมของเขาเต็มไปด้วยความคิดถึงและความปรารถนาที่จะได้เจอหน้าลูกสาว
หลายปีมานี้ ก็ได้เจอหน้ากันแบบนี้
เมื่อก่อนยู่ฉือจินเคยเย่อหยิ่ง ตอนที่เจ้าเด็กทั้งสองคนนั้นบอกว่าจะออกจากบ้านไป เขาก็พูดอย่างโหดร้ายว่า ออกไปแล้วก็ไม่ต้องกลับมาอีกตลอดไป และเขาก็จะไม่มีวันตามหาพวกเธอ
และเขาก็สามารถทำได้จริงๆ เขาไม่เคยตามหาพวกเธอเลย จนมีอยู่ปีหนึ่งที่เขาได้รู้ข่าวการเสียชีวิตของส้งซิน เขาถึงได้รู้สึกเสียใจอย่างมาก
เขาเสียใจแล้วก็ให้คนไปตามหาส้งอาน แต่ว่าส้งอานกลับให้คนมาบอกเขาว่า
‘ต่อให้ต้องร่อนเร่พเนจรจนตาย ก็ไม่มีวันกลับไปที่บ้านตระกูลยู่ฉือเด็ดขาด ตอนนี้ฉันเปลี่ยนนามสกุลแล้ว ไม่ได้นามสกุลยู่ฉืออีกต่อไป แล้วก็ขอให้นายท่านยู่ฉือจำคำพูดของตัวเองเมื่อตอนแรกไว้ แล้วก็อย่ามารบกวนชีวิตของฉันอีก’
ตอนนั้นพอยู่ฉือจินได้ยินประโยคนี้ ก็โกรธมากจนเกือบจะป่วย หยูโปบอกว่าจะส่งคนไปตามหาเธออีก แต่ว่ายู่ฉือจินก็เย่อหยิ่งมาก สะบัดมือออกแล้วพูดว่า “ไม่อนุญาตให้ไปตามหาแล้ว! เธอจะไม่กลับมาก็อย่าได้กลับมาอีกตลอดไป! ”
หลังจากนั้นเพียงแค่แว๊บเดียว เวลาก็ผ่านไปหลายปีมากแล้ว
เท้าก้าวหนึ่งของยู่ฉือจินก้าวเข้าโลงศพไปแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะจากไปอย่างกะทันหันเมื่อใด พอคิดแบบนี้ ยู่ฉือจินก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“ฉันว่าตลอดชีวิตนี้เธอคงไม่หายโกรธแล้วล่ะ ฉันไม่ไปหาเธอ เธอก็ไม่โกรธ พอไปหาเธอก็โกรธขึ้นมา ฉันว่าพ่อลูกอย่างพวกเราคงไม่ต้องเจอกันอีกตลอดชีวิตแล้ว”
หยูโปเห็นใบหน้าและแววตาของนายท่านเต็มไปด้วยความเสียใจ หยูโปคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “มันไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ ถ้าเกิดว่าคุณหนูอานไม่หายโกรธจริงๆ ถ้ายังงั้นวันนั้นเธอคงไม่ไปที่บ้านหรอกครับ”
พอพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของยู่ฉือจินก็ดูจนปัญญายิ่งกว่าเดิม
“หลายปีมากกว่าจะได้กลับบ้านครั้งหนึ่ง แต่ว่าเธอก็กลับมาเพราะว่าเรื่องเด็กบ้านั่น ฉันว่าถ้าเกิดว่าครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องนั้น เธอคงไม่แม้แต่จะก้าวเท้าเข้ามาในสถานที่นี้ ยิ่งอย่าพูดถึงเรื่องกลับบ้านเลย”
หยูโปได้ยินแบบนั้นก็อาศัยโอกาสนี้
“นายท่าน คุณดูสิครับว่าคุณหนูอานมาที่นี่ด้วยตัวเองเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ ไม่แน่ว่าครั้งนี้เธออาจจะแคร์เรื่องนี้มาก แล้วอีกอย่าง……ผมเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้นายท่านใจแคบเกินไปจริงๆ อาจจะ……”
ยู่ฉือจินหรี่ตาแล้วมองเขาด้วยสายตาอันตราย
“หยูโป แกอยากจะพูดอะไร? ”
หยูโปยิ้มอย่างเก้อเขิน ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ยู่ฉือจินกลับหัวเราะเยาะ “แกอยากจะบอกว่าฉันทำผิดไปใช่ไหม? ฉันทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับเด็กๆ เท่านั้น”
หยูโปก็เป็นแค่พ่อบ้านเท่านั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ได้แต่พูดอ้อมค้อมว่า “ถ้าเกิดว่าเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าคุณหนูอานน่าจะโกรธมากกว่าเดิมอีกนะครับ”
พอได้ยินดังนั้น ยู่ฉือจินก็ถอนหายใจอย่างหนักอีกครั้ง และพูดว่า “ต่อให้โกรธก็ไม่มีทางเลือก ยังไงจะให้ฉันไม่นึกถึงเด็กพวกนั้นเพราะว่าเธอจะโกรธก็ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้พวกเธอยังเป็นวัยรุ่นอยู่ ให้อายุเพิ่มขึ้นอีกหน่อย ก็จะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้”