บทที่924 ชายหญิงแตกต่างกัน
การที่จู่ๆยู่ฉือจินก็เป็นลมล้มพับไปนั้น นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนในที่แห่งนี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
ยังดีที่เย่โม่เซินมีปฏิกิริยาตอบกลับออกมาไว ไม่อย่างนั้นแล้วเขาคงต้องอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วพากันล้มลงไปด้วยกันแน่
ในตอนนี้เย่โม่เซินได้ยันร่างของทั้งสองคนเอาไว้ คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นั้นก็รีบเข้ามาช่วยทันที
ถึงแม้ว่าในยามปกติส้งอานจะเกลียดยู่ฉือจิน แต่ในตอนนี้พอเห็นว่าจู่ๆเขาก็เป็นลมไปนั้น ก็ต้องเอ่ยพูดออกมาอย่างเสียไม่ได้ “ยกเขาขึ้นมาก่อน แล้วพาไปนอนบนเตียง”
คำพูดนี้ของส้งอานได้มีผลอย่างมาก เพียงไม่นานร่างของยู่ฉือจินก็ได้ถูกวางลงไปบนเตียง ส้งอานเข้าไปช่วยตรวจดูอาการของยู่ฉือจิน
ส่วนเสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ถูกหานมู่จื่อรับมาอุ้มอยู่ในอ้อมแขนตัวเองตั้งแต่ตอนที่ยู่ฉือจินเป็นลมล้มพับไปแล้ว ในตอนนี้เขาโอบยึดบริเวณลำคอของหานมู่จื่อ ด้วยความวิตกกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ในเวลานี้กลับไม่กล้าพูดอะไรซี้ซั้วออกไป
ทุกคนต่างรวมกันอยู่ที่ขอบเตียง
เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากตัวเอง พร้อมเอ่ยถามออกมา “โทรเรียกรถพยาบาลหน่อยมั้ย”
ถึงแม้ว่าเขาไม่รู้ชัดว่าทำไมยู่ฉือจินถึงได้เป็นลมล้มพับไปได้ แต่รู้สึกว่าสถานการณ์นี้มันช่างคุ้นตาอย่างมาก พอได้คิดไปคิดมาแล้ว ภาพเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ว่าเหมือนกับเขาเมื่อไม่นานมานี้หรือไง?
ดึงร่างของเสี่ยวหมี่โต้วเข้าสู่อ้อมแขน จากนั้นเขาก็หมดสติไปในทันที
ในตอนนั้น…ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กน้อยจะมีปฏิกิริยายังไงออกมา?
จะเป็นกังวลออกมาหรือเปล่า?
แต่ เขาในตอนนั้นได้ถูกกระตุ้นความทรงจำ แล้วยู่ฉือจินล่ะ?
“ไม่ต้อง”
ส้งอานที่ช่วยตรวจดูอาการของยู่ฉือจินเสร็จแล้วนั้นก็ลุกขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง เอ่ยพูดอธิบายเสียงเรียบออกมา “เขาก็แค่ตื่นเต้นเกินไปจนเป็นลมล้มพับไปเท่านั้นเอง ไม่ต้องโทรเรียกรถพยาบาล และก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”
ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว หานมู่จื่อถอนหายใจออกมา ที่แท้ก็เป็นเพียงเพราะความรู้สึกตื่นเต้นจนเกินไป ก็เลยเป็นลมล้มพับไป…
ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นก็ดี
แต่…นี่ก็นับได้ว่าเป็นความผิดของเสี่ยวหมี่โต้วด้วยหรือเปล่า?
เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อจึงหันกลับไปมองเสี่ยวหมี่โต้วที่เกาะอยู่บนร่างของตัวเองเล็กน้อย เสี่ยวหมี่โต้วเจอสายตาอย่างนั้นของเธอ เหมือนกับว่าเสี่ยวหมี่โต้วเองก็รับรู้ถึงความคิดของเธอ สีหน้าและแววตาของเขาดูน่าสงสารขึ้นมาทันที มือเล็กดึงคอปกเสื้อของหานมู่จื่อไปอย่างไม่รู้ว่าจะรับมือออกไปยังไง
ส่วนส้งอานที่เห็นภาพนั้น ก็หรี่ตาออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เอ่ยออกไป “มู่จื่อ ต่อไปเธอก็อย่าซี้ซั้วอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วอีก”
“หา?” หานมู่จื่อและเสี่ยวหมี่โต้วนึกไม่ถึงว่าจู่ๆตนจะถูกเอ่ยถึงขึ้นมา หันกลับไปมองส้งอานอย่างประหลาดใจ “ทำไมล่ะคะ?” ส้งอานมองไปทางเย่โม่เซินแววตาที่ซับซ้อน จากนั้นก็หันกลับไปมองหน้าหานมู่จื่ออีกครั้ง
“เมื่อก่อนหน้านี้ตอนที่ไปตรวจที่โรงพยาบาล สิ่งที่คุณหมอบอกมา ลืมไปหมดแล้ว?”
ทุกคนในที่นี้ก็มีสีหน้างงงวยออกมา
“ช่วงที่กำลังท้องกำลังไส้ไม่อาจยกของหนักได้อยู่แล้ว บวกกับที่เธอมีความเสี่ยงที่จะแท้งแล้วด้วย ทารกในท้องยังอยู่ในสุ่มเสี่ยง เสี่ยวหมี่โต้วถึงแม้ว่าจะเป็นลูกของเธอ แต่ถึงยังไงก็โตขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องอุ้มแล้ว”
ในตอนที่ได้ยินคำว่าเสี่ยงต่อการแท้งคำนี้ เย่โม่เซินหรี่ตาลงทันที
เมื่อก่อนหน้านี้ในตอนที่เขาเป็นคนพาหานมู่จื่อไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง คุณหมอก็เคยเอ่ยเรื่องนี้กับเขา มาตอนนี้พอได้คิดขึ้นมาแล้ว…คืนนั้นที่เขาถูกตวนมู่เสว่วางยาไปในครั้งนั้น ก็เป็นมู่จื่อที่อยู่กับเขา
และในคืนนั้น…ก็ต้องการไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ในเช้าวันต่อมาในตอนที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอเธอแล้ว หรือว่า…
เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว สายตาของเย่โม่เซินก็จับจ้องไปยังหานมู่จื่ออย่างไม่ละสายตา หานมู่จื่อเองก็กำลังตื่นตระหนกกับคำพูดเมื่อสักครู่ของส้งอาน เธอกะพริบตาออกมา “ไม่เป็นไร แค่อุ้ม…”
คำพูดนี้ยังไม่ทันได้พูดออกไปจนจบ เย่โม่เซินก็ยื่นแขนยาวของเขาออกมารับร่างของเสี่ยวหมี่โต้วไป
เสี่ยวหมี่โต้วคิดว่าอ้อมกอดของหม่ามี๊ทั้งหอมและทั้งนุ่มนิ่ม ยังเสพความรู้สึกนั้นไม่พอก็ถูกเย่โม่เซินรับไปอุ้มเสียแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่คำพูดนั้นของคุณย่าน้อยก็ได้ทำให้เขาไม่ปล่อยออกมาก็ไม่ได้อีก จึงต้องกลับไปอยู่ในอ้อมแขนของแด๊ดดี้ตนอีกครั้ง
เพราะความโกรธ เสี่ยวหมี่โต้วที่ถูกอุ้มไปนั้นก็ได้หยิกหน้าของเย่โม่เซินไป
เย่โม่เซินขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็ได้มองหานมู่จื่อไปอย่างลึกซึ้ง “ผมเอง”
หานมู่จื่อ “…”
ลูกถูกเขารับไป หานมู่จื่อก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก
ก็ดีเหมือนกัน เสี่ยวหมี่โต้วขาดความรักจากพ่อมาตั้งแต่เล็กจนโต ให้แด๊ดดี้ของเขาอุ้มไปก็ดีเหมือนกัน
“เอาล่ะ พวกเธอออกไปก่อนเถอะ ฉันอยู่ดูตรงนี้เอง”
ส้งอานไล่คนอื่นออกไป จากนั้นก็ทิ้งเหลือหยูโปเอาไว้ ตนก็เดินมานั่งลงข้างเตียง มองยู่ฉือจินอยู่สักพักนึง จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็นออกไปว่า “ถ้าไม่เห็นแก่ที่คุณเป็นคุณทวดของเสี่ยวหมี่โต้ว ฉันก็คร้านจะช่วยคุณแล้วเหมือนกัน”
หยูโปมองภาพฉากนั้น อดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมาลูบจมูกตัวเองเบาๆ
หลังจากคนอื่นที่เหลือได้ออกมาจากห้องแล้วนั้น เสี่ยวเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยออกมา “มู่จื่อ คำพูดที่น้าส้งพูดกับเธอเมื่อกี้นี้…”
เธอมองหานมู่จื่อไปอย่างเป็นกังวล ถึงยังไงลูกคนนี้ของเธอมาได้ไม่ถูกเวลานัก ก่อนหน้าทันทีที่ตรวจพบว่าเธอท้อง เย่โม่เซินก็เกิดเรื่องขึ้นมา หลังจากนั้นหานมู่จื่อก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอยู่เพียงผู้เดียว ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ความต้องการของตัวเธอเอง แต่มันก็ได้เกิดมาแล้ว
หานมู่จื่อส่งสายตาไปให้กับเสี่ยวเหยียน “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”
เสี่ยวเหยียนคิดไปคิดมา สายตามองไปยังใบหน้าพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกอย่างพิจารณาอยู่สักพักนึง ทันใดนั้นเองก็เอ่ยออกมา “เสี่ยวหมี่โต้ว คืนนี้นอนกับน้าเสี่ยวเหยียนแล้วกัน?”
เสี่ยวหมี่โต้วยังไม่ได้ตอบรับออกมา เย่โม่เซินก็เม้มปากออกมา “ไม่ได้”
เสี่ยวเหยียน “…”
สายตาของเย่โม่เซินนิ่งลึก “พวกคุณเป็นแขก คืนนี้นอนพักผ่อนให้สบายๆไปก็พอ”
ได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อเองก็ได้ตอบรับพร้อมพยักหน้าออกมาทันที “ใช่ ฉันไปจัดเตรียมห้องพักให้พวกคุณ เสี่ยวเหยียนเธอมาช่วยฉันเถอะ”
ดังนั้นแล้วทั้งสองคนจึงแยกกันออกไป
รอจนทั้งสองคนออกกันไปแล้ว นัยน์ตาดำสนิทของเสี่ยวหมี่โต้วเบิกจ้องมองไปยังเย่โม่เซิน
“ทำไมผมถึงนอนกับน้าเสี่ยวเหยียนไม่ได้?”
ได้ยินดังนั้น นัยน์ตาของเย่โม่เซินเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “เพราะนายเป็นเด็กผู้ชาย”
“แล้วมันทำไม?”
“ชายหญิงต่างกัน”
เสี่ยวหมี่โต้วร้องเฮอะออกมา “แต่ผมยังไม่โตเลยนะ! น้าเสี่ยวเหยียนก็ไม่ได้ถือสาอะไร!”
“แต่ฉันถือ”
แด๊ดดี้กับหม่ามี๊ของตัวเองก็อยู่ที่นี่กันทั้งคู่ เขาไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น แล้วพวกเขาจะดูเป็นพ่อแม่ยังไงอีก?
เซียวซู่ที่กำลังยืนมองภาพเหตุการณ์นี้อยู่ข้างๆ ค่อนแคะอยู่ในใจเงียบๆ
อยากอยู่กับเสี่ยวหมี่โต้วก็อยู่สิ ไม่เห็นต้องหาข้ออ้างอะไรเรื่องชายหญิงต่างกันพูดออกมาเลย เสี่ยวหมี่โต้วก็แค่เด็กเล็กอายุแค่สี่ห้าขวบเอง ไม่เห็นจะมีอะไรเลย เรื่องที่บอกว่าชายหญิงต่างหันเอาที่ไหนมาพูดนัก?
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เซียวซู่กล้าเพียงแอบแขวะอยู่ในใจเบาๆเท่านั้น ไม่กล้าพูดออกไปแน่
สุดท้ายเย่โม่เซินก็อุ้มเสี่ยวหมี่โต้วกลับห้องไป
หานมู่จื่อกับเสี่ยวเหยียนไปจัดการเก็บกวาดข้าวของด้วยกัน ในตอนที่ผลักประตูห้องเข้าไปนั้น เธอก็เห็นว่าที่นอนและผ้าห่มในห้องได้จัดเตรียมเอาไว้เสร็จหมดแล้ว ที่น่าตกใจนั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เย่โม่เซินได้บอกเธอเอาไว้แล้ว
ข้าวของทุกห้องได้จัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยหมดแล้ว เธอชอบห้องไหนก็เลือกนอนห้องนั้นได้เลย
เสี่ยวเหยียนตามหลังเธอเข้ามา เมื่อไม่มีใครแล้วเธอก็เข้าไปคล้องแขนเธอทันที “เกิดอะไรขึ้น? เมื่อกี้นี้ที่น้าส้งบอกว่าเธอเสี่ยงที่จะแท้งลูก ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศเธอไม่ได้ดูแลตัวเองให้ดีใช่มั้ย? ถ้ารู้ก่อนว่าเธอต้องตกอยู่ในสภาพอย่างนี้ ให้ตายยังไงฉันก็จะมากับเธอด้วยให้ได้ จริงๆเลย!”
“พอแล้ว อย่ากังวลไปเลย ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ นี่เป็นเหตุสุดวิสัย”
เมื่อพูดถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องเสี่ยงแท้งลูกนั้นขึ้นมา หานมู่จื่อก็นึกถึงเรื่องในคืนนั้นขึ้นมาทันที ใบหูก็กลายเป็นสีชมพู