บทที่898 งัดกลอนประตู
เฉียวจื้อเม้มริมฝีปากของเขา หันไปด้วยสีหน้าไม่ดี “อย่าเรียกตำรวจ”
ถ้าต้องการเรียก เขาเรียกตั้งแต่ตอนมาที่นี่แล้ว
แต่เพราะเขายังมีความเห็นแก่ตัวบางอย่าง
ถ้าหากตำรวจรู้เรื่องนี้ บางที….ตวนมู่เสว่ต้องแย่แน่ๆ เมื่อคิดถึงผลกระทบต่อตระกูลตวนมู่ ถ้าหากตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้ก็จะซับซ้อนมากขึ้น และจะถูกคนอื่นแพร่กระจายข่าวอย่างรวดเร็ว
เพราะว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
นี่หมายถึงตระกูลยู่ฉือกับตระกูลตวนมู่
เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงยังมีความเห็นแก่ตัวนี้ เฉียวจื้อคิดว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย
เมื่อผ่านครั้งนี้ไป เขาจะต้องทิ้งความรำลึกทุกอย่างของตัวเองไปแน่นอน
“ทำไมไม่เรียกตำรวจ” หลัวลี่ยังคงงุนงง “พวกเราจะเข้าไปยังไง”
เฉียวจื้อ “คุณหลบไปอยู่ข้างๆเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง”
“ไม่ได้หรอก” หลัวลี่ไม่รู้ความคิดของเขาสักนิด เธอส่ายหน้าและพูดว่า “คุณเลี้ยงข้าวฉัน ฉันก็ต้องตอบแทนคุณบ้าง คุณไม่ให้ฉันแจ้งตำรวจ งั้น…..ฉันช่วยคุณเปิดประตูนะ”
เฉียวจื้อ “???”
หลัวลี่เก็บมือถือ แล้วเปิดกระเป๋าหยิบลวดเล็กๆเส้นหนึ่งออกมา แล้วเดินไปที่ประตู ค่อยๆคลายล็อคกุญแจ
เฉียวจื้อ “…..”
ผู้ชม “……”
คลิ๊ก——
ลวดขาดไปเส้นหนึ่ง หลัวลี่ยิ้มด้วยความเขินอาย “หยิบผิด”
จากนั้นก็ทิ้งลวดในมือเส้นนั้น แล้วหยิบลวดอีกเส้นในกระเป๋าขึ้นมา
มองดูการกระทำแปลกๆของหลัวลี่ เฉียวจื้อรู้สึกว่า เมื่อกี้ให้เธอเรียกตำรวจยังจะดีกว่าให้เธอทำพฤติกรรมแปลกๆแบบนี้
ตวนมู่เสว่ที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นตัวสั่นด้วยความตกใจ เธอเดินไปริมหน้าต่างก็พบว่าตนไม่มีทางหนีแล้ว เธอถอยเข้าไปในห้องน้ำ กลับพบว่าคนก่อนหน้านี้เข้าห้องน้ำไม่ได้กดชักโครก และห้องน้ำก็เต็มไปด้วยกลิ่นน่าขยะแขยง
ตวนมู่เสว่แทบอ้วกออกมา จนต้องรีบถอยออกมา
ไม่มีที่ซ่อนในโรงแรมเล็กๆแบบนี้ และเฉียวจื้อก็พาคนมาที่นี่แล้ว เธอได้ยินเสียงของเขาคุยกับคนพวกนั้น
เธอรู้อยู่แก่ใจว่าซ่อนอยู่ที่นี่ไม่มีประโยชน์
ตวนมู่เสว่ไม่มีทางเลือกอื่น เธอตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาตวนมู่เจ๋อ
ตึ้ด ตึ้ด——
เสียงมือถือดังอยู่เป็นเวลานานกว่าเขาจะรับสายของเธอ
ตวนมู่เจ๋อเตรียมตัวไปประชุม แต่เมื่อเห็นสายของเธอจึงรับขึ้นมาโดยไม่พอใจ “มีอะไร”
“พี่คะ …..ฮือฮือ…..”
ใครจะไปนึกว่าเขายังพูดไม่จบ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างหดหู่ของตวนมู่เสว่มาจากอีกด้าน
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ ตวนมู่เจ๋อขมวดคิ้วขึ้น “เป็นอะไรเหรอ”
“พี่ชาย พี่ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วยนะ” ตวนมู่เสว่ร้องไห้พลางขอร้องเขาไปพลาง
ตวนมู่เจ๋อหยุดเดินแล้วหันไปพูดกับเลขาที่อยู่ข้างๆเสียงเรียบๆว่า “คุณไปก่อน ไม่ต้องรอผม”
เลขาพยักหน้าแล้วเดินออกไป
เมื่อคนเดินออกไปแล้ว ตวนมู่เจ๋อเดินไปอีกด้านหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “เกิดอะไรขึ้น ฉันให้เธออยู่ในโรงแรมสบายๆไม่ใช่เหรอ เธอออกไปข้างนอกมาเหรอ”
ตวนมู่เสว่กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ตวนมู่เจ๋อได้ยินก็รู้สึกรำคาญตะคอกไปว่า “ถ้ายังร้องฉันจะวางสายละนะ”
เธอกลัวมากจนตกใจและหยุดร้องทันที
“ไม่เอานะ อย่าวางสายนะ”
“งั้นก็เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้น ร้องไห้อะไรนักหนา”
น้ำตาของเธอเริ่มไหลอีกครั้ง เธอเสียใจมาก และพูดไม่ออกว่าตนทำอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้ก็ไม่มีทางเลือก เธอทำได้เพียงสารภาพเรื่องที่เกิดขึ้นให้ตวนมู่เจ๋อฟังเท่านั้น เธอพูดทั้งน้ำตา “พี่คะ ฉันรู้ว่าฉันผิดแล้ว ครั้งนี้ฉันผิดจริงๆ พี่ช่วยเสี่ยวเสว่นะ ต่อไปฉันจะไม่กล้าอีกแล้ว”
ฟังเธอพูดจบ สิ่งที่ติดอยู่ในอกของตวนมู่เจ๋อแทบจะไม่สามารถออกมาได้
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลืนมันลงไป แต่ไม่สามารถพูดออกมาสักคำ และในที่สุดเขาก็หัวเราะเพราะความโกรธ “เสี่ยวเสว่ พี่ผิดหวังในตัวเธอจริงๆ”
“พี่…..”
ตวนมู่เจ๋อหลับตาลงอย่างจนปัญญา นึกถึงใบหน้าของหานมู่จื่อ หญิงสาวคนนั้น….ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมา น้องสาวของตนก็ต้อง……
เสี่ยวเสว่กล้าหาญขนาดนี้ เขาควรปล่อยให้เธอได้รับบทเรียนของตนเองไป แต่สุดท้ายเลือดก็ข้นกว่าน้ำ เขาทนเห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้
“อยู่ไหน”เสียงของตวนมู่เจ๋อฟังแล้วสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้าลึกๆ
ตวนมู่เสว่แจ้งที่อยู่เรียบร้อย ตวนมู่เจ๋อก็วางสาย จากนั้นก็เดินตรงไปทางลิฟต์อย่างว่างเปล่า
ขึ้นลิฟต์ ลงลิฟต์ หลังจากที่ถึงลานจอดรถ ตอนมู่เจ๋อจึงโทรหาเลขาของตน
“ประกาศยกเลิกการประชุมไปก่อน”
เลขาแปลกใจมาก แต่ก็ไม่กล้าถามมากและทำตามที่เขาสั่ง
*
อีกด้านหนึ่ง หลัวลี่ทำลวด2เส้นหักไปแล้ว
“เชื่อฉัน ครั้งนี้ก็บังเอิญ” หลัวลี่พูดประโยคจบเธอก็หูแดงเพราะความเขินอาย
เดิมทีคิดว่าความสามารถของตนถึงขั้นแล้ว คิดไม่ถึงว่าทำลวดหักจนหมดแล้วก็ยังเปิดประตูไม่ออก
“แปลกจัง”หลัวลี่กัดริมฝีปากล่างอดไม่ได้ที่จะพึมพำ “ล็อคประตูโรงแรมเล็กๆแบบนี้ควรจะงัดง่ายสิ ทำไมงัดมาตั้งนานละยังไม่ได้อีก หรือเป็นเพราะไม่ได้ฝึกฝนนานจนสนิมเกาะแล้ว”
เฉียวจื้อที่ยืนอยู่ด้านหลังเธอได้ยินประโยคนี้ก็งง อดไม่ได้ที่จะถาม “ไม่ได้ฝึกนาน สนิมเกาะแล้วเหรอ” หลัวลี่พยักหน้า แต่ในไม่ช้าก็พบว่ามีบางอย่างปิดปกติ เธอหันศีรษะและพบว่าเฉียวจื้อกับคนรอบข้างมองเธอด้วยสายตาแปลก ตอนนี้เองเธอถึงรู้สึกตัว
งัดกลอนประตู มีแต่ขโมยเท่านั้นที่ทำเรื่องแบบนี้
และเธอเพิ่ง……
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หลัวลี่ก็สีหน้าเปลี่ยนและรีบอธิบายให้ตัวเอง “เรื่องนั้น ฉันไม่ใช่ขโมยนะ และฉันก็ไม่ได้ถนัดทำเรื่องแบบนี้ ฉันก็แค่…เมื่อก่อนสงสัย รู้สึกว่าสนุกเลยเล่นกันมาสักพักกับเพื่อนๆ แต่ฉันสาบานนะ ว่าไม่เคยทำเรื่องผิดต่อฟ้าดินแบบนั้น”
เฉียวจื้อพยักหน้า “ผมเชื่อคุณ”
หลัวลี่ “จริงเหรอคะ”
“อืม”เฉียวจื้อพยักหน้าหนักและทำสีหน้าเศร้า “ดูจากฝีมือของคุณแล้ว ถึงจะอยากทำคงไม่สำเร็จ”
หลัวลี่ “……คุณหุบปากเลยนะ อยู่ๆฉันก็ไม่อยากฟังคุณพูดแล้ว”
เฉียวจื้อ “มันก็ช่วยไม่ได้อ่านะ”
หลัวลี่หันกลับไปทำต่อ เฉียวจื้อรอจนรู้สึกรำคาญ เตรียมจะบอกให้เธอหยุด แต่ทันใดก็ได้ยินเสียงคลิ๊ก แล้วประตูก็เปิดออกมา
“ฉันทำได้แน่นอน ให้ฉันลองอีกครั้ง”
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ก็ต่าง “……”
วินาทีนั้นเฉียวจื้อค้างอยู่ในใจ เหี้ย เปิดได้จริงๆเหรอ จากนั้นสายตาที่มองหลัวลี่ก็เปลี่ยนไปทันที
หลัวลี่ผลักประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจในตัวเอง จากนั้นก็ถีบประตูดังปัง “คนข้างในรีบออกมา พวกเราล้อมไว้หมดแล้ว หนีไปไหนไม่รอดหรอก”
เห็นท่าทีฮึกเหิมแบบนี้เฉียวจื้อก็ตั้งสติและเข้าไปลากเธอ “เธอออกมา”
จากนั้นเฉียวจื้อก็เดินเข้ามาด้วยตัวเองและเห็นตวนมู่เสว่ที่นั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง เธอนั่งกอดเข่าตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงเธอก็เงยหน้าขึ้นมามอง ผมเผ้ารุงรัง ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา