บทที่935แดดดี๊โอเคมั้ยครับ
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ พริบตาเดียวตอนเที่ยงก็ผ่านไปแล้ว เย่โม่เซิน เซียวซู่และเสี่ยวหมี่โต้วต่างก็ยังไม่กลับมาเลย หานมู่จื่อเป็นห่วงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เธอหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาเย่โม่เซิน จะถามดูว่าพวกเขาไปไหนแล้ว
โทรไปครู่เดียว ก็มีคนรับสายแล้ว
ในสายมีเสียงแบ๊วๆก้องมา
“หม่ามี๊ครับ!”
เสียงของเสี่ยวหมี่โต้วก้องมาจากโทรศัพท์ ไม่นานก็แทรกซึมเข้าไปในใจของหานมู่จื่อ เธอถูกเสียงๆนี้กระทบจนมีรอยยิ้มขึ้นมา
“เสี่ยวหมี่โต้ว”
“หม่ามี๊” เสี่ยวหมี่โต้วเรียกเธออีกครั้ง จากนั้นก็เปิดปากถาม:“หม่ามี๊ร้ายจริงๆเลย มีเบอร์ของเสี่ยวหมี่โต้วอยู่แท้ๆ ทำไมถึงโทรหาแค่แดดดี๊?หม่ามี๊ลำเอียงหรือเปล่า? รักแค่แดดดี๊ ไม่รักเสี่ยวหมี่โต้วใช่มั้ย?”
ดูฟังคำพูดนี้เข้า ดวงตาสวยงามของหานมู่จื่อมีความจนปัญญาแว๊บผ่าน เธอยื่นมือนวดระหว่างของตัวเอง และพูดด้วยเสียงอ่อนโยน: “เด็กโง่ หม่ามี๊จะลำเอียงได้ยังไงครับ?”
เสี่ยวหมี่โต้วกับเย่โม่เซิน คือผู้ชายสองคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอ ไม่มีแบ่งแยกว่าใครสำคัญกว่า
แน่นอน ถ้าครั้งนี้เธอยังท้องเด็กผู้ชายอีก งั้นผู้ชายที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอก็จะเพิ่มมาอีกคน แต่ว่าสำหรับหานมู่จื่อในตอนนี้ เธออยากให้ครรภ์นี้เป็นลูกสาวมากกว่า
ถ้าเป็นผู้หญิง งั้นเธอกับเย่โม่เซินก็มีลูกชายกับลูกสาวครบแล้ว
พ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว
แค่คิดก็รู้สึกอบอุ่นใจมากแล้ว
“หม่ามี๊โกหก!หม่ามี๊บอกว่าไม่ได้ลำเอียง แต่หม่ามี๊กลับไม่โทรหาเสี่ยวหมี่โต้ว!”
เสี่ยวหมี่โต้วที่อยู่ในสายยังร้องเรียนเธอ
“เอาล่ะ อย่าโกรธเลยนะ คราวหน้าหม่ามี๊โทรหาเสี่ยวหมี่โต้ว โอเคมั้ยครับ?”
“ไม่ได้! ต่อไปหม่ามี๊ต้องโทรหาเสี่ยวหมี่โต้วคนเดียวเท่านั้น”
ก็แค่เด็กน้อย หานมู่จื่อเลยตามใจเขา “โอเค หม่ามี๊รับปากครับ”
แต่ไม่นาน เสี่ยวหมี่ก็โต้วไม่พึงพอใจกับเงื่อนไขที่หานมู่จื่อรับปากว่าจะโทรหาตัวเอง เขาจับมือถือไว้นั่งอยู่บนตักของเย่โม่เซิน จู่ๆเงยหน้ามองเย่โม่เซินทีหนึ่ง
เย่โม่เซินที่ดูเอกสารอยู่ จู่ๆมีลางสังหรณ์ไม่ดี ตอนที่ก้มหน้าได้สบตากับดวงตาใสสะอาดของเสี่ยวหมี่โต้วพอดี
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วเปิดปากพูด
“หม่ามี๊ หม่ามี๊รักแดดดี๊มากกว่า หรือว่ารักเสี่ยวหมี่โต้วมากกว่าครับ?”
เย่โม่เซิน “……..”
แววตาที่เขามองเสี่ยวหมี่โต้วอันตรายขึ้นมาทันที แถมยังถึงขั้นหรี่ตาด้วย
แววตาเฉียบคมจ้องมองเสี่ยวหมี่โต้วไว้
เสี่ยวหมี่โต้วไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ยิ้มแฉ่งและเปิดลำโพงมือถือของเขาโดยตรง จะได้ให้คำพูดที่หานมู่จื้อพูดก้องเข้าไปในหูของเย่โม่เซินอย่างชัด
หานมู่จื้อได้ยินเสี่ยวหมี่โต้วถามแบบนี้ จึงพูดหลุดปาก: “ก็ต้องรักเสี่ยวหมี่โต้วมากกว่าอยู่แล้วครับ”
เธอก็ไม่ได้คิดมาก เพราะยังไงซะฝ่ายตรงข้ามเป็นแค่เด็ก อารมณ์เปลี่ยนแปลงบ่อย ดังนั้นแค่กล่อมเขาหน่อยก็โอเคแล้ว
อีกอย่าง เย่โม่เซินเป็นพ่อของเสี่ยวหมี่โต้วเชียวนะ ไม่ถือสาที่เธอพูดแบบนี้หรอก
คนเป็นพ่อ ต้องแบกรับหน้าที่ของความเป็นพ่อ!
“หม่ามี๊พูดจริงหรอครับ?”
“จริงสิครับ”
ไม่รู้เพราะอะไร หลังจาหหานมู่จื่อพูดเสร็จก็รู้สึกหนาวเย็นที่แผ่นหลัง เธอหดคอด้วยจิตใต้สำนึก รู้สึกค่อนข้างแปลกใจ
นี่เป็นอะไร?
ณ บริษัทตระกูลยู่ฉือ ในออฟฟิศของท่านประธาน
ตอนที่คำว่าก็ต้องรักเสี่ยวหมี่โต้วมากกว่าอยู่แล้วของหานมู่จื่อก้องมาจากมือถือ และก้องเข้าไปในหูของเย่โม่เซิน กลิ่นไอบนตัวเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นอันตราย เปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม สายตาที่จ้องเสี่ยวหมี่โต้วเฉียบคมมากเป็นพิเศษ
เซียวซู่ที่อยู่ข้างๆก็ย่อมรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดนี้ เพราะยังไงซะก็อยู่กับคุณชายเย่มานานหลายปี เขาสามารถบอกได้ว่ารู้นิสัยของคุณชายเย่เป็นอย่างดีมาก
แต่เขาไม่นึกเลยว่าคุณชายเย่จะเกิดความหึงและความโกรธ เพราะลูกชายของตัวเอง
มันก็อันนั้นเกินไปแล้วมั้ง? เซียวซู่เม้มปาก แต่ไม่กล้าพูดจา
“ขอบคุณครับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วรักหม่ามี๊ตลอดไปนะครับ งั้นเสี่ยวหมี่โต้ววางสายแล้วนะครับ”
ได้ยินเขาบอกจะวางสาย หานมู่จื่อค่อนข้างใจร้อน: “เดี๋ยวครับ”
เย่โม่เซินแววตาขยับ เธอเตรียมจะถามถึงตัวเองแล้วหรอ? คิดถึงตรงนี้แล้ว มุมปากของเย่โม่เซินยกขึ้นเล็กน้อย เพราะยังไงซะเบอร์มือถือเป็นของเขา เธอโทรหาเขา แสดงว่าตัวเองสำคัญสำคัญกว่าเสี่ยวหมี่โต้ว
ถึงเมื่อกี๊จะพูดแบบนั้น ก็เพื่อกล่อมเด็กเฉยๆ
อืม เขาไม่ควรถือสา
ยิ่งคิด รอยยิ้มที่มุมปากของเย่โม่เซินยิ่งอยู่ยิ่งกว้าง
“หม่ามี๊ ยังมีธุระอะไรหรอครับ?”
หานมู่จื่อ: “เสี่ยวหมี่โต้วทานข้าวหรือยัง? เสี่ยวหมี่โต้วยังเด็กอยู่ ต้องทานข้าวตรงตามเวลานะ ถ้าหิวข้าวอย่าลืมให้แดดดี๊พาไปทานของอร่อยนะรู้มั้ย? แล้วก็ ห้ามเลือกแต่ของที่ตัวเองชอบรู้มั้ย? ”
พูดถึงสุดท้าย น้ำเสียงของหานมู่จื่อได้เคร่งขรึมขึ้นเยอะเลย
“ได้ครับหม่ามี๊ เสี่ยวหมี่โต้วเป็นเด็กเชื่อฟังมาก ไม่เรื่องมากหรอกครับ”
“งั้นก็ดี” หานมู่จื่อที่อยู่ฝั่งนี้ฟังแล้ววางใจลง ถ้าตามการแสดงออกของเย่โม่เซิน ตอนที่เห็นหน้าของเสี่ยวหมี่โต้ว เขาน่าจะดูแลเสี่ยวหมี่โต้วได้ดีอยู่
“หม่ามี๊ยังมีธุระอะไรอีกมั้ยครับ?” เสี่ยวหมี่โต้วเห็นมุมปากของเย่โม่เซินมีรอยยิ้มประดับอยู่ รู้สึกตัวเองจำเป็นต้องโจมตีเขามาก ไม่งั้นแดดดี๊ไม่รู้หรอกว่าฐานะของเขาสู้ตัวเองไม่ได้
“ไม่มีแล้ว ลูกต้องเชื่อฟังนะ”
หลังจากพูดคำนี้ออกมา มุมปากของเย่โม่เซินแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง แววตามีความเหลือเชื่อแว๊บผ่าน
ไม่มีแล้ว?
เธอโทรศัพท์หาตัวเอง แต่ปรากฏว่าแค่เพื่อเสี่ยวหมี่โต้วเฉยๆ แม้แต่ถามตัวเองสักคำก็ยังไม่มี?
“โอเคครับ หม่ามี๊ งั้นผมวางสายแล้วนะครับ”
รอยยิ้มตรงมุมปากของเย่โม่เซินค่อยๆจางหายไป
“อืม บ๊ายบาย”
ตู๊ดๆๆ——
ครั้งนี้ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเย่โม่เซินได้จางหายไปอย่างสิ้นเชิง
เสี่ยวหมี่โต้วล็อกหน้าจอมือถือเสร็จ แล้วยื่นให้เย่โม่เซิ่นอย่างยิ้มแฉ่ง: “แดดดี๊ โทรศัพท์ครับ!”
เย่โม่เซินไม่ได้รับมือถือ นัยน์ตาดำเข้มจ้องใบหน้าละอ่อนของเจ้าตัวแสบอย่างไม่ขยับ เงียบสงบ อากาศก็เหมือนได้หยุดนิ่งไว้
หลังจากผ่านไปสักพัก เจ้าตัวแสบได้ยัดมือถือใส่อ้อมอกของเขาโดยตรง และพูดว่า: “เมื่อกี๊แดดดี๊ได้ยินหรือยังครับ? หม่ามี๊บอกว่ารักผมมากกว่า”
เย่โม่เซินย่อมรู้ลูกไม้ตื้นๆที่เจ้าตัวแสบคนนี้เล่นอยู่แล้ว แกล้งรับโทรศัพท์เอง จากนั้นก็แกล้งเปิดลำโพงต่อหน้าเขา แถมยังแกล้งให้หานมู่จื่อไม่เอ่ยถึงเขาด้วย
นี่คือกระตุ้นเขาหรอ?
หรือว่าแก้แค้น?
เพราะเมื่อก่อนตัวเองไม่ดีกับหานมู่จื่อ? เพราะฉะนั้นเจ้าตัวแสบรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนแม่ของเขา?
คิดไปคิดมา เหมือนก็มีความเป็นไปได้นี้อย่างเดียว
ถึงแม้เย่โม่เซินรู้ว่าเมื่อก่อนตัวเองทำเรื่องไม่ดีกับหานมู่จื่อไว้ ตัวเองก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะชดเชยให้ดีๆ แต่ว่าตอนนี้ความทรงจำของเขาขาดหายไป เขาจำไม่ได้เลยสักนิดว่าที่ผ่านมาเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ดูท่า เรื่องที่อยากฟื้นความทรงจำ คงต้องเร่งรีบหน่อยแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้เย่โม่เซินก็ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่ดี
ผู้หญิงคนนั้น บอกว่ารักเสี่ยวหมี่โต้วมากกว่ารักเขาก็แล้วไป ทำไมก่อนวางสายไม่ถามเขาสักคำ เธอยังจำได้มั้ยว่าคนที่ตัวเองจะโทรหาคือใคร?
คิดๆแล้วรู้สึกอัดอั้นในใจ รู้สึกไม่สามารถหายใจได้
“แดดดี๊โอเคมั้ยครับ?”
เสี่ยวหมี่โต้วใกล้เข้ามา และเสแสร้งถามประโยคหนึ่ง