บทที่99 เสิ่นเฉียวโดนวางยา
“เคารพ?” ลู่สุนฉางหัวเราะ เขามองตาของจางหยู่ฝาน “ฉันไม่ได้ฟังอะไรผิดใช่ไหม คุณชายจางพูดว่าต้องเคารพผู้ช่วยตัวเล็กๆคนนึง? เลิกเล่นละครได้แล้วใครจะไปรู้ในใจอาจจะคิดเรื่องสกปรกอยู่ก็ได้”
จางหยู่ฝานขมวดคิ้วแน่น ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าลู่สุนฉาง “นาย ทำไมถึงพูดจาแบบนี้?”
“ถ้า คุณชายจางไม่กล้าที่จะลงมือก่อน งั้นก็หลบไป” ลู่สุนฉางหันไปสบตากับลูกน้องข้างหลังเขา พวกชายตัวใหญ่ก็ขยับไปล้อมเสิ่นเฉียวเอาไว้
เสิ่นเฉียวสีหน้าเปลี่ยน เธอจ้องไปที่ลู่สุนฉาง
“ประธานลู่คุณทำอย่างนี้หมายความว่าไงคะ?”
“เหอะ” ลู่สุ่นฉางหัวเราะเสียงเย็น “คุณผู้ช่วย นี่คุณยังกล้าถามว่าหมายความว่ายังไงอีกหรอ? วันนี้พวกคุณเดินเข้ามาเอง ก็อย่าหาว่าผมใจร้ายก็แล้วกัน”
เสิ่นเฉียวรู้สึกได้ถึงอันตราย เธอกำลังจะอ้าปากตะโกน ชายอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยกมือขึ้นมากระแทกต้นคอเธอ เสิ่นเฉียวตาเหลือกแล้วก็เป็นลมล้มลงไป
ไม่มีใครเข้ามารับเธอ ดีที่จางหยู่ฝานตาเร็วมือไว เขาเข้ามารับเธอได้ทันเวลาพอดี เสร็จแล้วจึงหันไปเขม่นตามองลู่สุนฉาง
“ประธานลู่ นี่คุณกำลังทำอะไร?”
สายตาของลู่สุนฉางเหมือนกำหมาป่าที่โกรธเกรี้ยว “หลีกทางไป!”
ลู่สุนฉางกระชับอ้อมกอดของตัวเองที่มีเสิ่นเฉียวอยู่แน่น “พวกคุณคิดจะลงมือกับผู้ช่วยเสิ่น? เธอเป็นถึงผู้ช่วยของคุณชายเย่เชียวนะ คุณคิดจะต่อกรกับคุณชายเย่ในเมืองเป่ยหรอ?”
“เหอะ เสือสองตัวมันอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้หรอก” ลู่สุนฉางมองหน้าเขาแล้วแสดงสีหน้าอันตราย “จางหยู่ฝานใช่ไหม? ส่งตัวผู้หญิงให้ลูกน้องฉัน ไม่อย่างนั้น…. ฉันก็จะชกแกให้สลบแล้วพาตัวไปด้วยกัน”
จางหยู่ฝานฟังที่ลู่สุนฉางพูด มองหน้าเขา แต่ก็ไม่ได้ปล่อยเสิ่นเฉียวที่สลบอยู่ในอ้อมแขนไป
“ก็แค่ผู้หญิงที่เพิ่งจะเจอกัน นายอยากมีเรื่องตระกูลลู่หรือไง?”
ฟังเขาพูดจบจางหยู่ฝานก็คลายอ้อมแขนออกเล็กน้อย ลูกน้องของลู่สุนฉางเมื่อเห็น ก็รีบมาเอาตัวเสิ่นเฉียวไปทันที
จากนั้นตัวของเสิ่นเฉียวก็โดนคนพาออกไปจากโถงงานเลี้ยงในทันที การกระทำที่ใหญ่โตเมื่อกี้ คนที่ยืนอยู่บริเวณตรงมุมนั้นมองเห็นกันหมด แต่ว่าในเวลาธรรมดาการกระทำของลู่สุนฉางทุกคนก็รู้ๆกันอยู่ พวกเขาคิดว่านี้เป็นเรื่องทะเลาะหึงหวง เลยไม่มีใครสนใจ
พอเสิ่นเฉียวโดนเอาตัวไปจางหยู่ฝานรู้สึกไม่ดีมากๆ เขาเลยเรียกเลขาส่วนตัวของตัวเองมาโดยด่วน
“คุณรีบส่งคนไปข้างบน ไปหาผู้ช่วยของนายโจว บอกเขาว่าผู้ช่วยที่มาเป็นคู่ออกงานของคุณชายเย่ โดนลู่สุนฉางตีจนสลบแล้วก็พาไปแล้ว”
เลขาเมื่อได้ฟังก็ขมวดคิ้วทันที “เรื่องระหว่างตระกูลลู่กับตระกูลเย่?”
“อืม รีบไป”
แต่เลขายังคงยืนอยู่ที่เดิม
“มีอะไร?”จางหยู่ฝานถามน้ำเสียงแข็ง
เลขาพยายามอธิบาย “คุณชายฝาน นี่ท่านไม่รู้เรื่องระหว่างตระกูลลู่กับตระกูลเย่ใช่ไหมครับ? ผมก็เพิ่งจะได้รับข่าวมาว่าไม่รู้ลู่สุนฉางไปทำอะไรไว้ให้คุณชายเย่โกรธ คุณชายเย่เลยส่งคนไปจัดการเขา ปกติลู่สุนฉางชอบทำอะไร? ตอนนี้เขาโดนตัดทิ้ง คงสะสมความแค้นเอาไว้มาก ตอนนี้ก็ไม่ต่างกับคนที่เสียสติ”
จางหยู่ฝานได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น “ปกติลู่สุนฉางใช้เวลาคลุกคลีอยู่กับผู้หญิงจำนวนมาก จัดการของเขาทิ้งไปไม่ดีหรือไง? ถือว่าได้ปกป้องประชาชนคนอื่นด้วย”
“คุณชายฝาน ท่านไม่เข้าใจความหายของผมหรอครับ? ผมหมายความว่าตอนนี้ลู่สุนฉางน่ะกู่ไม่กลับแล้ว เดาว่าไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็มาสามารถทำได้ทั้งนั้น ทั้งนี้เรื่องราวก็วุ่นวายพออยู่แล้ว พวกเราก็อย่าเอาตัวเองเข้าไปเกี่ยวด้วยเลยนะครับ”
ฟังคำพูดของเลขาจบจางหยู่ฝานก็เลิกคิ้วขึ้น “เพราะฉะนั้นความหมายของนายก็คือให้ฉันเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปเสีย?”
“อย่างนี้.. ดีที่สุดครับ”
“บริษัทตระกูลจางของเราไม่เหมือนกับกับตระกูลลู่ตระกูลเย่ ถ้าเกิดพวกเขาเกิดมีเรื่องกันขึ้นมา…”
“งั้นถ้าครั้งนี้ บริษัทตระกูลจางได้รับการปกป้องจากตระกูลเย่ล่ะ? คำที่จางหยู่ฝานพูดทำให้คนฟังตกใจ เลขาของเขาตาโต “คุณชายฝาน?”
“ฉันขอพนัน นายไปคิดหาวิธีบอกคุณชายเย่ให้เร็วที่สุด จัดการเอาเรื่องนี้ไปบอกว่าฉันเป็นคนสั่งให้มาบอกคุณชายเย่ ตระกูลลู่ที่เป็นเสี้ยนหนาม… ใครๆก็อยากรีบกำจัดทิ้ง ยังไงซะตระกูลลู่ไม่ใช่ศัตรูของตระกูลเย่ พวกเราก็แค่นั่งรอผล”
เย่โม่เซินกับนายโจวเพิ่งจะนั่งลงคุยกันได้ไม่นาน ก็มีคนมาทำลับๆล่อๆ นายโจวหยุดพูด หันไปมองเย่โม่เซิน
เย่โม่เซินเลิกคิ้วมอง “คุณโจวมีเรื่องที่ต้องไปจัดการหรือเปล่าครับ?”
“คุณชายเย่ เรื่องนี้เกี่ยวกับผู้ช่วยของคุณ”
ผู้ช่วย?
เสิ่นเฉียว? สายตาของเย่โม่เซินเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาในทันที “หมายความว่ายังไง?”
นายโจวพูดเรื่องที่เขาเพิ่งได้ฟังมาเมื่อกี้ให้เย่โม่เซินฟัง เซียวซู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ได้ยิน “ลู่สุนฉาง? คุณโจว นี่คุณยังเชิญเขามาร่วมงานอีกหรอ?”
นายโจวลูบจมูกตัวเอง ยิ้มแหยๆ “ผมไม่ได้เชิญเขาครับ แต่ว่าจากฐานะของเขา ถ้าคิดอยากจะได้บัตรเชิญเข้าร่วมงาน คิดว่าก็คงไม่ยาก”
เมื่อได้ฟัง เย่โม่เซินคิดว่าเรื่องนี้มันจะชักหนักขึ้นเรื่อยๆแล้ว
เซียวซู่รีบพูดอย่างรีบร้อน “คุณชายเย่ คงไม่ใช่เพราะลู่สุนฉางยังโมโหเรื่องครั้งก่อนอยู่ ก็เลยรอจะใช้โอกาสครั้งนี้… ลู่สุนฉางจะพาผู้ช่วยเสิ่นไปไว้ที่ไหน?”
เย่โม่เซินสีหน้าโกรธจัด ดวงตาก็มืดขึ้นจนทำให้คนที่เห็นเกรงกลัว เสียงเย็นเรียบพูด “คุณโจว ผมคิดว่าวันนี้ก็คงต้องเสียมารยาทอีกแล้ว”
นายโจวผายมือให้เขา เสร็จก็ยืดตัวขึ้น “ผู้ช่วยเสิ่นหายไปในงานเลี้ยงของผม ในฐานะที่ผมเป็นเจ้าภาพของงาน ผมเองก็ต้องรับผิดชอบ ผมจะสั่งให้คนไปดูกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้ ลองหาดูว่าพวกมันพาผู้ช่วยเสิ่นไปไว้ที่ไหน”
“รบกวนด้วย”
นายโจวพูดจบก็รีบออกไปทัน เซียวซู่เองก็รีบเข็นรถของเย่โม่เซินออกจากห้องโดยด่วน “ไอ้เดนลู่สุนฉางคงไม่ทำอะไรผู้ช่วยเสิ่นใช่ไหมครับ? น้องชายของเขาโดนตัดทิ้งไปแล้ว เรื่องนี้ในฐานะผู้ชายคนนึงคงโกรธมากจนไม่รู้จะโกรธยังไงแน่ๆ แถมเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำเรื่องบ้าอะไรอีกไหม”
เซียวซู่ยิ่งพูด สีหน้าของเย่โม่เซินก็ยิ่งแย่ขึ้นเรื่อยๆ
“รีบไปจัดการให้เรียบร้อย”
เซียวซู่หยิบโทรศัพท์ออกมา
จังหวะเดียวกันโทรศัพท์ของเย่โม่เซินก็ดังขึ้นพอดี เป็นเบอร์แปลก
เซียวซู่สูดลมหายใจเข้าลึก ยืนมองหน้าจอโทรศัพท์ของเขาอยู่ข้างๆ
เย่โม่เซินรับโทรศัพท์ แววตาเยือกเย็น
“ฉันรู้ว่านายยังสบายดีตั้งแต่ครั้งสุดท้ายเราเจอกัน เย่โม่เซิน”
น้ำเสียงกวนๆของลู่ซุนฉางดังผ่านเข้ามาในโทรศัพท์ เซียวซู่เมื่อได้ยินเสียงของเขา ก็ตะโกนด่ากลับไป “ลู่สุนฉางแกอยากตายใช่ไหม? ถึงได้กล้าจับคนไปกลางงานเลี้ยงแบบนี้ แกอยากให้ตระกูลลู่โดนตระกูลเย่ถล่มให้ราบใช่ไหม?”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” ลู่สุนฉางหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “แน่จริงก็มาสิ แต่ว่าตอนที่พวกแกกำลังถล่มบ้านตระกูลลู่แม่ผู้ช่วยตัวน้อยของแกก็คงโดนฉันจัดการจนดูไม่ได้แล้วล่ะ” น้ำเสียงลู่สุนฉางฟังดูสะใจ “เย่โม่เซิน เพื่อผู้ช่วยตัวเล็กๆคนเดียว นายยอมให้มีเรื่องทะเลาะกันระหว่างตระกูล ยอมฉีกสัญญา ถึงขั้นยอมหาคน…. เหอะ ฉันอยากจะเห็น ว่าไอ้พิการแถมยังไร้สมรรถภาพทางเพศอย่างนาย จะทำเพื่อช่วยผู้ช่วยคนนี้ถึงขั้นไหน”
เซียวซู่: “ลู่สุนฉางถ้านายยังมีสติดี ก็รีบปล่อยคนของเรามาซะ!”
“อยากได้อะไร?” เย่โม่เซินถามลู่สุนฉางเสียงเรียบ
ฝั่งลู่สุนฉางไม่มีเสียงตอบรับ วินาทีถัดมาเขาถึงตอบ “ดูแล้วนายให้ความสนใจผู้ช่วยคนนี้เป็นพิเศษเลยนะเย่โม่เซิน ไม่คิดว่านายเองก็จะมีวันนี้? ฉันจะบอกอะไรให้ แม่ผู้ช่วยของนายโดนฉันจับกรอกยาปลุกเซ็กส์ไปแล้ว กำลังรอนายมาช่วยเธออยู่ นายคิดว่าไง?”