บทที่989 อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ
เขาเสนอออกมาว่าอยากพักผ่อน หานมู่จื่อไม่กล้าปฏิเสธ เธอประคองเขากลับเข้าห้อง
อย่างระมัดระวัง
เย่โม่เซินเหนื่อยจริงๆ ดังนั้นตอนนี้ต่อให้อยู่กับเขาสองต่อสอง เขาก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำ อะไรอยู่ดี อีกอย่างหานมู่จื่อดูแลเขาดีขนาดนี้ ตอนที่เขาจะเอนลงเตียงเธอยังคอยช่วยจัดท่าจัดหมอนให้เขาแล้วห่มผ้าให้ สีหน้าจริงจังราวกับดูแลเด็ก
เห็นหานมู่จื่อด้วยท่าทีแบบนี้ เย่โม่เซินน้ำลายไหล อดไม่ได้ที่จะเดินหน้ากุมมือเขา
น้ำเสียงแหบพร่า“ขึ้นมา”
หานมู่จื่อโดนกุมมือเสียอย่างนั้น เธอมองเขา
“คุณทำอะไรน่ะ”
“นอนด้วยกันสิ”
หานมู่จื่อตกตะลึงเป็นอันดับแรก จากนั้นหน้าแดงก่ำ จ้องมองเขาอย่างดุเดือด
“เวลาไหนกันแล้วเนี่ย ยังมาคิดเรื่องแบบนี้อีก!”
พูดจบ เธอผลักเย่โม่เซินออกอย่างโกรธ แล้วสะบัดมือเขาออก
เย่โม่เซินกระแอมขึ้น หานมู่จื่อสีหน้าตึงเครียด รีบเขยิบเข้าไป“คุณไม่เป็นไรนะ”
เห็นสีหน้าของเธอตึงเขม็ง เย่โม่เซินจึงค่อยๆยื่นมือออกไป มือค่อยๆประคองใบหน้าเธอ ยิ้มอ่อนๆแล้วพูดขึ้น“คุณก็ดูสิว่าตอนนี้มันเวลาอะไร ฉันให้คุณขึ้นมานอน คุณคิดอะไรอยู่เนี่ย”
หานมู่จื่อ:“……คุณ คุณคงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอกนะ……”
“ความหมายแบบนั้นเหรอ”เย่โม่เซินหรี่ตา ยักมุมปากขึ้น“คุณนายเย่ครับ ขอถามหน่อยว่ามันหมายความว่าไง หมายความว่าไง”
หานมู่จื่อรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ราวกับโดนหลุมกับดักของเย่โม่เซิน เธอจ้องเขม็งเย่โม่เซินอย่างดุเดือด
“คุณจงใจสินะ เห็นฉันตลกนักสิ สภาพแบบนี้แล้ว ยังจะล้อเล่นอยู่ได้!”
เย่โม่เซินเห็นว่าที่หางตาเธอมีคราบน้ำตา แล้วตะโกนไปทางเขา“เขยิบมานี่”
“ทำอะไร”หานมู่จื่อถามเสียงกระด้าง“จะมาไม้ไหนอีก ฉันไม่ติดกับคุณหรอกนะ”
เธอโกรธจนหน้ามืด ท่าทางของเย่โม่เซินเมื่อกี้ทำให้เธอตกใจแทบหัวใจวายตาย ปรากฏว่าตอนนี้เขากลับมีอารมณ์ล้อเล่น คิดแล้วก็โกรธ
“ไม่ได้มามุกไหนกับคุณ คุณเขยิบมาสิเดี๋ยวก็รู้เอง”
หานมู่จื่อไม่ฟังคำเขา นั่งนิ่งไม่ไหวติง
หลังจากนั้นชั่วครู่ เย่โม่เซินยันมือจะลุกขึ้น หานมู่จื่อเห็นสถานการณ์จึงรุดเข้าประคอง “ช่างเถอะ คุณอย่าลุกเลย ผมเอนไปก็พอ”
พูดจบเธอจึงค้อมตัว แล้วตัวเขาเองก็เขยิบเข้าหา
เย่โม่เซินยื่นมือขึ้น ปาดคราบน้ำตาจากหางตาเธอ สุดท้ายยันมือขึ้น ริมฝีปากค่อยๆ บรรจงจุมพิตลงบนเปลือกตาของเธอ
หานมู่จื่อโดนจุมพิตลงบนเปลือกตาจึงสะดุ้งขึ้น แล้วหลับตาปี๋
ริมฝีปากอันบางของเขาแห้งผาด ประกบลงบนหนังตาเธออย่างเย็นเฉียบ ท่าทียังคง
ละมุนอยู่กับคราบน้ำตาที่หางตาของเธอ
รอบๆตัวนิ่งสงบ เดิมทีเย่โม่เซินแค่อยากจะใช้รอยจุมพิตเช็ดคราบน้ำตาให้เธอ แต่จูบไปๆ ไม่รู้ว่าริมฝีปากไล้ลงมาถึงจมูกเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไล้ลงมาที่ริมฝีปาก เขาไล้ไปตามรูปปากที่ยั่วเย้าของหานมู่จื่อ ผ่านไปสักพักเขายังคงไม่อิ่มเอมใจ
หานมู่จื่อรู้สึกว่าเย่โม่เซินหายใจหนักขึ้นทุกที ทั้งมือและท้ายทอยกดอยู่ด้านหลังหัวของเธอ ราวกับว่าจะเพิ่มความลุ่มลึกให้กับรอยจุมพิตนั้น
หานมู่จื่อโดนจูบจนรู้สึกหวั่นไหว แต่ว่าในเวลานี้ ร่างกายเย่โม่เซินเป็นแบบนี้ ถ้าหากคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ไม่รู้ว่าเย่โม่เซินจะรับไหวหรือเปล่า
และที่สำคัญคือ……ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์
แม้ว่าตอนนี้จะสามเดือนแล้ว แต่ครรภ์เธอยังไม่นิ่ง ยังทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้
คิดมาถึงตรงนี้ หานมู่จื่อหลีกหน้าผากออก ไม่ยอมรับการจุมพิตจากเย่โม่เซินอีก รอยจุมพิตของเย่โม่เซินจึงตกลงบนใบหน้าของเธอ เขาชะงักเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิกคางเธอ เบาๆ ราวกับจะจัดหน้าเธอให้ตรง
หานมู่จื่อขืนไม่ยอมหันหน้าไป เย่โม่เซินเงียบอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็เอียงหัวไปจูบอีก
“อื้อ”เธอเบิ่งตาโพลงโต ยื่นมือไปผละเขาออก
เย่โม่เซินโดนผละออก ล้มลงไปบนเตียงอย่างแรง แล้วได้ยินหานมู่จื่อพูดว่า“ยังบอกว่าไม่ได้หมายความอย่างนั้น แล้วคุณทำอะไรอยู่ตอนนี้”
“เดิมทีไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก แต่……พอคุณนายเย่พูดขึ้น ผมก็คิดขึ้นได้”
ที่จริงเขาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก ก็แค่อยากจะใช้รอยจุมพิตเช็ดน้ำตาให้เธอแต่คิดไม่ถึงว่าจูบไปๆไฟก็ขึ้น
ตอนนี้……ดันตัณหาขึ้น
“อย่ามาพูดหน่อยเลย สภาพตอนนี้เป็นแบบนี้ นอนเถอะ”หานมู่จื่อเบิ่งตาโพลง ไม่ได้พิงต่อไป กลัวว่าเย่โม่เซินจะกระโจนเข้ามา
เย่โม่เซินจ้องริมฝีปากแดงอิ่มของเธออยู่พักหนึ่ง จู่ๆก็เลียริมฝีปาก
“ผมขอน้ำสักแก้วสิ”
หานมู่จื่อ“……”
เธอไม่ได้สนใจเขา ลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก สักพักก็ถือแก้วน้ำเข้ามา ยื่นให้เย่โม่เซิน
“อ่ะนี่ รีบดื่มสิ ดื่มแล้วรีบนอนซะ”
เย่โม่เซินลุกขึ้นมาจากเตียง ตอนรับแก้วน้ำไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ นิ้วชี้ของเขากรีดไปโดนนิ้วมือเธอเข้า หานมู่จื่อรู้สึกเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าช็อต
จากนั้นมือก็รู้สึกชา หานมู่จื่อมองเย่โม่เซินอีกที กลับค้นพบว่าเขาก้มหน้าดื่มน้ำ ราวกับไม่ยี่หร่าในเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
หรือว่าไม่ได้ตั้งใจ เธอคิดมากไปเอง
เมื่อน้ำลงท้อง เย่โม่เซินจึงยื่นแก้วกลับไป หานมู่จื่อรีบกดเขาลงไปบนเตียงอีก แล้วห่มผ้าให้“เอาล่ะ รีบนอนซะที”
เย่โม่เซินจับมือเธอ“คุณไม่เป็นเพื่อนผมเหรอ”
หานมู่จื่อ“……ตอนนี้ไม่ได้ ฉันจะต้องไปดูเสี่ยวเหยียนหน่อย”
เสี่ยวเหยียน……
พอได้ยินชื่อนี้ แววตาเย่โม่เซินจึงลุ่มลึกลงไป“ผมต่างหากเป็นทั้งหมดของคุณ คุณเห็นเธอสำคัญกว่าผมเลย จริงเหรอเนี่ย”
“พูดบ้าอะไรน่ะ เสี่ยวเหยียนเป็นพี่น้องฉันนะ เมื่อกี้คุณก็เห็นสภาพเธอแล้ว ผมไม่ไปดูเธอไม่ได้”
พิลึกคน เย่โม่เซินไม่อยากให้เธอออกไปเวลานี้เลย
“จะต้องไปให้ได้เหรอ”
“แป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับ”
สุดท้าย เย่โม่เซินอ่อนใจ ได้แต่ให้เธอไป
หานมู่จื่อห่มผ้าให้เขา หลังจากที่ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรพิเศษ ถึงได้ออกไปอย่าง สบายใจ
เธอไปหาเสี่ยวเหยียน แต่เห็นว่าเสี่ยวเหยียนกลับล๊อคตัวเองไว้
หานมู่จื่ออ่อนใจ ได้แต่เคาะประตู
แต่ว่าเคาะอยู่หลายที เสี่ยวเหยียนก็ยังไม่ยอมมาเปิดประตู หานมู่จื่อรู้สึกใจแขวนขึ้นมา ได้แต่ตะโกนเรียกเธอ
เมื่อกี้หน้าเธอเหมือนจะร้องไห้ เธออัดอั้นตันใจ ตอนนี้ล๊อคประตูขังตัวเอง คงไม่ทำอะไร โง่ๆหรอกนะ
แต่ว่าหลังจากที่เธอตะโกนเรียกเสี่ยวเหยียน เสี่ยวเหยียนก็ไม่ขานรับ หานมู่จื่อได้แต่เร่ง เสียง
“เปิดประตูหน่อยได้ไหม มีอะไรค่อยพูดค่อยจากัน ปรึกษากันได้ เธออย่าคิดมากสิ”
ตอนนี้สิ่งที่เธอกังวลที่สุด คือเสี่ยวเหยียนจะทำอะไรโง่ๆ
ในตอนที่หานมู่จื่อกำลังลังเลว่าจะหากุญแจมาไขดีไหม เสี่ยวเหยียนก็ส่งเสียงออกมา
“มู่จื่อ เธอกลับไปพักเถอะนะ ฉันอยาก……อยู่คนเดียวเงียบๆ”