บทที่942คุณกำลังเป็นห่วงฉันหรอคะ
ไม่นึกเลยว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง
หานชิงเดินช้าลงจริงๆ!
หลังจากรู้เรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนรู้สึกหัวใจตัวเองเต้นแรงขึ้นเยอะมาก จากนั้นก็ยิ่งอยู่เต้นยิ่งแรง แทบจะทะลักออกมาจากอก
“ดูท่าแล้ว คุณยังถือว่าไม่ได้โง่มาก และเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่”
เพราะมีการเกิดขึ้นของเรื่องนี้ จู่ๆเสี่ยวเหยียนรู้สึกตัวเองเต็มไปด้วยพลัง รู้สึกออกมาทนรับความหนาวครั้งนี้ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเธอรู้ว่าหานชิงเดินช้าลงเพื่อเธอ
แค่จุดนี้ ก็สามารถทำให้เธอรำลึกอย่างชื่นใจได้นานมากแล้ว
ในใจคิดแบบนี้ เสี่ยวเหยียนถึงขั้นรู้สึกว่าแม้แต่อากาศก็ไม่ได้หนาวเย็นขนาดนั้นแล้ว
ก็ไม่รู้ว่าคือเรื่องนี้อบอุ่นแขนขาเธอ หรือเพราะออกมานาน ร่างกายกับแขนขาได้หนาวจนสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว
“ฉันเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่แล้วค่ะ คุณไม่มีทางเรียกฉันออกมาซื้อเสื้อเป็นเพื่อนคุณจริงๆหรอก นอกเสียจากคุณไม่อยากตำหนิติเตียนฉันต่อหน้ามู่จื่อ”
พูดถึงตรงนี้ เสียงของเสี่ยวเหยียนอ่อนลงเยอะมาก: “เอาล่ะ ครั้งนี้เป็นความผิดของฉันเอง ถ้ามีครั้งหน้า ฉันจะไม่พาเสี่ยวหมี่โต้วไปไหนโดยพลการแล้วค่ะ”
พอฟังคำพูดของเธอแล้ว หานชิงกลับขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง เขาหยุดฝีเท้า เม้มริมฝีปากบางไว้ บนตัวมีกลิ่นไอของความไม่พอใจฟุ้งกระจายอยู่
เสี่ยวเหยียนไม่ทันระวัง พริบตาเดียวก็พุ่งชนเข้าใส่แผ่นหลังของเขา
เธอเห้อไปคำหนึ่ง จากนั้นก็หยุดลงมา
“เป็นอะไรไปคะ?”
“ดูท่าแล้ว คุณยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน”
เสี่ยวเหยียน: “……..”
สีหน้าของค่อนข้างเธอมึน เธอผิดตรงไหน? ก็แค่พาเสี่ยวหมี่โต้วออกต่างประเทศโดยพลการเองไม่ใช่หรอ? เพราะเขาที่เป็นคุณลุงเป็นห่วงความปลอดภัยของเสี่ยวหมี่โต้ว ถึงได้โกรธที่เธอทำแบบนี้
เธอก็ขอโทษไปแล้วหนิ แต่ตอนนี้ดูเหมือนหานชิงยังโกรธมากอยู่เลย
นี่มันอะไรกันแน่?
หานชิงยกมือบีบนวดระหว่างคิ้วของตัวเอง น้ำเสียงเขาราบเรียบมาก
“ทำไมถึงไม่บอกผม?”
เสี่ยวเหยียน: “…..…”
เธอสีหน้ามึนตึ๊บยืนอยู่ตรงนั้น สมองยังไงก็ไม่แล่น ก็ไม่รู้ว่าถูกลมหนาวพัดจนด้านชาไปหรือเปล่า
ก่อนหน้านี้เธอยังรู้สึกอุ่นอยู่เลย แต่ตอนนี้เธอหนาวจนอยากจะจามมาก อยาก……อยากดื่มน้ำซุปร้อนๆสักถ้วย และแช่น้ำร้อนสักหน่อย จะต้องมีความสุขมากแน่ๆเลย
หลังจากความคิดนี้แว๊บผ่านในหัว เสี่ยวเหยียนใช้แรงส่ายหัว เพื่อสลัดความคิดนี้ออกไป
เธอคิดเรื่องนี้ในเวลานี้ได้ยังไง?
ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหานชิง เทพบุตร! !
คนที่เธอชอบ!
เสี่ยวเหยียนฝืนฮึดสู้ขึ้นมา เปิดปากอธิบาย: “ฉันไม่ได้ไม่บอกคุณนะ ฉัน……ฉันก็แค่ไม่กล้าบอกคุณ ฉันกลัว……กลัวหลังจากฉันบอกคุณแล้ว……..คุณจะ…..ไม่…….ให้พวกเรามา ดังนั้น……….”
หานชิงยิ่งขมวดคิ้วแน่น
ยัยบ๊องคนนี้………..
แต่ไม่นาน เขาก็พบพิรุธบางอย่าง
ตอนที่ยัยบ๊องคนนี้พูดจา ทำไมเสียงสั่น?
หรือว่า เพราะว่ากลัวตัวเอง? กลัวจนแม้แต่พูดจาก็เริ่มเสียงสั่น?
“ผมน่ากลัวขนาดนี้เลย?”
หานชิงถามด้วยเสียงเยือกเย็น และหันมามองเธอ
สายตาของทั้งคู่ได้สบตากันอยู่กลางอากาศแบบนี้อย่างไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดเสี่ยวเหยียนก็รอถึงเขาหันมามองเธออย่างสมปรารถนาแล้ว
เพียงแต่สวรรค์ไม่เป็นใจ จู่ๆสายลมแรงพัดมา พัดผมที่ทิ้งตัวอยู่ตรงบ่าของเสี่ยวเหยียนขึ้น ผมที่เดิมทีนุ่มสลวย ภายใต้สายลมพัดพาได้ตบใส่ใบหน้าเธออย่างแข็งกระด้างมาก กระทั่งยังรู้สึกเจ็บเล็กน้อยด้วย
ที่ยิ่งน่าเศร้ากว่าคือ หลังจากสายลมหยุด ผมของเธอก็ยุ่งเหยิงเหมือนรังนกไปแล้ว
ส่วนหานชิงที่อยู่ตรงหน้า ภาพลักษณ์ไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย
แต่ตัวเธอสิ กลับผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนรังนก ไม่เหลือภาพลักษณ์เลยแม้แต่น้อย
“อ๊า!” เสี่ยวเหยียนอุทานเสียงตกใจ หลังจากดึงสติกลับมา เธอยื่นมือใช้แรงกุมแก้มของตัวเองไว้ “อย่ามองค่ะ!”
เธอหวังอยากให้หานชิงมองเธอ ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างที่เธอทำก็ไม่สูญเปล่าแล้ว แต่เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีสายลมพัดจนผมเผ้าเธอยุ่งเหยิง
หานชิงขมวดคิ้ว ไม่ได้ดึงสายตากลับ สายตาได้จากใบหน้าเธอเคลื่อนย้ายลงมาที่บนตัวเธอ
หลังจากเห็นบนตัวเธอใส่อะไรแล้ว หานชิงยิ่งขมวดคิ้วอย่างแน่น
“คุณกำลังทำอะไร?”
เสียงของเขาเยือกเย็นมาก ไม่มีเยื่อใยเลยสักนิด
เสี่ยวเหยียนกุมหน้าไว้หันหลังให้กับเขา “ลม ลมแรงเกินไป พัดจนผมฉันยุ่งไปหมดเลยค่ะ”
พอพูดจบ เธอรีบยื่อมือปัดผมที่ติดอยู่บนใบหน้าลงมา และอยากจัดแต่งทรงผมอย่างไว
ป้าบ——
จู่ๆข้อมือกลับถูกกุมเอาไว้ เสี่ยวเหยียนอึ้งค้างอยู่ที่เดิม คนทั้งคนเอ๋อไปเลย
ไม่นึกเลยว่า……เทพบุตรจะเป็นฝ่ายกุมมือของเธอไว้?
เพราะ……เพราะอะไร?
หานชิงอ้อมมาที่ตรงหน้าของเสี่ยวเหยียน แววตาที่เยือกเย็นหล่นอยู่ที่ใบหน้าเธอ
“นี่คุณกำลังทำอะไรกันแน่?” น้ำเสียงของเขาไม่พอใจ ใบหน้าก็เผยสีหน้าที่หมดความอดทนออกมา
เสี่ยวเหยี่ยน: “……ฉัน……ฉันไม่ได้ทำอะไรนี่คะ จะไปซื้อเสื้อผ้าไม่ใช่หรอคะ ไปกันค่ะ เดินอีกสักพักก็คงจะถึงห้างสรรพสินค้าแล้วค่ะ ถึงเวลา……..…”
“เสื้อผ้าของคุณนี่ยังไงกัน?”
หานชิงตัดสินใจถามโดยตรง
ทีนี้กลายเป็นเสี่ยวเหยียนที่ไม่ส่งเสียงแล้ว เธอก้มหน้ามองดูเสื้อผ้าของตัวเอง แววตากลอกไปมาอยู่ในเบ้าตา สักพักถึงเงยหน้าขึ้นมามองหานชิงอย่าระมัดระวัง และถาม: “ไม่สวยหรอคะ?”
หรือว่าเธอเลือกชุดผิดไป?
หานชิง: “………”
คิ้วที่ขมวดแน่นคลายออกไม่ได้แล้ว มือที่กุมอยู่ในมือที่เป็นของเธอก็ยังเย็นเฉียบอยู่ เหมือนหินที่ล้วงออกมาจากใต้พื้นน้ำแข็งของฤดูหนาว ไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย
ตั้งแต่เมื่อกี๊จนถึงตอนนี้เธอใส่เสื้อแค่นี้อยู่ที่นี่? เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว?
เธอไม่รู้สึกหนาวเลยหรือไง? หลังจากที่เขาถามถึงเสื้อผ้าเธอ ยังปัญญาอ่อนถามตัวเองว่าไม่สวยหรอ?
หานชิงคลายมือออก แววตาของเสี่ยวเหยียนก็ได้จ้องฝ่ามือใหญ่ของเขาด้วยความเสียใจ เหมือนกับว่าเสียใจมากทำไมเขาไม่จูงมือเธอนานหน่อย
หานชิงจนปัญญากับเธอ เขาถามด้วยเสียงเยือกเย็น: “ไม่หนาวหรอ?”
ถูกเขาถามแบบนี้ เสี่ยวเหยียนถึงรู้ว่าที่เขาพูดมันหมายความว่ายังไง
ที่แท้ เขาไม่ได้รังเกียจว่าเสื้อผ้าของตัวเองไม่สวย
ไม่นึกเลยว่าเขาจะถามตัวเองว่าหนาวหรือเปล่า?
หัวใจของเสี่ยวเหยียนมีความหวังพุ่งขึ้นมา
“คุณ……กำลังเป็นห่วงฉันหรอคะ?”
หานชิงหรี่ตาอย่างไม่พอใจ จ้องมองเสี่ยวเหยียนที่สวมใส่เสื้อผ้าชิ้นบาง
ทั้งๆที่หนาวขนาดนี้แล้ว แต่ปรากฏปฏิกิริยาแรกกลับกลัวว่าเสื้อผ้าไม่สวย ตอนนี้ก็มาถามเขาว่าเป็นห่วงเธอใช่มั้ย? เธอเป็นห่วงร่างกายตัวเองหน่อยไม่ได้เลยหรือยังไง?
“กลับไป”
เขาสั่งด้วยเสียงราบเรียบ
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนสีหน้าซีดเซียว เธอส่ายหน้าอย่างแรง: “ไม่เอา ฉันยังจะต้องพาคุณไปซื้อเสื้อผ้าอยู่เลย”
“ไม่ต้องแล้ว”
เสี่ยวเหยียนน้ำเสียงร้อนรนใจ: “นี่จะได้ยังไงคะ? ถ้าคุณไม่ซื้อเสื้อผ้า ช่วงที่คุณอยู่ที่นี่จะทำยังไง? อีกอย่าง คุณยังไม่ได้เริ่มตำหนิติเตียนฉันเลย ฉันกลับไปไม่ได้ค่ะ”
หานชิง: “……..”
เสี่ยวเหยียนหนาวจนสีหน้าและริมฝีปากขาวซีดไปแล้ว แต่ยังดื้อรั้นยืนหยัดที่จะอยู่ต่อ
“ฉันไม่ไป ไม่ว่าคุณจะพูดยังไงฉันก็ไม่กลับ ร่างกายเป็นของตัวฉันเอง และฉันก็ไม่หนาวด้วย”
หานชิง: “……..”
ตระหนักได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเงียบลงมามาก เสี่ยวเหยียนรู้ว่าเขาต้องโกรธแน่ๆเลย แต่ไม่รู้ว่าโกรธถึงขั้นไหน
เธอเงยหน้าขึ้นมาสำรวจอย่างระมัดระวัง แต่กลับพบว่าหานชิงปลดกระดุมของเสื้อคลุมต่อหน้าเธอ
ทันใดนั้น ภาพนี้ทำให้หัวใจของเสี่ยวเหยียนเต้นตุ๊มๆต่อมๆขึ้นมา