บทที่923 คุณทวดไม่ชอบผมหรอ
ยู่ฉือจินสังเกตเห็นว่าเขาหันกลับมา ในตอนแรกเริ่มนั้นเขายังคิดอยู่เลยว่าความคิดของเขานั้นดูไม่น่าเชื่อนัก กลับไปต้องให้คนลองไปสืบหาดูอีกสักหน่อยหรือเปล่า ว่าตกลงแล้วเด็กคนนี้ใช่…
ความคิดนี้ยังไม่ทันได้เลือนหายไป ยู่ฉือจินก็เห็นใบหน้านั้นของเสี่ยวหมี่โต้วที่หันเข้ามา
ใบหน้านั้น…
รูม่านตาของยู่ฉือจินขยายออกมาทันที มองเสี่ยวหมี่โต้วไปอย่างไม่อยากที่จะเชื่อนัก
มีแวบนึงที่เขานึกสงสัยว่าตาของเขามีปัญหา ไม่อย่างนั้นก็เป็นเพราะเขากังวลเรื่องหลานชายของตัวเองมากเกินไป ก็เลยเห็นเด็กตรงหน้าเขาคนนี้มีหน้าตาเหมือนกับเย่โม่เซินไปได้
แต่ ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่ใบหน้าของเด็กน้อย
ถึงแม้ว่าเหมือนกับเย่โม่เซินมาตั้งแต่เกิด แต่ก็ยังคงไม่ทิ้งความรู้สึกของความที่เป็นเด็กน้อยออกไป ดวงตาดำสนิทคู่นั้นที่ทั้งใสซื่อและสดใส จัดว่าเป็นความใสซื่อบริสุทธิ์ที่เด็กน้อยมักจะมีกัน
มองใบหน้าของเย่โม่เซินไปอีกครั้ง ดวงตาดุดันที่ประหนึ่งเหยี่ยวคู่นั้น ดำสนิทเหมือนกันแต่กลับไม่มีความอบอุ่นออกมาเลยแม้แต่น้อย
“หืม?” สายตาของเสี่ยวหมี่โต้วสบเข้ากับสายตาขุ่นมัวของยู่ฉือจิน เด็กน้อยก็อุทานออกมาทันที เอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้ “คุณปู่ท่านนี้เป็นใครกันฮะ?”
ความจริงแล้วเขารู้สถานะของยู่ฉือจินมาก่อนแล้ว
เพียงแต่ถ้าแสดงออกไปต่อหน้าผู้คนมากมายล่ะก็ จะต้องทำให้พวกเขาต้องตื่นตกใจกันไปแน่ๆ
ส้งอานถึงแม้ว่าจะเกลียดยู่ฉือจินอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรคนที่ถามออกมานั้นก็เป็นเสี่ยวหมี่โต้ว ยังคงเป็นเด็กน้อยที่ยังไม่โตคนนึง เธอไม่กล้าเอาท่าทางที่เธอทะเลาะกับยู่ฉือจินแสดงออกมาต่อหน้าเสี่ยวหมี่โต้ว เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กน้อย
ถึงยังไงเด็กน้อยในตอนนี้ก็ยังเด็กมาก กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ และเลียนแบบการกระทำของผู้ใหญ่
เธอไม่อาจต่อว่ายู่ฉือจินออกไป แต่ก็ไม่มีทางที่จะแนะนำเขาให้รู้จัก อีกทั้งยังถือโอกาสนั้นเอี้ยวร่างเดินออกไป
ภายในห้องแห่งนั้นได้ตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเสียงสั่นของยู่ฉือจินดังออกมา
“เธอ เธอคือ…”
หยูโปเข้าไปใกล้เขา เอ่ยเสียงเบาออกไป “นายท่าน ใบหน้านั้นช่างเหมือนกับคุณชายเซินไม่มีผิด จะต้องเป็นลูกของคุณชายเซินแน่ๆเลยใช่มั้ยครับ?”
ยู่ฉือจินรู้สึกเพียงแค่ตรงหน้าอกของเขาสั่นไหวขึ้นมา พูดไม่ออกเลยสักคำ
เขากับผู้หญิงคนนั้น นึกไม่ถึงว่าจะมีลูกด้วยกันแล้ว? แล้วยังโตขนาดนี้?
หานมู่จื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนกับเสี่ยวหมี่โต้วว่า “เสี่ยวหมี่โต้ว เขาเป็นคุณตาของแด๊ดดี้ของหนู”
เธอไม่กล้าพูดว่ายู่ฉือจินเป็นคุณทวดของเขาไปตรงๆ ถ้าหากยู่ฉือจินไม่ยินยอมล่ะ? ได้ยินคำพูดของเธอแล้วไม่พอใจขึ้นมา? จึงพูดออกไปเพียงแค่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเย่โม่เซินไปเพียงเท่านั้น
ส่วนเรื่องที่ยู่ฉือจินจะยอมรับเด็กคนนี้หรือไม่ สำหรับหานมู่จื่อแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่สำคัญอะไรนัก
“คุณตาของแด๊ดดี้?” เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาปริบๆออกมา มองไปทางยู่ฉือจินด้วยสีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ “หม่ามี๊ งั้นเสี่ยวหมี่โต้วต้องเรียกว่าคุณทวดหรือเปล่า?”
หานมู่จื่อนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ค่อยๆหันไปมองยู่ฉือจิน
เห็นเพียงดวงตาคู่นั้นของยู่ฉือจินที่แฝงไปด้วยความตื่นเต้น เดินก้าวเข้าไปทีละก้าวๆ เขาตื่นเต้นจนพูดจาสะเปะสะปะไปเล็กน้อย
“ใช่…คุณทวดเอง เธอ…เธอ…”
เขาพูดคำว่าเธอออกไป พูดเธออยู่นาน ทันใดนั้นเองเสี่ยวหมี่โต้วก็ยื่นมือทั้งสองข้างไปทางเขา
ยู่ฉือจินนิ่งอึ้งอยู่ตรงตำแหน่งเดิมสักพักนึง
“นี่ นี่คือ…”
เย่โม่เซินมีสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมเอ่ยเสียงเย็นออกมา
“หมายความว่าอยากให้คุณอุ้มไง”
ยู่ฉือจินไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองออกมาสักพักนึง
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆว่าทั้งสองคนจะมีลูกโตขนาดนี้แล้ว อีกทั้ง…เด็กคนนี้เพิ่งจะเจอกันแค่ครั้งเดียว ก็อยากให้เขาอุ้มเสียแล้ว
“เอ๋?” เสี่ยวหมี่โต้วเห็นเขาไม่ตอบอะไรออกมาอยู่นาน ใบหน้าเล็กก็มีสีหน้าเศร้าออกมา มองไปทางยู่ฉือจินแวบนึงจากนั้นก็หันกลับไปมองหานมู่จื่ออีกที “หม่ามี๊ คุณทวดไม่ชอบผมงั้นหรอ? ก็เลยไม่ยอมอุ้ม…”
หานมู่จื่อ “…”
เจ้าเด็กคนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะโยนคำถามที่ตอบยากนี้มาให้เธอ
สถานการณ์ของเธอเดิมทีมันก็น่าอึดอัดมากอยู่แล้ว นี่จะให้เธอตอบไปยังไงได้ล่ะ? จะบอกว่าไม่ชอบก็จะดูล่วงเกินคนอื่นเขา จะบอกว่าชอบเลยก็ไม่ได้…
เด็กนิสัยไม่ดี ไม่รู้ก็ไปถามแด๊ดดี้ของตัวเองสิ? ต่อว่าเขาว่าเป็นแด๊ดดี้นิสัยไม่ดีไป ไม่รู้ว่าทำไมไม่เอาคำถามจำพวกนี้โยนไปให้เขาต้องลำบากใจเสียล่ะ
ในตอนที่ภายในใจของหานมู่จื่อกำลังก่นด่าอยู่นั้นเอง เสียงสั่นๆของยู่ฉือจินก็พูดออกมา
“ไม่ ไม่ใช่…คุณทวด…จะเกลียดหนูได้ยังไง?”
ยู่ฉือจินฝืนบังคับให้ตนสงบสติอารมณ์ลง ไม่ง่ายเลยที่จะพูดกับเสี่ยวหมี่โต้วออกไปด้วยประโยคที่สมบูรณ์ได้ ในขณะเดียวกันยู่ฉือจินก็ได้ยื่นมือออกไปทางเสี่ยวหมี่โต้ว
“มา คุณทวดอุ้มหนูเอง”
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาปริบๆออกมา จ้องมองเขานิ่ง
มือของยู่ฉือจินแข็งค้างอยู่กลางอากาศ เห็นเสี่ยวหมี่โต้วเอาแต่จ้องตัวเองอยู่อย่างนั้น ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย “หนูคงไม่ได้โกรธเพราะเรื่องเมื่อกี้นี้ใช่มั้ย? เมื่อกี้นี้คุณทวดไม่ได้ตั้งใจ คุณทวด…”
คำพูดของเขาพูดออกไปไม่ทันจบ ทันใดนั้นเองเสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ยื่นมือออกมาทางเขาแล้วพุ่งตัวเข้าไป ยู่ฉือจินรีบรับร่างของเขาไว้ แล้วอุ้มเขาเอาไว้ในอ้อมแขน
ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุเยอะแล้ว ขาเท้าก็ไม่ได้คล่องแคล่วเหมือนกับคนหนุ่มสาวขนาดนั้น ดังนั้นแล้วปกติก็ต้องใช้ไม้เท้าคอยช่วย แต่ในระดับที่ยืนอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วอย่างนี้นั้น เขาก็ยังพอทำได้อยู่
หลังจากที่กอดร่างของเสี่ยวหมี่โต้วเข้ามาในอ้อมแขนแล้ว ยู่ฉือจินรู้สึกว่าจังหวะการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ มือที่กำลังอุ้มอยู่นั้นของเขาถึงแม้ว่าจะแก่ชราแต่ก็ยังแข็งแรงอยู่ ถึงแม้ว่ายู่ฉือจินจะพยายามปิดซ่อนมันเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่มือก็สั่นออกมาเล็กน้อย
เด็กน้อยในอ้อมแขน…
เป็น…
เหลนชาย…
ของเขา
เป็นญาติพี่น้อง!
เป็นญาติพี่น้องที่นอกเหนือไปจากอานอานและโม่เซิน
มีบางอย่างที่เหมือนราวกับว่ากำลังติดอยู่ในใจกับตรงช่วงลำคอของเขา ทำเอาเขาเปล่งเสียงออกมาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เสี่ยวหมี่โต้วถูกเขาอุ้มเข้าสู่อ้อมแขนของเขาแล้วนั้น ก็โอบรอบลำคอของเขาเหมือนราวกับว่ากำลังประจบเอาใจเขาอยู่ มองดูว่าง่ายน่ารักผิดหูผิดตา
แน่นอนว่าเสี่ยวหมี่โต้วรู้เรื่องที่คุณทวดสร้างความยากลำบากให้หม่ามี๊ของเขาอยู่แล้ว เขาเคยได้ยินน้าเสี่ยวเหยียนพูดมาบ้างแล้ว เพียงแต่น้าเสี่ยวเหยียนก็ไม่ยอมพูดออกมามากมายนัก
ดังนั้นแล้วเสี่ยวหมี่โต้วจึงคิดใคร่ครวญอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นก็ตัดสินใจว่าจะไปหาหม่ามี๊ให้ได้ เขาจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้หม่ามี๊ กำราบแด๊ดดี้กับคุณทวดไปเสีย!
ส้งอานมองภาพฉากนั้น ก็อดไม่ได้ที่แขวะออกมาเบาๆ
“ต้องขนาดนี้เลย? ทำอย่างกับชีวิตนี้ไม่เคยอุ้มเด็กไปได้…”
ในตอนที่พูดประโยคนั้น ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเธอจะไปในทางบ่น แต่สายตากลับดูจนใจอยู่หลายส่วน
ส่วนหานมู่จื่อก็สามารถมองออกได้ถึงความตื่นเต้นของยู่ฉือจินที่เผยออกมา เธอเม้มริมฝีปากออกมาเล็กน้อย นัยน์ตาเผยความอ่อนโยนออกมาอย่างมาก นึกไม่ถึงเลยว่ายู่ฉือจินจะชอบเสี่ยวหมี่โต้วขนาดนี้ อีกทั้งยังดูเหมือนว่าเขาจะมีท่าทางช็อกตะลึงเป็นอย่างมาก
และก็ไม่รู้เหมือนกันว่า หลังจากที่เขารู้แล้วว่าเธอกับเย่โม่เซินได้มีเสี่ยวหมี่โต้ว จะยังดึงดันทำตามใจตัวเองอยู่อีกหรือเปล่า?
ยู่ฉือจินอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วอย่างระมัดระวัง มือไม่กล้าลงแรงไปมากนัก กลัวเสียเหมือนกับว่าถ้าเขาลงแรงไปเพียงนิดจะทำให้ร่างเล็กๆของเด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนแหลกสลายไปเสียไม่มีผิด
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ กว่าเขาจะหาเสียงของตัวเองเจอ เสียงแหบแห้งนั้นก็ได้เอ่ยคำขอกับเสี่ยวหมี่โต้วออกไป
“เด็กดี เหลน…เรียก เรียกคุณทวดสิ”
เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มออกมา เผยฟันขาวสะอาดที่เรียงสวยออกมา มองไปทางยู่ฉือจินพร้อมเอ่ยเรียกออกไปอย่างเชื่อฟัง
“สวัสดีครับคุณทวด~ ผมชื่อเสี่ยวหมี่โต้ว ต่อไปคุณทวดก็เรียกผมเหมือนกับที่หม่ามี๊เรียกอย่างนี้ก็ได้นะครับ”
คำพูดนี้ได้ทิ่มแทงลึกลงไปยังก้นบึ้งภายในใจของยู่ฉือจินทันที
เขาอุ้มเสี่ยวหมี่โต้ว แต่ทันใดนั้นเองก็รู้สึกว่าตรงหน้าของเขาได้แยกเป็นสองร่างออกมา ยู่ฉือจินร้อนใจออกมาเล็กน้อย หรือว่าเขาจะกำลังฝัน? แต่ภาพตรงหน้ามันค่อยๆดำลงเรื่อยๆ…
สุดท้าย…
สายตาของเย่โม่เซินที่ยืนขนาบข้างอยู่นั้นได้เปลี่ยนไป ยกมือขึ้นไปประคองร่างของยู่ฉือจิน
ยู่ฉือจินตื่นเต้นเกินไป จนสลบไปเสียแล้ว