บทที่930 คุณทำไม่ดีกับหม่ามี๊
เย่โม่เซินนั่งอยู่ไม่ขยับเขยื้อน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วกำลังจงใจจะออดอ้อนเขาอย่างนี้ต่อหน้าหานมู่จื่อ แต่ลูกชายของเขากำลังออดอ้อนเขา
เขาไม่มีกำลังต่อต้านออกไปเลยแม้แต่น้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
“แด๊ดดี้ ได้มั้ยครับ? แด๊ดดี้~~~”
ถึงแม้ว่าเสี่ยวหมี่โต้วจะเป็นเพียงเด็กผู้ชายคนนึง แต่การออดอ้อนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเด็กผู้หญิงเลย
คิ้วของเย่โม่เซินขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้ฝ่ามือใหญ่วางลงไปบนลำคอของเด็กน้อย กดเสียงต่ำออกไป “นายโตขนาดนี้แล้ว ยังให้ฉันอุ้มกลับไปอีกหรอ?”
“แต่ถึงยังไงผมก็ยังเป็นแค่เด็กคนนึงมั้ยล่ะ~” เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความใสซื่อและดูมีจิตใจดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่ดูไม่มีพิษมีภัยของเขานั้นแล้ว
มุมปากของเย่โม่เซินกระตุกออกมา เด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นเด็ก ก็เลยทำตัวกำเริบเสิบสานขึ้นมางั้นสิ?
ส่วนหานมู่จื่อน่ะหรอ? เธอหวังที่จะให้เสี่ยวหมี่โต้วและเย่โม่เซินทั้งสองคนพ่อลูกนี้ปล่อยวางอคติทั้งหมดที่มีลงไปโดยเร็ว ดังนั้นแล้วในตอนที่เสี่ยวหมี่โต้วเสนอคำขอนี้ต่อเย่โม่เซินออกมา เธอจึงรู้สึกว่าเสี่ยวหมี่โต้วนั้นช่างรู้จักเข้าใจคนอื่นเสียจริง
ดังนั้นแล้วในตอนที่เย่โม่เซินยังไม่ตอบรับออกมา หานมู่จื่อก็ได้เอ่ยพูดออกมาเสียก่อนแล้ว
“งั้นพวกคุณดื่มน้ำเสร็จ ก็รีบกลับห้องไปเถอะ เสี่ยวหมี่โต้วก็ให้แด๊ดดี้ของลูกอุ้มไปสิ”
ใบหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วเผยรอยยิ้มออกมา “โอเคครับหม่ามี๊”
เย่โม่เซิน “…”
เขามองเสี่ยวหมี่โต้วอยู่สักพักนึง ภายในใจก็ได้ทำใจยอมรับชะตากรรม
ช่างเถอะ ถึงยังไงอนาคตยังอีกยาวไกล ไม่ได้มีแค่คืนนี้เสียหน่อย
รอให้เขาได้โอกาส แล้วค่อยถามให้ชัดเจน
โชคดีที่ในตอนนี้ ได้มีเสียงฝีเท้าดังจากห้องรับแขกเข้ามา ทั้งสามคนนิ่งไปพร้อมกัน ไม่นานก็ได้ยินเสียงเซียวซู่ดังขึ้นมา
“เอ๊ะ ทำไมไฟห้องครัวถึงได้สว่างอยู่ล่ะเนี่ย?”
เซียวซู่ลุกขึ้นมาหาน้ำดื่ม ในตอนที่กำลังจะไปที่ห้องครัว ก็เห็นไฟห้องครัวกำลังสว่างอยู่ จึงเดินเข้าไปทางห้องครัว
ยังดีที่ในตอนนี้ เย่โม่เซินได้เอื้อมมือออกไปหิ้วร่างเสี่ยวหมี่โต้วเข้ามาเหน็บเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง เมื่อเหน็บเข้าไปแล้วก็ได้เดินออกไปข้างนอกทันที เสียงร้องตะโกนของเสี่ยวหมี่โต้วดังออกมาจากอ้อมแขน “อ้ากก แด๊ดดี้นิสัยเสีย ปล่อยผมลงไปนะ!”
เย่โม่เซินหลุบสายตาลง “อยากให้แด๊ดดี้อุ้มกลับห้องไม่ใช่หรือไง? แด๊ดดี้กำลังอุ้มหนูกลับห้องอยู่นี่ไง”
เสี่ยวหมี่โต้ว “แด๊ดดี้เลว คุณอุ้มที่ไหนกัน? หม่ามี๊ แด๊ดดี้รังแกผม!”
หานมู่จื่อขมวดคิ้วสวยมองเย่โม่เซิน
“เขายังเด็ก คุณอ่อนโยนกับเขาหน่อยสิ”
เย่โม่เซิน “…ได้ครับ”
เขาปรับท่าเสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เสี่ยวหมี่โต้วได้เอ่ยฟ้องออกมาอีก ได้หอบหิ้วเขาออกไปจากห้องครัวทันที
ได้ทักทายกับเซียวซู่ที่กำลังเข้ามาในห้องครัวพอดี
เห็นเสี่ยวหมี่โต้วที่เหน็บอยู่ที่แขนของเย่โม่เซิน เซียวซู่นิ่งอึ้งไปสักพักนึง จากนั้นก็เอ่ยพูดออกมา “คุณชายเย่ เป็นอะไรกันครับ?”
“พวกเราหิวน้ำกันกลางดึก ตื่นขึ้นมาดื่มน้ำ พวกเขาดื่มกันเสร็จแล้ว กำลังจะกลับห้อง แล้วนายล่ะเซียวซู่?””
ประมาณว่าเรื่องที่ทำกับเย่โม่เซินในครัวเมื่อกี้นี้ได้ทำเอาเธอกินปูนร้อนท้องขาดความมั่นใจไปโดยปริยาย จึงไม่รอให้เย่โม่เซินเอ่ยออกมา หานมู่จื่อก็ได้ชิงตอบไปก่อนแล้ว
หลังจากที่ชิงตอบออกไปเสร็จ เธอยิ้มแล้วมองไปทางเย่โม่เซินกับเสี่ยวหมี่โต้วเล็กน้อย
“เอาล่ะ อากาศค่อนข้างหนาว พวกคุณรีบกลับห้องไปนอนเถอะ ฉันเองก็เตรียมจะกลับห้องแล้วเหมือนกัน”
“อย่างนี้…” เซียวซู่เกาหัวตัวเองเบาๆ “ผมเองก็ตื่นขึ้นมาดื่มน้ำเหมือนกันครับ”
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คืนนี้รู้สึกคอแห้งหิวน้ำกว่าปกติ ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเปิดฮีตเตอร์ในห้องสูงไปหรือเปล่า? หรือไม่ก็เป็นเพราะหลังจากที่ได้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอน ๆมาที่นี่ แล้วยังไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักแก้วกัน?
รู้สึกว่าความคิดหลังค่อนข้างที่จะน่าเชื่ออยู่ เซียวซู่คิด
“คุณอาเซียว คุณลุงก็มาดื่มน้ำเหมือนกันหรอครับ พวกเราเพิ่งดื่มเสร็จพอดีเลย~”
“บังเอิญจัง…”
หานมู่จื่อรีบเบียดตัวเดินออกไปทางห้องนอนทันที เย่โม่เซินเองก็ได้หิ้วพาเสี่ยวหมี่โต้วออกไปเหมือนกัน
เพียงไม่นาน ในที่แห่งนั้นก็เหลือแค่เซียวซู่เพียงคนเดียวทันที
เซียวซู่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องครัวที่สว่างไสวออกมาเพียงผู้เดียว แสดงสีหน้าโง่งมออกมา ผ่านไปได้สักพักกว่าเขาจะก้มหน้าเดินเข้าไปด้านในห้องครัว คิดไปพลางว่าครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกของคุณชายเย่ช่างสามัคคีกันเสียจริง หิวน้ำก็ยังหิวพร้อมกัน
หลังจากที่หานมู่จื่อกลับห้องมา ในตอนที่เข้าประตูก็ได้เปิดประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง ในตอนที่หันไปก็เห็นเข้ากับเงาดำที่อยู่ตรงหน้า ทำเอาเธอตื่นตกใจขึ้นมา
“ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เธอทำลับๆล่อๆอะไรกัน?”
เสียงเสี่ยวเหยียนดังขึ้นมาจากทางด้านหน้า
ด้วยแสงจันทร์จางๆจากข้างนอกหน้าต่างหานมู่จื่อจึงเห็นเสี่ยวเหยียนยืนคลุมปลอกผ้านวมอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทางที่หนาวมาก
“ออกไปดื่มน้ำ”
เสี่ยวเหยียน “…ฉันก็หิวน้ำเหมือนกัน”
หานมู่จื่อ “???”
นี่มันเรื่องอะไรกัน? พวกเธอพากันหิวน้ำพร้อมกันหมดเลย? หรือว่าฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเหยียนเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ? ทุกคนก็เลยหิวน้ำขึ้นมาพร้อมกันหมดเลย?
“เออ ในครัวมีน้ำร้อนใช่มั้ย?”
“อืม”
หานมู่จื่อพยักหน้าออกมา เสี่ยวเหยียนก็ห่มปลอกผ้านวมเดินผ่านร่างเธอออกไป จากนั้นก็เปิดประตูออกไป ดูเหมือนว่าเธอจะยังสะลึมสะลืออยู่ กว่าจะเปิดประตูออกไปได้ก็ใช้เวลาอยู่นาน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ปิดประตูลงอีก
หานมู่จื่อก็มองเธอห่มปลอกผ้านวมเดินลับออกไปด้านนอก
เดิมทีเธออยากจะบอกเสี่ยวเหยียนว่าตอนนี้เซียวซู่กำลังอยู่ที่ห้องครัว แต่พอลองคิดดูแล้ว…ก็เหมือนกับว่าจะไม่ได้มีอะไรให้ต้องเตือนเลย
เธอกับเซียวซู่ไม่ได้มีความแค้นเคืองอะไรกันสักหน่อย
เมื่อคิดได้อย่างนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ปิดประตูลง จากนั้นก็สอดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่อุ่นสบาย
หลังจากที่นอนอยู่นาน ใจก็สงบนิ่งลงอย่างมาก ในหัวก็มีภาพเย่โม่เซินอุ้มเสี่ยวหมี่โต้วผุดขึ้นมา หวังว่าหลังจากนี้ทั้งสองพ่อลูกจะเข้ากันได้ดีต่อไปเรื่อยๆ ครั้งนี้หานมู่จื่อได้นอนหลับไปอย่างรวดเร็ว
อีกด้านนึงนั้น หลังจากที่เย่โม่เซินหิ้วร่างของเด็กน้อยกลับห้องไป ก็ได้วางเขาลงไปบนเตียง พร้อมเอ่ยเสียงเย็นออกไปว่า “นายจงใจใช่มั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้วเมื่อก้นแตะลงไปบนเตียง ก็รีบคลานเข้าไปในผ้าห่มทันที จากนั้นก็เบิกดวงตาใสซื่อบริสุทธิ์มองไปยังเย่โม่เซิน “แด๊ดดี้ แด๊ดดี้พูดอะไรกัน?”
เย่โม่เซินมองใบหน้าของคนตรงหน้าที่เหมือนกับเขาอย่างกับแกะ แต่ในตอนนี้กลับใช้สายตาและสีหน้าใสซื่อไร้เดียงสาอย่างนั้นออกมา เมื่อเทียบกันแล้วเหมือนกับว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายคนนึงไม่มีผิด
เขาหรี่ตาออกมา โน้มตัวเข้าไปหยิกแก้มของเสี่ยวหมี่โต้ว
“ไม่ต้องมาทำเป็นแกล้งโง่ไปหน่อยเลย ความฉลาดของนายไม่ได้ตรงกับช่วงอายุนี้เลย”
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนพ่อลูกจะเพิ่งรู้จักกัน ระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันไม่นานนัก แต่เย่โม่เซินมีหรือที่จะมองไม่ออกว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กธรรมดาทั่วไป?
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าทำไมความคิดของเขาถึงได้เป็นผู้ใหญ่อย่างนี้ แต่…ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวกับสิ่งที่เคยพบเจอมา
ตัวเขา เมื่อก่อนนั้นได้ทำผิดต่อพวกเขาแม่ลูกหรอ?
ไม่อย่างนั้นเสี่ยวหมี่โต้วไม่มีทางจะทำอย่างนี้กับเขา ถึงแม้ว่าปากเขาจะพูดออกมาว่าไม่ได้ไม่ชอบเขา สนิทสนมใกล้ชิดกับเขา แต่พอได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็จะมีความรู้สึกต่อต้านเล็กๆจำพวกนั้นแผ่ออกมาจากร่างของเขาอย่างชัดเจน เย่โม่เซินสามารถรู้สึกถึงมันได้ลึกๆ
เสี่ยวหมี่โต้วกะพริบตาสบเข้ากับนัยน์ตาดำสนิทของเย่โม่เซินอยู่สักพักนึง
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพักนึงแววตาที่ไร้เดียงสาของเขาก็ได้หายไป จากนั้นก็เอ่ยออกมาว่า “คุณทำไม่ดีกับหม่ามี๊”
ถึงยังไงหม่ามี๊ก็ไม่อยู่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องแสดงออกไป แด๊ดดี้ตรงหน้าเขาคนนี้ถึงแม้ว่าจะรู้สถานะที่แท้จริงของเขาแล้วมันยังไง? ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาหม่ามี๊ก็เชื่อเขาทั้งนั้น ดังนั้นแล้วเพียงแค่แด๊ดดี้อยากได้ใจหม่ามี๊ ก็ต้องเอาใจเขาก่อน
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วออกมา “ฉันทำไม่ดีกับเธอ? คือหมายถึง…เมื่อก่อน?”
เรื่องเมื่อก่อน เขาได้ลืมมันจนหมดแล้ว
“อือ!” เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าออกมาแรงๆ มือเล็กได้ยกหมัดขึ้นมา “เมื่อก่อนแด๊ดดี้นิสัยไม่ดีมากๆ หม่ามี๊ต้องพบเจอกับความไม่เป็นธรรมมากมาย!”