บทที่980ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะมาพบกัน
แม่สามี……..
แม่ของเย่โม่เซิน——ส้งซิน
คนๆนี้…….ตอนนั้น เย่โม่เซินเคยเล่าให้เธอฟังอยู่
ตอนนั้นยังเป็นสมัยที่เย่โม่เซินเกิดความแค้นกับเย่หลิ่นหาน ตอนนั้นหลังจากเธอฟังที่เย่โม่เซินพูดแล้ว รู้สึกเพียงว่าแม่สามีที่ไม่เคยเจอหน้ากันท่านนี้ นิสัยแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรี หลังจากพบว่าอีกฝ่ายนอกใจ ก็หย่าในทันที จากนั้นก็ไม่ไปมาหาสู่กันจนชั่วชีวิต
นิสัยที่เด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดแบบนี้ทำให้เธอเองก็อิจฉามาก
ดังนั้นตอนนั้นเย่โม่เซินถึงได้เกลียดเย่หลิ่นหานขนาดนั้น
เพียงแต่…….
“พูดไปไกลเลย ที่จริงนี่ก็เป็นความคิดของน้าเฉยๆ บนโลกนี้ไม่มีคำว่าถ้าหากเลยด้วยซ้ำ ถ้ามีสมมุติมากมายขนาดนั้น งั้นก็มีคนมากมายที่ไม่ต้องตายแล้ว เรื่องก็ไม่พัฒนาเหมือนตอนนี้หรอก ไม่ว่ายังไง วันนี้ทุกคนสามารถรวมตัวอยู่ด้วยกันก็ไม่เลวแล้ว”
ส้งอานเช็ดน้ำตาและพูดเสียงเบา: “ทุกอย่างบนโลกใบนี้ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว พี่สาวของน้าถูกกำหนดว่าจะหนีออกจากบ้าน พี่สาวก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเจอผู้ชายนอกใจ เย่โม่เซินถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะถูกคนของตระกูลเย่พากลับบ้าน จากนั้น……ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะเจอกับหนู”
หานมู่จื่อ: “….…”
“ทุกอย่างล้วนเป็นผลและกรรม”
ส้งอานหลุบตาลง พูดพึมพำคนเดียว
“คุณน้าคะ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว และไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้แล้ว อย่าไปคิดถึงมันอีกเลยค่ะ” หานมู่จื่อเดินไปข้างหน้า ตบที่ไหล่ของส้งอานเบาๆ
“อืม น้ารู้” ส้งอานไปล้างหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ล้างมือ จากนั้นก็ยิ้มเบาๆ: “ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว เรากลับไปเถอะ”
“คุณน้าคะ หนูมีเรื่องนึงอยากคุยกับคุณน้าที่นี่พอดีเลยค่ะ”
“เรื่องอะไรเอ่ย?”
หานมู่จื่อมองเธอแล้วลังเลไปครู่นึง ถึงได้พูดเรื่องที่ตัวเองกับเย่โม่เซินตัดสินใจออกมา
หลังจากฟังเธอพูดจบ สีหน้าของส้งอานเหมือนปกติ “ได้สิ เรื่องของหนูสองคน พวกหนูตัดสินใจเองก็พอแล้ว”
หานมู่จื่อค่อนข้างแปลกใจ คิดไม่ถึงว่าส้งอานจะยอมรับเร็วขนาดนี้?
“คุณน้าคะ หนู…….”
“หนูกลัวตะแก่จะไม่เห็นด้วยใช่มั้ย? หนูวางใจเถอะ มีน้าอยู่ ถ้าตะแก่นั่นยังดื้อดึงอีก คอยดูเขาได้เจอดีจากน้าแน่” พอพูดจบ ส้งอานยังได้ทำท่าตีคน: “นอกจากเขาไม่อยากเอาลูกสาวคนนี้แล้ว ไม่งั้นน้าก็ยังสามารถช่วยหนูสองคนได้อยู่”
“ที่จริง……หนูกลัวคุณตาจะไม่ชอบใจ เพราะยังไงซะตอนนี้ท่านก็อายุมากแล้วค่ะ…….”
“ที่จริงมีวิธีดีอยู่วิธีนึง”
“วิธีอะไรคะ?”
“ตอนนี้ในใจของตะแก่นั่นมีแต่เหลนหัวแก้วหัวแหวนของตัวเอง ถ้าพวกหนูยินยอมล่ะก็ งั้นสามารถให้เสี่ยวหมี่โต้วอยู่ที่ข้างกายของตะแก่ได้”
“ไม่ได้ค่ะ!”
หานมู่จื่อส่ายหัวอย่างยืนหยัดทันที: “ไม่ได้ค่ะ”
เธอจะหลอกใช้เสี่ยวหมี่โต้วให้อยู่ที่นี่เพื่อตัวเองไม่ได้ แบบนี้จะช่วงชิงอิสระของเด็กคนนึงไป เธอทำไม่ได้
“รู้ตั้งนานแล้วว่าหนูไม่เห็นด้วย เพราะฉะนั้นน้าคนนี้ก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยแค่นั้นแหละ หนูอย่าเอามาใส่ใจนะ ถึงเวลาก็พาลูกและโม่เซินกลับประเทศโดยตรงเลย ที่เหลือมอบให้น้าจัดการเอง”
ความหมายของคำพูดนี้คือ หนูเอะอะโวยวายให้เต็มที่เลย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องคำนึงถึงผลที่ตามมา ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรน้าก็จะช่วยพวกหนูแก้ปัญหาที่ตามมาเอง
ตำแหน่งคุณน้านี้สมฐานะจริงๆ
ทั้งสองได้กลับมาที่โต๊ะอาหาร พบว่าบรรยากาศดูเหมือนจะผิดปกติ
หานมู่จื่อนึกว่าเพราะเรื่องของส้งอาน ดังนั้นจึงไม่ได้คิดมาก ใครจะไปรู้ว่าเพิ่งนั่งลงมาไม่นาน สายตาของยู่ฉือจินก็หล่นอยู่ที่ใบหน้าของหานมู่จื่อ แววตานั้นเฉียบคมเหมือนมีด มองจนหานมู่จื่ออกสั่นขวัญแขวน
มีอะไรหรอ?
เธอก็แค่ไปห้องน้ำรอบนึงและตามหาส้งอานกลับมา ก็ขัดใจเขาโดยที่ไม่ทันระวังแล้วหรอ?
หรือว่าเสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้ช่วยเธอสร้างความประทับใจเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ในใจจะเกิดความสงสัย แต่หานมู่จื่อก็ไม่กล้าถามต่อหน้า ได้แต่ทนสายตาแบบนี้ไว้ ตลอดจนทานข้าวเย็นเสร็จ จู่ๆยู่ฉือจินเอ่ยปากกับเธอ: “เธอมาที่ห้องอ่านหนังสือกับฉัน”
หานมู่จื่อเงยหน้า แน่ใจว่านาทีนี้สายตาของยู่ฉือจินกำลังมองดูเธออยู่ คำพูดนี้ก็น่าจะพูดกับเธอเหมือนกัน
แต่ว่า——ทำไมจู่ๆถึงเรียกเธอไปที่ห้องอ่านหนังสือ?
แต่ก็ดีเหมือนกัน ไม่ว่าจู่ๆยู่ฉือจินจะเรียกเธอไปที่ห้องอ่านหนังสือทำไม เธอก็มีเรื่องจะคุยกับเขาพอดี ไปสักรอบก็ไม่เป็นไรหรอก
คิดถึงตรงนี้ หานมู่จื่อก็อยากตอบตกลง
ใครจะไปรู้ว่าเสียงที่เย็นชาของเย่โม่เซินจะก้องมาจากด้านหน้า
“มีเรื่องอะไรหาผมก็พอครับ คุณตาไม่ต้องไปสร้างความลำบากใจให้เธอหรอกครับ”
หานมู่จื่อ: “? ? ?”
ยู่ฉือจินคงถูกท่าทีที่เข้าข้างของเย่โม่เซินทำเอาโมโห เขาพูดด้วยความโกรธ: “อะไรเรียกว่าไม่ต้องไปสร้างความลำบากใจให้เธอ ตาเรียกเธอไปคุยที่ห้องอ่านหนังสือไม่กี่คำ ก็เรียกว่าสร้างความลำบากใจให้แล้วหรอ? ตารู้ว่าแกชอบเธอ แต่แกคงไม่ถึงขั้นหลงหัวปักหัวปำขนาดนี้มั้ง!”
เย่โม่เซินสีหน้าเย็นชา “คุณตาครับ เมื่อกี๊ผมพูดอย่างชัดเจนมากแล้ว คุณตาเรียกเธอไปคุยที่ห้องอ่านหนังสือ ดูผิวเผินคือคุยไม่กี่คำ แต่คิดยังไงก็รู้ว่าคุณตาจะสร้างความลำบากใจให้เธอ”
“แก แกนี่มัน!” ยู่ฉือจินถูกเขายั่วโมโหจนตัวสั่น และพูดไม่ออก
ในขณะนี้เอง หานมู่จื่อกุมมือของเย่โม่เซิน จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าของเขาเพื่อบังเขาไว้ พร้อมพูดเสียงเบา: “คุณตาคะ หนูไปห้องอ่านหนังสือกับคุณตาค่ะ”
เย่โม่เซินขมวดคิ้ว จับข้อมือเธอไว้ หานมู่จื่อบีบฝ่ามือเขาเพื่อส่งสัญญาณให้เขาปล่อยตัวเอง จากนั้นก็พูดเสียงเบา: “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่พูดคุยไม่กี่คำเฉยๆ ฉันไม่ถูกตีหรอกน่ะ คุณจะตื่นเต้นไปทำไม?”
ใช่สิ แค่พูดคุยไม่กี่คำเฉยๆ
แต่ถึงจะพูดแค่ไม่กี่คำ เย่โม่เซินก็กลัวว่าคุณตาจะพูดคำพูดที่ทำร้ายจิตใจมู่จื่อ ดังนั้นก็เลยอยากปกป้องเธอ ไม่อยากให้เธอไป
เพราะเมื่อกี๊เธอไปห้องน้ำ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าทางนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้แต่พูดว่า: “เมื่อกี๊ตอนที่คุณไปหาคุณน้า ผมได้บอกเรื่องที่เราจะกลับประเทศกับคุณตา”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หานมู่จื่อค่อนข้างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เธอยังแปลกใจอยู่เลย ว่าทำไมสายตาที่ยู่ฉือจินมองเธอถึงได้เฉียบคมขนาดนั้น ที่แท้ก็เย่โม่เซินได้พูดเรื่องนี้ออกมานี่เอง
ถึงว่าล่ะ….……
“โอเค ฉันรู้แล้วค่ะ” หานมู่จื่อพยักหน้า เธอก็ไม่ได้โกรธ แค่ปลอบโยนเย่โม่เซินโดยการตบมือเบาๆ: “ฉันเข้าไปแป๊บเดียว ถ้าคุณไม่ไว้ใจก็เฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง รอฉันออกมาก็พอค่ะ”
หลังจากหานมู่จื่อไปที่ห้องอ่านหนังสือยู่ฉือจิน เย่โม่เซินก็ได้เชื่อฟังคำพูดเธอเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง สีหน้าดูเคร่งขรึมมาก ส้งอานที่อยู่ไม่ไกลมองดูภาพนี้ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวพูดกับเสี่ยวหมี่โต้ว
“เสี่ยวหมี่โต้ว หลานดูซิว่าหน้าตาของแดดดี๊ในตอนนี้ เหมือนหมาปั๊กที่เชื่อฟังมั้ย?”
เสี่ยวหมี่โต้ว: “….…”
หานชิงที่อยู่ข้างๆสีหน้าเงียบสงบ: “…….”
หลังจากฟังคำพูดนี้แล้ว ริมฝีปากของเขาอดไม่ได้ที่จะยกขึ้นทีนึง จากนั้นก็ได้มองส้งอานไปทีนึง
คนๆนี้ เป็นน้าแท้ๆของเย่โม่เซินจริงๆหรอ?
มีน้าแท้ๆที่ใส่ร้ายป้ายสีหลานชายตัวเองแบบนี้ด้วยหรอ?
ถ้าไม่ใช่เห็นกับตา ยากที่จะเชื่อจริงๆ
เสี่ยวหมี่โต้วกระพริบตาปริบๆ พูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสา: “คุณย่าน้อยพูดปุ๊บ รู้สึกเหมือนจริงๆด้วยแฮะ~”
หานชิงหันมองเสี่ยวหมี่โต้วทีนึง
พอกันเลย มีน้าที่ใส่ร้ายเขาไม่พอ แม้แต่ลูกชายของเขาก็ยังใส่ร้ายป้ายสีตามด้วย
ในฐานะที่เป็นพี่ชายของหานมู่จื่อ หานชิงรู้สึกนี่ไม่มีอะไร
แต่ในฐานะที่เป็นผู้ชายด้วยกัน หานชิงก็รู้สึกค่อนข้างสงสารเขาขึ้นมาเลย