บทที่ 937 บาดแผลบนร่างกายเป็นสัญลักษณ์ของผู้ชาย
นี่……เธอตาฝาดไปหรือเปล่า?
พี่หลินลืมตาโตค้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
เด็กคนนั้น ทำไมหน้าตาถึงได้เหมือนท่านประธานยู่ฉือเซินเปี๊ยะเลย?
ไม่ๆๆๆ ดูดีๆแล้วก็มีหลายที่ๆไม่เหมือนอยู่ ถึงแม้หน้าตาจะเหมือนมาก แต่แววตาและกลิ่นอายที่กระจายออกมารอบๆกลับไม่เหมือนกันเลยสักนิด
หรือว่านี่จะเป็นน้องชายฝาแฝดของท่านประธาน??
ในหัวของพี่หลินเกิดข้อคิดนี้เป็นอันดับแรก แต่ไม่นานก็ถูกเธอตัดความคิดนี้ออกไป ท่านประธานอายุปูนไหนแล้ว
จะมีน้องชายฝาแฝดอายุน้อยขนาดนี้ได้ยังไง
นั้น……ก็เป็นลูกของเขา
ตอนมาใหม่ๆ ทุกคนยังคิดว่าเขาสด ไม่นึกเลยว่า เขาจะมีลูกแล้ว?
ทันใดนั้น พี่หลินก็นึกถึงหานมู่จื่อขึ้นมาทันที
ยัยเด็กคนนั้นชอบท่านประธานไม่ใช่เหรอ?อีกทั้งยังอยู่กับท่านประธาน เธอรู้เรื่องนี้หรือเปล่านะ?
“พี่หลินครับ หลายวันนี้ผมหยุดพักงาน เรื่องงานในบริษัทต้องรบกวนพี่ดูแลแทนนะครับ”
รอจนกระทั่งเย่โม่เซินพูด พี่หลินถึงได้สติกลับมาเธอพยักหน้าอย่างมึนงง แววตาของเธอกลับอดไม่ได้หันไปมองใบหน้าน้อยๆของเสี่ยวหมี่โต้ว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ตัวเองจึงถามไปคำนึง
“ท่านประธานคะ เด็กคนนี้เป็น……”
ไม่ทันรอให้เย่โม่เซินอ้าปากพูด เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่วตอบคำถามของพี่หลินไป
“สวัสดีครับ คุณอาคนสวย ผมเป็นลูกของแดดดี๊ครับ~”
พี่หลินยืนอึ้งอยู่กับที่ ยืนมองเด็กน้อยที่หน้าตาหล่อเหลาใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารกับตัวเองอย่างเอ๋อๆ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?เด็กคนนี้อายุเพิ่งจะไม่กี่ขวบ อีกอย่างเขาเป็นลูกคนจีน ทำไมถึงพูดภาษาอังกฤษได้คล่องขนาดนี้?
เสี่ยวหมี่โต้วอธิบายให้เธอฟัง ราวกับเข้าใจความสงสัยของเธออย่างไงอย่างนั้น:“เมื่อก่อนหม่ามี๊ของผมอยู่ประเทศC ผมเลยฝึกพูดภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กแล้วครับ~”
ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง
ตอนที่เย่โม่เซินกับเซียวซู่ได้ยินเขาพูดภาษาอังกฤษ ทั้งสองคนก็รู้สึกแปลกใจ พอตอนนี้ได้ฟังเขาอธิบายแล้วก็เข้าใจ
ประเทศC?
เย่โม่เซินหรี่ตาลง นั่นเป็นที่ไหนกัน?เขาก็ยังจำอะไรไม่ได้อีกเช่นเคย
พี่หลินมองเด็กน้อยที่หน้าเอ็นดูตรงหน้า แล้วมองหน้าเย่โม่เซินทีนึงด้วยอารมณ์ซับซ้อน เธอนึกถึงหานมู่จื่ออีกครั้ง
เธอควรจะสาระแนถามท่านประทานดีมั้ยนะ?เพราะยังไงซะ เรื่องนี้มันไม่ยุติธรรมกับมู่จื่อสักเลย แต่เด็กคนนี้อยู่นี่ด้วย ถ้าเธอถามเขาเด็กก็อาจจะได้ยินด้วย
ระหว่างที่พี่หลินกำลังลังเลอยู่นั้น เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้พูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณอาคนสวยครับ พวกเราจะกลับบ้านแล้วนะครับ พบกันคราวหน้านะครับ~”
พี่หลินดึงสติกลับมา แล้วฉีกปากยิ้ม“ได้ค่ะ!”
เย่โม่เซินพยักหน้าให้กับพี่หลิน หลังจากนั้นก็พาเสี่ยวหมี่โต้วออกไปทางๆผ่านพิเศษ
มองเงาหลังที่พวกเขาเดินจากไป พี่หลินอดไม่ได้ที่จะมองเด็กน้อยอีกที
เป็นเด็กที่หน้าตาดีแถมยังพูดจามีมารยาทมากเลย
เด็กดีแบบนี้ ไม่รู้ว่าแม่จะเป็นคนยังไง?เฮ้อ จู่ๆเธอก็รู้สึกเศร้าใจแทนมู่จื่อ แต่ทุกคนต่างก็มีวาสนาเป็นของตัวเอง ฝืนบังคับกันไม่ได้
พอนึกถึงแบบนี้แล้ว พี่หลินก็ได้เดินไปจัดการงานของตัวเองต่อ
เย่โม่เซินได้พาเสี่ยวหมี่โต้วไปทานข้าว พอสั่งอาหารเสร็จ จู่ๆเสี่ยวหมี่โต้วก็บ่นว่าจะเข้าห้องน้ำ เซียวซู่รีบลุกขึ้นมา :“คุณชายน้อย ผมไปเป็นเพื่อนคุณชายน้อยครับ ผมก็จะไปเข้าห้องน้ำอยู่พอดี”
เสี่ยวหมี่โต้วพยักหน้าโดยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ปล่อยให้เซียวซู่จูงมือของเขาเดินไปพร้อมกัน
เย่โม่เซินมองทั้งสองคนเดินไปด้วยกัน สายตาของเขาจู่ๆจ้องอยู่ที่เซียวซู่
ก่อนหน้าที่พบกัน เขาพูดว่าเขาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของเขา ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็ควรเป็นคนที่เข้าใจเขามากถึงจะถูกอีกอย่าง เขายังชอบที่จะอยู่กับตัวเอง
นั้นถ้าเป็นเขา ก็คงไว้ใจได้
เซียวซู่……
เซียวซู่……
เย่โม่เซินได้เรียกชื่อของเขาอยู่ในใจ พยายามนึกภาพหน้าของเขา ไม่นาน ในหัวก็มีภาพฉากๆที่เกี่ยวกับเซียวซู่ผ่านเข้ามา
แต่ไม่นาน ภาพเหล่านี้ก็เหมือนถูกพายุพัดหายไปอย่างเร็ว เร็วจนเขาไม่สามารถคว้ามันเอาไว้ได้เลย
เย่โม่เซินพยายามนึกย้อน
ตอนที่เซียวซู่และเสี่ยวหมี่โต้วเข้าห้องน้ำเสร็จกลับมา เซียวซู่สังเกตเห็นสีหน้าของเย่โม่เซินยิ่งไม่น่าดู ดูซีดเซียว
แม้แต่ริมฝีปากก็ยังกลายเป็นสีม่วง
นี่……มันเกิดอะไรขึ้น?
แค่ไปห้องน้ำมาแป๊บเดียว เกิดอะไรขึ้นนั้นเหรอ?
แต่ว่าเสี่ยวหมี่โต้วอยู่ที่นี่ด้วย เซียวซู่ไม่กล้าถามตรงๆ ได้แต่ถามอย่างอ้อมๆ
“คุณชายเย่ครับ?”
ได้ยินเสียงของเซียวซู่แล้ว เย่โม่เซินอึ้งไปครู่นึง จากนั้นรีบเงยหน้ามองไปทางเซียวซู่
ทั้งสองคนสบตากัน เซียวซู่เห็นสีหน้าของเย่โม่เซินดูแย่ลงอีก ดูหนักกว่าที่เขาคิดไว้ ทันใดนั้นสีหน้าของเซียวซู่ก็เริ่มไม่ดี เมื่อมองสีหน้าของเย่โม่เซินเต็มไปด้วยความกังวล
“ห้องน้ำคนเยอะมั้ย?”เขาขยับริมฝีปากบางของเขาถาม
เซียวซู่ใส่หัว:“ไม่ครับ”
“อืม”
เย่โม่เซินได้ยินแล้วลุกขึ้นเดินออกไปทางออก
เสี่ยวหมี่โต้วไม่ทันหันไปมองสีหน้าของเย่โม่เซิน เลยไม่ได้สังเกตอาการของเย่โม่เซินในตอนนี้ แต่ว่าหลังจากที่เย่โม่เซินเดินออกไปไม่นาน เสี่ยวหมี่โต้วเห็นสีหน้าของเซียวซู่กังวลขึ้นมาอย่างชัดเจน อดไม่ได้ถาม:“คุณอาเซียวครับ แดดดี๊ของผมก็แค่ออกไปเข้าห้องน้ำแค่นี้ ทำไมสีหน้าของคุณอาถึงดูกังวลแบบนี้ล่ะครับ?”
เซียวซู่:“……มีหรอ?ไม่หรอกมั่ง?”
พูดจบ เขาก็บีบยิ้มน่าเกลียดใส่เสี่ยวหมี่โต้วทีนึง
เสี่ยวหมี่โต้ว:“คุณอาเซียวอย่ายิ้มเลยครับ น่าเกลียดมากเลยครับ”
เดิมที หน้าของเขาก็มีแผลอยู่แล้ว แผลนั้นทำให้หน้าของเขาดูดุร้ายกว่าเดิม ตอนนี้ ที่เขาฝืนยิ้มให้กับเสี่ยวหมี่โต้ว สีหน้านั้นดูไม่ได้เลย!
ถ้าไม่ใช่กลัวว่าจะทำร้ายจิตใจของลูกผู้ชายอย่างเขา เสี่ยวหมี่โต้วคงอยากจะล้อเขาให้ฟันร่วงไปเลย
ฟังเขาพูดแล้ว เซียวซู่รีบเก็บรอยยิ้มบนหน้า ถึงจะไม่คิด แต่มือได้ไปจับแผลที่อยู่บนหน้าตัวเองอย่างไม่รู้ตัว พูดด้วยรอยยิ้ม พูดอย่างจะร้องไห้ก็ไม่ใช่หัวเราะก็ไม่ใช่:“ขอโทษนะครับ ตอนคุณอาเซียวยิ้มแล้วแผลทำให้ตกใจใช่หรือเปล่า?”
ได้ยินแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วเอียงหัวแล้วใส่หัวปฏิเสธ
“ไม่ใช่แผลนะครับคุณอาเซียว มันเกี่ยวกับรอยยิ้มของคุณอาเมื่อกี๊ดูฝืนใจมากต่างหาก~”พูดจบ เสี่ยวหมี่โต้วก็ยิ้มให้เขาทีนึง“อีกอย่างนะครับคุณอาเซียว แผลของคุณอาไม่ได้น่าเกลียดเลยครับ ไม่ได้ทำให้คนตกใจหรอกนะครับ!”
เซียวซู่อึ้งไป“ไม่น่าเกลียด?เป็นไปได้ไง?”
เขาไม่รู้ความจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
รอยแผลนี่ ดูผิวเผินอาจอยู่บนหน้า แต่แท้จริงแล้วอยู่ในส่วนลึกในใจของเขา
“ไม่น่าเกลียดจริงๆครับคุณอาเซียว หรือว่าคุณอาไม่เคยได้ยินคำๆนี้หรอกครับ?”
คงเป็นเพราะดูใจของเขาออก เสี่ยวหมี่โต้วเลยอยากจะปลอบใจเขา
ได้ยินแบบนี้แล้ว เซียวซู่อึ้งไปครู่นึง มองลงมาที่เขา:“คำอะไร?”
“แผลบนร่างกาย เป็นสัญลักษณ์ของผู้ชาย”
“……”
เซียวซู่อึ้งนิ่งไป ไม่นึกเลยว่าคำๆนี้ เสี่ยวหมี่โต้วจะเป็นคนบอกเขาเอง
“ถึงแผลของคุณอาเซียวซู่จะอยู่บนหน้า แต่ก็ถือเป็นสัญลักษณ์ด้วยนะครับ คุณอาเซียวซู่หล่อมากเลยนะครับ~ไม่ต้องรู้สึกอายเพราะแผลนี้เลยนะครับ!”
หลังจากได้ฟังคำเหล่านี้แล้ว เซียวซู่ไม่ได้พูดอะไรอยู่นาน ก่อนหน้านี้ เขายังรู้สึกว่าเสี่ยวหมี่โต้วน่ากลัวมาก ที่กล้าใส่ร้ายแดดดี๊ตัวเอง แต่ตอนนี้ หลังจากเขาพูดคำพวกนี้แล้ว เซียวซู่ได้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเขาไปแล้ว
ไม่ว่าจะจริงใจก็ดี หรือปลอบใจก็ดี คำๆนี้ได้พูดเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจของเขา