บทที่901 คุณไม่รักผมแล้ว
ในขณะที่ตั้งใจจะพูดขึ้นมา เย่โม่เซินกลับลุกขึ้นยืนกะทันหัน “คุณเพิ่งฟื้น เดี๋ยวผมไปเทน้ำมาให้ดื่ม”
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปเทน้ำให้ทันที
หานมู่จื่อมองตามแผ่นหลังของเขาที่ยืนหันหลังให้เธอ เมื่อตะกี้เธอเกือบจะพูดความจริงทั้งหมดออกไปแล้ว แต่เขากลับลุกขึ้นไปเทน้ำให้เธอซะก่อน
เธอรู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ว่าเย่โม่เซินเหมือนจงใจหลบหน้าเธออยู่
พอคิดได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็ก้มหน้าลง ริมฝีปากซีดเซียวเม้มเข้าหากัน
ถ้าหากเย่โม่เซินจงใจหลบหน้าเธอจริงๆ ก็หมายความว่าเขารู้เรื่องนี้แล้วใช่ไหม
มันก็ใช่ ที่นี่คือโรงพยาบาล จะปกปิดความลับอะไรได้
แค่หมอเอ่ยปากพูด ความลับที่เธอปกปิดมาตั้งนาน ก็จะถูกเปิดเผยออกมาจนหมด
ไม่นาน เย่โม่เซินก็เทน้ำใส่แก้วแล้วยื่นมาให้เธอ
หานมู่จื่อรับแก้วน้ำมา แล้วดื่มน้ำเงียบๆ แต่ภายในใจกลับสับสนวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
และในเวลานั้นประตูห้องพักคนไข้ก็ถูกเคาะพอดี ส้งอานเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง
พอเห็นภาพเหตุการณ์ในห้อง ส้งอานก็วางถุงพลาสติกไว้บนโต๊ะข้างๆ ก่อนจะพูดออกมาเสียงนุ่มนวล “มู่จื่อ ฟื้นแล้วเหรอจ้ะ”
“สวัสดีครับ คุณน้า”
เย่โม่เซินหันไปกล่าวทักทายส้งอาน ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ให้ส้งอานนั่งลงแทน ส้งอานเดินผ่านปลายเตียงไปนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะหันไปมองหน้าเย่โม่เซินเล็กน้อย
“ผมขอตัวออกไปโทรศัพท์สักครู่นะครับ”
คงจะเป็นเพราะว่าเขามองออกว่าทั้งสองคนมีเรื่องจะคุยกัน ดังนั้นเย่โม่เซินจึงยอมถอยออกมา แล้วจับโทรศัพท์เดินออกจากห้องไป
ส้งอานมองตามหลังจนเย่โม่เซินเดินออกไป ก่อนจะลุกขึ้นไปดูตรงประตู พอแน่ใจว่าเย่โม่เซินจากไปแล้ว ถึงได้เดินกลับเข้าในหยุดนิ่งตรงหน้าหานมู่จื่อ
“คุณน้าคะ”
หานมู่จื่อวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเรียกหาอย่างร้อนใจ “โม่เซินเขา…”
“หนูอยากจะถามอะไรน้ารู้จ้ะ น้าเองก็อยากรู้เรื่องนี้เหมือนกัน” ส้งอานเห็นสีหน้าร้อนใจของเธอ จึงไม่อ้อมค้อมอีก เธอจึงพูดออกมาตรงๆ
พอได้ยินแบบนี้ หานมู่จื่อก็ชะงักไป “แม้แต่คุณน้าเองก็…”
“ใช่แล้วจ้ะ”ส้งอานพยักหน้ารับ
ที่แท้ส้งอานก็เหมือนกับเธอ ที่ไม่มั่นใจในเรื่องนี้เหมือนกันสินะ แล้วตกลงเย่โม่เซินรู้หรือไม่รู้เรื่องนี้กันแน่นะ
“หนูคิดว่ายังไง ถ้าหนูคิดจะลองถามเขาอ้อมๆ งั้นหนูก็ต้องเตรียมใจที่จะบอกความจริงทั้งหมดออกมาไว้ด้วย และต้องทำใจยอมรับกับผลที่จะตามมา เรื่องนี้… หนูคิดทบทวนดีแล้วหรือยัง”
หานมู่จื่อก้มหน้าลงอย่างหมดแรง “หนู… ก่อนหน้านี้หนูก็เคยคิดไว้แล้วว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสักวัน แต่นี่มันกะทันหันเกินไปค่ะ”
“งั้นก็หมายความว่าหนูยังตัดสินใจไม่ได้ ที่จริงสถานการณ์ในตอนนี้มีสองความเป็นไปได้ หนึ่งคือเขาอาจจะรู้เรื่องจากปากคุณหมอแล้ว แต่ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา ส่วนเรื่องที่ว่าเขาคิดจะทำอะไร ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้ แต่นิสัยของโม่เซิน หนูเข้าใจดีกว่าน้า น้าจะไม่พูดอะไรมาก สองคือเป็นไปได้ว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้ หนูสามารถปกปิดเขาต่อไปได้ แต่จะปกปิดไปได้นานแค่ไหนเราไม่รู้เลย หนูคิดให้ดีนะ”
พอพูดจบ ทั้งสองคนต่างก็เงียบกริบ
พูดตามจริง ถ้าหากเมื่อตะกี้เย่โม่เซินไม่เดินไปเทน้ำให้เธอดื่ม เธอคงจะบอกความจริงทั้งหมดออกไปแล้ว
ถ้าได้พูดออกไปก็ดีสิ แต่ดูตอนนี้สิ
จะให้เธอพูดออกไปอีกครั้ง เธอคงไม่มีความกล้าหาญมากพอ
เฮ้อ เป็นไปตามที่คิด เรื่องที่ตัดสินใจแล้วก็ควรรีบทำ เพราะถ้าพลาดโอกาสนั้นไป ก็จะไม่มีความกล้าที่จะทำอีกแล้ว
พอเย่โม่เซินคุยโทรศัพท์เสร็จ แล้วเดินเข้ามา ในมือของเขายังหิ้วถุงอะไรบางอย่างไว้ในมือ พอเปิดออกมาดู ถึงจะเห็นว่าเป็นของใช้ต่างๆที่เขาสั่งให้ลูกน้องเตรียมให้
หานมู่จื่อมองเขาหยิบทุกอย่างออกมาจัดวางเรียบร้อย ตอนที่เขาเดินเข้ามาแล้วเห็นเธอดื่มน้ำไปแค่ครึ่งแก้ว จึงถามออกมา “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ให้คุณหมอเข้ามาตรวจดูไหม”
ส้งอานไม่อยากอยู่ขัดขวางเวลาของทั้งสอง จึงลุกขึ้นยืน “ในเมื่อมู่จื่อไม่เป็นอะไรมากแล้ว งั้นน้ากลับก่อนนะจ้ะ โม่เซิน หน้าที่ดูแลมู่จื่อคงต้องเป็นหลานแล้วนะ”
“ได้ครับ”
หลังจากที่ส้งอานเดินออกไป ในห้องพักคนไข้จึงเหลือหานมู่จื่อกับเย่โม่เซินแค่สองคน
บรรยากาศในห้องพักคนไข้ตกอยู่ในความเงียบ หานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมาทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี่ พอคิดได้แบบนี้ เธอจึงเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา
“เอ่อ คือว่า…”
เย่โม่เซินขยับเปลือกตา ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างเตียง “หืม”
“ตวนมู่เสว่เธอ…”
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่โรงแรม เรื่องที่เธอตกลงกับตวนมู่เสว่ไว้ เธอยังจำได้ดี แต่ดูเหมือนต่อมาตวนมู่เสว่จะไม่ยอมทำตามที่พูด และผลักเธอตกลงมาจากบันได
ข้อตกลงระหว่างทั้งสองคน ตวนมู่เสว่ผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้ ดังนั้น… เธอเองก็ไม่จำเป็นต้องรักษาสัญญาที่ตกลงกันไว้เหมือนกัน แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตวนมู่เสว่เป็นยังไงบ้างแล้ว
“เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของเฉียวจื้อจัดการแล้ว”
เย่โม่เซินพูดอธิบายสั้นๆ ก่อนจะช่วยเธอห่มผ้าห่ม “พักผ่อนให้สบายใจเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ ต่อไปนี้ผมจะไม่ยอมให้คุณต้องมาได้รับบาดเจ็บแบบนี้อีก”
หลังจากห่มผ้าห่มให้เรียบร้อย เย่โม่เซินก็ยกมือไปลูบใบหน้าของเธออย่างอ่อนโยน ช่วยเธอรวบผมไว้ด้านหลังหานมู่จื่อรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นผ่านฝ่ามือของเขา เธอยกมือขึ้นมาจับมือของเขาไว้ แล้วถูไถใบหน้ากับฝ่ามือของเขา
เย่โม่เซินนั่งตัวเกร็ง มองหานมู่จื่อที่หลับตาอยู่ด้วยแววตาเคร่งขรึม
เมื่อตะกี้เขาไปหาหมอเจ้าของไข้ เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อ จึงถามคุณหมอเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
คุณหมอตอบเขาอย่างมั่นใจ ว่าหานมู่จื่อกำลังตั้งครรภ์อยู่จริงๆ
อีกทั้ง เด็กในท้องก็อายุครรภ์ใกล้จะสามเดือนแล้วด้วย
สามเดือน…
ตั้งแต่เธอปรากฏตัว จนทั้งสองคนเริ่มคบกัน ใช้เวลาแค่หนึ่งเดือนกว่าๆเท่านั้นเอง
หานมู่จื่อรู้สึกมือว่างเปล่า จึงรีบลืมตาขึ้นมา พบว่าเย่โม่เซินได้ดึงมือตัวเองกลับไปแล้ว หานมู่จื่อชะงักไปเล็กน้อย “ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
เย่โม่เซินตอบเสียงเรียบ “มือของผมเย็น เดี๋ยวคุณจะเย็นไปด้วย”
เพราะเมื่อตะกี้เขาออกไปข้างนอกมา แล้วยังถือของไว้ ทำให้มือของเขาเย็นพอประมาณ แต่หานมู่จื่อกลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด
เธอส่ายหน้า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
“คุณหมอบอกว่าคุณต้องพักผ่อนมากๆ เชื่อฟังคุณหมอ รีบพักผ่อนเลยครับ”
เขาช่วยเธอจัดหมอน แล้วให้เธอนอนลงไป ก่อนจะช่วยห่มผ้าห่มให้เธอ
หานมู่จื่อรู้สึกว่าเขาทำตัวแปลกไป แต่แววตาและสีหน้าของเขากลับไม่มีอะไรผิดปกติ ดูเหมือนเขาจะเป็นแบบนี้มาตลอด
อาจจะเป็นเธอที่คิดมากไปเอง
ตอนที่เย่โม่เซินลุกขึ้นยืน หานมู่จื่อก็รีบคว้ามือของเขามาจับไว้ “ถ้าหากมีวันหนึ่ง คุณพบว่ามีเรื่องที่คุณรับยาก คุณจะทำยังไงคะ”
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังถามลองเชิงเขาอยู่
พอพูดเสร็จ หัวใจของหานมู่จื่อก็เต้นแรงมาก จนแทบจะระเบิดออกมา
ในขณะเดียวกัน หานมู่จื่อก็จ้องตาเขาอย่างตื่นเต้น คิดจะจับผิดผ่านแววตาของเขา แต่เย่โม่เซินกลับไม่มีแววตาผิดปกติอะไรเลย หลังจากนั้นเขาก็ก้มหน้าเข้าหา “เรื่องที่ผมรับยากอย่างนั้นเหรอ”
ตามมาด้วยย่นคิ้ว ริมฝีปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย “อะไรคือเรื่องที่ผมรับไม่ได้ครับ คุณมีผู้ชายคนอื่นหรือไง”
หานมู่จื่อ “…”
“หรือว่า คุณไม่รักผมแล้ว”