บทที่ 966 รู้ทันทั้งหมด
มู่จื่อที่รู้เรื่องทั้งหมด ประโยคแรกที่เธอพูดกับเซียวซู่ก็คือ
“เขาอยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้คุณชายเย่น่าจะอยู่ที่โรงแรม ตอนที่ผมออกมา เขาบอกว่าจะรอผมกลับไป” เซียวซู่พูด
เมื่อได้ยินว่าเย่โม่เซินยังพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม มู่จื่อก็โล่งอก อย่างน้อยตอนนี้เขายังปลอดภัยอยู่ เธอรีบพูดออกไปว่า “งั้นนายพาฉันไปหาเขา”
เซียวซู่รีบตอบทันที “ครับ”
ในเมื่อเขาพูดออกไปหมดแล้ว เขาจึงไม่ต้องกังวลที่จะพามู่จื่อไปที่โรงแรม เมื่อได้ยินว่าทั้งคู่จะไปหาเย่โม่เซิน เสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่อีกข้างก็รีบยกมือขึ้น “พาฉันไปด้วยสิ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นฉันช่วยได้นะ แถมตอนนี้มู่จื่อตั้งท้องอยู่ ให้เธอออกไปคนเดียวฉันก็ไม่วางใจเหมือนกัน”
มู่จื่อพยักหน้าเธอไม่ได้ค้านอะไร
“ได้”
เสี่ยวเหยียนรีบกลับไปเอาของที่ห้อง
คนที่นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ไม่ไกลอย่างหานชิง เขาวางหนังสือลงแล้วเงยหน้าขึ้น
“ฉันจะไปกับพวกเธอด้วย”
มู่จื่อไม่ได้ห้ามเขา เพราะเขาเป็นพี่ชายของเธอ เย่โม่เซินก็เป็นน้องเขยของเขา เขาจะไปด้วยเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เซียวซู่ได้ยินเสียงของหานชิง จึงนึกได้ว่าในห้องนี้ยังมีคนอยู่อีกคน
ถ้าเขาไม่พูดอะไรออกมา เซียวซู่คงลืมไปแล้วว่าเขาอยู่ที่นี่ด้วย
เมื่อคิดว่าเสี่ยวเหยียนชอบเขา สายตาที่เซียวซู่มองเขาก็แฝงไปด้วยความรู้สึกอื่น
แต่ตอนนี้หน้าที่สำคัญกว่าความรู้สึก ต้องไปหาคุณชายเย่ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ควรจะคิดเรื่องอื่นอีก
ทุกคนเก็บของเสร็จจึงออกไปด้วยกัน จนกระทั่งถึงโรงแรม กลับพบว่าในห้องมีแต่ความว่างเปล่า
มู่จื่อขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรออกมา
ปืนกลอย่างเสี่ยวเหยียนเริ่มสาดกระสุน
“ไหนคนล่ะ เซียวซู่นายนี่เชื่อไม่ได้จริงๆ นายบอกว่าคุณชายเย่อยู่ที่โรงแรมไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาล่ะ” ตอนที่เสี่ยวเหยียนพูดประโยคพวกนี้ออกไป เธอค่อนข้างอดทน ถ้าไม่คิดว่าหานชิงอยู่ที่นี่ เธอคงจะลงไม้ลงมือไปแล้ว
ไม่รู้ทำไมเวลาอยู่ต่อหน้าเซียวซู่ถึงอยากแกล้งเขาตลอด
เสี่ยวเหยียนรู้สึกประหลาด ทั้งคู่เหมือนไม่เคยสนิทกันมาก่อน
เซียวซู่โดนเสี่ยวเหยียนต่อว่าอีกแล้ว เขาไม่มีอารมณ์ไปเถียงเธอ จึงพูดออกไปว่า “ก่อนที่ผมจะไป คุณชายเย่อยู่ที่นี่จริงๆ แต่ว่าดูจากเวลาแล้ว…”
มู่จื่อมองไปรอบๆ แล้วพูดออกมาว่า “พวกนายนัดเวลากันไว้ใช่ไหม”
เซียวซู่อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงพยักหน้า
“งั้นเขาอาจจะรู้ล่วงหน้า คงจะออกไปก่อนที่เราจะมา”
“.…..” เซียวซู่
เมื่อมาคิดดูดีๆ สิ่งที่คุณนายน้อยพูดก็ถูก คุณชายเย่เป็นคนฉลาด เซียวซู่ไม่ได้กลับมาตามเวลาที่นัดกันไว้ อีกทั้งยังไม่ได้โทรแจ้งเขา มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือเซียวซู่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
และสถานการณ์ลำบากนั้นก็เดาได้ง่ายมาก นอกจากมู่จื่อก็ไม่มีใครอีกแล้ว
เพราะฉะนั้นเมื่อเย่โม่เซินเดาได้ เขาจึงออกจากที่นี่ไปก่อน
“รีบพาฉันไปที่ที่พวกนายไป”
มู่จื่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงพูดออกไปด้วยความเด็ดขาด
“ครับ’
เซียวซู่ก็ไม่มีความลังเล พาทั้งสามคนออกจากโรงแรม
เมื่อทั้งหมดเดินมาถึงชั้นล่าง มือถือของเซียวซู่ก็ดังขึ้น มู่จือมองไปทางเขา “มือถือของนายดัง”
เซียวซู่หยิบมือถือขึ้นมาดู พบว่าเจสันแชร์โลเคชั่นมาให้เขา แต่ไม่มีข้อความหรือข้อความเสียงอะไรเลย มีเพียงแค่โลเคชั่นเท่านั้น
เสี่ยวเหยียนอยู่ค่อนข้างใกล้กับเซียวซู่ เธอเห็นหน้าจอมือถือแล้วพูดออกมา “มู่จื่อ มีคนส่งโลเคชั่นมาให้เขา แต่ว่าชื่อนั่นมัน เจสัน คือใครเหรอ”
เจสันงั้นเหรอ มู่จื่อก็ไม่รู้จักชื่อนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทุกคนต่างมองไปที่เซียวซู่ด้วยความสงสัย
เซียวซู่จึงเอ่ยปากอธิบาย “เจสันคือแพทย์ที่รักษาคุณชายเย่อยู่ในช่วงนี้ เมื่อก่อนเขาเป็นเพื่อนกับคุณชายเย่ ต่อมาเขาออกมาหาประสบการณ์ที่ต่างประเทศ”
“ตามเขาไป”
หานชิงผู้ที่แทบจะไม่มีตัวตนพูดออกมาอย่างเย็นชา
เมื่อได้ยินเทพบุตรเอ่ยปาก เสี่ยวเหยียนรีบมองไปทางเขา แล้วพูดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ “ใช่ พวกเราตามเขาไปเถอะ หานชิงยังเก่งเหมือนเดิม”
“.…..” หานชิง
เพราะว่าชอบหานชิง ไม่ว่าเรื่องอะไร เสี่ยวเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะพูดชมเชยเขา
คนที่อ่อนน้อมอย่างเซียวซู่ อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป “นี่มันเป็นก็เป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้วนิ”
พูดจบก็เหลือบมองเสี่ยวเหยียน
เพราะว่าเสี่ยวเหยียนมองหานชิงด้วยความรัก การที่เธอชมเขาจึงรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว แต่ในสายตาคนอื่นมันกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น เมื่อได้ยินเซียวซู่เถียงเธอ เธอจึงโมโหแล้วมองเซียวซู่จนเกือบจะทะเลาะกัน
แต่ทว่ายังไม่ทันได้อ้าปาก ก็รู้สึกว่าตัวเองทำแบบนี้เหมือนหญิงแก่ปากจัด เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าของหานชิง
เพราะฉะนั้นเธอจึงทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้ แล้วเผยรอยยิ้มประหลาดออกมา
“งั้นนายก็พูดก่อนสิ ถ้านายพูดเร็วกว่านี้ ฉันก็ชมนายแล้วล่ะ”
“.…..” เซียวซู่
ช่างเถอะ
มู่จื่อขมวดคิ้วอย่างเหนื่อยใจ “ไปหาเขาก่อนเถอะ”
เสี่ยวเหยียนอึ้งไป รู้ทันทีว่าเธอทำผิด แม้ว่ามู่จื่อไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ มู่จื่อคือคนที่เป็นกังวลที่สุด
ถ้ามีพลังวิเศษ มู่จื่อคงจะหายตัวไปหาเย่โม่เซินทันที แต่ภายนอกของเธอกลับใจเย็นและนิ่งมาก
ภายนอกดูนิ่งและใจเย็นไม่ได้หมายความว่าในใจของเธอก็เป็นเช่นนั้น
เมื่อกี้เสี่ยวเหยียนไม่ได้ตั้งใจพูดไปเรื่องอื่น เธอสำนึกผิดและเอาแต่ตำหนิตัวเองอยู่ในใจหลายร้อยครั้ง จากนั้นจึงเดินขึ้นรถพร้อมกับทุกคน
อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศไม่ดี ทุกคนจึงไม่พูดอะไรออกมา เซียวซู่ขับรถไปตามโลเคชั่น เวลาผ่านไปแต่ละนาที มู่จื่อนั่งเงียบอยู่ข้างคนขับโดยไม่พูดอะไรสักคำ
เสี่ยวเหยียนนั่งตัวลีบ แม้ว่าหานชิงจะนั่งอยู่ข้างเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่ตื่นเต้นแม้แต่น้อย ตอนนี้สมาธิของเธออยู่ที่มู่จื่อ
อีกด้านหนึ่ง
เมื่อถึงที่หมาย เจสันมองสระน้ำขนาดใหญ่ตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก
“นี่คือที่ที่นายจะมาเหรอ”
พูดจบเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก รู้สึกเหมือนตัวเองรอดแล้ว เพราะเมื่อครู่เขากังวลว่าเย่โม่เซินจะพูดว่าออกมาว่าจะไปริมทะเล
เพราะว่าเขาความจำเสื่อมหลังจากถูกช่วยขึ้นมาจากทะเล
ขนาดตัวเขาเองยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นใต้ท้องทะเลเลย
ช่วงนี้เขารักษาอย่างบ้าคลั่งจนทำให้เจสันคิดว่าเขาอาจจะกระโดดลงไปในทะเลจริงๆ ยังโชคดีที่เขามาที่สระน้ำ
“ใช่ไง นายคิดว่าฉันจะไปที่ทะเลเหรอ”
เย่โม่เซินเหลือบมองเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ