บทที่979ปรับอารมณ์ได้
หลายปีมานี้ ยู่ฉือจินทานข้าวคนเดียวมาโดยตลอด
ถึงแม้มีหยูโปคอยอยู่เป็นเพื่อน แต่ยังไงซะทั้งสองก็เป็นคนแก่ ตอนที่อยู่เป็นเพื่อนพูดคุยกันขึ้นมา นั่นสิถึงเรียกว่าเศร้าใจ
ยู่ฉือจินไม่ได้เกิดมาก็โดดเดี่ยวแบบนี้เลย หลังจากเคยได้เพลิดเพลินกับการมีครอบครัวและลูกหลานเต็มบ้าน ถึงได้มาตัวคนเดียว ถ้าไม่ใช่ว่าเขาจิตใจที่ดีพอ หลายปีมานี้เขาอดทนไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ
ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กของตัวเองก็กลับมาแล้ว
ถึงแม้ลูกสาวคนโตไม่อยู่ แต่ลูกของเธอกลับมาแล้ว แถมยังพาภรรยาและลูกมาด้วย อ้อไม่ใช่ ต้องเป็นพ่อแม่และลูกๆสองคน ทั้งหมดเป็นสี่คนถึงจะถูก
จากนั้นหานมู่ก็ได้พาหานชิงมาด้วย
อาหารมื้อนี้รวมเขากับหยูโป ทั้งหมดก็เป็นแปดคนแล้ว
คึกคักจังเลย
ไม่ว่าสายตา ในใจหรือใบหน้าของยู่ฉือจินล้วนแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม อีกอย่างเสี่ยวหมี่โต้วก็นั่งอยู่แค่ข้างกายเขา ยิ่งทำให้ยู่ฉือจินอารมณ์เบิกบานเข้าไปใหญ่ ช่วงนี้อยู่จ่อหน้ายู่ฉือจินเสี่ยวหมี่โต้วได้ช่วยหานมู่จื่อสร้างความประทับใจไปไม่น้อยเลย
ความประทับใจที่ยู่ฉือจินมีให้หานมู่จื่อในก่อนหน้านั้น สามารถบอกได้ว่ามีแค่นิดเดียว แถมยังลดลงจนแทบไม่เหลือเพราะความเย่อหยิ่งของตัวเองด้วย
แต่ว่าหลังจากผ่านการล้างสมองโดยการอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหมี่โต้วในช่วงนี้แล้ว ถ้าความประทับใจคือเต็มหนึ่งร้อยล่ะก็ งั้นความประทับใจที่ยู่ฉือจินมีให้หานมู่จื่อในตอนนี้สามารถบอกได้ว่าสูงถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
เพียงแต่ นิสัยของเขาก็ยังค่อนข้างเย่อหยิ่งอยู่ ดังนั้นตอนนี้ยังแบกหน้าไปแสดงออกว่าตัวเองชอบหลานสะใภ้คนนี้มากแค่ไหนไม่ลง
แต่ว่าเขาก็ได้ทักทายกับหานชิงและพูดคุยไปหลายคำอยู่
เพราะยังไงซะก็เป็นคนรับผิดชอบของกรุ๊ปเดียวกัน มีเรื่องพูดคุยกันอยู่
อีกอย่างไม่นาน ความประทับใจที่ยู่ฉือจินมีต่อหานชิงก็พุ่งสูงปรี๊ดเลย รู้สึกว่าเขาเป็นคนสุขุมหนักแน่น
หลังจากทานข้าวมื้อนี้ เสี่ยวหมี่โต้วไม่รู้ช่วยหานมู่จื่อพูดคำสวยหรูไปอีกตั้งเท่าไหร่
ส่วนส้งอานทานข้าวอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มองดูคนที่นั่งอยู่เต็มโต๊ะ ความคิดของเธอได้ล่องลอยไปที่สมัยเมื่อนานมาแล้ว
ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก คนที่รักและเอ็นดูเธอที่สุดก็คือพี่สาว
แม่ของพวกเธอ หลังจากคลอดพวกเธอออกมาร่างกายก็มีปัญหา นอนป่วยอยู่บนเตียงไปหลายปี ไม่ว่าจะใช้ยาที่แพงแค่ไหน ก็ไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้
หลังแม่จากไป คนที่ดีกับส้งอานที่สุดก็คือส้งซินแล้ว
พี่สาวคนโตคอยดูแลเธอเหมือนเฉกเช่นแม่ เพราะตอนนั้นยู่ฉือจินเสียใจกับการจากไปของแม่ของพวกเธอมาก เดิมทีก็ไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าอยู่แล้ว บวกกับช่วงนั้นยังเหนื่อยกายเหนื่อยใจอีก ดังนั้นก็เลยทิ้งเรื่องของบริษัทไว้ข้างหลัง
ดังนั้นแม่จากไป หลังจากยู่ฉือจินจัดการงานศพของภรรยาเสร็จ ก็ต้องจัดการเรื่องมากมายของบริษัท ลูกสาวสองคนนี้ก็ย่อมถูกเขาละเลย
ตอนแรกสองพี่น้องยังพอเข้าใจพ่อของตัวเอง แต่นานเข้า เวลาผ่านไปความผูกพันที่มีต่อพ่อคนนี้ก็ค่อยๆจางหายไป
สำหรับคนที่เป็นลูกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง
แต่ไม่ใช่พอกลับมาถึงบ้านคำแรกที่ได้ยินทุกวันคือ พ่อของพวกเธอมีเรื่องงานต้องออกไปคบค้าสมาคม ให้เธอสองคนไม่ต้องรอแล้ว
ตอนแรกแค่เจอหน้ากันน้อย แต่ต่อมาแทบจะไม่มีเวลาเจอหน้ากันเลย
ยู่ฉือจินยิ่งอยู่ยิ่งงานยุ่ง ยุ่งจนไม่มีเวลาให้ลูกสาว แต่เขาก็ไม่ได้หาคนรักใหม่อีก
คิดถึงตรงนี้ ส้งอานหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ข้อดีข้อเดียวของพ่อคนนี้ก็คือรักเดียวใจเดียว แม่จากไปเร็ว ตอนนั้นเขาก็มีทรัพย์สินมหาศาลแล้ว ข้างกายมีผู้หญิงมากมายที่อยากเสนอตัวให้เขา แต่ยู่ฉือจินในตอนนั้นกลับไม่มองแม้แต่หางตา
เขาเป็นพ่อหม้ายมาทั้งชีวิต ไม่ได้แต่งงานใหม่อีก และไม่ได้ไปกุ๊กกิ๊กกับหญิงใดๆด้วย
แต่เสียดาย เขาเผด็จการเกินไป
ตอนนั้นไม่ว่ายังไงก็จะบีบบังคับให้พี่สาวแต่งงานกับลูกชายของเพื่อนร่วมธุรกิจ บีบจนเธอกับพี่สาวต้องหนีออกจากบ้าน
ส้งอานกำลังคิด ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้บีบบังคับตัวเองกับพี่สาวล่ะก็ ตอนนี้พี่สาวก็จะไม่ตายแล้วใช่มั้ย……..
“คุณย่าน้อย~”
ส้งอานกำลังจิตใจล่องลอยอยู่ เสียงแบ๊วๆเสียงนึงได้ดึงสติเธอกลับมา
ส้งอานเงยหน้าสบตากับดวงตาที่ไร้เดียงสาและแปลกใจ: “คุณย่าน้อยร้องไห้ทำไมครับ?”
ร้องไห้?
ทุกคนมองไปที่ส้งอานอย่างห้ามใจไม่ได้
ส้งอานก็อึ้งเหมือนกัน จับไปที่แก้มของตัวเองด้วยจิตใต้สำนึก จากนั้นมือก็เปียกชุ่มไปหมด
ไม่นึกเลยว่า……..เธอจะร้องไห้โดยที่ไม่รู้ตัว? ? ?
นี่ก็เป็นสิ่งที่ส้งอานเองก็คาดไม่ถึง เมื่อกี๊เธอแค่ถูกความคิดพาไปไกล จากนั้นตัวเองก็จมเข้าไปในความคิด จากนั้นความทรงจำก็เหมือนคลื่นซัดกระหน่ำมาอย่างควบคุมไม่ได้
ไม่นึกเลยว่า……เธอจะร้องไห้?
นี่มัน……เสียมารยาทเกินไปแล้ว
อย่างไรก็ตามที่นี่คนเยอะขนาดนี้ อีกทั้งล้วนยังเป็นรุ่นหลังของตัวเองด้วย
คิดถึงตรงนี้แล้ว ส้งอานรีบลุกขึ้นมาทันที ฝืนยิ้มออกมา: “คงจะเป็นเพราะทานเผ็ดเกินไป ฉันไปจัดการแป๊บนึงนะ”
พูดจบก็หันหลังเดินไปที่ทิศทางของห้องน้ำทันที
ข้าวมื้อได้เปลี่ยนมาแปลกประหลาดเพราะฉากสอดแทรกเล็กๆที่ส้งอานร้องไห้ ถึงแม้ใบหน้าของส้งอานยังประดับด้วยรอยยิ้ม แต่หลังจากเธอจากไป ทุกคนกลับไม่มีอารมณ์แล้ว
หานมู่จื่อถึงขั้นเป็นห่วง หลังจากเธอคิดๆแล้วได้วางตะเกียบลง และลุกขึ้น: “หนูลองไปดูค่ะ”
ไม่มีคนห้ามเธอ เย่โม่เซินพูดเสียงเบา: “มีอะไรเรียกผมนะ”
“โอเคค่ะ”
หานมู่จื่อลุกขึ้นเดินตามทิศทางของส้งอานไป ตระกูลยู่ฉือใหญ่มาก ดังนั้นสุดท้ายหานมู่จื่อหาห้องน้ำเจอ ภายใต้การนำทางของคนรับใช้
เธอไม่รู้ว่าหลังจากตัวเองจากไป เย่โม่เซินมองยู่ฉือจินที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“คุณตาครับ ผมมีเรื่องจะบอกคุณตาครับ”
หลังจากหานมู่จื่อถึงห้องน้ำ กล่าวขอบคุณคนรับใช้เสร็จ หลังจากคนรับใช้ได้บอกไม่ต้องขอบคุณด้วยความเกรงขามเสร็จก็ได้จากไป
จากนั้นหานมู่จื่อได้เดินเข้าห้องน้ำ เดิมทีนึกว่าต้องหารอบนึง คิดไม่ถึงว่าหลังจากเข้าไปก็เห็นส้งอานเหม่อลอยอยู่ข้างเคาน์เตอร์ล้างมือ ใบหน้ายังมีคราบน้ำตาที่ยังไม่แห้ง ดูเหมือนเธอไม่รีบร้อนออกไป ดังนั้นหลังจากเข้ามาจึงไม่ได้ทำความสะอาด
พอได้ยินเสียงฝีเท้า ส้งอานมองไปที่ต้นตอของเสียงทีนึง หลังจากเห็นหานมู่จื่อ เธอยิ้มเล็กน้อย “มาแล้วหรอ”
หานมู่จื่อหยุดเดิน มองส้งอานอย่างทำอะไรไม่ถูก
เพราะยังไงซะฝ่ายตรงข้ามก็คือน้าของเย่โม่เซิน ที่จริงความสัมพันธ์ของเธอกับเธอไม่ได้สนิทชิดเชื้อขนาดนั้น ตอนนี้เห็นเธอน้ำตาร่วงไปด้วยและฝืนยิ้มให้กับตัวเองไปด้วย ในใจรู้สึกทรมานมาก
“ที่จริงหนูไม่ต้องมาหรอก น้าก็สามารถปรับอารมณ์ของตัวเองได้”
ในขณะที่เธอไม่รู้จะทำอะไร จู่ๆส้งอานได้พูดขึ้นมาคำนึง
หานมู่จื่อขยับริมฝีปาก จากนั้นก็เดินไปที่ข้างกายเธอ ยื่นทิชชูไปถุงนึง
“คุณน้าเช็ดหน่อยเถอะค่ะ”
ส้งอานมองทิชชูถุงนั้นไปสักพัก ถึงยื่นมือรับมา ดึงทิชชูออกมาแผ่นนึงแล้วเช็ดน้ำตาตัวเอง สูดอากาศเข้าลึกๆแล้วพูด: “ที่จริงน้าก็แค่นึกถึงเรื่องสมัยก่อน รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อยเฉยๆ น้าไม่ได้เสียใจหรอก”
แค่น้ำตาไหลออกมาเอง ถ้าไม่ใช่เสี่ยวหมี่โต้วเตือน เธอเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
“เรื่องสมัยก่อน……”
“ใช่สิ ตะแก่นั่น……ต้องโทษตะแก่นั่นคนเดียว ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เขาบีบบังคับน้ากับพี่สาว น้ากับพี่สาวก็ไม่หนีออกจากบ้าน ถ้าไม่หนีออกจากบ้าน อาจจะ…….จนถึงตอนนี้พี่สาวของน้าก็ไม่ตายหรอก พี่สาวที่ว่าก็คือ……..แม่สามีของหนู”