เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 78 ล่อเสือให้ขย้ำหมาป่า (2)

“ใครสอนพวกเจ้าเช่นนี้?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเสียงดังแปดปรอท แล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ตระกูลทั่วป๋าไม่เคยมีคนขี้ขลาดที่ถอยหนีโดยไม่ต่อสู้ ฉินซินชอบเจวี๋ยเอ๋อร์ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว หลีกหนีแบบนี้มันกระจอก!”

“ท่านย่า พี่สะใภ้เจวี๋ยไม่ยอมให้ฉินซินเข้าใกล้พี่เจวี๋ยแม้แต่ครึ่งก้าว!” ทั่วป๋าฉินอินถอนหายใจพูดว่า “พี่สะใภ้เจวี๋ยดูอ่อนโยนมีคุณธรรม แต่…ข้าไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางมีอารมณ์เพชรหึงมาตั้งแต่เกิด จึงมองไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาของลูกผู้พี่หรือเป็นเพราะรู้ว่าตนมีสถานะไม่สูง จึงจงใจตั้งเป้าไปที่ฉินซิน…ข้าว่า ต่อให้ฉินซินจะไม่ยอมแพ้ ลูกผู้พี่ก็ยินดีจะต้อนรับแต่งฉินซินเป็นภรรยารอง นางจึงทำลายเรื่องนี้ แทนที่จะปล่อยให้ตระกูลทั่วป๋าและตระกูลซั่งกวนไม่มีความสุขเพราะเหตุการณ์แบบนี้ มิสู้ให้ฉินซินน้อยเนื้อต่ำใจเพียงคนเดียวจะดีกว่า เพื่อสร้างมิตรภาพระหว่างตระกูลทั่วป๋ากับตระกูลซั่งกวนให้สมบูรณ์”

“สมบูรณ์? มิตรภาพ?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาว่า “เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลทั่วป๋าแปลกแยกจากตระกูลซั่งกวนมากขึ้นเรื่อยๆ ข้าถึงอยากให้ฉินซินเป็นหลานสะใภ้ของข้า มิฉะนั้นก็รอให้ข้าตายไปแล้ว ตระกูลทั่วป๋ากับตระกูลซั่งกวนก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมตระกูลไม่ใช่ญาติ!”

“แต่น้องสะใภ้เจวี๋ย…” หวังเหยียนหย่ากระซิบว่า “จริงๆ แล้ว…ฉินซินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง ถ้าเก็บฉินซินไว้ที่นี่ ไม่รู้ว่านางจะมีสักกี่ลูกไม้มาทำลายชื่อเสียงของฉินซินจนป่นปี้ยี่ยำ…”

“ฉินซินไม่จำเป็นต้องอยู่ในตระกูลซั่งกวน!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพูดอย่างขมขื่นว่า “เหยียนหย่า พาฉินซินกลับไปด้วย เพื่อที่นางจะได้ฝึกฝนตัวเอง ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตระกูลซั่งกวน ตอนนี้อยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน เจวี๋ยเอ๋อร์ตกอยู่ในไฟรักรุ่มร้อนกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ ถ้าฉินซินอยู่ต่อ จะข่มกลั้นการยั่วยุไม่ไหว กลับจะทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์ไม่พอใจ แล้วความประทับใจของนางที่มีต่อเจวี๋ยเอ๋อร์จะได้รับผลกระทบ”

“ถ้าอย่างนั้นท่านย่าหมายความว่า…” หวังเหยียนหย่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปที ดูท่าสิ่งต่างๆ จะเป็นไปในทิศทางที่พวกนางคาดหวัง แต่ยิ่งมีวิกฤติมากเท่าใด นางก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น

“ยังมีผู้หญิงที่ไร้ยางอายสามคนอาศัยอยู่ในเรือนหิมะสุขใจไม่ใช่หรือ? พวกนางล้วนเป็นแขกที่เจวี๋ยเอ๋อร์เชิญมาพักที่ตระกูลซั่งกวนเอง เพื่องานแต่งของเจวี๋ยเอ๋อร์แล้ว พวกนางจึงพักอยู่ในเรือนหิมะสุขใจชั่วคราว บัดนี้งานแต่งเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากที่บรรดาลูกหลานของตระกูลขุนนางกลับไปทีละคน ก็จะเป็นแขกที่ละเลยไม่ได้ ข้าจะจัดให้คนเชิญพวกนางกลับมา” แม้ทั่วป๋าซู่เยวี่ยจะไม่สามารถควบคุมสามีและลูกชายของนางได้ แต่ก็ไม่ใช่คนที่รับมือง่าย เรื่องปัดแข้งปัดขากันเองทำได้ถนัดนัก จะนำผู้หญิงสามคนที่นางดูถูกมาตลอดรับเข้ามา แล้วปล่อยให้พวกนางต่อสู้กับเยี่ยนมี่เอ๋อร์อย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำ ความน่ารังเกียจของพวกนางจะตกอยู่ในสายตาเจวี๋ยเอ๋อร์ หากต้องการจะยืนหยัดในใจของเจวี๋ยเอ๋อร์อีกครั้ง มันไม่ง่าย ในเวลานั้นก็ให้ทั่วป๋าฉินซินผู้บริสุทธิ์แต่งเข้ามา ย่อมทำได้แน่นอน

“เหยียนหย่าเข้าใจว่าท่านย่าหมายถึงอะไรเจ้าค่ะ” หวังเหยียนหย่าไม่ได้แกล้งทำเป็นโง่แล้วพูดว่า “เหยียนหย่าจะควบคุมฉินซินให้ดี จะไม่ปล่อยให้นางก่อเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนฉลาด บอกฉินซินเสีย นางต้องไม่ลืมเข้าร่วมงานบุปผาดอกบัวในเดือนหก ข้าจะรอให้นางมา มาน้อมทักทายข้า” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้า

“เหยียนหย่าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นทั่วป๋าซู่เยวี่ยหยิบชา หวังเหยียนหย่าก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เหยียนหย่ายังต้องไปกล่าวคำอำลาพี่สะใภ้น้องสะใภ้ของแต่ละตระกูล จะไม่รบกวนท่านย่า ขออำลาไปก่อนนะเจ้าคะ”

“อื้ม…ไปเถอะ พิงถิงอยู่กับข้าก็พอ” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพยักหน้า หวังเหยียนหย่าพาทั่วป๋าฉินอินจากไป ซั่งกวนพิงถิงเบือนหน้าอย่างไม่สบายใจ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ดูผิดธรรมชาติเล็กน้อย

“หวังเหยียนหย่าให้ประโยชน์อะไรแก่เจ้า?” ยกเว้นแม่นมหนิงแล้ว ทั่วป๋าซู่เยวี่ยให้คนอื่นๆ ถอยออกไป จากนั้นมองซั่งกวนพิงถิงอย่างใจเย็นแล้วเอ่ยพูด

“ท่านย่า…” ซั่งกวนพิงถิงลุกลี้ลุกลน ฉีกยิ้มแล้วประจบประแจงพูดว่า “นางเป็นถึงลูกสาวคนโตของตระกูลหวัง และเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลทั่วป๋า จะมีมิตรภาพอะไรกับข้าได้? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะให้ประโยชน์อะไรเลยเจ้าค่ะ”

“จริงหรือ?” เสียงของทั่วป๋าซู่เยวี่ยดังขึ้นเล็กน้อย นางจะไม่เห็นอาการวัวสันหลังหวะของซั่งกวนพิงถิงได้อย่างไร นางไม่ชอบที่หวังเหยียนหย่าเล่นกลเม็ดต่อหน้านางเพื่อทั่วป๋าฉินซิน แต่นางจะไม่ยอมให้ซั่งกวนพิงถิงลองผิดลองถูกเด็ดขาด

“ท่านย่า…” ซั่งกวนพิงถิงมองแม่นมหนิงอย่างร้อนใจ ส่วนแม่นมหนิงก็ทำท่าทำทางข่มนาง ซั่งกวนพิงถิงกลัวหัวหดพูดว่า “นางไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับข้าเลยจริงๆ แต่นางพูดเพียงว่าตราบใดที่คุณหนูสี่แต่งงานกับพี่ใหญ่ได้ พวกเขาจะหาทางทำให้ฮูหยินเปลี่ยนชาติกำเนิดของข้า ท่านย่า ท่านไม่รู้ว่าข้าน้อยใจมากแค่ไหนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พี่ชายก็เป็นเหมือนกัน ไม่ต้องพูดถึงนายน้อยกับคุณหนูที่เกิดจากภรรยาเอก แม้กระทั่งลูกสาวที่เกิดจากภรรยาน้อยพวกนั้น ก็ไม่เต็มใจจะข้องเกี่ยวอะไรกับเรา เหมือนมีอะไรไม่สะอาดในตัวข้า…ท่านย่า ข้าทนกับการปฏิบัติเยี่ยงนี้ไม่ได้จริงๆ…”

เมื่อเห็นซั่งกวนพิงถิงร้องไห้ฟูมฟาย ทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็เสียใจเล็กน้อย ในใจยิ่งเกลียดหวงฝู่เยวี่ยเอ้อที่ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และจิตใจคับแคบ แต่ก็ยังโกรธมากแล้วพูดว่า “แต่เจ้ารู้หรือไม่? เจ้าไม่ควรก้าวก่ายเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้า เจ้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับต่อต้านนางอย่างเปิดเผย”

“ไหนๆ นางก็ไม่ชอบข้าอยู่แล้ว ถ้าข้าสู้กับนางจะเป็นอย่างไร?” ซั่งกวนพิงถิงเอาแต่ใจ นางเป็นคนที่ไม่รู้จักเอาอกเอาใจใครนอกจากทั่วป๋าซู่เยวี่ยกับซั่งกวนฮ่าวและลูกชาย แม้แต่หนิงซินก็ยังกล้าต่อปากต่อคำ นับประสาอะไรกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง

“ถ้าบอกว่าเจ้าโง่ เจ้าก็ยังไม่ยอมรับเลย ข้าว่าเจ้ากับหนิงซินเหมือนกัน โง่เง่าเต่าตุ่นทั้งคู่!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เดิมที ข้าบอกหนิงซินว่าอย่าลำพองใจ อย่าคิดว่าให้กำเนิดอวี่ไข่แล้วเจ้าจะมีต้นทุนท้าทายหวงฝู่เยวี่ยเอ้อ แต่นางไม่ฟัง ยังละเมอเพ้อฝันคิดว่าพ่อของเจ้าจะหลงใหลอนุและทำลายฮูหยิน แล้วเกิดอะไรขึ้นเล่า? ไม่เพียงล่วงเกินหวงฝู่เยวี่ย เอ้อถึงขีดสุด พ่อเจ้าไม่เข้าห้องนางถึงสามปีเต็มๆ ไม่ใช่เพราะนางไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่ฟังคำพูดของคนแก่ ตอนนี้นางจะเป็นอย่างนี้หรือไม่? จนถึงป่านนี้เจ้าก็ยังมีฐานะเป็นเพียงลูกนอกสมรส?”

แม่นมหนิงใบหน้ากระตุกวูบหนึ่ง นางรู้ว่าทั่วป๋าซู่เยวี่ยก็ว่าตัวเองเช่นกัน ในเวลานั้นหนิงซินไม่ฟังคำเตือนของทั่วป๋าซู่เยวี่ย ดึงดันจะทำตามวิธีของตัวเอง ไม่มากก็น้อยที่นางให้ข้อคิดอยู่ลับหลัง คิดเรื่องการมีลูกชายลูกสาว มีทั่วป๋าซู่เยวี่ยหนุนหลังอยู่ จึงทำตัวเป็นกิ้งก่าได้ทอง อยากจะบีบหวงฝู่เยวี่ยเอ้อให้จนมุม ต่อให้จะไม่สามารถแทนที่ได้ แต่ก็ต้องได้ตำแหน่งภรรยารอง ไหนเลยจะรู้ว่ามีกฎมากมายในตระกูล และไม่มีทางเป็นไปได้เลย

“ข้ารู้ว่าผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่า!” ซั่งกวนพิงถิงพูดพลางสะอึกสะอื้น แต่นางก็ยังไม่เข้าใจว่านางผิดอะไรกันแน่

“รู้ว่าผิดหรือ? กลัวว่ายามนี้เจ้าจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไปตรงไหนน่ะสิ!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรื่องของฉินซินข้าจะพยายามช่วยนางอย่างเต็มที่ ไม่ต้องห่วงนางหรอก ต้องคำนึงถึงตระกูลซั่งกวนกับตระกูลทั่วป๋า แต่เจ้าไม่ควรมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ จุดประสงค์ของฉินซินไม่ง่ายอย่างนั้น นางไม่ได้ต้องการแค่ตำแหน่งภรรยารองของเจวี๋ยเอ๋อร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตำแหน่งในตระกูลซั่งกวนด้วย ถ้านางแต่งเข้ามา เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะต้องไม่พอใจแน่ เยี่ยนมี่เอ๋อร์อาจจะฉลาดหรือสง่างาม แต่ทั้งหมดนี้ก็พ่ายให้กับชาติกำเนิด เมื่อฉินซินแต่งเข้ามา เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะถือว่าตายไปแล้ว ก็จะลบชื่อภรรยาเอกไปเอง จะตายได้ก็ต่อเมื่อมอบสถานะนั้นให้กับฉินซิน นี่คือความแตกต่างของสถานะ! นางถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะไม่สูงไปกว่าฉินซิน!”

“หากพี่ใหญ่และฮูหยิน…” ซั่งกวนพิงถิงไม่เข้าใจ เป็นไปได้หรือที่ทั่วป๋าฉินซินจะเก่งกาจเพียงนั้น?

“ไม่มีคำว่าหาก! ความปรารถนาของเจวี๋ยเอ๋อร์ไม่สำคัญแล้วในเวลานั้น เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลซั่งกวนย่อมจะออกหน้าให้ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ใช่ลูกสาวของตระกูลชนชั้นสูง ไม่ใช่ลูกสาวของนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียง พ่อของนางเป็นพ่อค้า ไม่ใช่คนที่มีอำนาจยศศักดิ์ใหญ่โตอะไร นั่นหมายความว่าสถานะของนางไม่มีคุณสมบัติพอ และสิ่งที่ไม่มีคุณสมบัติยิ่งกว่าก็คือแม่บังเกิดเกล้าของนางเป็นภรรยารองไม่ใช่ภรรยาเอก แม้ข้าจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดการแต่งงานครั้งนี้ฮ่าวเอ๋อร์ถึงเห็นด้วย บรรดาผู้อาวุโสก็ไม่ออกมาคัดค้าน แต่ข้ารู้ว่าเมื่อมีโอกาส จะปัดผู้หญิงคนนั้นให้ลงไปคลุกฝุ่น หากตระกูลทั่วป๋าไม่มองจุดนี้ให้แม่นยำ จะตกลงให้ฉินซินแต่งเข้ามานั่งเป็นภรรยารองหรือ? ต่อให้ฉินซินจะชอบเจวี๋ยเอ๋อร์แค่ไหนก็เป็นไปไม่ได้!” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยพูดอย่างชัดเจนถึงลู่ทาง เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ได้พูดอะไรสักคำเท่านั้นเอง

“มันไม่ถูกต้อง!” ซั่งกวนพิงถิงรู้สึกว่านางคิดถูกที่จะทำให้ทั่วป๋าฉินซินพอใจ

“ถูกต้องหรือ? ถ้าเรื่องระหว่างเจวี๋ยเอ๋อร์และฉินซินเสร็จสิ้นแล้ว ก่อนที่ฉินซินจะแต่งเข้ามา เยี่ยนมี่เอ๋อร์จะต้องนั่งในตำแหน่งภรรยารองให้เรียบร้อยแล้วต้อนรับแต่งฉินซินเข้ามา ในช่วงเวลานี้ถ้านางรู้ว่าเจ้าและฉินซินติดต่อกัน แม้กระทั่งพูดจากับฉินซิน ช่วยฉินซินจัดการนาง เจ้าคิดว่านางจะทำอย่างไร? หวงฝู่เยวี่ยเอ้อจะมีปฎิกิริยาอะไรบ้าง?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเอ่ยถาม

“นางจะทำอะไรได้? ฮูหยินก็เกลียดข้ามาหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไรข้าได้!” ซั่งกวนพิงถิงพูดอย่างไม่แยแส ตอนนี้นางแทบรอไม่ไหวที่จะลงมือทำงานมงคลของทั่วป๋าฉินซินให้สำเร็จในทันที หลังจากทำความฝันของนางให้เป็นจริงแล้ว ก็สัญญาว่าจะทำเรื่องของตนให้ลุล่วงด้วย

“นั่นเป็นเพราะเจ้ายังเด็ก! ตอนนี้เล่า เจ้าอายุสิบห้าปีแล้ว ตราบใดที่หวงฝู่เยวี่ยเอ้อพูกสักคำ ก็จะตัดสินใจงานแต่งของเจ้าได้ทันที เจ้าอยากให้นางแต่งเจ้าออกไปในฐานะลูกนอกสมรส ยังอยากจะลืมตาอ้าปาก รอให้มีสถานะเป็นลูกสาวของภรรยาเอกแล้วค่อยเลือกสามีอีกหรือ?” คำพูดของทั่วป๋าซู่เยวี่ยเป็นเหมือนคำเสียดแทงดับความตื่นตระหนกของซั่งกวนพิงถิง และทันใดนั้นหัวใจของนางก็จมลงสู่ก้นบึ้ง จริงด้วย นางอายุครบพอจะพูดเรื่องแต่งงานได้แล้ว

“ท่านย่า ข้าจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?” ซั่งกวนพิงถิงถามอย่างกังวล ถ้าเยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้เรื่องนี้ นางจะจัดการกับตัวเองตอนนี้เลยหรือไม่?

“เจ้าอยู่ในเรือนของตัวเองอย่างเชื่อฟัง ไม่ต้องไปเอาใจใคร อย่าไปรุกรานใครส่งเดช การแต่งงานของเจวี๋ยเอ๋อร์ได้เสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็ควรจะเป็นงานแต่งของหลิงหลงกับตระกูลชุย จะไม่มีใครสังเกตเห็นเจ้าชั่วคราว! ถ้าเจ้าสงบปากสงบคำ ก็ย่อม จะปลอดภัย” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยอธิบาย

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่า” ซั่งกวนพิงถิงรู้สึกกลัวจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อ นางอาจจะไม่เอามาใส่ใจ แต่หมู่นี้นางเข้าใจดีถึงความจริงอย่างหนึ่ง นั่นคือไม่ว่านางจะเป็นหลานสาวที่ฮูหยินใหญ่ซั่งกวนตามใจมากที่สุดหรือไม่ ตราบใดที่นางเป็นลูกนอกสมรสอยู่ นางจะไม่มีที่พักพิงที่ดีได้

“อีกไม่กี่วัน ข้าจะพาหญิงสาวเหล่านั้นเข้ามาพบ พวกนางจะต้องต่อสู้เอาเป็นเอาตายกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์เพื่อเข้าตระกูลซั่งกวนอย่างแน่นอน ผู้หญิงสามคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เจ้าควรอยู่ให้ห่างจากพวกนางหน่อยจะดีกว่า อย่าปล่อยให้พวกนางหลอกใช้ประโยชน์ได้” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเป็นห่วงหลานสาวตัวแสบคนนี้จริงๆ

“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ท่านย่า” แม้ซั่งกวนพิงถิงจะไม่คิดว่าผู้หญิงทั้งสามจะมาหลอกใช้นาง แต่ก็ยังตอบกลับอย่างสุภาพ แต่นางยังสงสัยมากว่า ทำไมถึงต้องพาผู้หญิงทั้งสามเข้ามา ไม่กลัวว่าผู้หญิงทั้งสามจะเป็นพันธมิตรกับเยี่ยนมี่เอ๋อร์ แล้วทั่วป๋าฉินซินจะไม่ทำเรื่องเสียเปล่าหรอกหรือ?

“เจ้านี่นะ ทำไมถึงโง่อย่างนี้เล่า?” ทั่วป๋าซู่เยวี่ยเขกหน้าผากของนางแล้วกล่าวว่า “พวกนางเป็นใคร ล้วนเป็นนก กระจอกที่หวังจะบินไปยังกิ่งไม้สูงแล้วกลายเป็นหงส์! ถ้าเยี่ยนมี่เอ๋อร์เกิดมาในชาติตระกูลที่มีเกียรติ พวกนางอาจจะยังลังเลอยู่บ้าง แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์เป็นเพียงลูกสาวพ่อค้าและสถานะไม่ได้สูงส่งไปกว่าพวกนางเลยสักนิด พวกนางจะยอมศิโรราบได้อย่างไร? ข้าคิดว่า พวกนางจะทำทุกอย่างเพื่อเข้าแทนที่ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่ใช่คนที่ร้ายกาจหรอกหรือ? เจวี๋ยเอ๋อร์จะไม่ชอบผู้หญิงที่ร้ายกาจและโหดเหี้ยม หากนางลงมืออย่างโหดร้ายเพื่อรักษาตำแหน่งของนาง จะทำให้เจวี๋ยเอ๋อร์ผิดหวังอย่างแน่นอน ฉินซินย่อมจะมีโอกาส แต่ถ้านางไม่ลงมือ ผู้หญิงทั้งสามคนนั้นก็ร้ายกาจไม่ใช่เล่น เคยมีคนตายด้วยน้ำมือของพวกนางมาแล้ว หากจะตายอีกสักคนก็ไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่อะไร”

ซั่งกวนพิงถิงตื่นตระหนก นางไม่คาดคิดว่าจะได้คำตอบเช่นนี้ บางที…นางมองใบหน้าของทั่วป๋าซู่เยวี่ยแล้วอดรู้สึกหวาดกลัวกับท่านย่าที่มีเมตตาปรานีเสมอมาผู้นี้ไม่ได้…

———————————-

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

‘ข้าจะมีความสุขให้ได้ แม้ชีวิตนี้จะมีไฟแค้นสุมในใจมากเพียงใดก็ตาม!’ ‘เยี่ยนมี่เอ๋อร์’ คุณหนูห้าแห่งตระกูลพ่อค้าได้สาบานไว้กับท่านป้าสุดที่รัก ชีวิตของนางจะพบความสุขได้เยี่ยงไรเมื่อต้องลด ละ เลิกการแก้แค้น ทั้งยังต้องถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับคุณชาย ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพนี้ เช่นนี้แล้ว รักแรกพบระหว่างนางกับคุณชายขลุ่ยถึงคราวต้องจบก่อนที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ! งานนี้จึงต้องมีแผนการล่มวิวาห์ ทว่ากลับต้องพลิกเป็นแผนการรักมัดใจผู้เป็นว่าที่สามี เมื่อคุณชายคนนี้กับคุณชายขลุ่ยคนนั้น คือ คนเดียวกัน! แต่ไฉนข้างกายเขากลับมีผู้หญิงคอยจับจ้องอยู่มากมาย? แต่ไม่เป็นไร เจ้าสาวอย่างนางจะใช้มารยาที่มีปราบชายเจ้าชู้ให้อยู่หมัด มัดใจเขาไว้กับนางแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหญิงสาวเหล่านั้นน่ะหรือ… ‘จงใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ให้เต็มที่เถิด ก่อนจะต้องอกแตกตายด้วยฝีมือข้า!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset