บทที่977ความรู้สึกส่วนตัว
เซียวซู่สีหน้ามึนตึ๊บ “คุณชายเย่ครับ เป็นเพราะก่อนหน้าหน้าผมทำอะไรผิดรึเปล่าครับ?”
เย่โม่เซินเม้มปาก ครุ่นคิดไปรอบนึงถึงพูดอย่างไม่ช้าไม่เร็ว: “นายทำงานกับฉันก็หลายปีแล้วใช่มั้ย?”
ถึงแม้เขาจะความจำเสื่อม แต่เขาดูออก เซียวซู่รู้นิสัยของเขาดีมาก ให้ความร่วมมือกับเขาในทุกด้าน
อย่างเช่นแค่สายตานึง ท่าทางนึง เซียวซู่ก็สามารถเดาความคิดของเขาออกทันทีเลย
ดังนั้นเย่โม่เซินเดาว่า เขาคงติดตามตัวเองมาหลายปีแล้ว
เซียวซู่พยักหน้า: “ใช่ครับ คุณชายเย่”
“ติดตามฉันมานานขนาดนี้ ถ้าไม่ช่วยนายทำอะไรหน่อย งั้นก็ไม่ซื่อสัตย์และจริงใจน่ะสิ?”
เซียวซู่: “……คุณชายเย่?”
“โอกาสให้นายแล้ว ถ้านายยังพ่ายแพ้อีกล่ะก็ งั้นก็พูดได้เพียงว่าความสามารถของนายไม่ถึง”
พอพูดจบ เย่โม่เซินก็ส่งสายตาให้เขา จากนั้นก็จากไป
เดิมทีเขาก็ไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้าน แต่ตอนเที่ยงตอนที่หานมู่จื่อกลับมาที่ห้อง ถือโอกาสตอนที่เขาทานข้าวได้พูดเรื่องนี้กับเขา จากนั้นก็มีสีหน้ากลุ้มใจมาก
เย่โม่เซินยังว่าเธอ คุณจะไปกลุ้มใจกับความรักของคนอื่นทำไม?
หานมู่จื่อบอกว่าตัวเองรู้ว่าเป็นความรักของคนอื่น แต่คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนสนิทของตัวเอง มองดูแบบนี้ทรมานมาก
จากนั้นเย่โม่เซินก็ได้ทำความเข้าใจกับความเป็นมาของเรื่อง
เขามีความรู้สึกส่วนตัว เซียวซู่เป็นคนของตัวเอง
ดังนั้นเขาจึงกะว่าจะช่วยเซียวซู่แรงนึง
แต่ผลลัพธ์จะเป็นยังไง งั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถควบคุมได้แล้ว
เซียวซู่มองเงาหลังของเย่โม่เซิน แววตาค่อนข้างคับแค้นใจ
คำพูดของเย่โม่เซินในเมื่อกี๊ ทิ่มแทงใจเขาจริงๆ เขาถึงขั้นอยากจะสวนกลับคำนึง ตอนนั้นคุณชายเย่เองก็มีอุปสรรคมากมาย เส้นทางขรุขระไม่ราบรื่น ทำไมตอนนี้กลับย้อนมากล่าวอ้างว่าเขาไม่ได้เรื่องซะแล้วล่ะ?
หลังจากทุกคนไป เซียวซู่นั่งอยู่บนโซฟาไปพักนึง ก็เห็นเสี่ยวเหยียนเปิดประตูออกมา
“เอ๊ะ นายไม่ได้ออกไปหรอ?”
เห็นเซียวซู่ เสี่ยวเหยียนค่อนข้างแปลกใจ
คงจะแปลกใจที่เขาไม่ได้ออกไปกับเย่โม่เซิน จึงถามว่า: “นาย…..ไม่ได้ไปกับพวกคุณชายเย่หรอ?”
สบตากับดวงตาของเสี่ยวเหยียน เซียวซู่พูดอย่างเรียบเฉย: “พวกเขารวมตัวสังสรรค์กันในครอบครัว ผมไปทำอะไร?”
เสี่ยวเหยียน: “……ที่พูดมาก็ถูก ที่ฉันไม่ไปก็เพราะสาเหตุนี้เหมือนกัน”
ครอบครัวใหญ่รวมตัวสังสรรค์กัน ต้องมีเรื่องคุยเยอะแยะแน่นอน เสี่ยวเหยียนรู้สึกตัวเองไปก็มีแต่จะอึดอัด
ดังนั้นก็เลยไม่ไปซะเลย
เดิมทีเธออยากออกมาหาอะไรทานหน่อยในเวลานี้ คิดไม่ถึงว่าจะเจอเซียวซู่ รู้สึกเซอร์ไพรส์ในขณะเดียวกันก็ค่อนข้างอึดอัด เพราะคำพูดของเขาในตอนเที่ยงเหมือนจะโกรธเลย
เซียวซู่ไม่ได้ตอบคำถามเธอ เสี่ยวเหยียนรู้สึกอึดอัดมาก เดินไปข้างหน้าลังเลไปพักนึงถึงพูด
“เอ่อ……เรื่องของตอนเที่ยงฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นายวางใจ ฉันจะช่วยพูดความดีของนายให้คุณนายน้อยของนายเยอะๆ ถึงฉันไม่ได้พูดความดี ฉันก็จะให้เธอช่วยพูดความดีต่อหน้าคุณชายเย่แน่นอน”
“อืม”
เซียวซู่พยักหน้า ถือว่าตอบตกลงแล้ว
เสี่ยวเหยียนพูดอีก: “แล้วก็ เสื้อคลุมที่นายยืมให้ฉันใส่ตอนเที่ยง ฉันซักให้สะอาดแล้วจะคืนให้นาย! ขอบใจนะ”
“โอเคครับ” เซียวซู่พยักหน้าอีก น้ำเสียงเยือกเย็น ไร้เยื่อใยมาก
เสี่ยวเหยียนรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ เซียวซู่ในวันนี้พูดจาน้อยเป็นพิเศษ
“นายคง…..ไม่ใช่ยังโกรธฉันอยู่มั้ง?”
โกรธ?
เซียวซู่เงยหน้า มองเธอทีนึง
“ผมมีอะไรต้องโกรธด้วย?”
ที่น่าขำคือ แม้แต่สิทธิ์ในการโกรธเขาก็ยังไม่มีเลย ได้แต่หดหู่อยู่คนเดียว
“ก็เพราะ……ฉันเพิกเฉยนายไง แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ เพียงแต่หานชิงสำคัญมากสำหรับฉัน ดังนั้นถึงได้………”
“สำคัญมากจริงๆ?” จู่ๆเซียวซู่พูดแทรกเธอ “สำคัญจนถึงขั้นต้องการเขาคนเดียวให้ได้?”
เสี่ยวเหยียนอึ้ง
ตัวเองต้องการหานชิงคนเดียวให้ได้จริงๆหรอ?
เธอไม่เคยถามคำถามนี้กับตัวเอง ดังนั้นวันนี้ถูกเซียวซู่ถามแบบนี้เลยค่อนข้างอึ้งค้างไว้
เธอชอบหานชิง ตั้งแต่ไหนแต่ไหนไรก็ชอบอยู่คนเดียว ไม่เคยคิดเรื่องอนาคตมาก่อน ก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เห็นเขาก็อยากกระโจนเข้าไปหา ไม่สนผลที่ตามมาทั้งสิ้น
เรื่องพวกนั้นไม่ได้อยู่ในขอบข่ายที่เธอคิดพิจารณาเลย
ดังนั้น เธอต้องเขาคนเดียวให้ได้หรือเปล่ากันแน่ เธอเองก็ยังไม่รู้เลย
เสี่ยวเหยียนส่ายหัวและพูดเบาๆ: “ฉันไม่รู้ว่าชาตินี้ตัวเองต้องเขาคนเดียวให้ได้หรือเปล่า แต่ว่า…….ตอนนี้ฉันอยากใกล้ชิดเขาอย่างไม่แคร์ชีวิต และอยากอยู่กับเขา”
การบอกรักที่ลึกซึ้งนี้ ทั้งๆที่ควรจะซึ้งมาก
แต่พอฟังอยู่ในใจของเซียวซู่ แต่กลับทำร้ายจิตใจและประชดประชันมาก
เขาอยู่ต่อที่นี่ ก็คือฟังคำพูดนี้หรอ?
ไม่ ไม่ใช่
ในใจมีเสียงๆนึงกำลังตะโกนอยู่
ไปไขว่คว้าสิ ช่วยตัวเองไขว่คว้าโอกาส ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะยอมรับในตัวเธอ แย่งหัวใจของเธอมา ถึงแม้จะมีแค่ที่นั่งเดียวก็เถอะ
คนถ่อยที่อยู่ในใจไม่รู้ตะโกนอย่างบ้าคลั่งไปนานเท่าไหร่ สุดท้ายเซียวซู่ก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ขยับเขยื้อน หลุบตาลงเก็บอารมณ์แปรปรวนทั้งหมดของเขาไว้ หลังจากในห้องผ่านพ้นความเงียบสงบไป จู่ๆเสี่ยวเหยียนถึงรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ยื่นมือกุมปากตัวเองไว้
ฟังซิเมื่อกี๊เธอพูดอะไรไปบ้างเนี่ย………..
ไม่นึกเลยว่าเธอจะบอกความในใจของตัวเองให้กับผู้ชายคนนึง เธอนี่มีปัญหาจริงๆแล้ว
“เอ่อคือ ฉันเตรียมตัวออกไปหาอะไรทานที่ข้างนอก นายจะไปด้วยมั้ย?”
เวลานี้เซียวซู่ยังโกรธอยู่ ถึงเขาปฏิเสธตัวเองก็ปกติมาก ดังนั้นเสี่ยวเหยียนรู้สึกเขาคงจะไม่ตอบตกลงหรอก แต่คิดไม่ถึงว่าวินาทีต่อมาเซียวซู่ก็ลุกขึ้นเลย
“ไปกันเถอะ จะไปทานอะไรครับ?”
“ออกไปดูก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
จากนั้นเสี่ยวเหยียนได้กลับไปเอาเสื้อคลุมที่ห้อง เพราะกลัวหนาวจึงได้สวมหมวกและพันผ้าพันคอให้ตัวเองด้วย ตอนที่ออกมาคนทั้งคนได้ถูกห่อหุ้มจนกลมดิ๊กแล้ว
แต่อยู่ตรงหน้าของเซียวซู่ เธอไม่รู้สึกว่าการแต่งตัวแบบนี้มีอะไรผิดเลย เธอได้ออกไปพร้อมกับเขา และมองดูรอบๆ
เซียวซู่เห็นเธอมองซ้ายมองขวา จึงได้หยิบมือถือออกมาเช็คดูรอบๆไปครู่นึง จากนั้นก็พูดกับเธอว่า: “ระแวกนี้มีถนนคนเดินเส้นนึง ไกลจากที่นี่ไม่เยอะ จะลองไปดูมั้ยครับ?”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว แววตาของเสี่ยวเหยียนเปล่งประกายขึ้นมา
“ถนนคนเดิน? ดีสิๆ พวกเราเดินไป?”
“อืม เดินประมาณสิบห้านาที ถ้าคุณรู้สึกไกล……….”
“ไม่ไกลๆ ถ้าเดินสิบห้านาทีแล้วได้ทานของอร่อย งั้นก็ถือว่าใกล้มากแล้ว”
เซียวซู่: “…..…”
เป็นนักกินจริงๆเลย
หลังจากทั้งสองเดินมาถึงถนนคนเดิน เสี่ยวเหยียนก็เริ่มซื้อของต่างๆขึ้นมา ซื้ออันนี้นิดหน่อย ซื้ออันนั้นอย่างนึง สรุปก็คืออะไรก็อยากลองชิมดูหมด
เซียวซู่เดินตามอยู่ข้างหลังเธอ เห็นเธอมีความสุขเหมือนนกกระจอกยังไงอย่างงั้น ก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้
ถ้าเธอสามารถมีความสุขแบบนี้ไปเรื่อยๆ งั้นก็ดีแล้ว
เสียดาย รอยยิ้มของคืนนี้คาดว่าคงต้องหยุดอยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวพอกลับไป รอยยิ้มพวกนี้ก็คงจะหายไปอย่างไร้เงาแล้ว
คิดถึงตรงนี้ เซียวซู่หัวใจมืดมน
“เซียวซู่ พวกเราไปร้านปิ้งย่างร้านนั้น จากนั้นก็ดื่มเบียร์กันเถอะ”
ในขณะที่เซียวซู่กำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จู่ๆเสี่ยวเหยียนกลับเรียกเขา เซียวซู่มองไปตามสายตาของเธอ จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา: “ดื่มเบียร์?”