บทที่ 962 แค่บังเอิญ
เพราะว่าหานชิงให้เธอยืนอยู่ตรงนี้ ก่อนที่เขาจะเดินกลับมา เสี่ยวเหยียนไม่แม้แต่จะขยับไปไหน
แผลยังมีเลือดไหลอยู่ แต่ในใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาน ในหัวคิดถึงเรื่องของเธอกับหานชิงในอนาคต ถ้ากฎนี้สามารถใช้ต่อไปได้ล่ะก็ หึหึหึ
เสี่ยวเหยียนหัวเราะอยู่ในใจ
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก เสี่ยวเหยียนรีบทำสีหน้าให้เป็นปกติ มองแผลของตัวเองแล้วรู้สึกว่าเลือดยังไหลออกมาไม่มากพอ
เธอยื่นมือออกแล้วใช้แรงบีบลงไปที่แผล
เลือดไหลพรวดออกมา
พายเรือตามน้ำ เธอจะเจ็บเปล่าๆ ไม่ได้ ควรจะใช้โอกาสนี้สิถึงจะถูก
ตอนที่หานชิงเข้ามา เสี่ยวเหยียนจัดท่าทางของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอยืนขมวดคิ้วมองแผลของตัวเอง
หานชิงเดินเข้าไป เห็นว่าแผลของเธอเลือดออกอีกแล้ว เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น”
เสี่ยวเหยียนส่ายหน้า “ไม่รู้…”
เสียงของเธอเบาราวกับกระต่ายที่น่าสงสาร
“.…..” หานชิง
ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่หานชิงก็ไม่ได้สงสัยอะไร เขาล้างแผลให้เธอแล้วใช้สำลีฆ่าเชื้อแผล จากนั้นจึงพันพลาสเตอร์ยาลงบนนิ้วของเธอ
ในระหว่างนั้น เสี่ยวเหยียนเอาแต่มองหานชิงที่กำลังทำแผลให้เธอ ทั้งดวงตาและหัวใจล้วนมีเขาอยู่ในนั้น เมื่อหานชิงทำแผลเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ เขาถามขึ้นมาว่า
“ไม่เจ็บเหรอ”
เสี่ยวเหยียนเพิ่งจะตั้งสติได้ จึงพยักหน้า “เจ็บ”
แต่ทว่าท่าทีของเธอดูไม่เจ็บอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้พูดว่าเจ็บก็เหมือนจะเสแสร้ง เสี่ยวเหยียนจึงพูดต่อว่า “ที่จริงก็ไม่ถือว่าเจ็บ”
แผลใหญ่ขนาดนี้จะไม่เจ็บได้ยังไง
หานชิงปรายตามองเธอ แล้วเม้มปากไม่พูดอะไร
เสี่ยวเหยียนมองแผลที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใจของเธอเต็มไปด้วยความหวานชื่น “ขอบคุณนะ”
หานชิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ก็แค่บังเอิญ ในเมื่อผมอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะนั่งเฉย”
เสี่ยวเหยียนไม่สนใจว่าเขาจะแสดงท่าทีอย่างไร ในทางกลับกันเธอหากฎที่จะตามจีบเขาได้แล้ว ดูท่าแล้ววิธีนี้จะไปได้สวย เธอรู้สึกว่าอนาคตเริ่มมีความหวังอย่าหาที่สุดไม่ได้
“ไม่ต้องทำอะไรพวกนี้แล้ว อย่าให้มือถูกน้ำสักพัก”
เสี่ยวเหยียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “โอเค”
หลังจากพูดเสร็จ หานชิงกำลังจะเดินออกไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังของเขา เสี่ยวเหยียนอดไม่ได้ที่จะเรียกเขาไว้ “รอเดี๋ยว”
หานชิงชะงักฝีเท้าลง “มีอะไรอีก”
เสี่ยวเหยียนขบริมฝีปาก เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกไป “เมื่อคืน นายได้ทำ…”
“ไม่ได้ทำ”
“ฉันยังไม่ทันพูดเลยว่าอะไร ทำไมนายถึง…”
ตอบแบบนี้ รู้สึกเหมือนเขากำลังปิดบังอะไรอยู่ อย่าบอกนะว่าเรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝันแต่เป็นเรื่องจริง
คำพูดต่อมาของหานชิง เหมือนน้ำเย็นที่เทลงมาบนหัว
“ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร แต่ไม่ว่าคุณจะพูดว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นและไม่มีทางด้วย”
“.….”
“ก่อนหน้านี้ผมพูดชัดเจนแล้ว อย่าเอาแต่คิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เอาความรู้สึกของคุณไปให้คนอื่นเถอะ”
“ฉันชอบใครฉันก็มอบความรู้สึกให้คนนั้น นายไม่ชอบฉันก็ได้ แต่นายไม่มีสิทธิ์มาบอกให้ฉันไปชอบใคร นายว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ ในทางกลับกันฉันก็ตัดสินใจกับตัวเองได้แล้ว”
ตัดสินใจ?
เมื่อได้ยินคำนั้น หานมู่ชิงอยากจะถามออกไปว่าตัดสินใจอะไร
แต่เมื่อเขาจะพูดออกไปก็รู้สึกว่ามาถามเรื่องแบบนี้ในตอนนี้คงจะไม่เหมาะ
“แล้วแต่คุณ”
พูดจบเขาจึงเดินออกไป
เสี่ยวเหยียนไม่ได้เสียใจสักนิด เมื่อเขาเดินออกไป เธอก้มมองพลาสเตอร์ที่ติดอยู่บนนิ้ว รู้สึกมีความสุข คิดไปคิดมา เธอจึงเดินออกมาจากห้องครัวด้วยเช่นกัน จากนั้นจึงเดินกลับไปหยิบมือถือที่ห้อง
ตอนที่เสี่ยวเหยียนเดินเข้าไป มู่จื่อกับเสี่ยวหมี่โต้วกำลังนั่งคุยกันอยู่
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเหยียนเดินเข้ามา เสี่ยวหมี่โต้วจึงเอ่ยทักทาย “น้าเสี่ยวเหยียน”
“โอ๊ะ เสี่ยวหมี่โต้วกลับมาแล้วเหรอ”
“อื้ม!” เสี่ยวหมี่โต้วเอียงหัว “น้าเสี่ยวเหยียน หนูได้ยินว่าน้าไม่สบาย ดีขึ้นหรือยังครับ”
“ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”
นี่เธอเป็นไข้เหรอ ทำไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้เลย งั้นเมื่อกี้การกระทำของเซียวซู่คืออยากจะวัดไข้เธอจริงๆ เหรอ
งั้นเธอก็เข้าใจผิดแล้วสิ
ช่างเถอะ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดไปสิ
เสี่ยวเหยียนไม่มีเวลาไปสนใจเสี่ยวหมี่โต้วกับมู่จื่อ เธอรีบวิ่งไปคุกเข่าลงที่ตู้ข้างหัวเตียง หยิบมือถือของตัวเองแล้วถ่ายภาพนิ้วของตัวเอง
“มือเธอเป็นอะไร” มู่จื่อเพิ่งสังเกตว่าบนนิ้วของเสี่ยวเหยียนมีพลาสเตอร์ติดอยู่ ยังมีเลือดซึมอยู่เล็กน้อย เธอจึงรีบถามขึ้นทันที
“หึหึ ไม่มีอะไรแล้ว ก็แค่เป็นแผลนิดหน่อย”
“เป็นแผลทำไมถึงมีความสุขขนาดนี้ล่ะ” มู่จื่อถาม
ดูยังไงก็ผิดปกติ
เสี่ยวเหยียนถ่ายรูปพลาสเตอร์บนนิ้วทั้งด้านซ้ายด้านขวา ดูท่าทางมีความสุขราวกับได้ของมีค่าอย่างไรอย่างนั้น เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตา แล้วถามคำถามที่น่าตกใจออกมา
“น้าเสี่ยวเหยียน พลาสเตอร์นี้คุณน้าชายของผมเป็นคนติดให้ใช่ไหม”
ได้ยินดังนั้น มู่จื่อก็หรี่ตาลงมองทันที เห็นเสี่ยวเหยียนมองมือกับพลาสเตอร์ราวกับสิ่งมีค่า จู่ๆ เธอก็คิดว่าสิ่งที่เสี่ยวหมี่โต้วพูดอาจจะไม่ผิด คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยมองเพียบแวบเดียวก็รู้
เสี่ยวเหยียนถ่ายรูปต่ออีกสองสามรูป วางมือถือลงแล้วมองเสี่ยวเหยียน
“อย่าฉลาดขนาดนี้ได้ไหม รู้เยอะจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องดีอะไรหรอกนะ”
“อ้อ” เสี่ยวหมี่โต้วหยักหน้า
“ดูท่าแล้วสิ่งที่เสี่ยวหมี่โต้วพูดคงจะถูกสินะ พลาสเตอร์นั้น…”
“หึหึ มู่จื่อ ฉันเข้าใกล้เป้าหมายไปอีกก้าวแล้วล่ะ เมื่อกี้พี่ชายเธอไปดื่มน้ำในห้องครัว ฉันโดนมีดบาดมือพอดี จากนั้นก็…” เธอพูดพลางเขินพลาง แต่แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความสุขหวานฉ่ำ
ก็แค่ติดพลาสเตอร์ให้เธอแค่นั้น มือก็เป็นแผล แต่เธอกลับมีความสุขอะไรขนาดนั้น
พอใจกับอะไรง่ายๆ แบบนี้สิน่า
เมื่อเห็นเสี่ยวเหยียนเป็นแบบนี้ มู่จื่อกลับไม่ได้มีความสุขอะไรแม้แต่น้อย บนใบหน้าของเธอไม่มีรอยยิ้ม เธอไม่สามารถฝืนตัวเองได้
“มู่จื่อ ฉันหาวิธีที่ถูกต้องในการจีบพี่ชายของเธอได้แล้วล่ะ”
ได้ยินดังนั้น มู่จื่ออึ้งไป เห็นบาดแผลบนนิ้วของเธอ มู่จื่อนึกอะไรขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
“อย่าบอกนะว่าเธอ…”
“เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ”
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ” มู่จื่อขมวดคิ้วแล้วมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจแล้วพูดเสียงเบาว่า “วิธีนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
“โธ่ ฉันไม่ทำอะไรเกินไปแบบที่เธอคิดหรอก ฉันจะระวังให้มากๆ อีกอย่างเรื่องวันนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัยนะ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้ว่าเรื่องไหนควรทำหรือไม่ควรทำ”
พูดจบเสี่ยวเหยียนจึงหันไปหาเสี่ยวหมี่โต้วด้วยท่าทางมั่นใจ
“เสี่ยวหมี่โต้ว รอให้น้าเลื่อนขั้นเป็นพี่สะใภ้ของหนูได้เลย!”
เสี่ยวหมี่โต้วเงยหน้าขึ้นแล้วคิดอย่างเงียบๆ
น้าเสี่ยวเหยียนดูมั่นใจมากจนเขาอยากโจมตี