บทที่927 ครึ่งค่อนคืนก็ยังไม่หลับไม่นอน
ก่อนหน้านี้ที่เย่โม่เซินได้อุ้มเสี่ยวหมี่โต้วออกไปแล้วนั้น ก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย
สองพ่อลูกก็ขังตัวกันอยู่ในห้อง ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่เหมือนกัน
หานมู่จื่อคิดอยู่สักพักนึง จากนั้นก็เปิดประตูเข้าไป หลังจากที่เข้าไปแล้วก็เห็นว่าทั้งสองคนนั่งกันอยู่บนพื้นที่ได้ปูพรมเอาไว้ แล้วมองหน้ากัน
อาจจะเป็นเพราะเธอเข้ามาผิดเวลา ในตอนนี้สองพ่อลูกต่างพากันไม่พูดอะไรกันออกมา
“พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่คะ?”
ได้ยินเสียงหานมู่จื่อ เสี่ยวหมี่โต้วก็ลุกขึ้นมาจากพื้นทันที จากนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปหาเธอ
“หม่ามี๊~”
ตาก็มองอยากจะกระโจนขึ้นไปกอดขาเธอเอาไว้ แต่ในตอนที่กำลังจะเข้าไปใกล้ร่างหานมู่จื่อนั้นกลับต้องหยุดลง
อ๊าก!
หลังจากที่เสี่ยวหมี่โต้วหยุดไปก็มองหานมู่จื่อที่อยู่ตรงหน้าเขา นึกถึงเรื่องที่แด๊ดดี้พูดกับเขาเมื่อครู่นี้
“ต่อไปนายไม่สามารถเข้าหาหม่ามี๊ของนายซี้ซั้วได้แล้วนะ”
เสี่ยวหมี่ได้ยินอย่างนั้น ก็เอ่ยถามอย่างไม่ยอมเสียให้ได้ออกมาทันที “ทำไม?”
แด๊ดดี้นิสัยไม่ดีคนนี้ ทำไม่ดีกับหม่ามี้ของเขาก็เรื่องนึงแล้ว นี่คิดจะไม่ให้เขาเข้าใกล้หม่ามี๊อีก!
เย่โม่เซินเอ่ยเสียงเย็นออกมา “คำพูดเมื่อกี้นี้นายไม่ได้ยิน? หม่ามี๊ของนายมีน้อง หลังจากนี้ไปนายไม่สามารถทำเหมือนเมื่อก่อนที่จะให้เธออุ้ม หรือไม่ก็กระโจนใส่ร่างของเธอได้แล้ว เข้าใจมั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้วโกรธอย่างมาก แต่จะไม่ยอมมันก็ไม่ได้เพราะที่แด๊ดดี้ของเขาพูดมามันก็ถูก คำพูดเมื่อกี้นี้ของส้งอานเขาเองก็ได้ยินมันทั้งหมด
ตอนนี้สุขภาพของหม่ามี๊ไม่ดีจริงๆ ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่สามารถให้หม่ามี๊อุ้มเขาเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว
น่าโมโหเสียจริง!
เสี่ยวหมี่โต้วคิดอยู่สักพักนึง จากนั้นก็เอ่ยกับเย่โม่เซินออกไป
“ผมไม่เข้าใกล้หม่ามี๊ซี้ซั้วแล้วก็ได้ งั้นแด๊ดดี้ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ผมก็แค่เด็กคนนึง แต่แด๊ดดี้เป็นผู้ชายตัวโตคนนึง แด๊ดดี้ก็เข้าใกล้หม่ามี้ซี้ซั้วไม่ได้เหมือนกันนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วออกมาทันที
“ฉันมีขอบเขตน่า”
“ไม่ได้!”
ในตอนที่ทั้งสองคนพ่อลูกกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพราะเรื่องนี้อยู่นั้นเอง หานมู่จื่อก็เปิดประตูเข้ามา จึงทำให้ทั้งสองพ่อลูกร่วมกันเงียบเสียงลงพร้อมกันด้วยความสามัคคีกันเป็นพิเศษ
ถึงอย่างไรบทสนทนานี้ ก็อย่าให้หม่ามี๊ได้ยินเสียดีกว่า
แต่ในตอนที่เห็นหานมู่จื่อ เสี่ยวหมี่โต้วก็คิดอยากจะวิ่งเข้าหาหม่ามี๊ อยากให้เธออุ้มสักหน่อย
แต่ผลสุดท้ายในตอนที่รีบวิ่งเข้าไปหาเธอ จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็นึกถึงบทสนทนาเมื่อกี้นี้ของพวกเขาสองคนขึ้นมา
หานมู่จื่อเองก็มองเสี่ยวหมี่โต้วอย่างไม่เข้าใจ
“เป็นอะไรไป?”
ทั้งๆที่เด็กคนนี้เตรียมที่จะเข้ามากอดเธอไม่ใช่หรอ ทำไมจู่ๆถึงได้หยุดไป นี่ทำให้หานมู่จื่อรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมา
ดวงตาใสของเสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาออกมา เอ่ยพูดอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ “เมื่อกี้นี้แด๊ดดี้บอกกับเสี่ยวหมี่โต้วว่าตอนนี้หม่ามี๊กำลังมีน้อง ก็เลยไม่สามารถเข้าหาหม่ามี๊ตามใจชอบได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นอันตรายกับน้อง”
หานมู่จื่อ “…”
เธอจึงมองไปยังเย่โม่เซินทันที
นึกไม่ถึงว่าพวกเขาสองคนพ่อลูกจะอยู่ข้างในนี้เพื่อคุยเรื่องนี้กัน?
“ไม่เป็นไร เพียงแค่เสี่ยวหมี่โต้วไม่ชนเข้ามาที่ท้อง หม่ามี๊ก็ไม่เป็นไรแล้ว” หานมู่จื่อยื่นมือออกไปลูบหัวเสี่ยวหมี่โต้วเบาๆ หัวเราะเบาๆพร้อมทั้งย่อตัวลงไป
ต่อจากนั้น เสี่ยวหมี่โต้วกลับส่ายหน้าออกมาด้วยใบหน้าไร้เดียงสา สายตาปรากฏความมาดมั่นออกมา
“ไม่ได้นะหม่ามี๊ ผมตกลงกับแด๊ดดี้เรียบร้อยแล้ว ผมกับแด๊ดดี้จะไม่อาจเข้าใกล้หม่ามี๊ซี้ซั้วได้”
เย่โม่เซินที่ถูกเอ่ยชื่อถึงก็ได้ตากระตุกออกมาเล็กน้อย หรี่ตาคู่นั้นไปอย่างร้ายกาจ เขาเคยพูดคำนั้นไปตอนไหน? เฮอะ ดูท่าแล้วเจ้าเด็กนี่ช่างเจ้าเล่ห์เสียจริง
เมื่อคิดได้อย่างนั้น เย่โม่เซินก็ลุกขึ้นเข้าไปอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นมาทันที
“อืม ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว”
เสี่ยวหมี่โต้ว “…”
จู่ๆแด๊ดดี้ก็ยอมรับออกมาต่อหน้าหม่ามี๊? อ๋าาา เสี่ยวหมี่โต้วคาดเดาได้ทันทีเลยว่าแด๊ดดี้จะต้องไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกไปแน่ๆ
ในตอนที่เขาเตรียมจะพูดอะไรออกไป หานมู่จื่อก็ได้พูดขัดออกมาเสียก่อน
“เสี่ยวเหยียนต้มบะหมี่แล้ว ออกไปกินกันสักหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวก็จะได้พักผ่อน”
“ครับ”
เย่โม่เซินยิ้มออกมาเล็กน้อย เอื้อมมือออกมาบีบแก้มเสี่ยวหมี่โต้วเบาๆ แล้วอุ้มเขาออกไป
คำพูดที่เสี่ยวหมี่โต้วคิดจะพูดออกไปได้ถูกเย่โม่เซินบีบจนหายไปเสียอย่างนั้น ทำได้แค่เพียงมองจ้องหน้าเย่โม่เซิน พร้อมกดเสียงต่ำออกมา
“แด๊ดดี้นิสัยไม่ดี!”
ริมฝีปากเย่โม่เซินแสยะยิ้มออกมาจางๆ นัยน์ตาดำสนิทแสดงความสะใจออกมา
เด็กนี่คิดอยากจะเล่นกับเขา ไม่คิดดูเลยว่าใครเป็นพ่อ?
เสี่ยวหมี่โต้วยกมือขึ้นกอดอก ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
ครั้งนี้ยอมปล่อยเขาไปแล้วกัน ลูกผู้ชายสิบปีล้างแค้นก็ยังไม่สาย เขาจะต้องให้แด๊ดดี้รู้ว่าเขาเสี่ยวหมี่โต้วนั้นไม่ใช่ใครที่จะมาหาเรื่องเขาได้ง่ายๆ
พวกเขานั่งกินบะหมี่กัน
เดิมทีคืนส่งท้ายปีเก่าอย่างนี้ ทุกคนก็ควรจะรวมตัวกันกินอาหารที่รวมกันอยู่เต็มโต๊ะด้วยกัน ผลก็คือเพราะเรื่องไม่คาดคิดแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นมา ตอนนี้ก็เลยกลับต้องมากินบะหมี่กันอยู่ที่นี่
แต่ดีที่ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเหยียนไม่เลวเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นการใส่บะหมี่ลงต้ม แต่ก็มีรูปรสกลิ่นสีที่ครบถ้วน
กินมื้อเย็นเสร็จ เย่โม่เซินก็ยกเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นมาสู่อ้อมแขนของตัวเอง “ไปอาบน้ำ”
เสี่ยวหมี่โต้ว: เขายังไม่ทันได้กินเสร็จเลยมั้ยล่ะ??
เสี่ยวเหยียนเห็นเย่โม่เซินและเสี่ยวหมี่โต้วดูสนิทสนมกันอย่างนั้นแล้วก็เข้าไปกอดแขนของหานมู่จื่อ พร้อมเอ่ยออกไปอย่างออดอ้อน “มู่จื่อ พวกเขาพ่อลูกดูเหมือนว่าจะเข้ากันได้ดีทีเดียว ไม่งั้นแล้วคืนนี้เธอก็นอนกับฉันสิ?”
พูดจบ เสี่ยวเหยียนก็แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาอันดุดันของเย่โม่เซิน หลบสายตาไปทันที
แต่หานมู่จื่อกลับพยักหน้าตอบตกลงออกมาอย่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย “ได้สิ”
เซียวซู่ที่นั่งอยู่ข้างๆก็แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะๆออกมาพวกนั้น นั่งกินส่วนของตัวเองไปอย่างเงียบๆ
*
ตกดึก
หานมู่จื่อนอนอยู่บนเตียง บริเวณรอบๆเงียบสนิท มีเพียงแค่เสียงลมหายใจที่ดังออกมาเรื่อยๆของเสี่ยวเหยียนที่นอนอยู่ข้างๆ
เธอหันไปมองข้างนอกหน้าต่าง รอบๆล้วนตกไปด้วยความเงียบสงบ
ในเวลานี้เธอควรจะนอนได้แล้ว แต่…ใจของเธอกลับยังโจมตีร่างกายของเธอออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ แวบผ่านเข้ามาในหัวไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับการขี่ม้าชมไฟ
เสี่ยวเหยียนบอกว่าอยากนอนกับเธอ ก่อนนอนก็ดึงเธอมาพูดคุยกันมากมาย แล้วยังพูดออกมาว่าคืนนี้คงไม่ต้องนอนกันแล้ว
แต่เพียงแวบตาเดียว เธอก็หลับไปแล้ว
ดีจริงๆ
หานมู่จื่อเองก็หวังว่าเธอจะทำอย่างนี้ได้บ้างเหมือนกัน แต่อารมณ์ของเธอกลับยังไม่สงบลงเลย
หานมู่จื่อพลิกตัวแล้วลุกขึ้นมานั่ง
ทันใดนั้นเองก็รู้สึกหิวน้ำขึ้นมา ไปดื่มน้ำสักหน่อยดีกว่า
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว หานมู่จื่อก็ลุกขึ้นสวมรองเท้าเสร็จก็เดินย่องออกไปข้างนอก
หลังจากที่ออกมาจากห้องแล้วนั้น หานมู่จื่อก็ปิดประตูลงไปเบาๆ เธอไม่ได้เปิดไฟห้องรับแขก เดินคลำหาทางท่ามกลางความมืดไปยังห้องครัว
หลังจากที่เดินมาถึงห้องครัวแล้วนั้น หานมู่จื่อก็ใช้แสงจากไฟที่อยู่ทางด้านนอกหน้าต่างในการรินน้ำอุ่นใส่แก้วให้ตัวเอง แล้วดื่มเข้าไปหลายอึก
จนเธอดื่มไปได้ประมาณนึงแล้วนั้น ในขณะนั้นเองก็มีความรู้สึกอิ่มท้องขึ้นมา หานมู่จื่อจึงได้วางแก้วลงไปที่เดิม หันหลังเตรียมเดินออกไป
ในตอนนั้นเอง จู่ๆตรงหน้าเธอกลับมีเงาดำสูงใหญ่ร่างหนึ่งแวบผ่านเข้ามา
ไม่รอให้เธอได้ตอบอะไรออกมา เงาดำนั้นก็ได้เข้ามาปกคลุมร่างของเธอ ดึงร่างเธอเข้าสู่อ้อมกอด
กลิ่นอายที่คุ้นเคยกระจายออกมามากมาย หานมู่จื่อนิ่งตกใจไปเล็กน้อย จนรู้ว่าคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นเป็นใคร
เย่โม่เซิน…
นึกไม่ถึงเลยว่า…เขาจะยังไม่นอนด้วยหรอเนี่ย?
เดิมทีหานมู่จื่อก็ยังนึกว่าจะมีแค่เธอที่นอนไม่หลับอยู่คนเดียวเสียอีก นึกไม่ถึงว่าเย่โม่เซินก็เป็นเหมือนเธอเช่นกัน
แล้วทำไมเขาถึงนอนไม่หลับล่ะ?
เป็นเพราะว่าตอนกลางวันเกิดเรื่องมากมายขึ้น? ยังไม่รู้ว่าจะยอมรับมันยังไงดี หรือว่าจะเป็นเพราะว่ารู้ว่าตัวเองมีลูกชายคนนึงแล้ว ก็เลยดีใจจนเกินไป?
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อก็เงยหน้าขึ้นไป “ทำไมคุณ…อื้อ…”
ทันทีที่เธออ้าปากพูดออกไป ริมฝีปากก็ถูกอีกฝ่ายครอบครองลงมาอย่างแรงท่ามกลางความมืดสนิท