เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 17 แสดงอำนาจ (4)

เมื่อเหลือบมองช่าจื่อกับเยียนหงที่ยืนก้มศีรษะรับใช้อยู่ ดูเหมือนจะอ่อนน้อมมาก ต่อให้จะมองไม่เห็นสีหน้าและแววตาบนใบหน้าของพวกนาง แต่พวกนางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจบ้าง เยี่ยนมี่เอ๋อร์แทบไม่ต้องคิดก็เดาได้แล้วถึงแปดเก้าส่วน นึกไม่ถึงเลยว่าบ่าวไพร่ของตระกูลซั่งกวนจะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของตัวเองอย่างโจ๋งแจ้งเช่นนี้ และแสดงอำนาจกับตัวนางเอง ดูท่าต่อให้เป็นคนที่เล่นพรรคเล่นพวกโดยไม่เปิดเผยแล้วเป็นที่ชื่นชอบรู้จักกันดีของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ไร้ประโยชน์!

แสดงอำนาจ? เอาล่ะ มาดูกันว่าสุดท้ายใครจะแสดงอำนาจกับใครกันแน่!

ลักษณะท่าทางของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในใจกลับไม่มีความสุขถึงขีดสุดแล้ว นางไม่ลืมที่จะรักษากิริยาท่าทาง ไม่ได้ตำหนิ และยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ถ้าเยียนหงไม่อยากจะปฏิบัติตาม ก็ไปตอนนี้ได้เลย ช่าจื่อ เจ้าก็เช่นกัน”

เยียนหงสะดุ้ง นางไม่คาดคิดว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่เพิ่งมาถึงจะไม่ไว้หน้าอย่างนี้ ทั้งยังเรียกชื่อตัวนางเองตรงๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าความเมตตาของฮูหยินจะทำให้นางรู้สึกมาดมั่น? แต่นางรู้หรือไม่ว่า ตระกูลซั่งกวนไม่ใช่ว่าคำพูดของฮูหยินจะมีสิทธิ์มีเสียงคนเดียว และให้ตัวนางเองกับช่าจื่อมารับใช้ แม้ต่อหน้าจะเป็นความเห็นของฮูหยินแต่ลับหลังจะเป็นผลมาจากอนุภรรยาสองสามคนที่ต่อสู้กับฮูหยิน? ควรรู้ไว้ว่าก่อนหน้านี้มีอนุภรรยาบางคนบอกว่าคุณหนูเยี่ยนเป็นเพียงตระกูลพ่อค้า และไม่มีคุณสมบัติเพียงพอจะเป็นภรรยาเอกของคุณชายใหญ่ แม้จะไม่ได้หาทางขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ แต่ก็พูดคำไม่เข้าหูอีกมากมาย! ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนก็ไม่มีท่าทีปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ นางไม่คิดว่าคุณหนูแบบนี้จากครอบครัวเล็กๆ จะคู่ควรกับหลานชายของนาง ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนเดิมทีจะส่งแม่นมที่เลี้ยงดูไปสอนคุณหนูเยี่ยน แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ จึงต้องยกเลิกความคิดนี้ไป แล้วให้พวกนางสองคนมาแทน ด้วยมีความคิดให้ตรวจสอบและคอยจับผิด

“คำพูดของคุณหนูผู้เป็นบ่าวย่อมปฏิบัติตาม!” ในขณะนี้เยียนหงไม่กล้าจะใช้ความเงียบมาต่อต้านอย่างนิ่งเฉย แต่ยังไม่เต็มใจจะยอมจำนน ก้มศีรษะให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์แต่โดยดีแล้วพูดว่า “ฮูหยินส่งบ่าวกับช่าจื่อมา เพื่อรับใช้คุณหนู คุณหนูเป็นนายของบ่าว ตราบใดที่กฎของนายไม่ขัดกับกฎของบ้าน บ่าวก็จะเชื่อฟัง!”

เมื่อฟังนางพูดอย่างหนักใจ นัยน์ตาของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ฉายแววเย็นชา สาวใช้คนนี้ฉลาดก็ฉลาดอยู่ แต่น่าเสียดายที่ฉลาดในเรื่องหยุมหยิม นางพูดทุกอย่างเพื่อจุดประสงค์นี้ นึกไม่ถึงว่าจะยังไม่รู้จักสถานการณ์ คิดจะใช้คนของฮูหยินซั่งกวน และกฎเกณฑ์มาข่มขู่ผู้คน? และไม่คิดถึงฐานะของตัวเอง ดูท่าถึงเวลาแล้วที่แม่นมฉินจะออกมา เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มเบาๆ พลางกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น! เยียนหง เจ้าไปดูสิว่าอาหารกลางวันเตรียมเสร็จแล้วหรือยัง?”

“งั้นก็ไม่ต้อง!” แม่นมฉินเอ่ยเสียงดังขึ้น นางกับแม่นมจ้าวและคนอื่นๆ ได้ฟังมาสักพักแล้ว ในใจรู้สึกโกรธมาก ไม่คาดคิดว่าบ่าวไพร่ของตระกูลซั่งกวนจะกล้าใช้น้ำเสียงเช่นนี้พูดจากับคุณหนูผู้เป็นที่รักยิ่ง แต่นางก็รู้ด้วยว่า คุณหนูเพิ่งมาถึง จึงยากที่จะแสดงฝีมือให้พวกนางเห็นโดยตรง ดังนั้นจึงเข้ามาในช่วงเวลาวิกฤตินี้แล้วพูดว่า “บ่าวส่งเซียงชุ่ยไปที่ห้องครัวก่อนจะมา สาวใช้คนนั้นรู้ว่าคุณหนูชอบอะไร จะไม่ให้คนมีโอกาสมาละเลยคุณหนูได้”

“แม่นมฉิน!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ให้เกียรติแม่นมฉินแล้วพูดว่า “ชิงหลัว ยังไม่ช่วยพยุงแม่นมฉินนั่งลงอีก”

“ขอบคุณคุณหนูที่กรุณา” แม่นมฉินนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ แล้วมองพินิจพิเคราะห์ช่าจื่อกับเยียนหงด้วยใบหน้าที่จริงจัง แววตาเอาแต่คอยจับผิดเหมือนคนจู้จี้จุกจิก

“เดินทางมาตลอดทาง แม่นมฉินก็เหนื่อยแล้ว ให้แม่นมจ้าวพาพวกนางมาก็ได้ ทำไมต้องไปด้วยตัวเองเล่า?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวอย่างกระเง้ากระงอด “ถ้าแม่นมฉินเหนื่อยมาก จะไม่ทำให้มี่เอ๋อร์ไม่สบายใจได้หรือ?”

“บ่าวเกิดมาเพื่อทำงานหนัก จะไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ” แม่นมฉินตอบแล้วส่งยิ้มให้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมแล้วพูดว่า “อีกอย่าง ถ้าบ่าวไม่มา ก็จะพลาดละครฉากเด็ดไปได้หรือ? คุณหนู นี่คือสาวใช้ชั้นหนึ่งที่ฮูหยินซั่งกวนส่งมาให้ท่านใช่หรือไม่? ทำไมถึงไม่เข้าใจแม้แต่กฎเกณฑ์?”

“แม่นม?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่าแม่นมฉินกำลังจะลงมือเล่นงานสองคนนี้ จึงแสร้งร้องเรียกทำเป็นไม่เข้าใจ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สับสนงุนงง

“คุณหนู พวกนางเป็นคนที่ฮูหยินซั่งกวนส่งมา ตามกฎแล้วเมื่อเห็นแม่นมประจำตัวท่านก็ต้องเป็นฝ่ายรายงานตัว”

แม่นมฉินกล่าวอธิบายต่อ “ต่อให้พวกนางจะมารับใช้ชั่วคราว ก็ต้องปฏิบัติตามกฎ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเจตนาของฮูหยิน ซั่งกวนที่จะให้พวกนางมาอยู่ระยะยาว ยังมีอีก เมื่อครู่ใครเป็นคนพูดกับท่าน? กฎของนายที่ไม่ขัดต่อกฎบ้านคืออะไร สำนวนนี้เป็นการป้องกันล่วงหน้าหรือมีเจตนาไม่ดีหรือไม่? กฎของคุณหนูคือการสอนแบบจับมือทำของไท่ไท่รอง แม้ในขณะที่ฮูหยินซั่ง

กวนเป็นคุณหนู แต่ก็ได้ไท่ไท่รองชี้แนะกฎไปหลายข้อ เป็นไปได้หรือที่คุณหนูจะละเมิดกฎของตระกูลซั่งกวนของพวกนาง? นี่ช่างเป็นกฎของตระกูลซั่งกวนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

ถ้าบอกว่าเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ไว้หน้าก่อนหน้านี้ แล้วการที่แม่นมฉินพูดเช่นนี้ก็คือตบหน้าพวกนางโดยตรง เมื่อฟังคำตำหนิที่ไม่อ้อมค้อมของแม่นมฉินโดยปราศจากความเมตตา เยียนหงหน้าดำหน้าแดงเป็นพักๆ ถึงอย่างไรนางก็เพิ่งเข้ามารับใช้คนในจวน แม้นางจะได้รับการฝึกฝนเช่นกัน แต่เล่ห์เหลี่ยมก็ไม่ได้แพรวพราว จะกลืนคำพูดนี้ไปได้อย่างไร ในตอนนี้จึงพูดโพล่งออกมาว่า “เจ้าถือสิทธิ์อะไรมาตำหนิเรา?”

น้ำเสียงวาทศิลป์นั้น ดูเหมือนจะเป็นเพียงแม่นมธรรมดาที่เผชิญหน้ากัน และนัยน์ตาของนางดูหยิ่งยโสโอหังถึงที่สุด

ช่าจื่อลอบร้อนใจ เยียนหงหาเหาใส่หัวตัวเองไม่ใช่หรือ? แม้เยียนหงจะไม่กินเส้นกับนางเล็กน้อย แต่นางไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเยี่ยงนี้ แล้วยังทำให้ช่าจื่อเป็นกังวลอีกด้วย แต่นางก็นิ่งเงียบมาตลอดเพราะรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี…

 “ถือสิทธิ์อะไร?” แม่นมฉินยิ้มอย่างเย็นยะเยือกแล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นเพียงบ่าวในเรือนเบี้ย นับประสาอะไรกับการดุด่าว่า ต่อให้จะขับเจ้าออกไปหรือทุบตีจนตาย ตระกูลซั่งกวนก็ไม่กล้าพูดอะไร คุณหนูของข้ามีฐานะอะไร? ยอมให้เจ้ามาพูดจาส่งเดชอย่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำที่นี่ได้หรือ?”

“แม่นมฉินระงับความโกรธด้วย!” เมื่อเห็นว่าแม่นมฉินโมโหเป็นฟืนเป็นไฟมากแล้ว ช่าจื่อที่มองดูอย่างเงียบๆ มาตลอดจึงต้องปริปากพูด ในเวลานี้ถ้านางเงียบอีกครั้ง ก็จะทำให้เยียนหงขุ่นเคือง นางพูดเล็กน้อยว่า “เยี่ยนหงกับบ่าวช่าจื่อเพิ่งเข้ามารับใช้ในเรือน มีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ มีหลายอย่างที่ล่วงเกิน ขอให้คุณหนูและแม่นมยกโทษให้ด้วย!”

“เพิ่งเข้ามารับใช้ในจวน? มีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจงั้นหรือ? หึ!” แม่นมฉินแค่นเสียงหึเย็นชาอย่างไม่ยอมแล้วพูดต่อว่า “ตระกูลซั่งกวนวางมาดใหญ่โตเช่นนี้ สาวใช้ตัวน้อยที่เพิ่งเข้ามารับใช้ในจวนจะกลายเป็นสาวใช้ส่วนตัวของคุณหนูเราได้งั้นหรือ? ยังไม่เข้าใจกฎขั้นต่ำเสียด้วยซ้ำ? ลู่หลัว พวกเจ้ารับใช้คุณหนูมาอย่างดี คุณหนูผู้สูงศักดิ์ของเราจะปล่อยให้สาวใช้ที่ไม่รู้ความเยี่ยงนี้มาประจำตัวไม่ได้! ชิงหลัว เจ้าไปหาแม่นมตู้กับข้า ข้าอยากจะดูว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไรกันแน่!”

“แม่นม!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เรียกไว้พลางเอ่ยขึ้นว่า “วันนี้พอก่อนเถอะ มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ อย่าทำให้นายท่านเหนื่อยใจเลย ส่วนที่ว่าจะเพิ่มใครเข้ามาอยู่ข้างกายข้า ข้าจะคุยกับฮูหยินซั่งกวนเอง”

นางยังคงต้องแสดงความใจกว้างในเวลานี้!

“คุณหนู ไม่ใช่ว่าตัวบ่าวเองจะข้ามหน้าข้ามตา เข้าไปก้าวก่ายเรื่องของเจ้านาย และไม่ได้รังแกผู้คนเช่นนี้! ท่านถูกโอ๋มามากเพียงใด ประคบประหงมเติบโตขึ้นมาเป็นยอดดวงใจเสมอมา และตอนนี้ ท่านกำลังจะกลายเป็นภรรยาคุณชายใหญ่ของตระกูลซั่งกวน นอกจากฮูหยินใหญ่ซั่งกวน นายท่านซั่งกวน ฮูหยินซั่งกวนและคุณชายใหญ่ซั่งกวนแล้ว ไม่มีใครจะมองข้ามท่านไปได้ ต่อให้เป็นคุณชายกับคุณหนูคนอื่นๆ ในตระกูลซั่งกวน เมื่อพบท่านก็จะต้องเคารพและให้เกียรติ…แต่แล้วตอนนี้เล่า? บ่าวในเรือนเบี้ยเล็กๆ คนหนึ่งก็กล้าใช้น้ำเสียงไม่สุภาพ หากตระกูลซั่งกวนไม่ให้คำอธิบายกับบ่าว บ่าวตายไปจะพบกับไท่ไท่รองได้อย่างไร”

เมื่อเห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมของแม่นมฉิน เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็อยากจะหัวเราะเล็กน้อย แต่สิ่งที่พรั่งพรูอยู่ในใจของนางกลับเป็นความตื้นตันใจมากกว่า…แม่นมฉินนั้นภูมิฐานและสงบเสงี่ยมมาตลอด ทว่าทุ่มเทแสดงอย่างสุดความสามารถเพื่อประโยชน์ของตัวนางเอง…

“มี่เอ๋อร์เชื่อฟังแม่นม” คำพูดของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ทำให้รอยเลือดฝาดสุดท้ายบนใบหน้าของช่าจื่อเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่สีหน้าเขียวคล้ำของเยียนหงกลายเป็นสีดำไปแล้ว หากพวกนางถูกส่งกลับไป จะไม่มีวันได้ลืมตาอ้าปากอีกต่อไปในอนาคต…

“คุณหนูโอบอ้อมอารี ยกโทษให้พวกบ่าวในครั้งนี้ด้วยเถิด!” โดยไม่รอให้เยียนหงตอบกลับไปก่อน ช่าจื่อก็คุกเข่าลงทันที

“คุณหนู อาหารกลางวันพร้อมแล้ว คุณหนูจะทานที่ไหนเจ้าคะ?” เสียงของเซียงชุ่ยดังขึ้นในขณะนี้พอดี

“กินข้างนอกก็ได้” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้ยินเสียงฝีเท้าของเซียงชุ่ยมาก่อนแล้ว เลยรู้ว่านางจงใจเลือกที่จะเอ่ยพูดในเวลานี้ จึงค่อนข้างพอใจกับเชาวน์ปัญญาของนาง

“คุณหนูทานอาหารให้สบายใจ เรื่องนี้ให้บ่าวจัดการเอง” แม่นมฉินถือโอกาสพูด เรื่องนี้จะปล่อยผ่านไปตามอำเภอใจไม่ได้แน่นอน มิฉะนั้นจะเป็นเรื่องยากที่คุณหนูจะมีโอกาสยืนหยัดในอนาคต หากเป็นเช่นนี้จะถูกคนในตระกูลซั่งกวนประณามหยามเหยียด

“อื้ม” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยักหน้า นางก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน นางไม่ควรออกหน้าในเรื่องนี้ แม้สิ่งนั้นจะบรรลุจุดประสงค์ในการสร้างอำนาจได้ดีกว่า ทว่าก็ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของตระกูลซั่งกวนเกิดความเคารพนับถือและอยู่ห่างๆ แต่หากมอบให้แม่นมฉินจัดการล่ะก็ ทั้งจะสร้างบารมีได้ และไม่ปล่อยให้ตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง จะเหมาะสมยิ่งกว่า

“พวกเจ้าสองคนตามข้ามาแล้วกัน!” แม่นมฉินลุกขึ้น ชิงหลัวขยิบตาแล้วช่วยพยุงนาง ก้าวออกไปอย่างเชื่องช้า ช่าจื่อกับเยียนหงก้มศีรษะลง หลังจากคารวะเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างหน้าม่อยคอตกแล้วก็เดินตามหลังไป…

“คุณหนู?” แม่นมจ้าวร้องออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย ในสายตาเต็มไปด้วยคำถามและความเป็นห่วง นางอยากถามมากว่าแบบนี้จะทำให้คนของตระกูลซั่งกวนคิดว่าคุณหนูนิสัยไม่ดี แต่รู้ว่ายังมีคนรับใช้ของตระกูลซั่งกวนคนอื่นๆ อยู่ข้างนอก คำพูดจุกอยู่ที่ริมฝีปากก็ต้องกลืนลงไปก่อน

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ส่งสายตาที่ ‘ผ่อนคลาย’ ให้นาง แม่นมฉินออกหน้า ย่อมจะจัดการกับเรื่องนี้ได้อย่างเหมาะสม โดยไม่ทิ้งปัญหาใดๆ ไว้ เพียงแต่…สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือเหตุใดช่าจื่อกับจื่อเยียนจึงทำเช่นนี้? พวกนางเป็นเพียงบ่าว เป็นคนที่รู้จักศักดิ์ศรีและความต่ำต้อยที่สุด หากไม่มีใครหนุนอยู่เบื้องหลัง ก็คงไม่กล้าจะเสียมารยาทขนาดนี้ แล้วพวกนางได้รับคำสั่งจากใครกันแน่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าแสดงอำนาจกับตัวเองเมื่อแรกพบได้ แล้วยังมีแม่นมตู้ ภายนอกนางดูเหมือนจะเป็นคนของฮูหยินซั่งกวน แต่ดูเหมือนนางจะจ้องจับผิด เป็นเพราะเหตุใดกันแน่? อนุภรรยาอู๋ที่ร้ายกาจคนนั้นมีบทบาทอย่างไร? อนุภรรยาที่เงียบกริบสองคนนั้นกำลังทำอะไร? และยังมีการยืมชื่อ ‘จอมยุทธ์หญิง’ สามคนนั้นที่อยู่ในตระกูลซั่งกวน จะมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรตามมาหรือไม่? อู๋เลี่ยนเยี่ยนที่อยากจะเป็นอนุภรรยาของซั่งกวนเจวี๋ยมาตลอดคนนั้นได้เคลื่อนไหวแล้วหรือยัง? ยังมีคำถามมากมายที่น่าขบคิด ดูท่าน้ำในตระกูลซั่งกวนนี้จะลึกมากพอ!

ในที่สุดแม่นมจ้าวก็โล่งใจ แล้วสั่งให้ตั้งสำหรับอาหารอย่างใจเย็น ให้เซียงชุ่ยดูแลอาหารของเยี่ยนมี่เอ๋อร์…

แม่นมฉินจะจัดการอย่างไรกันแน่นั้น เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ได้ถามละเอียด แต่เมื่อเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับหลังเที่ยง ช่าจื่อที่สีหน้าอ่อนน้อมแล้วกำลังเก็บข้าวของของเยี่ยนมี่เอ๋อร์กับลู่หลัวและคนอื่นๆ สำหรับเยียนหงที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนั้นได้อันตรธานหายตัวไป

ในเวลามื้อค่ำ รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่นมตู้มีความจริงใจมากขึ้น นางบอกเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างเอาใจว่าจะจัดการแม่นมกับสาวใช้ที่ติดตามมาอย่างไร ในตอนท้าย นางพูดเบาๆ ว่าช่าจื่อจะอยู่รับใช้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ แต่ถอดตำแหน่งเป็นสาวใช้ชั้นสอง

ทั้งหมดนี้ พิสูจน์ได้ว่าแม่นมฉินได้จัดการอย่างเหมาะสมมากที่สุดแล้ว!

เมื่อเทียบกับแม่นมตู้ที่เงิยบกริบไม่ส่งเสียง หวงจิ่วเป็นฝ่ายเอ่ยปากมากขึ้น เขาพาคนของตระกูลเยี่ยนไปพักผ่อนอย่างดี หากมีสิ่งใดไม่น่าพอใจ เขาก็ทำทันทีโดยไม่ต้องรอให้ตระกูลเยี่ยนเอ่ยพูด แล้วยังเตรียมรถม้ากับเด็กรับใช้นำทางให้นายท่านเยี่ยนไว้เข้าออกอีกด้วย เมื่อนายท่านเยี่ยนพูดถึงเรื่องนี้ก็จะยักคิ้วยิ้มแย้ม ใบหน้าค่อนข้างเปล่งปลั่ง

ในขณะที่หวงจิ่วรายงานเรื่องเหล่านี้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างละเอียด เขาก็เปิดเผยข่าวลับกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ว่าฮูหยินซั่งกวน หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะเลือกวันพบกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์!

———————————-

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

‘ข้าจะมีความสุขให้ได้ แม้ชีวิตนี้จะมีไฟแค้นสุมในใจมากเพียงใดก็ตาม!’ ‘เยี่ยนมี่เอ๋อร์’ คุณหนูห้าแห่งตระกูลพ่อค้าได้สาบานไว้กับท่านป้าสุดที่รัก ชีวิตของนางจะพบความสุขได้เยี่ยงไรเมื่อต้องลด ละ เลิกการแก้แค้น ทั้งยังต้องถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับคุณชาย ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพนี้ เช่นนี้แล้ว รักแรกพบระหว่างนางกับคุณชายขลุ่ยถึงคราวต้องจบก่อนที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ! งานนี้จึงต้องมีแผนการล่มวิวาห์ ทว่ากลับต้องพลิกเป็นแผนการรักมัดใจผู้เป็นว่าที่สามี เมื่อคุณชายคนนี้กับคุณชายขลุ่ยคนนั้น คือ คนเดียวกัน! แต่ไฉนข้างกายเขากลับมีผู้หญิงคอยจับจ้องอยู่มากมาย? แต่ไม่เป็นไร เจ้าสาวอย่างนางจะใช้มารยาที่มีปราบชายเจ้าชู้ให้อยู่หมัด มัดใจเขาไว้กับนางแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหญิงสาวเหล่านั้นน่ะหรือ… ‘จงใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ให้เต็มที่เถิด ก่อนจะต้องอกแตกตายด้วยฝีมือข้า!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset