เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 941ตำหนิติเตียนเบาๆหน่อยได้ไหม

บทที่941ตำหนิติเตียนเบาๆหน่อยได้ไหม

เสี่ยวเหยียนเห็นหานมู่จื่อจะไป จู่ๆก็ตะลีตะลานขึ้นมา เดินไปดึงเธอไว้ด้วยจิตใต้สำนึก

“เธออย่าเพิ่งไปสิ!”

“ทำไมเหรอ?” หานมู่จื่อมองเธอด้วยความตลก: “ไม่ใช่บอกว่าตอนนี้ก็ยังกลัวเขามากอยู่หรอ? เมื่อกี๊ฉันยังคิดอยู่เลย ถ้าเธอไม่อยากไป งั้นฉันก็จะหาเพื่อนของฉันไปเป็นเพื่อนพี่ชายฉัน เพื่อนฉันคนนั้นก็เป็นผู้หญิงพอดี เธออาจจะรักแรกพบกับพี่ชายฉันก็ได้?”

ได้ยินคำนี้ เสี่ยวเหยียนหน้าซึมเศร้า: “มู่จื่อยัยตัวแสบ เธอรู้ทั้งรู้ว่าโอกาสของฉันมันน้อยนิดเลือนรางอยู่แล้ว ถ้ามีคนมาชอบเพิ่มอีกคน งั้นฉันก็หมดโอกาสเลยน่ะสิ!”

“แล้วตกลงเธอจะไปมั้ย?”

“ไป!”

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างแรง กัดฟันไว้แน่น “ต้องไปอยู่แล้ว!”

กลัวก็ต้องไป มู่จื่อพูดถูก นี่เป็นโอกาสที่ยากจะพบเชียวนะ

อยู่ด้วยกันสองต่อสองเลยนะ!

แค่คิดก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว เมื่อกี๊เธอต้องถูกลาเตะสมองแน่ๆ ถึงได้ปฏิเสธและไม่กล้าไป ตอนนี้คิดๆแล้ว…….ถึงเดี๋ยวหานชิงจะโทษตัวเอง เธอก็จะไม่เสียใจแน่นอน

“แต่เธอรอฉันแป๊บนึงนะ ฉันไปแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะต้องแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

เพราะเทพบุตรไม่อยู่ เธอจึงแต่งตัวสบายๆ ทีนี้ถึงตระหนักได้ว่าเสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ธรรมดามาก แถมยังแมทเสื้อผ้าได้มั่วซั่วมาก

หานมู่จื่อดูเวลาทีหนึ่ง “โอเค งั้นเธอไวหน่อยนะ เดี๋ยวถ้าพี่ชายฉันรอนานเกินแล้วออกไปคนเดียว ฉันห้ามไม่อยู่นะ”

“โอเคๆ!”

เสี่ยวเหยียนรีบเปิดกระเป๋าสัมภาระของตัวเอง จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า

หานมู่จื่อรอเธออยู่ที่ด้านนอก หลังจากผ่านไปสิบกว่านาที เสี่ยวเหยียนได้ออกมาแล้ว ตอนที่หานมู่จื่อเห็นเธอแล้วอึ้งจนตาค้างเลย

“นี่เธอ…..เธอคงไม่ใช่จะใส่ชุดนี้ออกไปมั้ง?”

เสี่ยวเหยียนเม้มปาก: “ฉันไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ก็เลย……….”

หานมู่จื่อไปต่อไม่ถูก “เธอรู้มั้ยว่าอากาศที่นี่หนาวมากแค่ไหน? เธอใส่แบบนี้ออกไป คืออยาก……หนาวตายหรอ? ?”

เธอต่อว่าไปคำหนึ่ง เสี่ยวเหยียนแก้ตัว: “ฉันรู้อยู่แล้วว่าอากาศหนาวมาก แต่เธอก็รู้ว่าโอกาสที่ได้อยู่กันสองต่อสองแบบนี้ยากมากที่จะมี ถ้าฉันใส่หนาอย่างกับลูกบอล พี่ชายเธอก็ยิ่งไม่ชอบฉันแล้ว”

หานมู่จื่อ: “เธอคิดดีแล้วจริงๆหรอ? อาจจะเป็นหวัด แถมยังเป็นไข้ได้นะ”

พูดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อขมวดคิ้ว: “ไม่ได้ ฉันให้เธอใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นขนาดนี้ออกไปไม่ได้ เธอรอฉันแป๊บหนึ่ง ฉันไปหยิบเสื้อคลุมให้เธอตัวหนึ่ง”

“ไม่เอา!” เสี่ยวเหยียนเรียกเธอไว้ “ขอร้องเธอล่ะ มู่จื่อ ให้ฉันใส่แบบนี้ออกไปเถอะ บนตัวฉันติดแผ่นแปะกันหนาวไว้ ไม่หนาวหรอก”

หานมู่จื่อ: “……..”

สุดท้าย หานมู่จื่อไม่ได้ขัดขวางเธอ

เพียงแต่หลังจากเสี่ยวเหยียนจากไป เธอเดินเข้าไปในห้อง มองดูกระเป๋าสัมภาระที่ถูกเสี่ยวเหยียนรื้อค้นจนยุ่งเหยิงสุดๆอย่างเอ๋อ

อารมณ์ที่ชอบคนๆหนึ่ง……..ก็คือแบบนี้หรอ?

เห็นเพื่อนรักตัวเองสูญเสียการเป็นตัวของตัวเองเพราะผู้ชายคนเดียว สำหรับหานมู่จื่อแล้ว รู้สึกกล้ำกลืนและไม่ยุติธรรมแทนเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลย

หานมู่จื่อถอนหายใจแรงๆทีหนึ่ง

ถ้าเป็นไปได้ เธอไม่อยากให้เสี่ยวเหยียนชอบหานชิงจริงๆ

ชอบใครก็ได้ แต่ทำไมต้องมาชอบหานชิงด้วย?

ตอนนั้นเลขาซูชอบพี่ชายเธอมานานขนาดนั้น อยู่ข้างกายเขามานาน ก็เพื่อหวังว่าวันเวลาผ่านไปนานๆจะเกิดความรัก แต่ต่อมาล่ะ? ในที่สุดก็ถูกทางบ้านเร่งรัดจนสู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว

ตอนนี้ล่ะ? เปลี่ยนมาเป็นเสี่ยวเหยียนซะงั้น

เธอจะต้องอดทนนานเท่าไหร่? คงไม่ใช่เหมือนซูจิ่ว ที่อดทนจนทนต่อไปไม่ไหว?

พี่ชายของเธอ……..

ทำให้คนปวดหัวจริงๆ ทำไมรู้สึกเขาเหมือนสัตว์เลือดเย็นที่ไม่มีเยื่อใยและไม่มีตัณหาเลย?

ว่าเขาเป็นสัตว์เลือดเย็น แต่ดันดีกับเธอที่เป็นน้องสาวอย่างมาก ยากที่จะเข้าใจจริงๆ

อีกด้านหนึ่ง

เสี่ยวเหยียนออกไปกับหานชิง ปิดประตู เข้าลิฟต์ ออกจากลิฟต์ สายตาของหานชิงก็ไม่ได้หล่นอยู่ที่บนตัวเธอเลย

เสี่ยวเหยียนรู้สึกผิดหวังอย่างห้ามใจไม่ได้ ตัวเองใส่เสื้อผ้าบางขนาดนี้ก็เพื่อเขาเลยนะ แต่ปรากฏเขามองก็ไม่มองเลย แค่คิดก็รู้สึกเสียใจ แต่ไม่นานความเสียใจของเสี่ยวเหยียนก็ได้จางหายไปหมด

เพราะต่อจากนี้เวลาที่ได้อยู่กันสองต่อสองยังอีกยาวนานมาก ตอนนี้เขาไม่มอง เดี๋ยวยังไงก็มีโอกาสมองเห็นแน่นอน

พอคิดถึงตรงนี้ อารมณ์ของเสี่ยวเหยียนก็กลับมาดีเหมือนเดิมในทันที

เสี่ยวเหยียนดึงคอเสื้อของตัวเองเล็กน้อย ในใจกำลังคิดถึงเรื่องที่มู่จื่อบอกว่าอากาศที่นี่หนาวมาก แต่ทำไมเธอเดินอยู่ที่ก็รู้สึกไม่ค่อยหนาวนี่? ตลอดทางนี้น่าจะไม่ต้องทนหนาวหรอก

เพิ่งเดินออกจากตึก ความคิดนี้ก็ถูกตบหน้าแล้ว

ก่อนหน้านี้เดินออกมาจากในลิฟต์ มีผนังบังเอาไว้ ตอนนี้ออกมาจากตึก ความหนาวเย็นที่แทรกซึมเข้าไปในกระดูกดำก็ได้พัดพามาจากทั่วสารทิศ ทะลุผ่านชั้นป้องกันของเสื้อ และมาสู่ผิวหนังโดยตรง

โอ้วพระเจ้า!

ความคิดของเสี่ยวเหยียนเหลือแค่คำนี้!

นี่ก็หนาวเกินไปแล้วมั้ง! ! !

เมื้อกี๊ตอนที่ในตึกยังรู้สึกโอเคอยู่เลยแท้ๆ? ทำไมแค่ออกจากประตูของชุมชนก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว?

แค่พริบตาเดียว เธอก็หนาวจนฟันสั่นเลย ตัวแข็งจนใกล้จะเดินไม่ได้

แต่ว่าหานชิงที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่ได้รอเธอเลย เสี่ยวเหยียนมองดูเงาหลังของเขาทีหนึ่ง เธออยากบอกว่าฉันอยากกลับไปใส่เสื้อเพิ่ม แต่พออ้าปากแล้วกลับพูดไม่ออกสักคำ

ถ้าเธอเปิดปากพูด หานชิงจะต้องรังเกียจเธอวุ่นวายแน่ๆ จากนั้นก็ให้เธอกลับไปโดยตรง

อดทนไว้ดีกว่า เพราะซื้อเสื้อผ้าก็ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่หรอก เธอก็ไม่มีทางถูกแช่จนเป็นน้ำแข็ง มากสุดก็แค่เป็นหวัดเป็นไข้เฉยๆ เดี๋ยวกลับไปแช่น้ำร้อนก็ดีแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ได้กัดฟันแน่นและเดินไปข้างหน้า ตามฝีเท้าของหานชิง

หลังจากหานชิงเดินไปหลายก้าว สังเกตเห็นฝีเท้าของข้างกายไม่มีแล้ว ตอนที่กำลังอยากจะหยุดลงมาสำรวจดู ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตามมาอีกครั้ง

เขาไม่ได้หยุดลงมา แต่ได้ก้าวฝีเท้าที่หนักแน่นไปข้างหน้าต่อ

เสี่ยวเหยียนเดินห่างจากเขาหลายก้าว ไม่ได้เดินมาที่ข้างกายเขา เพราะเธอตามเขาไม่ทันเลยด้วยซ้ำ ฝีเท้าของหานชิงก้าวยาวเกิน อีกทั้งยังเดินไวมากด้วย เธอต้องวิ่งเล็กน้อยถึงจะฝืนตามมาถึงระยะห่างนี้

หนาวมาก หนาวมากจริงๆ

ทำไมหานชิงยังไม่หันมามองเธอเลยเนี่ย?

แต่หันมามองทีหนึ่งก็พอแล้ว!

ไม่งั้น การแต่งตัวที่ใช้ใจของเธอก็สูญเปล่าน่ะสิ?

“รู้มั้ยทำไมผมต้องเรียกคุณออกมา?”

จู่ๆ เสียงเยือกเย็นของหานชิงลอยมากับสายลม

เสี่ยวเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง วิ่งมาที่ข้างกายเขา และถามอย่างเซ่อๆ: “เพราะอะไรคะ? หรือว่าคุณอยากตำหนิติเตียนฉัน?”

ฝีเท้าของหานชิงชะงัก แต่กลับไม่ได้หยุดลงมา หางตาเหลือบไปเห็นร่างเงาเล็กๆกำลังวิ่งตามเขา แววตาของหานชิงมีความมืดมนแว๊บผ่าน

หลังจากเสี่ยวเหยียนถามคำถามนี้ แต่ไม่ได้คำตอบ เธอค่อนข้างที่จะร้อนรนใจ: “ฉันเดาถูกมั้ยคะ? คุณคงไม่ใช่อยากตำหนิติเตียนฉันจริงๆมั้งคะ? แต่ว่า……เรื่องนี้ฉันเป็นคนผิดจริงๆ แต่ทำก็ทำไปแล้ว ตำหนิติเตียนเบาหน่อยได้มั้ยคะ?”

วิ่งไปวิ่งมา ฝีเท้าของเสี่ยวเหยียนช้าลงมา เธอคิดไปเองเหรอ?

ทำไมถึงรู้สึกว่าหานชิงจงใจเดินช้าเพื่อรอเธอ?

ไม่นาน เสี่ยวเหยียนพบว่าขืนตัวเองวิ่งต่ออีกก็จะแซงหน้าหานชิงไปแล้ว เธอรีบหยุดฝีเท้าลง ก้าวเท้าปกติเดินตามหานชิง

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset