บทที่928 คอแห้ง
ท่ามกลางความมืด
ในตอนที่มองไม่เห็นอะไรเลยนั้น ความรู้สึกมันจึงยิ่งทวีความดุเดือดขึ้นมามากขึ้น
บนร่างของหานมู่จื่อสวมเพียงชุดนอน ในตอนที่ถูกเย่โม่เซินกอดเข้าสู่อ้อมกอดของเขาไปนั้น ก็จะสามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนไหลผ่านออกมาจากร่างของเขาข้ามผ่านชั้นเนื้อผ้าเข้ามา
ร่างกายของเขาร้อนอย่างกับไฟ
บนริมฝีปากก็รุ่มร้อนออกมา หานมู่จื่อรู้สึกแค่เพียงริมฝีปากของเขานั้นได้บดขยี้เข้ามาซ้ำๆ สุดท้ายก็ยังรู้สึกไม่พอกับสิ่งนี้ มือใหญ่ก็บีบลงมาตรงขากรรไกรของเธอเบาๆ จากนั้นก็ผละออกไป
“อ้าปาก”
หานมู่จื่อ “…”
คุณจะจูบก็จูบ จะมาพูดทำไมอีก?
พูดก็พูดสิ จะมาเรียกร้องอะไรกันอีก?
หานมู่จื่อไม่ขยับ
“หืม?” ท่ามกลางความมืด เสียงแหบห้าวของเย่โม่เซินที่ผิดแปลกออกมา เหมือนกับไวน์แดงที่บ่มมานานไหลผ่านลำคอลงไป
เห็นเธอไม่พูดอะไรออกมา เย่โม่เซินจึงถือโอกาสนั้นจับคางของเธอเอาไว้ โน้มเข้าหาใบหน้าของเธอเข้าไปมากขึ้นแล้วจูบลงไปเบาๆ
“ทำไมไม่พูด?”
สุดท้ายหานมู่จื่อก็ทนไม่ไหวจนได้ “คุณพอได้แล้ว ให้ฉัน…”
ผลก็คือเขาได้ใช้ช่องว่างในตอนที่เธอได้เผลอพูดออกมานั้น ก้มลงมาจูบเธอ รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของเธอไปอย่างง่ายดาย
การหายใจของหานมู่จื่อแรงขึ้นมาทันที มือก็เข้าไปคว้าคอปกเสื้อของเย่โม่เซินเอาไว้ ร่างของเธอก็ได้แอบอิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ดวงตาปิดลง ขนตากระตุกออกมาเบาๆ
ผ่านไปได้สักพักนึง เย่โม่เซินก็ยกมือขึ้นมาจับผมดำสลวยที่อยู่ตรงท้ายทอยของเธอ ริมฝีปากบางก็ได้เคลื่อนออกไป พร้อมเอ่ยเสียงเบาออกมา “ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?”
“หา?”
ในตอนที่หานมู่จื่อมีสีหน้าเคลิ้มออกมา ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงเย่โม่เซินพูดออกมา แต่เธอได้ยินไม่ชัดว่ามีเนื้อหาว่ายังไง ทำได้เพียงตอบรับลวกๆออกไป
ท่าทางใสซื่ออย่างนั้น ทำเอานัยน์ตาดำสนิทของเย่โม่เซินเข้มลงหลายส่วน
แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้นั้น ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าจากห้องรับแขกดังเข้ามา ท่ามกลางความมืดสนิทนี้สามารถสังเกตได้อย่างชัดเจนมากกว่าปกติ ดวงตาคู่นั้นของเย่โม่เซินหรี่ลงเล็กน้อย กดพาร่างของหานมู่จื่อที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเข้าสู่อ้อมกอดของตัวเอง สายตามองจ้องไปด้านนอก
เสียงอ้อแอ้ของเด็กน้อยดังขึ้นมาจากห้องรับแขก
“แด๊ดดี้? ใช่แด๊ดดี้หรือเปล่า?”
เสียงของเสี่ยวหมี่โต้ว…
ในตอนที่ได้ยินเสียงนี้ เย่โม่เซินก็ได้นิ่วหน้าไม่พอใจออกมาทันที
เจ้าเด็กคนนี้…ทั้งๆที่เห็นว่านอนหลับไปแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงได้ตื่นขึ้นมาได้? และฟังจากเสียงเด็กนั่นแล้ว ก็คือกำลังเดินมาทางห้องครัว?
เด็กนั่นคิดจะทำอะไรกัน?
“แด๊ดดี้~”
ก่อนหน้านี้ยังพูดแด๊ดดี้เลวอย่างโน้นอย่างนี้อยู่เลย มาตอนนี้กลับเรียกแด๊ดดี้ออกมาอย่างสนิทสนม อีกทั้งยังปรากฏตัวออกมาในตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่มีแผนร้ายอะไรเย่โม่เซินก็ไม่กล้าที่จะเชื่อออกมาได้
เขานิ่วหน้าออกมามากขึ้นกว่าเดิม หานมู่จื่อที่อยู่ในอ้อมกอดนั้น กลับสะดุ้งได้สติกลับมาเพราะได้ยินเสียงเสี่ยวหมี่โต้วดังขึ้น
เสี่ยวหมี่โต้วมา?
ปฏิกิริยาที่ตอบสนองออกมาเป็นอย่างแรกของหานมู่จื่อนั่นก็คือผลักร่างของเย่โม่เซินที่กำลังกอดเธอเอาไว้ออกไป เนื่องจากเย่โม่เซินไม่ได้คาดคิดเอาไว้ จึงได้ถูกเธอผลักออกไป จากนั้นหานมู่จื่อก็ทำการจัดเสื้อผ้าตัวเองอย่างรีบร้อนทันที
ใบหน้าสวยแดงก่ำออกมาท่ามกลางความมืด
ใบหูและลำคอเริ่มร้อนขึ้นมา นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกเสี่ยวหมี่โต้วเห็นเข้ากับภาพที่เธอกับเย่โม่เซินแสดงความรักกันได้
ถึงแม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะเป็นแค่เด็กคนนึง แต่หานมู่จื่อก็หน้าบาง ยังรู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง
เย่โม่เซินที่ยังไม่คลายความปรารถนาของตัวเอง ถูกผลักออกไป คิ้วก็นิ่วขมวดกันแน่นขึ้นมาทันที ก้าวเข้าไปเอ่ยด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ต้องสนใจเขา เพียงแค่พวกเราไม่ส่งเสียงออกมา เขาก็ไม่รู้ว่าเราอยู่ตรงนี้กัน”
พูดจบมือใหญ่ของเขาโอบไหล่ของหานมู่จื่ออีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ หานมู่จื่อกลับไม่ยอมให้เขาได้โอบลงมาดังที่เขาได้หวังเอาไว้ แต่กลับผลักเขาออกห่างไปหลายก้าว พร้อมเอ่ยเสียงเบาว่า “อย่าเข้ามา ให้ลูกเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
เธอจัดเสื้อผ้าของตัวเองไปพลาง มองออกไปด้านนอกอย่างร้อนรนไปพลาง
และก็เป็นไปอย่างที่คิด เสียงของเสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ดังเข้ามาอีกครั้ง
“หม่ามี๊? หืม ผมเหมือนจะได้ยินเสียงหม่ามี๊นะ~ หม่ามี๊ หม่ามี๊หรือเปล่า?”
เย่โม่เซิน: เจ้าเด็กน่าตาย เจ้าเด็กนี่จงใจเห็นๆ
ได้ยินเสียงเสี่ยวหมี่โต้วดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หานมู่จื่อแทบจะมั่นใจได้เลยว่าเขาได้เดินมาเกือบจะถึงประตูทางเข้าห้องครัวแล้ว ในตอนที่เธอคิดจะเดินออกไป มือใหญ่จากข้างหลังก็ได้ดึงเธอกลับไปอีกครั้ง จนเธอต้องตกอยู่ในอ้อมแขนของเย่โม่เซินอีกครั้ง
ท่ามกลางความมืด เย่โม่เซินได้โอบกอดหานมู่จื่อเอาไว้ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ในตอนที่กำลังจะเอื้อมมือออกไปปิดประตูห้องครัว ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงแกรกดังขึ้น สวิตซ์ไฟภายในห้องครัวถูกคนกดเปิดขึ้นมา
ห้องที่มืดสนิทเมื่อสักครู่นี้ ในตอนนี้ก็ได้สว่างเหมือนกับตอนกลางวันขึ้นมาทันตาเห็น
“อ้า เจอแล้ว!”
เสี่ยวหมี่โต้วยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องครัว มือเล็กยังเอื้อมขึ้นไปที่สวิตซ์ไฟ
เขาเบิกตาที่เป็นประกายคู่นั้นมองไปยังหานมู่จื่อกับโม่เซินไปอย่างเหนือกว่า
หานมู่จื่อนิ่งอึ้งไปสักพัก ทันใดนั้นเองก็นึกขึ้นมาได้ว่าเธอยังถูกเย่โม่เซินโอบร่างเอาไว้ สีหน้าจึงเปลี่ยนไป รีบออกมาจากอ้อมแขนของเขาทันที
“เสี่ยวหมี่โต้ว”
เสี่ยวหมี่โต้วหันไป “หม่ามี๊ ดึกดื่นขนาดนี้หม่ามี๊กับแด๊ดดี้มาทำอะไรกันที่ห้องครัวอ่ะ?”
หานมู่จื่อ “…”
คำถามประเภทนี้ จะให้เธอตอบกลับไปยังไง? เธอพูดได้ด้วยหรอว่าเธอเพียงแค่อยากดื่มน้ำเท่านั้น แต่ผลสุดท้ายกลับถูกเย่โม่เซินดึงเข้าไปจูบเสียอย่างนั้นน่ะ?
แน่นอนว่าไม่ได้แน่ มันจะเป็นการสอนสิ่งที่ไม่ดีให้กับเด็ก
หานมู่จื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มจางๆ “บะหมี่ฝีมือเสี่ยวเหยียนของหนูมันค่อนข้างเค็ม หม่ามี๊นอนมาจนถึงกลางดึกก็รู้สึกหิวน้ำขึ้นมา ก็เลยออกมาดื่มน้ำ แล้วทำไมเสี่ยวหมี่โต้วถึงออกมาด้วยล่ะเนี่ย? หิวน้ำเหมือนกันใช่มั้ย?”
พูดจบ หานมู่จื่อก็แอบชมตัวเองอยู่ในใจ ฝีมือการพลิกสถานการณ์ไม่เลวเลยทีเดียว
บอกว่าบะหมี่ของเสี่ยวเหยียนค่อนข้างเค็ม เธอจึงออกมาดื่มน้ำ อีกเดี๋ยวถ้าเสี่ยวหมี่โต้วถามขึ้นมาว่าเย่โม่เซินมาทำอะไร หานมู่จื่อก็จะบอกได้ว่าเขาหิวน้ำ ก็เลยมาหาน้ำดื่ม ก็หมดเรื่องแล้วนี่?
แต่หานมู่จื่อกลับนึกไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะออกไพ่ต่างไปจากที่เธอได้คิดเอาไว้ ดวงตาที่ฉลาดหลักแหลมของเขากะพริบพร้อมเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา “แต่ทำไมน้าเสี่ยวเหยียนกับคุณอาเซียวถึงไม่ออกมาล่ะครับ”
หานมู่จื่อ “…”
เธอรู้สึกว่ารอยยิ้มตรงปากของเธอได้แข็งค้างไปเล็กน้อย บางครั้งการที่ลูกของเธอฉลาดเกินไปมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย ถ้าเขาเป็นเด็กทึ่มๆคนนึง เมื่อได้ยินคำพูดของเธอแล้ว ก็คงจะทำเพียงแค่พยักหน้าออกมา แล้วบอกว่าตนก็อยากดื่มเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเป็นสายสัมพันธ์แม่ลูกหรือว่าอะไร พอหานมู่จื่อคิดอย่างนี้ ทันใดนั้นเองเสี่ยวหมี่โต้วก็เอ่ยปากพูดออกมาทันที “หม่ามี๊ ผมก็อยากดื่มน้ำเหมือนกัน”
หานมู่จื่อเรียกสติกลับมา แล้วพยักหน้าออกไป “ได้สิ หม่ามี๊รินน้ำให้หนูเอง หนูรออยู่ตรงนี้”
พูดจบ หานมู่จื่อก็รีบเหยียดร่างลุกขึ้นไปรินน้ำให้เสี่ยวหมี่โต้วทันที
เมื่อแสดงแล้วก็ต้องแสดงมันออกไปให้สมบูรณ์ เธอจึงรินน้ำสองแก้ว แก้วนึงให้กับเย่โม่เซิน อีกแก้วนึงให้เสี่ยวหมี่โต้ว
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้นั่นก็คือ ในตอนที่เธอรินน้ำนั้น สายตาของเย่โม่เซินกับเสี่ยวหมี่โต้วทั้งสองคนสบเข้าหากัน จนเกิดการปะทะกันอย่างดุเดือด
หลังจากนั้นสักพักนึง เย่โม่เซินก็สามารถมั่นใจได้ว่าเจ้าเด็กนี่จงใจ
เขาแสยะยิ้มออกมา รอยยิ้มเต็มไปด้วยความครึ้มทะมึน
“นอนไปแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงตื่นขึ้นมาล่ะ?”
เสี่ยวหมี่โต้วแสดงสีหน้าใสซื่อออกมา “บะหมี่ของน้าเสี่ยวเหยียนเค็มมากเลยฮะ เสี่ยวหมี่โต้วก็เลยคอแห้งมากๆ คอแห้งจนตื่นขึ้นมาเลยฮะ~”
รอยยิ้มตรงริมฝีปากของเย่โม่เซินเยือกเย็นขึ้นมาหลายส่วน “งั้นหรอ?”
หานมู่จื่อได้ยินคำพูดนั้น ก็กระดากอายขึ้นมา
ความจริงฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเหยียนไม่มีที่ติเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็พอดิบพอดีไปเสียทุกอย่าง ตามจริงนั้นเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรโทษได้เลยจริงๆ
แต่นี่มันทำไมกัน?
พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูก ต่างคนต่างก็คอแห้งกันทุกคน?