บทที่983 ความรักมักไม่เห็นแก่ตัว
“พูดอะไรน่ะ”ส้งอานจ้องมองเธอ“ของสิ่งนี้ท่านผู้เฒ่าท่านให้เธอ เธอก็เก็บรักษาไว้เถอะ อย่ายัดให้คนอื่นเลย”
“แต่ว่าฉัน……”
“แต่ว่าอะไรเล่า ต่อให้ของสิ่งนี้เป็นของพี่สาวฉันจริง ก็คือของแม่ผัวเธอ ถ้าหากหล่อนยังมีชีวิตอยู่ล่ะก็ เห็นว่าโม่เซินแต่งงานมีลูก หล่อนก็คงจะให้สร้อยเส้นนี้เป็นของขวัญพบหน้ากับเธอเหมือนกัน”พูดมาถึงตรงนี้ ส้งอานชะงัก ราวกับนึกอะไรออก จึงยิ้มเจื่อนๆ“ท่านผู้เฒ่าคงจะทำเรื่องนี้แทนพี่สาวฉันน่ะ ดังนั้น……เขายอมรับหลานสะใภ้คนนี้แล้วล่ะ”
ไม่อย่างนั้น ก็คงไม่ให้ของแพงขนาดนี้กับหานมู่จื่อ
สร้อยไพลินสีฟ้าเส้นนี้ ตอนแรกประมูลมาในราคาที่สูงมาก หลังจากที่ประมูลมาแล้ว ท่านผู้เฒ่าก็หานายช่างมา สังคยนาสร้อยเส้นนี้ใหม่ แล้วตั้งชื่อให้กับมัน
The Heart of Galaxy หัวใจแห่งจักรวาล
เป็นน้ำใจที่ยู่ฉือจินมีต่อภรรยาของเขา
ทั้งจักรวาล มีเพียงหล่อนคนเดียว
ชื่อที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ตอนแรกที่ส้งอานได้ยินก็เคยสำลักออกมาทีหนึ่ง รู้สึกว่าชื่อไม่ ค่อยเข้ากับสร้อยเอาเสียเลย สร้อยที่วิจิตรงดงามขนาดนี้ ทำไมจะต้องตั้งชื่อที่เป็นวิทยาศาสตร์ขนาดนี้ด้วย
จนกระทั่งต่อมา……หลังจากที่สองแม่ลูกเสียชีวิตไป ยู่ฉือจินก็ไม่เคยไปมีผู้หญิงอื่นอีก เลย ต่อให้มีผู้หญิงนับพันนับหมื่นมาติดพัน เขาก็ไม่เคยชายตามอง
ในใจของเขา มีเพียงผู้หญิงคนนั้นตลอดกาล
พูดมาถึงตรงนี้ส้งอานจึงถอนหายใจออกมาในใจเบาๆ มารดาของหล่อนเลือกผู้ชายได้ ไม่เลวเลยทีเดียว เพียงแต่ว่าต่อมายู่ฉือจินแค่ไม่รู้ว่าควรเป็นพ่อที่ดีได้อย่างไร
หานมู่จื่อได้ฟังคำพูดของส้งอานจึงตกตะลึง เธอไม่ได้สติเป็นนมนาน
ยู่ฉือจินให้สร้อยเธอมา แปลว่าเขายอมรับเธอแล้วอย่างนั้นเหรอ พอได้ยินข่าวว่าเธอกับ เย่โม่เซินจะกลับประเทศ เขาไม่เพียงแต่ไม่โกรธ หากแต่ยังให้สร้อยมาเส้นหนึ่งในขณะที่พวกเขากำลังจะไปอย่างนั้นเหรอ
น่าภาคภูมิใจเสียจริง
หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย เก็บกล่องเข้า
ดูท่าครั้งนี้เสี่ยวหมี่โต้วไม่ได้อยู่เปล่า เจ้าตัวน้อยนี่พูดส่วนดีของเธอได้อย่างจริงๆจังๆ ดูท่าเขาคงพยายามพูดถึงเธอในด้านดีทุกวัน
“เอาล่ะ ในเมื่อรู้แล้วว่าคืออะไร ก็เก็บเสียเถอะนะ วันนี้ก็ดึกแล้วล่ะ ฉันต้องกลับโรงแรม ก่อน”
ส้งอานพูดจบ จึงหมุนตัวกลับออกไป จากนั้นจึงโบกไม้โบกมือให้คนอื่นๆ“ไม่ต้องส่งฉันหรอก ฉันมาเองไปเองได้”
ปรากฏว่าออกไปไม่ทันไร หยูโปก็ขวางทางเอาไว้
“คุณอานอานครับ ท่านผู้เฒ่าหวังว่า……คุณจะย้ายกลับไปอยู่บ้านยู่ฉือ”
หลายปีมานี้ ส้งอานไม่ได้แต่งงานออกไป ยังเป็นโสดตัวคนเดียว ดังนั้นเธอจึงนับว่าเป็นคนของบ้านตระกูลยู่ฉือ ย้ายกลับไปอยู่บ้านเป็นเรื่องปกติ
ใครจะไปคิดว่าส้งอานจะหยุดฝีเท้า วางกระเป๋าไว้อีกข้าง พูดเสียงเย็นชา“ทำไมฉันต้องย้ายกลับบ้านยู่ฉือด้วยเล่า คุณอาหยู ฉันให้ความเคารพคุณ เวลาคุยกับคุณก็ยอมก้าวถอยให้ แต่ว่าในเรื่องนี้ ถ้าเขาอยากจะให้ฉันกลับบ้านจริงๆ ก็ต้องให้เขามาเป็นคนพูดกับฉันเองสิ แต่ไม่ใช่ให้คุณมาพูดแทน”
หยูโปคิดไม่ถึงว่าส้งอานจะมีอารมณ์ เขายื่นมือออกไปลูบจมูกตัวเอง พูดอย่างกระอักกระอ่วน“คุณอานอานครับ ผมเองก็……”
“คุณอาหยู ฉันรู้ว่าคุณคิดเผื่อเขา แต่ฉันก็เป็นคนมีเลือดมีเนื้อ เรื่องบางเรื่องมันไม่ได้ผ่านไปได้ง่ายๆหรอกนะ เอาล่ะ ฉันไปก่อน”
พูดจบส้งอานก็ถือกระเป๋าออกไป เธอก้าวเท้าออกไปอย่างสง่าผ่าเผย
พอเธอจากไป หยูโปยืนส่ายหน้าอย่างอ่อนใจอยู่ที่เดิม จากนั้นจึงเดินขึ้นหน้า
“คุณชายเซิน พวกคุณจะค้างที่นี่ไหม”
“ไม่ล่ะ”เย่โม่เซินส่ายหน้าเล็กน้อย“ตอนนี้พวกเรากลับเถอะ”พูดจบของจึงโอบเอวหานมู่จื่อ“พวกเราไปรับเสี่ยวหมี่โต้วกันเถอะ แล้วกลับบ้าน”
เสี่ยวหมี่โต้วเหรอ
หยูโปชะงัก จากนั้นจึงพูดขึ้น“ใช่แล้วล่ะ คุณชายน้อยให้ผมบอกพวกคุณ ว่าคืนนี้เขาจะอยู่เป็นเพื่อนคุณท่าน พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
หานมู่จื่อกระพริบตาปริบๆ ในใจคิดว่าเจ้าตัวเล็กคงชอบที่นี่เหลือเกิน ช่วงนี้พักอยู่ที่นี่ ตลอด แต่เห็นท่าทียู่ฉือจิน คิดว่าคงจะดีกับเสี่ยวหมี่โต้วเป็นพิเศษ เจ้าตัวเล็กถึงได้ยอม อยู่ที่นี่
เธอเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เธอพยักหน้า
จากนั้นในตอนที่ทุกคนจากไปพร้อมกัน เสี่ยวหมี่โต้วกำลังเกาะหน้าต่างชั้นสามอยู่ เขา เขย่งเท้าจ้องมองรถที่พาพ่อแม่ของเอาออกไป พอเห็นฉากนี้ยู่ฉือจินจึงอดถอนหายใจ ออกมาไม่ได้
“เจ้าหนู มาหาตาทวดมา”
พอได้ยินเสียงยู่ฉือจิน เสี่ยวหมี่โต้วจึงรีบโผทะยานเข้าหาเขา“คุณตาทวดครับ”
“เจ้าหนู อยากกลับมากใช่ไหม แต่เป็นเพราะตาทวด เจ้าเลยต้องจำใจอยู่ที่นี่”
เสี่ยวหมี่โต้วมองดูรถที่จากไปเมื่อครู่หายลับไป เขาจึงแสดงสีหน้าไร้เดียงสาออกมา“คุณตาทวดว่าอะไรนะครับ เสี่ยวหมี่โต้วเต็มใจอยู่ที่นี่เองครับ คุณตาทวดดีกับเสี่ยวหมี่โต้วขนาดนี้ หม่ามี๊บอกว่าคุณตาทวดอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวนะครับ เสี่ยวหมี่โต้วก็เลยอยากจะมาเป็นเพื่อนคุณตาทวดบ่อยๆครับ~”
ฟังมาถึงตรงนี้ ยู่ฉือจินน้ำตารื้นขึ้น
“เจ้ามีแม่ แต่ว่า……ตาทวดไม่อยากบังคับเจ้าเลย เพราะอย่างนั้น ถ้าเจ้าอยากกลับไป หรือไม่อยากอยู่ต่อที่นี่กับตาทวด ตาทวดก็จะไม่ฝืนใจเจ้า”
นี่เป็นเหลนทวดของเขา ไม่ใช่หุ่นกระบอกที่ไหน
เมื่อก่อนเขาเคยอยากบังคับเย่โม่เซิน รู้สึกว่าตัวเองสามารถเลือกทางเดินที่ดีกว่าให้เขาได้ แต่วันนี้พอมาเห็นเสี่ยวหมี่โต้วเด็กขนาดนี้แต่กลับระงับควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ นอกจากนี้ยังเสียสละเพื่อหม่ามี๊ของเขาตั้งมากมาย จู่ๆเขาเกิดได้ความคิดนี้ขึ้นมา
ความรักมักเป็นการเสียสละที่ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ใช่การครอบครองบังคับอย่างเห็นแก่ตัว
ตอนแรกที่เขาบังคับส้งอาน ก็เป็นเพราะความรักของคนเป็นพ่อ เขาสูญเสียภรรยาไปแล้ว ลูกสาวก็ไม่มีคนอบรม ดังนั้นคนเป็นพ่ออย่างเขาก็อยากจะสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาว เธออาจจะไม่ชอบใจในตอนนี้ ที่เธอต่อต้านเพราะเธอยังไม่เข้าใจความรักของ พ่อได้ลึกซึ้ง
แต่เขากลับละเลยความรู้สึกส่วนลึกของลูกสาว
ดีที่สุด แล้วยังไงล่ะ
สำหรับคนๆหนึ่ง ขอแค่เป็นสิ่งที่ใจปรารถนา นั่นแหละถึงเรียกว่าดีที่สุด
ก็เหมือนกับคนที่กำลังเดินอยู่ในทะเลทรายน่ะ ให้ทองคำกับเขา ให้ทรัพย์สมบัติ เขาต้องการไหมล่ะ
ไม่ เขาต้องการน้ำต่างหาก
ส่วนยู่ฉือจินในตอนนั้นเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวต้องการอะไร เขามักจะยัดสิ่งที่เขาคิดว่าดีที่สุดให้กับเธอ ต่อมาก็ถูกต่อต้าน ลูกสาวทั้งสองคนก็ได้จากเขาไป
จากนั้นอีกหลายปี ก็ไม่ยอมกลับมา
มองดูเสี่ยวหมี่โต้วในตอนนี้ ยู่ฉือจินรู้สึกเสียใจมากกับการกระทำในตอนแรก
“คุณตาทวดไม่ได้ฝืนใจเสี่ยวหมี่โต้วหรอกครับ เสี่ยวหมี่โต้วเต็มใจเป็นเพื่อนคุณตาทวดจริงๆนะครับ”
โกหก
เจ้าหนูนี่จิตใจโอบอ้อมอารีเสียจริง
“เด็กโง่เอ๊ย คิดว่าเรื่องแค่นี้ตาทวดดูไม่ออกหรือไงกัน ในโลกนี้มีเด็กที่ไหนอยากจากพ่อแม่ตัวเองไปเล่า”
อีกอย่างนะ เสี่ยวหมี่โต้วดูแลโดยหม่ามี๊มาคนเดียวตลอด ยิ่งไม่อยากจากเธอไปแน่นอน
“แบบนี้แล้วกัน ถึงเวลาเจ้ากลับประเทศไปกับพวกเขา ตาทวดอยู่ที่นี่แหละ”