เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 964 เสียงกระซิบข้างหมอน

บทที่ 964 เสียงกระซิบข้างหมอน

เมื่อได้ยินคำว่ามีกิ๊ก มุมปากของมู่จื่อกระตุกขึ้น เธอหันมองเสี่ยวเหยียนอย่างพูดไม่ออก

“สมองเธอคิดเรื่องอะไรบ้าๆ เนี่ย”

คิดไม่ถึงว่าจะคิดไปถึงเรื่องมีกิ๊กอะไรพวกนั้น

มู่จื่อเหลือบมองเสี่ยวเหยียน เธอจึงเอามือปิดปากตัวเอง เพียงครู่เดียวเธอก็ยิ้มแหยๆ ออกมา “แหะๆ เธอก็รู้ว่าฉันชอบคิดอะไรแปลกๆ ใครใช้ให้ฉันโง่ล่ะ…”

มู่จื่อคิดในใจว่าถ้าแปลกก็คงไม่ต้องแปลกถึงขั้นนี้ก็ได้

เสี่ยวเหยียนรู้ว่าตัวเองพูดผิดไป เธอจึงทำท่ารูดซิปปิดปากตัวเองต่อหน้ามู่จื่อ เป็นการบอกว่าเธอจะไม่พูดอะไรมั่วซั่ว

ทว่ามู่จื่อรู้จักเสี่ยวเหยียนดี เธอแค่รู้สึกว่าเสี่ยวเหยียนชอบคิดอะไรแปลกๆ แต่เธอไม่ได้โกรธหรือคิดว่ามีอะไรไม่เหมาะสม

เธอคิดเรื่องนี้อย่างเงียบๆ

เย่โม่เซินต้องมีเรื่องอะไรปกปิดเธออยู่แน่ๆ แต่จะเป็นเรื่องอะไรนั้นเธอไม่รู้ แต่การที่เขาใช้ข้ออ้างนี้มาหลอกเธอโดยไม่รู้สึกผิด ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แน่

ตอนนี้เธอกำลังลังเลอยู่ว่าจะทำเป็นไม่รู้หรือจะไปถามเขาตรงๆ

สุดท้ายแล้วมันคือความลับอะไรที่ทำให้เขาไม่อยากมาเจอเธอ

เพราะตอนนี้มู่จื่อยังไม่ได้เจอเย่โม่เซิน เธอจึงคาดเดาไปสองแง่ แง่ดีและแง่ร้าย แต่ยังไงเธอยังคงคิดไปในแง่ดีอยู่ อีกอย่างเธอไม่อยากคิดว่าผู้ชายของเธอจะปิดบังเรื่องไม่ดีกับเธอ

ถ้าเธอได้เจอเย่โม่เซิน ได้เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้ มู่จื่อจะต้องห้ามเขาแน่นอน

“อื้อ อื้อ”

มีคนดึงแขนเสื้อของเธอ มู่จื่อหลุดออกจากภวังค์ เห็นเสี่ยวเหยียนกำลังจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ยอมพูด

“เป็นอะไร”

เธอถามขึ้น แต่เสี่ยวเหยียนก็ยังไม่พูดออกมา เอาแต่ยกนิ้วชี้ที่ปากของตัวเอง

มู่จื่อจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกได้ว่าเธอรูดซิปปิดปากตัวเองไปแล้ว จึงไม่กล้าพูดอะไรออกมา ตอนนี้เธอคงอยากจะพูดอะไร

“เธออยากให้ฉันรูดซิปออกเหรอ” มู่จื่อเอียงคอถาม

เสี่ยวเหยียนพยักหน้าหงึกๆ

“อ๋อ” มู่จื่อยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่รูดให้หรอก อยู่ไปอย่างนี้แหละ”

เสี่ยวเหยียนมีสีหน้าร้อนใจ มู่จื่อลุกขึ้นแล้วยืดเอว “เฮ้อ นั่งนานไปหน่อย รู้สึกไม่ค่อยสบายเท้า ฉันออกไปเดินเล่นก่อนนะ”

เมื่อได้ยินว่าคนท้องจะออกไปข้างนอก แน่นอนว่าเสี่ยวเหยียนไม่มีทางให้เธอไปคนเดียว ดังนั้นเธอจึงตามมู่จื่อ ออกไปด้วย

ระหว่างทางเสี่ยวเหยียนอยากพูด แต่ทุกครั้งที่จะให้มู่จื่อรูดซิปออก มู่จื่อก็มักจะมองไปทางอื่น ทำเหมือนไม่ได้ยินการอ้อนวอนของเธอ

ท้ายที่สุด เสี่ยวเหยียนก็ทนจนทนไม่ไหวแล้ว เธอพูดเสียงดังออกมา “ฉันอดทนพอแล้ว!!!”

มู่จื่อหัวเราะออกมา “ไม่ไหวแล้วเหรอ”

เสี่ยวเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ทนต่อไปฉันคงอกแตกตายแน่! มู่จื่อเธอใจร้ายจัง ฉันมองเธอมานานแล้วนะ แต่เธอไม่สนใจฉันเลย ถ้าฉันอกแตกตายไป เธอจะไม่มีพี่สะใภ้นะ”

“ฉันไม่ได้ใจร้ายนะ เธอรูดซิปปากตัวเองนิ อีกอย่างเธอมั่นใจมากเลยนะว่าจะได้เป็นพี่สะใภ้ของฉัน”

“เหอะ ฉันจะพยายามใช้วิธีนี้ต่อไป ถ้าตอนนั้นฉันได้เป็นพี่สะใภ้ของเธอฉันจะกดขี่เธอ ดูสิว่าเธอจะกล้าแกล้งฉันอีกไหม”

“อ๋อ ที่แท้อยากกลั่นแกล้งฉันนี่เอง งั้นเธอว่าฉันควรจะตัดรากถอนโคนตั้งแต่ตอนนี้ดีเลยดีไหม”

เสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้นรีบยกมือยอมแพ้ทันที “ฉันผิดไปแล้ว เมื่อกี้ฉันไม่ได้เป็นคนพูด!”

เดินไปรอบหนึ่ง มู่จื่อรู้สึกเหนื่อยจึงพูดออกมาว่า “กลับกันเถอะ”

*

วันที่หนึ่งวันที่สองที่เย่โม่เซินไม่ได้กลับบ้าน

วันที่สามที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเย่โม่เซิน

วันที่สี่ คนที่มาแจ้งข่าวก็ยังเป็นเซียวซู่

วันที่ห้า มู่จื่อรู้สึกทนไม่ไหว เสี่ยวเหยียนเริ่มมาพูดไม่ดีเกี่ยวกับเย่โม่เซินที่ข้างหูเธอ

วันที่หก มู่จื่อสีหน้านิ่ง แววตาที่มองเซียวซู่ราวกับจะฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น

เซียวซู่รู้สึกเย็นวาบที่ลำคอ เขาหดคอ ตอนที่กำลังจะพูดออกไป มู่จื่อก็ถามขึ้นว่า “วันนี้ก็ยังไม่กลับเหรอ”

“.…..” เซียวซู่กลืนคำพูดลงคอ พยักหน้าด้วยความลำบากใจ “คุณชายเย่เขา……”

ยังไม่ทันพูดจบ มู่จื่อก็ลุกขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงเบา “นี่ก็วันที่หกแล้ว เขาทำอะไรอยู่ ทำไมฉันถึงรู้ไม่ได้”

“เอ่อ คือ จริงๆ แล้วที่บริษัทยุ่งมากครับ!”

“เซียวซู่ คนหลอกลวง” เมื่อเสี่ยวเหยียนเห็นมู่จื่อเริ่มโกรธ เธอจึงลุกขึ้นยืนเช่นกัน ประโยคแรกเธอต่อว่าเซียวซู่ออกไปตรงๆ “เรื่องมันชัดเจนขนาดนี้ ยังจะมาโกหกอีก รีบบอกเรามาตรงๆ ดีกว่า”

“.…..”

เซียวซู่คิดไม่ถึงว่าจะโดนเสี่ยวเหยียนต่อว่า เขามองเธอด้วยแววตาสับสน

“ไม่บอกก็ได้ ฉันไม่บังคับนาย”

มู่จื่อรู้ว่าการที่เซียวซู่ไม่กล้าพูดเพราะเป็นคำสั่งของเย่โม่เซิน ถ้าเขาพูดออกมาตรงๆ มันจะเกิดผลร้ายกับเขา เธอเข้าใจดี

“ถ้าเขาไม่อยากให้ฉันรู้ ฉันจะให้คนไปสืบเอง งั้นนายกลับไปบอกเขาด้วยนะ ทางที่ดีอย่าให้ฉันสืบเจอ”

เซียวซู่พูดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าคุณนายน้อยจะพูดแรงขนาดนี้ ขณะนั้นเองเซียวซู่เหมือนจะรับมือไม่ไหว เขาไม่ใช่คนที่พูดจาได้ดี จึงทำได้เพียงพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับคุณนายน้อย ผมจะไปบอกคุณชายเย่ครับ”

“รบกวนนายด้วย”

ก่อนที่เซียวซู่จะออกไป เขาก็อดมองเสี่ยวเหยียนไม่ได้ เธอกำลังมองเขาด้วยความหงุดหงิด เมื่อเห็นว่าเขามองมาก็ด่าออกมาอีก “คนโง่ นายแค่บอกคุณนายน้อยก็พอแล้ว ถ้าเขาสืบเจอก็ต้องรู้อยู่ดี ก่อนหน้านี้นายอาจจะปิดบังได้ ตอนนี้คุณนายน้อยเริ่มสงสัยและกำลังจะสืบ นายยังทำเป็นไม่รู้อะไรอีกเหรอ เธอเป็นภรรยาของเขานะ มีเรื่องอะไรที่พูดไม่ได้เหรอ นายบอกคุณนายน้อยตอนนี้ยังไม่สาย แค่คุณนายน้อยไม่ต่อว่านาย คุณชายเย่ก็ไม่ทำอะไรนายหรอก”

ดูเหมือนว่าเสี่ยวเหยียนคิดว่าจะหาเรื่องใครก็ได้แต่อย่ามาหาเรื่องผู้หญิง

ยิ่งไปกว่านั้น คือผู้หญิงของเจ้านายเขา

มู่จื่อไม่ใช่คนใจแคบ ถ้าเธอเป็นผู้หญิงใจแคบ ครั้งนี้ที่เธอกำลังถูกปิดบังอะไรบางอย่าง แต่เรื่องมันสามารถแก้ไขได้สักวันหนึ่ง รอจนถึงวันที่ทั้งสองคนจะปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจ ถึงตอนนี้ถ้าเธออยากจัดการกับเซียวซู่ยังไง ก็เพียงแค่กระซิบคำเดียวเท่านั้น

ไม่รู้ว่าสมองเขาคิดอะไรอยู่ ไม่รู้จักคิดอะไรเลย

เซียวซู่โดนเสี่ยวเหยียนต่อว่าไปหนึ่งยก จู่ๆ เขาคิดได้ว่าสิ่งที่เสี่ยวเหยียนพูดก็ถูก

สองสามวันก่อนหน้านี้ยังพอรับมือได้ ไม่โดนคุณนายน้อยจับได้ แต่ว่าตอนนี้เธอบอกว่าจะไปสืบ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องรู้อยู่ดี งั้นเขาบอกคุณนายน้อยเสียตอนนี้ไม่ดีกว่าหรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น เซียวซู่มองเสี่ยวเหยียนด้วยแววตาซาบซึ้ง จากนั้นจึงพูดออกมาว่า “งั้นผมจะบอกเรื่องทุกอย่างให้พวกคุณรู้”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset