บทที่991 ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
เมื่อเห็นเธอไม่ตอบ เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้ว “หรือพูดอีกอย่างก็คือ ในสายตาเธอฉันเป็นพวกไม่หนักแน่น ไม่น่าเชื่อถือ ระหว่างที่ภรรยาตั้งท้อง ยังออกไปหากินข้างนอกอย่างนั้นหรือ ?”
หานมู่จื่อ “……”
เธอตกตะลึงเล็กน้อย เย่โม่เซินกลายเป็นคนพูดมากแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอตกใจมากจนไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่คำเดียว
ในตอนนั้นเอง หานมู่จื่อก็คิดถึงเรื่องสมัยก่อนขึ้นมาได้ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเดิมทีเย่โม่เซินก็เป็นคนปากร้ายอยู่แล้ว บ่อยครั้งที่ทำให้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก ทั้งโกรธทั้งโมโหแต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้
ดังนั้น ตอนนี้เขาก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิมอย่างนั้นหรือ ?
หานมู่จื่อกะพริบตาปริบๆ ขนตาทั้งสองข้างกระพือขึ้นลงเหมือนใบพัดน้อยๆ
ท่าทางแบบนั้นทำให้เย่โม่เซินเกือบจะทนไม่ไหว แทบจะเข้าไปจูบทันที
แต่เมื่อคิดถึงคำพูดที่เธอพูดกับเขาก่อนหน้านี้ เย่โม่เซินก็เลยเงียบไปหลายวินาที ก่อนจะยื่นมือไปปิดตาของเธอแล้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ไม่อยากให้ฉันแตะต้องเธอก็ได้ ต่อไปห้ามมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นอีก แล้วก็ห้ามยั่วฉันด้วย”
เมื่อคิดว่าอีกเจ็ดเดือนต่อจากนี้ จนกว่าเธอจะคลอดลูกออกมา เขาต้องอดกลั้นเอาไว้ เย่โม่เซินก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาจะสามารถลุกเป็นไฟได้ตลอดเวลา
เธอไปยั่วเขาตอนไหนกัน ?
หรือว่าเขาจะดูไม่ออก ว่าตัวเองกำลังปฏิเสธเขาอยู่
ทำไมพออยู่ในสายตาเขา ถึงได้กลับกลายเป็นยั่วยวนไปได้
พอคิดถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อครู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้หานมู่จื่อจะถูกปิดตาอยู่ แต่ดูจากระยะห่างระหว่างเธอกับเย่โม่เซินในตอนนี้ จะปิดหรือไม่ปิดสำหรับเธอก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลย
เธอพูดเสริมด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“ฉันไปยั่วคุณตอนไหนกัน ฉันกำลังปฏิเสธคุณอยู่ชัดๆ……”
เย่โม่เซิน “……”
“เป็นเพราะคุณควบคุมตัวเองไม่ได้ เหมือนกับตอนที่อยู่ในออฟฟิศ ทั้งๆคุณเป็นฝ่ายต้องการเอง แต่กลับ……อืม”
ยังไม่ทันได้พูดจบ ริมฝีปากของหานมู่จื่อก็ถูกคนบางคนปิดไว้อย่างรุนแรง
ราวกับน้ำที่เอ่อทะลัก ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินเบียดผ่านเธออย่างรุนแรง แล้วก็ถอยร่นไปอย่างรวดเร็ว จูบนี้ทำให้หานมู่จื่อสัมผัสได้ว่าเขาอยากจะจูบมากแต่กลับไม่กล้า เพราะกลัวว่าไฟจะลุกลาม
จากนั้น ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆอีก
เบื่องหน้าของหานมู่จื่อก็ยังคงมืดสนิท เธอกะพริบตาปริบๆ แต่ขนตาก็ไปสัมผัสกับฝ่ามือของเย่โม่เซินเข้าไปดี และรู้สึกได้ว่าตัวเขาแข็งทื่อไป
วินาทีต่อมา เย่โม่เซินก็พลิกตัวลงจากเตียง
หานมู่จื่อเองก็พลิกผ้าห่มลุกขึ้นมานั่งในเวลาเดียวกัน
“คุณจะไปไหน ?”
เย่โม่เซินเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่หันกลับมามอง
“อาบน้ำ”
จากนั้นก็ปิดประตูห้องน้ำเสียงดังปัง
“……”
*
ค่ำคืนมืดมิด ความพลุกพล่านในยามค่ำคืนค่อยๆจางหายไป รถบนถนนลดน้อยลง เงาของแสงไฟทอดยาวแสนไกล รถที่แล่นผ่านไปทิ้งเงาไว้เป็นสาย
เซียวซู่เปิดเครื่องมือนำทาง แล้วขับรถอย่างตั้งใจ
หานชิงนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ อาจจะเป็นเพราะความเหนื่อยล้า หลังจากขึ้นรถแล้วพูดคุยกับเซียวซู่คำสองคำแล้วเขาก็ปิดตาพักผ่อนทันที
ภายในรถนอกจากเสียงลมหายใจของทั้งสองคน ก็ไม่มีเสียงอื่นนอกจากนั้นอีก
จู่ๆเซียวซู่ก็คิดขึ้นมาได้ ว่าถ้าหากเสี่ยวเหยียนอยู่ที่นี่ ภายในรถก็คงมีชีวิตชีวาหรือไม่ก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าประหลาด
ถ้าหากเป็นความเงียบสงบแบบนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง
รถแล่นไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็ว และจอดลงที่หน้าประตูโรงแรม
หานชิงที่ปิดตาพักผ่อนมาตลอดทางเองก็ลืมตาขึ้นทันทีที่รถจอดสนิท จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองทิวทัศน์นอกกระจกรถ เมื่อพบว่าถึงที่หมายแล้วก็หันไปมองทางเซียวซู่ที่อยู่ในตำแหน่งคนขับรถ
“ขอบคุณ ที่ลำบากมาส่งผมถึงที่พัก”
เซียวซู่พยักหน้าให้เขา “คุณหานไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ คุณเป็นพี่ชายของคุณนายน้อย เดิมทีคุณชายเย่จะมาส่งด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้ผมมาส่งแทน ก็ถือว่าอยู่ในขอบเขตงานของผมเหมือนกัน”
ในเมื่ออยู่ในขอบเขตงานของเขา หานชิงก็ไม่พูดอะไรกับเขาอีก พยักหน้าแล้วเปิดประตูรถ
เซียวซู่เองก็ลงจากรถไปอย่างรู้หน้าที่ เปิดฝากระโปรงรถขึ้น แล้วช่วยหยิบกระเป๋าสัมภาระของหานชิงออกมา
“ขอบคุณมาก” หานชิงรับกระเป๋ามา
มองดูเงาของแผ่นหลังที่เหยียดตรงของชายหนุ่ม ในหัวของเซียวซู่ก็ปรากฏเงาที่เศร้าสร้อยของเสี่ยวเหยียนขึ้นมา เดิมทีเมื่อถึงที่หมายแล้วเขาก็ควรจะหันหลังจากไปทันที แต่ตอนนี้เขากลับอดที่จะเปิดปากขึ้นไม่ได้
“ดูท่าทางคุณหานจะอารมณ์ไม่ค่อยดีนะครับ”
ท้ายที่สุด เซียวซู่ก็ไม่อาจยับยั้งใจตัวเองและพูดบางคำกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย
หานชิงชะงักฝีเท้า แล้วหยุดอยู่กับที่ เขาหันไปสบตาของเซียวซู่
“ทำไมถึงเห็นเป็นแบบนั้นล่ะครับ ?”
เซียวซู่ไม่พูดอะไร ที่สายตาจ้องไปทางเขาไม่วางตา
หานชิงยกมุมปากขึ้นเงียบๆ “วันนี้ลำบากคุณแล้ว ผมก็เป็นแบบนี้มาตลอด ขากลับก็ระมัดระวังด้วยนะครับ”
ก่อนที่เขาจะหันกลับไปอีกครั้ง เซียวซู่ก็กัดฟันตัวเอง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวว่า “ถ้าคุณไม่ได้ชอบเธอ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอฉวยโอกาสนี้เลยนะครับ”
คำพูดนี้ เซียวซู่พูดเพื่ออยากจะทดสอบเท่านั้น
ทดสอบแทนเสี่ยวเหยียน ดูว่าหานชิงจะมีท่าทีแบบไหน ถ้าเขาแสดงออกว่าลังเลแม้เพียงน้อยนิด เซียวซู่ก็จะเป็นฝ่ายถอยออกมา ไม่เข้าไปวุ่นวายกับชีวิตของเสี่ยวเหยียนอีก
ดังนั้นพอเซียวซู่พูดจบ เขาก็จ้องเขม็งไปทางหานชิง
จากนั้น เขาก็ต้องผิดหวัง
เพราะว่าบนใบหน้าของหานชิง แม้แต่ในแววตาก็ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆขึ้นมาเลย กระทั่งระลอกเล็กๆก็ไม่มีแม้แต่น้อย
“ผู้ช่วยเซียว ผมว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิด”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหานชิงก็ยอมเปิดปาก และพูดอธิบายทีละคำว่า “เสี่ยวเหยียนเป็นเพื่อนของน้องสาวผม เลยต้องเจอกันบ้างเป็นบางคราว แต่ระหว่างผมกับเธอไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันทั้งนั้น”
ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น
ปฏิเสธอย่างหมดจด
เซียวซู่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหรี่ตา “คุณไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยแม้แต่น้อยจริงๆหรือ”
เขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ทั้งสองคนรู้จักกันมานานขนาดนั้น รวมถึงที่เสี่ยวเหยียนชอบเขามานานขนาดนั้น ไม่มีทางที่จนถึงตอนนี้จะไม่มีหวั่นไหวเลยสักนิด
หรือว่า ?
เซียวซู่คิดอะไรขึ้นมาได้ “คุณหานเก็บซ่อนไว้ดีเกินไป และก็เพราะว่าดีเกินไป เลยทำให้ผมอดสงสัยในตัวคุณไม่ได้”
“แล้วยังไง ?”
หานชิงถามเขาต่อ แววตาเรียบเฉย “ไม่ว่าผมจะรู้สึกอะไรกับเธอหรือไม่ นี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ไม่เกี่ยวอะไรกับผู้ช่วยเซียวนี่ครับ”
เซียวซู่ถูกคำพูดนี้ทำให้โกรธจนต้องขำออกมา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาพูดถูก เขาปากหาเรื่องเองจริงๆ
“เดิมทีผมไม่อยู่ในฐานะที่จะมีสิทธิ์ถามคุณ แต่ผมไม่อยากให้เธอต้องเสียใจ”
หานชิงจ้องหน้าเขาด้วยสายตาเฉียบคม ดวงตานั้นลุ่มลึกมากจนสามารถมองทะลุหัวใจของผู้คนได้
“ผู้ช่วยเซียวถามผมแบบนี้ ก็เพราะอยากจะหาข้ออ้างให้ตัวเองสินะครับ แต่ว่าคุณลืมไปแล้วหรือ ว่าคุณอยากจะทำอะไรก็ไม่จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผม” เมื่อพูดจบ หานชิงก็ถอนสายตากลับมาไม่มองเซียวซู่อีก ทอดมองไปยังที่ห่างไกล แต่น้ำเสียงกลับเย็นชากว่าเดิม “แต่ในเมื่อคุณถามแล้ว งั้นผมก็จะขอพูดให้ชัดเจน ว่าระหว่างผมกับเธอไม่ได้มีอะไรทั้งนั้น”
เซียวซู่ “ทำไมล่ะครับ ?”
หานชิงยิ้มบางๆ “ทำไมคุณถึงชอบเธอล่ะครับ”
เซียวซู่ “……”
“เรื่องหลายๆ อย่าง ก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล และไม่จำเป็นต้องมีต้นเหตุ”
เป็นเรื่องที่หาได้ยาก ที่เซียวซู่จะได้ยินคำพูดออกจากปากหานชิงมากมายขนาดนี้ เดินที่เมื่อครู่เขานึกว่าหานชิงจะโมโห แต่ใครจะรู้ กลับกลายเป็นว่าเขายอมพูดกับตัวเองมากมายขนาดนี้