บทที่ 895 ชอบมากเป็นพิเศษ
ใบหน้าที่คุ้นเคยอันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาสบตาของเธอ
ผิวขาวออร่าและใบหน้าที่บอบบางและสวยงาม แต่สภาพของเขาตอนนี้ดูแย่กว่าครั้งแรกที่เจอมาก ขอบตาดำคล้ำ แม้แต่ผมก็ดูยุ่งเหยิงรุงรัง
ตวนมู่เสว่
ทำไมถึงเป็นหล่อนล่ะ
มู่จื่อประหลาดใจที่ได้เห็นหล่อน ดวงตาที่สวยงามเต็มไปด้วยความงงงวย คนพวกนั้นเป็นคนของยู่ฉือจินนี่นา แต่ทำไมคนที่เธอเห็นตอนนี้คือตวนมู่เสว่ล่ะ
ในขณะที่เธอมองไป ตวนมู่เสว่ค่อยๆเผยรอยยิ้มแปลกๆที่มุมปาก และมองเธออย่าเงียบๆ
“แปลกใจที่เห็นฉันเหรอ”
หานมู่จื่อเม้มริมฝีปาก ไม่ได้พูดตอบ เธอรู้สึกเจ็บท้ายทอยมาก มือเท้าที่ถูกมัดก็เจ็บ แต่สิ่งเดียวที่ต้องขอบคุณก็คือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับท้องของเธอ
แต่ก็ไม่มั่นใจว่าตวนมู่เสว่จะทำเรื่องบ้าๆเมื่อไหร่อีก
“ก็ฉันไปจับตัวเธอมาไง ที่นี่เป็นอาณาเขตของฉัน ด้วยกองกำลังกองตระกูลตวนมู่การที่ฉันต้องการจับตัวเธอก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
หานมู่จื่อกวาดสายตาไปรอบๆ ก็เข้าใจสภาพแวดล้อมรอบข้างอย่างรวดเร็ว
การตกแต่งโดยรอบไม่ต่างกับโรงแรม แต่ถ้าจะให้เทียบกับโรงแรมก็ด้อยกว่าระดับหนึ่ง เมื่อก่อนที่มู่จื่อทำงานเป็นเลขาก็เคยพักในโรงแรมแบบนี้
ห้องราคาถูกๆ โดยรวมมีแค่เตียง1เตียง โต๊ะ1ตัวและห้องน้ำ
ตวนมู่เสว่พาเธอมาที่นี่ และเมื่อนึกถึงตอนที่ไปบ้านตระกูลตวนมู่เมื่อก่อน หานมู่จื่อก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
“แล้วไงล่ะ”
หล่อนได้ยินเสียงของตัวเอง หานมู่จื่อถามเธอ
ได้ยินดังนั้น ตวนมู่เสว่หรี่ตาลงและจ้องไปที่หล่อน “เธอไม่กลัวเหรอ”
หานมู่จื่อ “…..”
“ตื่นขึ้นมาที่นี่ พบว่ามีตัวเองคนเดียว แถมยังถูกมัดมือมัดเท้า เธอไม่กลัวจริงเหรอ เธอควรจะหวาดกลัวจนเสียสติ ร้องไห้ตะโกนขอความช่วยเหลือ ทำไมเธอถึงไม่กลัว ทำไมถึงไม่กรี๊ด เธอเรียกเย่โม่เซินให้มาช่วยสิ”
“เธอจับฉันมาที่นี่ ด้วยเหตุผลนี่เหรอ” หานมู่จื่อยกคิ้วถาม
ตวนมู่เสว่หัวเราะเยาะขึ้นมา “แน่นอนว่าไม่ใช่”
เขาลุกขึ้นยืน เดินไปทีละก้าว และยกมือขึ้นมาจับคางมู่จื่อไว้ คราวนี้ทำให้มู่จื่อรู้สึกเจ็บจริงๆ เธอขมวดขึ้นคิ้วโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ไม่ได้โต้ตอบอะไร
ตวนมู่เสว่เห็นดังนั้นก็ลงน้ำหนักมากขึ้น เขาลงเล็บไปที่เนื้อของเธอ คางที่ขาวเนียนสักพักก็เต็มไปด้วยร่องรอย
มันทำให้เธอยิ่งสะใจมากขึ้น ดวงตาของตวนมู่เสว่เปล่งประกายด้วยความยินดี และถามอย่างพอใจว่า “เจ็บมากสินะ ขอร้องฉันสิ”
หานมู่จื่อ “……”
มันเจ็บมากจริงๆ แต่ถ้าจะให้เธอไปขอร้องคนแบบนี้ เธอก็ทำไม่ได้จริงๆ
“คุณมีสิทธิอะไรให้ฉันมาขอร้องคุณ” หานมู่จื่อดิ้นหลุดมาจากตรงนั้นแล้วค่อยๆขยับตัวออกไปด้านข้าง ตวนมู่เสว่เห็นดังนั้น ยิ่งอยากจะไปจับตัวเธอมา ท้ายสุดหานมู่จื่อก็พูดออกมาว่า “คุณทำแบบนี้กับฉัน คิดว่าเย่โม่เซินจะเปลี่ยนความคิดที่มีต่อเธอได้เหรอ”
คำพูดแบบนี้บาดใจตวนมู่เสว่มาก เธอหยุดการกระทำลง แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่เพิ่มขึ้น
“เธอพูดถูก สิ่งที่ฉันทำไม่สามารถเปลี่ยนความคิดที่โม่เซินมีต่อฉันได้ เขาก็ยัง……ไม่ชอบฉันอยู่ดี”
พูดถึงตรงนี้ อารมณ์ของตวนมู่เสว่กลับเศร้าลงทันที เธอลดสายตาลงและดูผิดหวังเป็นพิเศษแล้วพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ทำไมนะ ฉันพยายามดูแลเขาดีขนาดนั้น ฉันชอบเขาขนาดนั้น แต่ทำไมเขาถึงไม่เคยเหลียวมองฉันเลย แม้แต่ครั้งเดียวก็ยังดี”
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอทีละนิด และหยดลงไปบนพื้นที่หนาวเย็น
มู่จื่อเฝ้ามองผู้หญิงตรงหน้าที่ล้มลงบนพื้น และเงยหน้ามาจ้องมองเธอด้วยน้ำตาที่อาบแก้ม
“เห็นได้ชัดว่าเขาสูญเสียความทรงจำไปแล้ว ถึงขั้นจำใครไม่ได้สักคน แต่ทำไมถึงยังชอบแต่เธออยู่ได้ บนตัวเธอมีเวทมนตร์อะไรกัน”
“……”
เธอจะมีเวทมนตร์อะไร
“คุณคิดมากไปแล้ว ไม่มีใครมีเวทมนตร์ในตัวหรอก มันก็แค่เวลาเราจำอะไรได้แล้ว ก็จะไม่ลืมมันอีก ถึงแม้ว่าวันหนึ่งคุณจะจำไม่ได้ แต่มันได้ถูกบันทึกไว้ในชีวิตของคุณแล้ว ไม่ใช่ว่าสูญเสียความทรงจำแล้วมันจะหายไป”
น้ำเสียงของหานมู่จื่อแผ่วเบา ราวกับเธอกำลังเล่าเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง
ตอนแรกเธอก็ไม่เข้าใจว่าทำไงโม่เซินยังจดจำเธอได้ จนกระทั่งที่ได้สัมผัสกับเขาในช่วงหลายวันนี้ เธอถึงเข้าใจปรัชญาเหล่านี้
ถึงแม้เขาจะดูเหมือนสูญเสียความทรงจำ แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาไม่ได้หายไป เมื่อคนที่คุ้นเคยเข้าใกล้ สมองและร่างกายของเขาจะตอบสนองกับพวกเขา ถึงแม้ว่ามันจะไม่แข็งแรงมาก แต่ก็มีอยู่จริง
ตวนมู่เสว่นั่งฟังอย่างว่างเปล่า น้ำตายังคงไหลไม่หยุด
หานมู่จื่อเงยหน้าขึ้น สายตาส่องลงบนใบหน้าของเธอ
“ฉันเข้าใจ การที่เราไม่ได้สิ่งที่เราปรารถนาเป็นเรื่องที่เสียใจที่สุดในชีวิต ถึงแม้จะเจ็บเพราะการเกิดแก่เจ็บตายก็ไม่เทียบเท่า แต่บางเรื่องมันก็บังคับใจกันไม่ได้ อีกอย่าง คุณก็ทำผิดตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ”
“ทำผิดเหรอ ฉันทำอะไรผิด”
“คุณทำผิดกฎเกณฑ์และคุณธรรม ถ้าตอนแรกที่คุณรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา แล้วคุณออกห่างเขา สละความเห็นแก่ตัวของตัวเองได้ เรื่องทุกอย่างก็จะไม่บานปลายถึงขั้นนี้ คุณก็ไม่ต้องวางยาเขา และก็ไม่ต้องถูกไล่ออกจากตระกูลตวนมู่”
เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นในดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตวนมู่เสว่ “ไม่ เธอพูดเพ้อเจ้อ ฉันไม่ได้ถูกไล่ออกจากบ้าน คุณปู่แค่โกรธฉันชั่วคราว เดี๋ยวพอท่านหายโกรธ ฉันก็จะได้กลับไปเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลตวนมู่เหมือนเดิม”
“ใช่เหรอ” มู่จื่อยกริมฝีปากขึ้นพูดเบาๆว่า”แล้วถ้าท่านรู้ว่าวันนี้เธอไปจับตัวคนอื่นมาแบบนี้ล่ะ”
ตวนมู่เสว่เงิบไป
หานมู่จื่อหันไปสบตาเธอ “คุณคิดว่าเขาจะหายโกรธหรือยิ่งผิดหวังในตัวคุณ”
หลังจากนั้นตวนมู่เสว่ก็รีบอธิบาย “ไม่หรอก คุณปู่จะไม่รู้สึกผิดหวังหรอก ยังไงฉันก็เป็นหลานสาวแท้ๆของท่าน อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ลักพาตัวเธอ ตระกูลยู่ฉือต่างหากที่ทำ ฉันก็แค่ยืมมาชั่วคราวเท่านั้น หากฉันอธิบายให้ท่านเข้าใจ เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับฉันแล้ว”
หานมู่จื่อดูท่าทีของเธอแล้วรู้สึกว่าจิตเธอไม่ค่อยปกติแล้ว
ด้วยการอบรมสั่งสอนของตระกูลตวนมู่แล้ว ตวนมู่เสว่ไม่น่าจะโง่ถึงขั้นนี้ เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนดีๆในใจทำไมถึงได้เปราะบางและถูกครอบงำง่ายขนาดนั้น
แค่ความผิดหวังเล็กน้อยก็ทำให้จิตใจเปลี่ยนไปผิดปกติขนาดนี้
“ไม่เกี่ยวกับคุณได้อย่างไร แค่คุณมีส่วนร่วม ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสั่งการ หรือจัดการเอง คุณก็มีส่วนทั้งนั้น”
ถ้าตวนมู่เสว่เป็นคนคุมเกม งั้นเธอก็ต้องช่วยตัวเองแล้ว
ตอนนี้เธอไม่กล้าเสี่ยง และไม่กล้าไปกระตุ้นตวนมู่เสว่ หานมู่จื่อคิดแล้วก็พูดอย่างจริงจังว่า “เรามาตกลงกันเถอะ คุณแกะเชือกให้ฉัน พวกเราออกไปจากโรงแรมนี้ด้วยกัน ฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลย”