เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 37 การตัดสินใจที่ไร้ประโยชน์

“ลูกน้อมทักทายท่านพ่อท่านแม่ขอรับ!” เมื่อซั่งกวนเจวี๋ยรีบไปที่เรือนใหญ่ ซั่งกวนฮ่าวกับภรรยาก็ตื่นขึ้นแล้ว พวกเขาอยู่ในห้องอาหารของเรือนใหญ่ อนุภรรยาหวังกำลังรอรับใช้พวกเขาทั้งสองที่ทานอาหารเช้าอยู่ ครั้นเห็นซั่งกวนเจวี๋ยทั้งสองก็ประหลาดใจเล็กน้อย คาดไม่ถึงเป็นอย่างมาก

“จัดที่นั่งให้คุณชายใหญ่เสียสิ” ซั่งกวนฮ่าวไม่พูดอะไรสักคำ ส่วนหวงฝู่เยวี่ยเอ้อบอกกับม่านหรูสาวใช้ชั้นหนึ่งที่อยู่ข้างๆ นาง ม่านหรูจึงจัดเก้าอี้ให้ซั่งกวนเจวี๋ยทันที

“วันนี้นึกครึ้มอะไรถึงได้มาน้อมทักทายพ่อแม่?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อเอ่ยถามตรงๆ แม้ตระกูลซั่งกวนจะเป็นตระกูลชนชั้นสูง แต่ผ่านมาหลายชั่วอายุคนหรือหลายสิบชั่วอายุคนที่เจ้าของตระกูลหลายสิบชั่วอายุคนเจตนาเปลี่ยนแปลง กฎที่ต้องปรนนิบัติทั้งเช้าเย็นนั้นส่วนใหญ่จะไม่เชื่อฟังกันแล้ว…การน้อมทักทายฮูหยินใหญ่โดยทั่วไปจะมีทุกๆ ห้าวัน และยังจำกัดเฉพาะหวงฝู่เยวี่ยเอ้อกับอนุภรรยาทั้งสามเท่านั้น ยามที่ซั่งกวนฮ่าวต้องการไปถึงจะปรากฏตัว ส่วนใหญ่เขาจึงไม่ต้องการไป คนที่จะน้อมทักทายซั่งกวนฮ่าวและภรรยาได้ทุกวัน นอกจากอนุภรรยาหวังที่เดิมตั้งกฎแล้วสั่งการก็ไม่มีใครอื่นอีกแล้ว ส่วนพี่น้องของซั่งกวนเจวี๋ย พวกเขาจะมาน้อมทักทายทุกวันก่อนอายุสิบขวบ หลังจากสิบขวบ โดยมากพอถึงเทศกาลฉลองตรุษจึงจะมาน้อมทักทายผู้อาวุโสตามประเพณีปฏิบัติ

“ลูกชายจะรับคนเข้าเรือน จึงตั้งใจมารายงานต่อท่านพ่อท่านแม่!” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้นั่ง แต่ยืนขึ้นตอบ

“อะไรนะ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อแทบจะสำลักตายหายใจไม่ทัน เขากำลังพูดถึงอะไร เมื่อเห็นว่าวันแต่งงานใกล้เข้ามาแล้ว คนของตระกูลเยี่ยนก็มาถึงลี่โจวแล้ว ส่วนเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็รอแต่งอยู่ในเรือนสดับวายุด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงว่าเขาจะเอ่ยวาจาว่าอยากรับคนในตอนนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ภรรยาที่ยังไม่ผ่านประตูวิวาห์ขายหน้าหรอกหรือ?

“ฮูหยิน…” ซั่งกวนฮ่าวกดหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่กำลังจะระเบิดอารมณ์ให้กลับไปที่เก้าอี้ จากนั้นมองไปที่ซั่งกวนเจวี๋ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยพลางกล่าวว่า “เจ้าจริงจังงั้นหรือ?”

“ลูกไม่มีทางเลือกอื่นใด!”

“ใคร?” คำตอบของซั่งกวนเจวี๋ยทำให้ดวงตาของซั่งกวนฮ่าวหรี่ลง

“อู๋เลี่ยนเยี่ยน!” คำตอบของซั่งกวนเจวี๋ยทำให้หวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่อาจสงบลงได้อีกต่อไป นางสลัดหลุดจากการห้ามปราบของซั่งกวนฮ่าว แล้วกระโดดออกมา

“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเอาหญิงสารเลวนั่น!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกรีดร้องแล้วพูดขึ้นว่า “ทั้งยังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ด้วยซ้ำ! เจ้ารู้ไหมว่าพ่อของเจ้ากับข้าได้คุยกันเมื่อวานนี้แล้ว จะส่งนางออกไปวันนี้ เจ้านี่มันไม่ได้จงใจต่อต้านเราหรือ? เจ้า…เจ้า…”

“ฮูหยิน…” ซั่งกวนฮ่าวพยุงหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่เกือบจะเป็นลมด้วยการบันดาลโทสะไว้ บนใบหน้าของนางปรากฏสีแดงก่ำอย่างผิดปกติ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าชอกช้ำระกำใจ

“ฮูหยิน” อนุภรรยาหวังเป็นห่วงอาการโกรธของหวงฝู่เยวี่ยเอ้ออย่างระมัดระวัง แล้วพูดปลอบใจว่า “ท่านอย่าวู่วามไปเลย คุณชายใหญ่ไม่ได้เจตนาต่อต้านท่าน เขาไม่ได้พูดอย่างนั้นหรือว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นใด!”

“ไม่มีทางเลือกอื่นใด? อะไรเรียกว่าไม่มีทางเลือกอื่นใด? นังแพศยานั่นใช้มีดจ่อคอของเขาบังคับเขาอยู่หรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกล่าวอย่างโกรธเป็นฟืนเป็นไฟว่า “ไม่ช้าก็เร็วจะต้องรับอนุภรรยาในช่วงเวลาวิกฤตินี้ ทั้งยังต้องรับหญิงกากีคนนั้นที่สวยก็ไม่สวย ไม่มีสกุล ไร้วิชาความรู้ เขานี่มันอยากจะทำให้ข้าโมโหจนตายสินะ!”

แม้จะไม่ถึงเป้าหมายแต่ก็อยู่ไม่ไกลนัก ถึงแม้หญิงเจ้ากรรมจะไม่ได้เอามีดมาจ่อคอของเขา แต่แผนชั่วของนางนั้นร้ายแรงกว่าการใช้มีดมาจ่อคอของเขาเสียด้วยซ้ำไป ซั่งกวนเจวี๋ยยิ้มขื่น

“ชิ่นเซียน เจ้าประคองฮูหยินกลับไปพักผ่อนที่ห้อง อย่าปล่อยให้นางคิดมาก!” ซั่งกวนฮ่าวเห็นท่าทางของหวงฝู่เยวี่ย เอ้อแล้วสงสารจับใจ จึงขอให้อนุภรรยาหวังส่งนางกลับห้องทันที

“ข้าไม่ไป ข้าอยากดูว่าวันนี้เจ้าลูกเนรคุณจะดึงดันทำเองหรือไม่ จะต้องรับหญิงต่ำตมคนนั้นมาเป็นอนุภรรยา!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพูดอย่างแข็งกร้าว นางมีน้ำโหไม่เบาจริงๆ

“ท่านแม่ เพียงแค่รับเมียบ่าว ไม่ใช่อนุภรรยา!” ซั่งกวนเจวี๋ยอธิบายด้วยรอยยิ้มเฝื่อน เขาไม่ได้คาดคิดว่าหวงฝู่เยวี่ย เอ้อจะมีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้ แต่จะปิดบังนางเรื่องนี้ไว้ก็ไม่ได้ มิฉะนั้นจะจัดการได้ยากขึ้นในภายหลัง

“รับเมียบ่าวหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างชัดเจนว่า “ข้าเข้าใจแล้ว ถ้านังไพร่สถุลนั่นรู้ว่านางจะถูกไล่ออกไปในวันนี้ จะไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเจ้าอีกเลย จึงพยายามขึ้นเตียงของเจ้าเมื่อคืนนี้ ใช่หรือไม่?”

เขาจะยังพูดอะไรได้อีก ซั่งกวนเจวี๋ยผงกศีรษะด้วยรอยยิ้มเจื่อน

“เจ้านี่มันงี่เง่า! เจ้าไม่เคยเห็นผู้หญิงหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อหัวเสียมากจนเลือกคำพูดไม่ถูกอีกแล้ว จึงตำหนิอย่างรุนแรงว่า “ต่อให้จะโดนวสันตโอสถ[1] แต่ยังมีม่านเหลียนกับม่านเหออยู่ในห้องของเจ้า พวกนางดีกว่าหญิงเลวทรามคนนั้นตั้งเยอะ แม้จะหิวจนกินไม่เลือก เจ้าก็ไม่น่าจะถึงกับเอานังต่ำทรามนั่น!”

“ฮูหยิน ท่านใจเย็นๆ หน่อย ท่านต้องบันยะบันยังบ้าง! วันนี้ท่านไม่อยากไปพบคุณหนูเยี่ยนหรือ? ท่านหน้าตาแบบนี้ ถ้าไปล่ะก็ ไหนเลยจะไม่ทำให้คุณหนูเยี่ยนตกใจ?” ซั่งกวนเจวี๋ยกับซั่งกวนฮ่าวยิ้มหน้าปูเลี่ยนๆ ให้กัน ทั้งสองคนไม่สามารถเกลี้ยกล่อมหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่กำลังโกรธแค้นได้ แต่โชคดีที่อนุภรรยาหวังมีปฏิภาณไหวพริบ เอ่ยถึงเยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อใฝ่ฝันหาออกมาในฉับพลัน

“วันนี้ข้ายังจะมีหน้าไปพบมี่เอ๋อร์ได้ที่ไหน? ข้าจะไปพูดอะไรกับนาง? ไปบอกว่าเจ้าลูกอกตัญญูคนนี้จะรับเมียบ่าวงั้นหรือ?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพูดอย่างท้อใจ หลังจากหลิงหลงพบเยี่ยนมี่เอ๋อร์เมื่อวาน ดูต่างไปเล็กน้อย ทีแรกนางอยากไปเจอเด็กคนนั้นในวันนี้ แต่…ตอนนี้นางจะไปด้วยสีหน้าและความคิดอะไรเล่า!

“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ควรจะใจเย็นกว่านี้” อนุภรรยาหวังผ่อนอารมณ์ฉุนเฉียวให้นางเบาลง แล้วพูดว่า “ไม่ใช่ท่านไม่รู้ว่า คุณชายใหญ่เป็นคนที่มั่นคงขนาดไหน เขาจะสร้างปัญหาในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้อย่างไร จะทำให้ท่านลำบากใจได้หรือ? ข้าคิดว่าคุณชายใหญ่ต้องมีความจำเป็นของตัวเอง ท่านก็สงบจิตสงบใจ ฟังเขาอธิบายให้ท่านฟัง จากนั้นเรื่องจะคลี่คลายอย่างน่าพอใจ ท่านก็ไปพบคุณหนูเยี่ยน และพูดคุยกันได้ไม่ใช่หรือ?”

“เอาล่ะ! เจ้าว่ามา เหตุใดเจ้าถึงต้องรับหญิงชั่วช้าคนนั้นมาเป็นเมียบ่าว?” ในที่สุดหวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็ผ่อนคลายอารมณ์โกรธเกรี้ยวลงได้ แต่น้ำเสียงก็ยังค่อนข้างกระด้างอยู่

ซั่งกวนเจวี๋ยส่งสายตาขอบคุณไปทางอนุภรรยาหวัง แล้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่สะดวกพูดที่นี่ ขอให้ท่านพ่อท่านแม่ย้ายไปที่ห้องหนังสือแล้วค่อยคุยกัน!”

โอ้? หวงฝู่เยวี่ยเอ้อขมวดคิ้วเป็นปม ดูท่ามีบางอย่างไม่สู้ดีในเรื่องนี้จะให้คนนอกล่วงรู้ไม่ได้ นางมองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องไปห้องหนังสือ มาคุยกันที่นี่เถอะ! ทุกคนออกไป แม่นมสี เจ้าเฝ้าดูให้ดี หากไม่ได้รับอนุญาต ห้ามให้ใครเข้ามา!”

“เจ้าค่ะ!” ทุกคนตัวสั่นสะท้านเล็กน้อย แล้วขานตอบด้วยความเคารพ จากนั้นทุกคนก็ถอยไป แต่ไม่มีใครกล้าออกไป จึงให้อนุภรรยาหวังพาไป พร้อมรอรับคำสั่งอยู่ที่ห้องด้านข้างซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากห้องอาหาร แม่นมสีจึงเลือกสถานที่บริเวณทางเดินนอกห้องอาหาร ซึ่งไม่ได้ยินเสียงคนข้างในคุยกัน และสามารถดูได้ว่ามีคนอยู่รอบๆ หรือไม่

“ลูกถูกวางยาเมื่อคืนนี้!” ซั่งกวนเจวี๋ยพูดอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ อู๋เลี่ยนเยี่ยนนอนอยู่บนเตียงของข้า นางเป็นของข้าแล้ว”

“นังแพศยานั่นกล้าวางยาเจ้าจริงๆ ต้องฆ่านางเสีย!” ทว่าหวงฝู่เยวี่ยเอ้อไม่โกรธ แต่รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าทำเช่นนั้น ตีนางให้ตาย อนุภรรยาอู๋ก็ไม่กล้าพูดอะไรสักแอะ

“ข้าไม่รู้ว่านางวางยาอะไร จึงให้ม่านเหลียนนำกากยาไปให้ลุงอินตรวจสอบแล้ว” ซั่งกวนเจวี๋ยกล่าวถึงการจัดเตรียมของเขาและบอกว่า “ข้าไม่กล้าฟันธงว่ามันเป็นวสันตโอสถ แต่มันต้องมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นอยู่ในตัวยาแน่ ตามที่ม่านเหลียนบอกไว้ เมื่อคืนข้าผิดปกติมาก พอม่านเหอเห็นข้าพาผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในห้องเป็นการส่วนตัว ม่านเหอรู้สึกว่ามีปัญหา ตอนที่เข้าขัดขวางข้านางจึงได้รับบาดเจ็บ ข้าถึงขั้นสมยอมกับอู๋เลี่ยนเยี่ยนจนตะเพิดด่าม่านเหอ”

“พวกนางก็ไม่ได้ใช้วิธีแก้ไขใดๆ หรือ?” ซั่งกวนฮ่าวขมวดคิ้ว สาวใช้ชั้นหนึ่งประจำตัวซั่งกวนเจวี๋ยล้วนมีวรยุทธ์ติดตัว และเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง พวกนางก็ไม่น่าเขลาขนาดนี้

“มันสายไปแล้วกว่าที่ม่านเหลียนและคนอื่นๆ จะรู้เรื่องนี้” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ความหมายของคำพูดที่กำกวมของม่านเหลียน เมื่อพวกนางมาถึง พวกเขาก็ขึ้นเตียงแล้ว ต่อให้จะขัดขวางก็ไม่ทันกาล

“ถ้าอย่างนั้นล่ะ? ก็รับไว้แบบนี้หรือ? อยากจะรับนางเป็นอนุภรรยาหรือไม่?” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อมองไปที่ลูกชายด้วยความโกรธเคืองแล้วพูดว่า “ต่อให้นางจะเป็นคนของเจ้าแล้วก็ตาม ไม่จำเป็นต้องยอมรับนางในฐานะเมียบ่าว เจ้าไม่กลัวว่านางจะวางยาเจ้าอีกหรือ? เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่ามันจะไม่ใช่ยาเสน่ห์วสันตโอสถ แต่เป็นยาปลิดวิญญาณ!”

“ท่านแม่คิดว่านางมีโอกาสจะวางยาข้าหรือ? ต่อให้นางจะมีโอกาส ข้าจะบังเอิญกินได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ แล้วปล่อยให้แผนการสมรู้ร่วมคิดของนางสำเร็จได้อย่างไร?” ซั่งกวนเจวี๋ยเกลียดสิ่งนี้มากที่สุดพลางกล่าวว่า “ถ้านางวางยาข้า แม้นางจะเป็นคนของข้าแล้ว ข้าก็ไม่ต้องการนางอีก!”

“งั้นเป็นใคร?” ดวงตาของหวงฝู่เยวี่ยเอ้อเบิกกว้าง นางไม่ใช่คนงี่เง่าพลันฉุกคิดขึ้นได้ว่า “เป็นหลิงหลงเด็กสาวที่ดื้อรั้นคนนั้นหรือ?”

“ข้าไม่กล้าแน่ใจว่าเป็นหลิงหลงหรือไม่ แต่ยานั้นอยู่ในยาบำรุงที่หลิงหลงส่งมาให้ข้า อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ถูกหลิงหลงพาเข้าไปที่เรือนตะวันออก ถึงขั้น…” เขาสูดหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกมา ครั้นพูดด้วยความระทมทุกข์ว่า “หลิงหลงยังคงเฝ้าดูข้ากินยานั่นก่อนออกไป ข้าไม่รู้ว่าหลิงหลงสมรู้ร่วมคิดกับพวกนางหรือเป็นเป้าที่ถูกหลอกใช้กันแน่”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกัดฟันกรอดพลางกล่าวว่า “งั้นเจ้าทำได้แค่รับนางนั่นเข้าเรือน ไม่งั้นล่ะก็…ข้าจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ พวกเจ้าพ่อลูกจัดการเรื่องนี้เองเถอะ รวมทั้งหลิงหลง พวกเจ้าร่วมจัดการด้วยกัน ข้าจะกลับไปพักผ่อนที่ห้อง แล้วบอกให้ข้ารู้ด้วยหลังจากเสร็จสิ้น”

เมื่อมองไปยังหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่เกือบจะเดินโซซัดโซเซไปข้างหลัง ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ว่านางต้องเสียใจมาก ส่วนคนที่ทำให้นางเสียใจคนนั้น เป็นน้องสาวที่น่าผิดหวังอย่างคาดไม่ถึง

“เรื่องนี้หรือ…” ซั่งกวนฮ่าวมองภรรยาจากไปด้วยความเป็นห่วง เขารู้ว่าตอนนี้นางเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ทั้งหมดนี้กลับเกิดจากตัวเขาเอง

“นอกจากคนของอนุภรรยาอู๋แล้ว มีเพียงคนในเรือนของข้าเท่านั้นที่รู้และระแคะระคายอยู่บ้าง!” ซั่งกวนเจวี๋ยรู้ว่าเขากังวลเรื่องอะไรจึงพูดตรงไปตรงมาว่า “ข้ากำชับพวกเขาไปแล้วว่าอย่าปากมาก”

“งั้นอู๋เลี่ยนเยี่ยนล่ะ?” ซั่งกวนฮ่าววิตกกังวลมากว่าลูกชายจะทำอะไรกับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่น่ารังเกียจคนนั้นได้ดึงหลิงหลงเข้าไปพัวพันแล้ว จะทำผิดพลาดไม่ได้

“ข้าสั่งให้พวกม่านเหลียนขังนางไว้ในเรือน ไม่ให้เพล่นพล่าน อย่านึกว่าจะมาเยี่ยมได้เลย” ซั่งกวนเจวี๋ยไม่ได้ปกปิดแล้วพูดว่า “อนุภรรยาอู๋ล่ะ? ทำไมนางยังไม่ปรากฏตัว?”

“นางบอกเมื่อวานนี้ว่าจะไปดูการเตรียมงานของโรงเตี๊ยมหลายแห่ง และนางก็ออกไปตั้งแต่รุ่งสาง” ซั่งกวนฮ่าวกล่าวว่า “ข้าว่าร้อยทั้งร้อยเป็นนางที่วางแผนงานนี้แน่นอน นางกังวลว่าข้าจะบังคับให้นางฆ่าอู๋เลี่ยนเยี่ยน จากนั้นก็ทำลายหลักฐานทั้งหมดจนเกลี้ยง ดังนั้นจึงหลบออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ หากเป็นเช่นนี้ ทั้งเจ้าและข้าย่อมจะเป็นห่วงหลิงหลง และไม่ได้ทำทุกอย่างให้รอบคอบ”

“นังหญิงสมควรตายคนนี้นี่!” ซั่งกวนเจวี๋ยก่นด่าอย่างดุดัน แล้วมองซั่งกวนฮ่าวอย่างขุ่นเคืองพลางเอ่ยขึ้นว่า “ทุกอย่างต้องโทษท่าน ถ้าท่านไม่ตามใจนางล่ะก็ นางจะกล้ากำเริบเสิบสานได้ขนาดนั้นเลยหรือ?”

“ข้าก็จนปัญญา!” ซั่งกวนฮ่าวยักไหล่แล้วพูดว่า “มิวายเป็นเพราะความหัวดื้อหัวรั้นของแม่เจ้า ถ้านางหูตาสว่างก่อนหน้านี้สักหน่อย ข้าจะไม่ฟังการเตรียมการของย่าเจ้า แล้วรับหนิงซิน เพื่อจะควบคุมหนิงซินไม่ใช่หรือ จึงเลื่อนตำแหน่งน่งอวิ๋นขึ้น แล้วผลเป็นอย่างไรล่ะ นางยังไม่เข้าใจเหมือนเดิม แล้วได้ชิ่นเซียนมาอีกคน…ข้าพ่ายแพ้ต่อนางจริงๆ!”

“ท่านชอบนางเพราะจุดนี้ไม่ใช่หรือ?” ซั่งกวนเจวี๋ยจะไม่เข้าใจบิดาของตัวเองได้อย่างไรแล้วพูดว่า “ถ้าท่านแม่เป็นคนฉลาดจนถึงขั้นอัจฉริยะจริงๆ เดาได้ว่าท่านกับนางจะไม่เป็นอย่างในตอนนี้!”

“จะว่าไปแล้ว แต่บางครั้งยัง…ลืมไปเถอะ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ดังนั้นอย่าฝืนเลย” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซั่งกวนฮ่าวก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“นายท่าน ท่านหมออินมาแล้วเจ้าค่ะ!” เสียงสูงของแม่นมสีแว่วเข้ามา สีหน้าของสองพ่อลูกก็เปลี่ยนไป ซั่งกวนเจวี๋ยก็หยัดกายขึ้นออกไปต้อนรับ…

———————————-

[1] วสันตโอสถ หมายถึง ยาโป๊ มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้น เสริมสมรรถภาพทางเพศ

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

‘ข้าจะมีความสุขให้ได้ แม้ชีวิตนี้จะมีไฟแค้นสุมในใจมากเพียงใดก็ตาม!’ ‘เยี่ยนมี่เอ๋อร์’ คุณหนูห้าแห่งตระกูลพ่อค้าได้สาบานไว้กับท่านป้าสุดที่รัก ชีวิตของนางจะพบความสุขได้เยี่ยงไรเมื่อต้องลด ละ เลิกการแก้แค้น ทั้งยังต้องถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับคุณชาย ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพนี้ เช่นนี้แล้ว รักแรกพบระหว่างนางกับคุณชายขลุ่ยถึงคราวต้องจบก่อนที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ! งานนี้จึงต้องมีแผนการล่มวิวาห์ ทว่ากลับต้องพลิกเป็นแผนการรักมัดใจผู้เป็นว่าที่สามี เมื่อคุณชายคนนี้กับคุณชายขลุ่ยคนนั้น คือ คนเดียวกัน! แต่ไฉนข้างกายเขากลับมีผู้หญิงคอยจับจ้องอยู่มากมาย? แต่ไม่เป็นไร เจ้าสาวอย่างนางจะใช้มารยาที่มีปราบชายเจ้าชู้ให้อยู่หมัด มัดใจเขาไว้กับนางแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหญิงสาวเหล่านั้นน่ะหรือ… ‘จงใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ให้เต็มที่เถิด ก่อนจะต้องอกแตกตายด้วยฝีมือข้า!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset