เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 44 ลงมือ (3)

แม่นมฉินเดินทางมาที่ตระกูลซั่งกวนอย่างรีบเร่ง ทั้งได้พบกับม่านซินพบ จึงได้รู้เรื่องราวจากปากของนาง แม่นมฉินมาขอเข้าพบซั่งกวนเจวี๋ยที่เรือนตะวันออก หลังจากพูดกันง่ายๆ สองสามคำ ซั่งกวนเจวี๋ยก็ไม่ได้รีบจัดการเรื่องอู๋เลี่ยนเยี่ยนแต่

อย่างใด กลับส่งสาวใช้ที่มีไหวพริบที่สุด ร่วมทางไปกับจื่อหลัวที่รู้แผนคุณหนูของตนจากแม่นมฉิน  เข้าไปในเรือนหลักของตระกูลซั่งกวนเพื่อเข้าพบกับซั่งกวนฮ่าว

จื่อหลัวพูดถึงแผนของเยี่ยนมี่เอ๋อร์และแม่นมฉินอย่างคร่าวๆ ยังไม่ทันได้รอการตอบกลับอะไรจากซั่งกวนฮ่าว อนุภรรยาอู๋ก็ด่วนกลับมาเสียก่อน ทั้งยังตรงมาหาที่ห้องอ่านหนังสือของซั่งกวนฮ่าว

“พวกเจ้าไปหลบอยู่หลังชั้นวางหนังสือก่อน อย่าได้ส่งเสียงอะไรเด็ดขาด!” ซั่งกวนฮ่าวมีแผนอยู่ในใจแล้ว กลับยังโลเลที่จะรับน้ำใจเช่นนี้ของเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ไม่ได้ให้คำตอบกับจื่อหลัวไปตรงๆ แต่อยากรอดูว่าอนุภรรยาคิดที่จะลงมือเช่นไรจึงค่อยตัดสินใจ

ตั้งแต่เช้าอนุภรรยาอู๋ก็รู้ว่าเรื่องราวผิดแปลกไป…หลานสาวผู้ไม่เอาไหนคนนั้นอยู่ที่ห้องของซั่งกวนเจวี๋ยถึงหนึ่งคืนเต็มๆ เมื่อไม่ได้ออกมา อนุภรรยาอู๋ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรแปลกๆ แต่นางกลับจำต้องทำตามสิ่งที่ซั่งกวนฮ่าวกำชับมาก่อนหน้านั้น ต้องไปดูว่าโรงเตี๊ยมที่จองไว้ตระเตรียมไปถึงไหนแล้ว จึงแสร้งออกจากจวนไปราวกับไม่รู้ไม่เห็นอันใด ทว่าลับหลังกลับส่งคนที่เชื่อใจได้ไปลอบสืบข่าวคราว เพื่อเตรียมหาทางรับมือที่เหมาะสม

เรือนตะวันออกเป็นสถานที่ที่นางไม่อาจแทรกซึมเข้าไปได้มาโดยตลอด แม้ว่าบ่าวของเรือนตะวันออกจะมีท่าทีเกรง อกเกรงใจนาง แต่ความเกรงใจนั้นกลับแฝงไปด้วยความห่างเหิน หากไม่ใช่เพราะว่านางดูแลเรื่องเบี้ยเลี้ยงทุกเดือนของพวกบ่าวทั้งตระกูล คาดว่าท่าทีเกรงใจที่เผยออกมานั้นก็คงแทบจะไม่ได้เห็น…หากไม่ใช่เพราะอย่างนี้ นางก็คงไม่มีความจำเป็น ต้องหลอกใช้หลิงหลงให้ส่งอู๋เลี่ยนเยี่ยนขึ้นเตียงซั่งกวนเจวี๋ย และก็คงไม่ต้องโค่นล้มความเชื่อมั่นที่ตนอุตส่าห์ฝังรากลึกในใจของหลิงหลงอย่างยากลำบากเช่นนี้หรอก

นางเกลียดชังเป็นที่สุด! ต้องเสแสร้งเป็นคนใจกว้าง จิตใจดี เป็นคนที่อบอุ่น…สร้างภาพที่ต้องการมาเนิ่นนาน อู๋เลี่ยนเยี่ยนไม่รู้ แต่นางรู้ เพื่อที่จะให้คนของตระกูลซั่งกวนยอมรับนาง นางเสียเลือดเนื้อและกำลังไปมากมาย แต่แล้วเป็นอย่างไรล่ะ? ซั่งกวนฮ่าวกลับไม่เห็นความสำคัญของนางเท่าไร หวงฝู่เยวี่ยเอ้อก็เกลียดนางจนเข้ากระดูกดำ ทั้งซั่งกวนเจวี๋ยก็แทบไม่เห็นนางอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ จิงอิ๋งให้ความเคารพอยู่ห่างๆ ส่วนซั่งกวนอิงหากหลบได้ก็หลบ คนอื่นๆ นั้นก็ไม่ต่างกันเท่าไร มีเพียงหลิงหลงเท่านั้นที่มีท่าทีอ่อนโยนและให้ความสำคัญกับนางเป็นพิเศษ ยามที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อกำลังท้องหลิงหลง ทำให้นางได้ฉวยโอกาสไปอยู่เบื้องหน้าของซั่งกวนฮ่าว ประจบประแจงซั่งกวนฮ่าว ในขณะเดียวกันก็หักหลังหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ ในตอนที่คลอดหลิงหลงก็ประสบกับภาวะคลอดยากอีก หลังจากที่ให้กำเนิดหลิงหลงมา ร่างกายของนางก็เสียหายไปไม่น้อย ดังนั้นหวงฝู่เยวี่ยเอ้อจึงมีช่วงเวลาหนึ่งที่ไม่อยากจะพบหน้าลูกสาวคนนี้ และในเวลานั้น นางจึงมีโอกาสได้ซื้อตัวแม่นมหวังที่รับผิดชอบดูแลหลิงหลงเอาไว้ หนำซ้ำต่อหน้าหลิงหลงก็วางท่าราวกับเป็นผู้ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา คอยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ ทำให้หลิงหลงยอมรับนาง

แต่ไม่ทันไรหลิงหลงก็ต้องออกเรือนแล้ว…จากที่นางรู้มา หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานของซั่งกวนเจวี๋ยแล้ว ตระกูลซั่งกวนก็จะหารือเรื่องงานแต่งงานของหลิงหลงกับตระกูลชุยต่อ มากที่สุดก็ปีครึ่ง น้อยที่สุดก็คงไม่เกินแปดเก้าเดือน หลิงหลงต้องออกเรือนเป็นแน่ ถึงเวลานั้นนางก็ต้องเป็นสะใภ้ตระกูลอื่นแล้ว นางก็ไม่อาจใช้การอะไรได้ ดังนั้นนางจึงได้ตัดสินใจอย่างฉับไว หลอกใช้หลิงหลง วางตัวนางให้อยู่ในเรื่องนี้ แต่อย่างไรเล่า? เลี่ยนเยี่ยนที่ดูเหมือนจะหลักแหลมมาโดยตลอดผู้นั้น เด็กที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินคน กลับไม่ได้ทำตามแผนเสียอย่างนั้น เลิกล้มไปกลางคันทั้งๆ ที่แผนกำลังจะเสร็จสรรพอยู่แล้ว ทั้งถูกซั่งกวนเจวี๋ยมอมเมา คิดไปเองว่าแค่ผ่านช่วงเวลาที่หอมหวานลึกซึ้งร่วมกันมา ก็จะสามารถไขว่คว้าทุกสิ่งทุกอย่างได้

นางจึงต้องกู้สถานการณ์กลับมา มิเช่นนั้นเรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็จะเสียเปล่า!

แต่ว่า นางก็ไม่กล้าเร่งมาจัดการเรื่องนี้เลยเสียทีเดียว ประการแรกเพราะต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อวางแผนปรึกษากับคนของนางก่อน ประการที่สองต้องการใช้เวลาเพื่อขจัดมลทินให้ตัวเอง…แม้ว่าในใจของพวกเขาล้วนคิดว่าตัวนางทำผิดไป แต่ก็ไม่อาจแสดงตัวออกไปได้ทันที เช่นนั้นก็จะเหมือนว่าตัวเองนั้นร้อนตัวไปก่อน แต่อนุภรรยาอู๋กลับคาดไม่ถึงว่า เพราะนางจงใจถ่วงเวลาเพื่อให้ตัวเองดูเหมือนบริสุทธิ์เช่นนี้ จึงทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ได้โอกาส อุดช่องโหว่ที่ซั่งกวนเจวี๋ยมองไม่เห็นเท่าคนภาย นอก

อนุภรรยาอู๋ที่ปรับอารมณ์ท่าทีมาตลอดทาง พอเข้าไปในห้องอ่านหนังสือก็ตุ้บคุกเข่าลงไปต่อหน้าของซั่งกวนฮ่าวทันที เผยสีหน้าละอายใจ เสียใจ ทั้งปวดใจ ไม่มีทีท่าแก้ต่างให้ตนเองแม้แต่น้อย กล่าวอย่างน่าสงสาร “นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว ขอนายท่านลงโทษด้วย!”

แม้ว่าซั่งกวนฮ่าวจะเตรียมใจมาบ้างแล้ว ทั้งโกรธเคืองอนุภรรยาอู๋มาก แต่เมื่อถูกอนุภรรยาอู๋ออกตัวรับผิดก่อนเช่นนี้ ผู้ชายก็คือผู้ชาย อย่างไรก็ไม่อาจบันดาลโทสะกับหญิงสาวที่น่าสงสารได้ โดยเฉพาะหญิงสาวที่นอนร่วมเคียงหมอนกับตน…แน่นอนว่า เมื่อสัมผัสถูกเส้นตายจึงเป็นข้อยกเว้นได้ แต่น่าเศร้าที่อู๋เลี่ยนเยี่ยนไปสัมผัสเข้ากับข้อหวงห้ามที่ไม่อาจแตะต้องได้ของซั่งกวนเจวี๋ย ดังนั้นจึงได้น่าสงสารถึงเพียงนี้

เมื่อเห็นซั่งกวนฮ่าวฝืนอยู่ชั่วขณะ อนุภรรยาอู๋ก็รู้สึกคลายกังวลได้บ้าง ยามนี้ร้องไห้อย่างเสียใจขึ้นมา (อู๋เลี่ยนเยี่ยนก็ได้รับทักษะด้านนี้มาจากนางเช่นกัน) กล่าวอย่างรู้ผิด “ข้าได้ยินมาว่าเลี่ยนเยี่ยน เด็กผู้นั้นก่อเรื่องขึ้น ข้าก็นึกไม่ถึงว่านางจะทำเรื่องที่น่าเกลียดเช่นนี้ออกมา…นางเป็นหลานสาวของข้า ทั้งยังเป็นข้าที่ขอความเมตตาให้ท่านพาเข้ามาในเรือน นางทำเรื่องออกมาเช่นนี้ ข้าไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ สมควรที่จะได้รับการลงโทษ ขอนายท่านได้โปรดลงโทษด้วย!”

เฮ้อ…ท่าทีที่รับผิดนั้นไม่เลวเลย ซั่งกวนฮ่าวใจอ่อนขึ้นมาบ้าง นางก็เป็นคนที่น่าสงสารคนหนึ่ง แม้ว่าจิตใจจะลึกล้ำ ทั้งใช้วิธีการที่เกินไปบ้าง แต่นางก็ไร้บุตรและธิดา คงจะกังวลว่าแก่เฒ่าไปจะไร้ที่พึ่งพาจึงได้คิดกลอุบายออกมาเช่นนี้ อย่างไรก็พอให้อภัยได้อยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ทำให้นางมีความรู้สึกพะว้าพะวงเช่นนี้ก็ยังเป็นเพราะตัวซั่งกวนฮ่าวเอง!

แต่ว่า…แววตาของซั่งกวนฮ่าวดำดิ่งลงไปเล็กน้อย หลังชั้นวางหนังสือยังมีคนอยู่ คนหนึ่งคือสาวใช้ข้างกายของว่าที่ลูกสะใภ้ อีกคนหนึ่งก็เป็นบ่าวที่รับใช้ลูกชาย หากจะจบลงไปเช่นนี้ คงจะไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นอนุภรรยาอู๋เพียงแค่ยอมรับผิดเท่านั้น กลับไม่ได้กล่าวว่าทำไมจึงยอมรับผิด ยังไม่อาจให้อภัยนางได้หรอก

ดูท่าแล้ว วันนี้คงจะผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ แล้ว! อนุภรรยาอู๋กระจ่างแจ้งถึงทุกความนัยและทุกความรู้สึกที่แฝงอยู่หลังใบหน้าของซั่งกวนฮ่าว นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้นางมีตำแหน่งอยู่ในตระกูลซั่งกวนนี้ ภายใต้ท่าทีของคนตระกูลซั่งกวนแต่ละคนนั้นหมายความว่าอย่างไร แม้อนุภรรยาอู๋จะไม่กล้าพูดได้อย่างเต็มปาก แต่ก็กล่าวได้ว่า ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ในนั้นมีซั่งกวนฮ่าว หวงฝู่เยวี่ยเอ้อ และหลิงหลงที่นางจับจุดอ่อนได้มากที่สุด

“ข้าไม่ขอให้นายท่านยกโทษให้ข้า และก็ไม่ขอให้นายท่านอภัยให้เลี่ยนเยี่ยน แต่อยากให้นายท่านเห็นแก่หน้าของคุณหนูใหญ่และงานแต่งงานคุณชายใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ อย่าได้กระพือเรื่องให้ใหญ่โต จัดการแก้ไขอย่างเงียบๆ จะเป็นการดีกว่า!” อู๋เลี่ยนเยี่ยนกล่าวอย่าง ‘เข้าใจและมีเหตุมีผล’ ทุกถ้อยคำล้วนมาจากความห่วงใยและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น

“เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป ลองบอกให้ข้าฟังหน่อยสิ!” ซั่งกวนฮ่าวยังคงชอบอนุภรรยาอู๋ที่…ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้อาบลมในฤดูใบไม้ผลิ มักจะพูดจนสามารถทำให้เขาใจอ่อนได้ ทั้งยังทำให้เขารู้สึกสบายใจ ดังนั้นหากไม่อยู่ในสถานการณ์ที่นางทำความผิด ซั่งกวนฮ่าวก็จะโอนอ่อนไปทางนางเสมอ

“ข้าจะมีความคิดทำอันใดได้อีกเล่า เพียงแต่ไม่อยากให้หลานสาวที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของข้าผู้นั้นก่อเรื่อง!” อนุภรรยาอู๋ลอบมองสีหน้าซั่งกวนฮ่าวอย่างระมัดระวัง “เรื่องมาจนถึงขนาดนี้แล้ว ข้าก็ไม่อยากจะขอความเมตตาให้กับหลานไม่เอาไหนผู้นั้น แม้ว่าจะละอายใจต่อพี่ชายและพี่สะใภ้ ก็ไม่อาจทำให้คุณชายใหญ่ลำบากใจได้ เดิมทีก็ควรส่งนางกลับให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ว่า…ไม่ใช่ว่าข้าใจร้าย เพียงแต่นิสัยของเลี่ยนเยี่ยนเด็กคนนั้นหัวดื้อเป็นที่สุด หากส่งนางออกไป ข้ากังวลว่านางจะพูดบางอย่างที่ไม่เป็นผลดีกับคุณชายใหญ่และคุณหนูใหญ่ออกไป หากว่า…หากว่า…ตีนางให้ตายไป ก็คงไม่ทำให้คุณหนูใหญ่และคุณชายใหญ่ลำบากใจแล้ว!”

ขณะที่อนุภรรยาอู๋กล่าวก็ร้องไห้อย่างเศร้าใจออกมา ใบหน้าเปื้อนน้ำตานั้นงดงามคล้ายกับหยาดน้ำฝนที่ตกลงบนดอกสาสี่ เพียงเห็นนางเช่นนั้น ใครก็ไม่คาดคิดว่านางจะตัดสินใจเด็ดขาดลงมือโหดเหี้ยมกับหลานสาวของตัวเองเช่นนั้น

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ทายถูกจริงๆ ด้วย! ซั่งกวนฮ่าวทั้งผิดหวังทั้งถอนหายใจทั้งนับถือ ที่ผิดหวังก็คือท่าทีของอนุภรรยาอู๋ ที่ถอนหายใจก็เพราะตนเองและซั่งกวนเจวี๋ยไม่พบช่องโหว่ในการจัดการของเรื่องนี้ หรือจะเป็นที่แม่นมคนนั้นของเยี่ยนมี่เอ๋อร์พูด ผู้ชายจัดการเรื่องในบ้านจะไม่ละเอียดรอบคอบพอ ที่นับถือก็คือหลิงหลงเล่าเรื่องให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ฟังเพียงย่อๆ แต่นางก็สามารถคาดเดาออกมามากมาย ทั้งยังละเอียดถี่ถ้วนถึงเพียงนี้ ดูท่าแล้ว จะแตกต่างกับหวงฝู่เยวี่ยเอ้อโดยสิ้นเชิง เป็นคนที่ความคิดความอ่านละเอียดรอบคอบ หากนางได้ลงหลักปักใจกับเจวี๋ยเอ๋อร์ ก็คงเป็นภรรยาที่เหมาะสมในตระกูลได้แน่

“เรื่องนี้…” ซั่งกวนเจวี๋ยจงใจลังเลให้อนุภรรยาอู๋คาดการณ์ผิดไป

“นายท่าน ไม่ใช่ว่าข้าเป็นป้าที่ใจโหดเหี้ยม เลี่ยนเยี่ยน เด็กคนนั้นใจสูงค้ำฟ้า ครั้งนั้นข้าก็เคยพูดกับนาง ให้คุณชายใหญ่รับนางเป็นอนุภรรยา ท่านก็เห็นด้วยแล้ว แต่นางเล่า? กลับไม่ยินยอม กล่าวว่าอะไรนะ อยากจะรักใคร่กับคุณชายใหญ่ดั่งดนตรีที่บรรเลงสอดประสาน อยากจะยืนอยู่ในตำแหน่งหญิงสาวข้างกายของคุณชายใหญ่ ไม่คิดสักนิดว่านางนั้นฐานะต่ำต้อย ทั้งมีเพียงชะตาที่ต้องเป็นอนุภรรยาเท่านั้น…” อนุภรรยาอู๋ถอนหายใจ ทั้งยังลอบบอกเป็นนัย จากที่คนของนางกล่าวมา ซั่งกวนเจวี๋ยยินยอมที่จะรับอู๋เลี่ยนเยี่ยนเป็นเมียบ่าว หากคาดการณ์ไม่ผิด ก็คงถูกบังคับให้ดื่มยาคุมกำเนิดแล้ว ยามนี้ให้ตำแหน่งอนุ ภรรยากับนาง ทำให้ซั่งกวนเจวี๋ยจำต้องทำเป็นรักอย่างเสียไม่ได้ เมื่อร่วมห้องกับนางเป็นประจำ จะให้กำเนิดบุตรก็ไม่แปลกอันใด

ทายถูกอีกแล้ว! ซั่งกวนฮ่าวในยามนี้สงสัยเป็นอย่างมาก หรือเยี่ยนมี่เอ๋อร์คนนั้นจะมีความสามารถคาดการณ์ล่วง หน้าได้ ไม่ว่าอนุภรรยาอู๋คิดอะไร นางก็ล้วนคาดเดาได้หมด เก่งกาจเสียจริง!

“เรื่องนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็เป็นเรื่องภายในบ้านของเจวี๋ยเอ๋อร์ อย่างนั้นก็ฟังความเห็นของเจวี๋ยเอ๋อร์ดีกว่าเถิด!” ซั่งกวนฮ่าวผลักภาระไปให้ซั่งกวนเจวี๋ยที่เขาได้ยินฝีเท้าเดินอยู่ด้านนอกห้องอ่านหนังสือมาสักพักใหญ่แล้ว

“ความหมายของนายท่านก็คือ…” อนุภรรยาอู๋ลังเลอยู่บ้าง เหตุใดจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องภายในบ้านของคุณชายใหญ่? หรือพวกเขานึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงหลิงหลงมากมายถึงเพียงไหน?

“ยังจะหมายความว่าได้อย่างได้อีก?” ซั่งกวนฮ่าวกล่าวอย่างโมโหอยู่บ้าง “ใครก็คาดไม่ถึงว่าคุณหนูตระกูลเยี่ยนจะมีความคิดเช่นนี้ เพราะในห้องของเจวี๋ยเอ๋อร์ไม่มีใคร จึงกังวลเรื่อง ‘โรคที่ปิดบังไว้’ อะไรพวกนั้น จากนั้นก็คิดที่จะหยิบยืมพิธีโบราณ ‘การอยู่ก่อนแต่ง’ อะไรนั่น มาพิสูจน์ว่าเจวี๋ยเอ๋อร์ไม่เป็นโรคอะไรจริงๆ”

“หา?” อนุภรรยาอู๋ไม่เข้าใจ เรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ตั้งแต่เมื่อใด

“ใครอยู่ข้างนอก เชิญคุณชายใหญ่เข้ามา บอกว่าข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับเขา!” ซั่งกวนฮ่าวไม่เปิดโอกาสให้อนุภรรยาอู๋ได้เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้ ก็ตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ได้ยินเสียงบ่าวของซั่งกวนฮ่าวรับคำสั่งทั้งค่อยๆ ถอยฝีเท้าเดินออกไปไกล

“นายท่าน นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ข้าได้ยินว่าเลี่ยนเยี่ยนลอบวางแผน กล้าฉวยโอกาสวางยาในยาบำรุงที่คุณหนูใหญ่นำไปส่งให้คุณชายใหญ่ จึงได้ถูกคุณชายใหญ่รับตัวไว้เป็นเมียบ่าว ไฉนจึงเกี่ยวพันกับคุณหนูตระกูลเยี่ยนได้?” อนุภรรยาอู๋หัวหมุนอยู่บ้าง หากเรื่องนี้ทำให้หลิงหลงพ้นมลทิน แต่ไปเกี่ยวโยงกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์แทน เช่นนั้นจุดประสงค์ของนางก็ไม่อาจลุล่วงแล้ว

“วางยา? ทั้งยังเกี่ยวกับหลิงหลงอีก?” ซั่งกวนฮ่าวมองอนุภรรยาอู๋อย่างประหลาดใจ “ข้าไม่เห็นได้ยินเรื่องเหลวไหลพวกนี้? ช่างเถิด รอเจวี๋ยเอ๋อร์พาเลี่ยนเยี่ยนมาแล้วค่อยพูดเถิด!”

————————————————–

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

‘ข้าจะมีความสุขให้ได้ แม้ชีวิตนี้จะมีไฟแค้นสุมในใจมากเพียงใดก็ตาม!’ ‘เยี่ยนมี่เอ๋อร์’ คุณหนูห้าแห่งตระกูลพ่อค้าได้สาบานไว้กับท่านป้าสุดที่รัก ชีวิตของนางจะพบความสุขได้เยี่ยงไรเมื่อต้องลด ละ เลิกการแก้แค้น ทั้งยังต้องถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับคุณชาย ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพนี้ เช่นนี้แล้ว รักแรกพบระหว่างนางกับคุณชายขลุ่ยถึงคราวต้องจบก่อนที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ! งานนี้จึงต้องมีแผนการล่มวิวาห์ ทว่ากลับต้องพลิกเป็นแผนการรักมัดใจผู้เป็นว่าที่สามี เมื่อคุณชายคนนี้กับคุณชายขลุ่ยคนนั้น คือ คนเดียวกัน! แต่ไฉนข้างกายเขากลับมีผู้หญิงคอยจับจ้องอยู่มากมาย? แต่ไม่เป็นไร เจ้าสาวอย่างนางจะใช้มารยาที่มีปราบชายเจ้าชู้ให้อยู่หมัด มัดใจเขาไว้กับนางแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหญิงสาวเหล่านั้นน่ะหรือ… ‘จงใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ให้เต็มที่เถิด ก่อนจะต้องอกแตกตายด้วยฝีมือข้า!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset