จากเมืองซีไปเมืองหลิ่ว ความเร็วสูงหนึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงแล้ว ครอบครัวคุณหญิงหลินมาถึงรีสอร์ต ตระกูลหนานกงกับตระกูลเซิ่งก็ถึงแล้ว ทุกคนนั่งอยู่รอบๆ สวนดอกไม้ของโรงแรม
ถึงแม้จะมีสองครอบครัวใหญ่ แต่มีคนทั้งหมดแค่เจ็ดแปดคนเท่านั้น รวมตระกูลหลินอีกสี่คน ก็มากพอสำหรับโต๊ะกลมตัวใหญ่
โรงแรมนี้เป็นคฤหาสน์สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่สุดในรีสอร์ต ลานกว้างมาก สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้องทั้งหมดยี่สิบกว่าห้อง
“คุณย่า ชอบอยู่ที่ไหนไหมคะ? ” ไป๋ยิ่งอันพูดเอาใจคุณผู้หญิง “ถ้าคุณไม่ชอบ เราเปลี่ยนเป็นสไตล์อื่นได้นะคะ มีกระท่อมเล็กๆ บนชายหาดนั้น ด้านหลังเขานั้นมีตึกหย่อนขาด้วยนะคะ สิ่งอำนวยความสะดวกก็ดีมาก”
คุณผู้หญิงจิบชาหนึ่งคำ เหลือบมองสภาพแวดล้อมรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เราคนเยอะ เอาที่นี่ดีกว่า”
ไป๋ยิ่งอันพยักหน้า “อืม ฉันก็คิดว่าคนเยอะอยู่ห้องแบบนี้ก็ดีหน่อย ตอนกลางคืนทุกคนจะได้พูดคุยและดื่มชากันในสวนได้”
ไป๋ยิ่งอันพูดจบ ก็เดินไปนั่งข้างๆ หนานกงเฉิน ควงแขนเขา ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณชายใหญ่ คุณอยากดื่มอะไร? ฉันจะเข้าไปเอามาให้คุณ”
หนานกงเฉินละสายตาจากหลินอันหนานและไป๋มู่ชิงที่อยู่ประตูทางเข้าสวนดอกไม้ มองเธอก่อนยิ้มบางๆ “ไม่ต้อง ฉันดื่มชากับคุณอย่าก็พอแล้ว”
คุณหญิงเซิ่ง หนานกงยวี่มองสำรวจไป๋ยิ่งอัน อมยิ้มและชมเชย “ยิ่งอันของเราเอาใจใส่มากเลย คิดรอบคอบทุกเรื่อง”
“คุณป้า ฉันไม่เอาใจใส่เหรอคะ? ” ผู่เหลียนเหยาเดินอ้อมออกมาจากด้านหลังคุณหญิงเซิ่ง ใช้สองมือช่วยคุณผู้หญิงทุบหลังพลางพูดด้วยรอยยิ้ม
“เธอน่ะ เธอแต่งงานกับเซิ่งเคอเมื่อไร ฉันถึงจะรู้สึกว่าเธอเอาใจใส่” คุณหญิงเซิ่งพูดตำหนิพร้อมยิ้ม
“คุณป้า ฉันกับเซิ่งเคอยุ่งมากอ่า ให้เวลาพวกเราอีกหน่อยนะ” ผู่เหลียนเหยาทำท่าทางขอร้องให้คุณหญิงเซิ่ง จากนั้นก็พูดพร้อมรอยยิ้มแล้วช่วยคุณผู้หญิงนวดไหล่ต่อ
“เหลียนเหยาก็เป็นเด็กที่เอาใจใส่เหมือนกัน เซิ่งเคอมองผิดพลาดแล้ว” คุณผู้หญิงยกมือลูบหลังมือผู่เหลียนเหยา
เซิ่งเคอทักท้วงทันที “เอ๋ คุณย่า อย่าไปยกยอเธอ เดี๋ยวเธอจะโอ้อวด”
ได้ยินพวกเขาต่อปากต่อคำกัน ทุกคนก็หัวเราะขึ้นมา
คุณหญิงหลินที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าค่อยๆ เดินมาข้างๆ หลินอันหนานและไป๋มู่ชิง เตือนพวกเขาเสียงเบา “ลูกดูสิเขาปากหวานกันมาก เอาอกเอาใจเก่งมาก เรารีบไปทักคุณย่าเร็วเข้า จำไว้นะ คุณผู้หญิงชอบให้คนอื่นเรียกเธอว่าคุณย่า และชอบให้คนอื่นพูดเยินยอ”
ไป๋มู่ชิงและหลินอันหนามองหน้ากัน เธอเก่งในการทำให้เด็กๆ มีความสุข แต่คนระดับสูงอย่างคุณผู้หญิงเธอไม่เคยมีประสบการณ์จริงๆ นอกจากนี้ยังไม่เจอมาตั้งนานแล้ว แค่ยืนต่อหน้าคุณผู้หญิงเฉยๆ เดาว่าตัวเองจะต้องประหม่า จะเอาอกเอาใจอย่างไร?
แน่นอนว่า ทักทายก็ต้องทักอยู่แล้ว
หลินอันหนานราวกับรู้สึกถึงความไม่สบายใจของเธอ จับมือเล็กของเธอไว้แล้วกระซิบเบาๆ ข้างหู “ไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่”
ได้ยินคำพูดเขา ไป๋มู่ชิงก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย เดินไปตรงหน้ากลุ่มคนเหล่านั้นกับเขา
หลังจากทั้งคู่ทักทายคุณผู้หญิงและสองสามีภรรยาตระกูลเซิ่งแล้ว ก็ไปทักทายรุ่นเด็กไม่กี่คน
ผู่เหลียนเหยามองสำรวจไป๋มู่ชิงตรงหน้า แต่งหน้าอ่อนหวานมีเสน่ห์ ชุดกระโปรงเซ็กซี่ รองเท้าส้นสูงสิบเซนติเมตร ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มเล็กน้อย “พี่อันหนาน ได้ข่าวว่าพวกคุณกำลังจะแต่งงานแล้วเหรอ? ”
“ใช่ เดินหน้าวันที่หก อย่าลืมมางานนะ” หลินอันหนานพูดอมยิ้ม
“แน่นอน ฉันกับเซิ่งเคอจะไปออกงานตรงเวลา” ผู่เหลียนเหยามองไป๋ยิ่งอันอีกครั้ง แล้วร้องอุทาน “ลูกพี่ลูกน้องสองคนหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนฝาแฝดเลย”
ไป๋มู่ชิงยิ้มเบาๆ ให้ผู่เหลียนเหยา “ก็เราเป็นพี่น้องแท้ๆ ”
ถูกหลายๆ คนจับตามอง ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งร่าง เธออยากดึงหลินอันหนานออกมา แต่ต้องทำตามคำขอร้องของคุณหญิงหลิน ถามคุณผู้หญิงอย่างเอาอกเอาใจ “คุณย่า เดินทางครั้งนี้ท่านลำบากหรือเปล่าคะ? ”
คุณผู้หญิงเหลือบมองเธอ ยิ้มฝืดๆ เล็กน้อย “แค่ชั่วโมงกว่าเอง ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“ก็จริง สุขภาพร่างกายคุณย่าสุดยอดมาตลอดเลย” ไป๋มู่ชิงเห็นคุณผู้หญิงยื่นมือจะหยิบชา ก็รีบยื่นมือส่งแก้วชาไปให้
“เด็กดี ไม่ต้องมาอยู่รอบๆ ฉันหรอก แต่ละคนไปเที่ยวกันเถอะ” คุณผู้หญิงรับแก้วชามาจิบหนึ่งที ไป๋มู่ชิงยื่นมือจะรับแก้วชาจากเธอ แต่คุณผู้หญิงเบี่ยงแก้วไว้ข้างๆ แล้วพูดขึ้น “ไปเถอะ”
ไป๋มู่ชิงยืนกระอักกระอ่วนอยู่ตรงนั้น สายตาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้มองไปที่หนานกงเฉิน หลังจากพบว่าเขากำลังมองตัวเองอยู่ในใจก็ยิ่งอึดอัด
เธอจับฝ่ามือหลินอันหนานไว้ อมยิ้มแล้วพูดขึ้น “อันหนาน เราไปดูห้องกันเถอะ”
“เอาสิ” หลินอันหนานจับมือเล็กของเธอไว้ในฝ่ามือ
“คุณย่า เราขึ้นไปก่อนนะคะ” หลังจากไป๋มู่ชิงบอกลาคุณผู้หญิงแล้ว ก็เข้าไปในบ้านพร้อมกับหลินอันหนาน
กลับถึงในบ้าน ในใจไป๋มู่ชิงก็ยังกระวนกระวายนิดหน่อย แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อตัวเองได้สัมผัสสายตาของหนานกงเฉินในใจก็อึดอัดแบบนี้ มักรู้สึกว่าสายตาของเขาพราวราวกับมีด
หลินอันหนานโอบไหล่เธอ ปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “ขอโทษ ทำให้เธอรู้สึกน้อยใจ”
“ที่ไหนล่ะ” ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างเฉยเมย “คุณผู้หญิงมีนิสัยยังไงฉันรู้ดีกว่าคุณ ชินตั้งนานแล้วล่ะ”
“เธอคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว” หลินอันหนานพูด
ทั้งคู่เดินมาถึงห้องนอนที่ไป๋ยิ่งอันจัดเตรียมด้วยตัวเองพร้อมกัน ถึงแม้ไม่ใช่ห้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องทั้งหมด แต่การจัดวางและการตกแต่งดูดีมากเป็นพิเศษ
แค่……ไป๋มู่ชิงกวาดตามองห้องนอนด้านในที่มีเพียงเตียงเดียว จากนั้นก็มองหลินอันหนาน หลินอันหนานเหมือนเข้าใจความคิดเธอ จึงยิ้มให้เธออย่างคลุมเครือ “ทำไม? จะแต่งงานแล้วยังอายอีกเหรอ? ”
“ก็ยังไม่ได้แต่งไม่ใช่เหรอ? ” ไป๋มู่ชิงพึมพำเสียงทุ้ม
“ถ้างั้นก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน ด้วยสถานการณ์นี้แล้ว เราแค่ต้องผ่านคืนงานแต่งก่อนกำหนด” หลินอันหนานยักไหล่ อย่างไรแล้วครั้งนี้เขาก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปอีก
ก่อนหน้านี้ในอพาร์ทเม้นท์มีห้องพักจำนวนมาก ยังไม่ได้แต่งงานก็แตะต้องเธอไม่ได้ ตอนนี้กว่าจะมีโอกาสได้นอนเตียงเดียวกับเธอ เขาจะปล่อยไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่ามีความต้องการในด้านนั้น แต่แค่รู้สึกว่าถ้ายืดเยื้อต่อไปเรื่องไม่ดีอาจจะเกิดขึ้น ครอบครองเธอช้าในคืนต่อไปก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น
อาจจะเพราะหนานกงเฉินคนคนนั้นแข็งแกร่งมากเกินไปล่ะมั้ง ถึงทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจแบบนี้
“เธออยากพักผ่อนก่อนไหม? ” หลินอันหนานถามขึ้น
“ไม่ต้อง เดี๋ยวก็อาหารเที่ยงแล้ว” ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งบนเตียง ยังดี เตียงที่นี่ใหญ่มากพอ น่าจะมาพอสำหรับสองคนที่ต่างคนต่างอยู่
ทันใดนั้นประตูทางเข้าก็มีเสียงเคาะประตู ไป๋มู่ชิงยืนขึ้นจากเตียงทันที หลินอันหนานเดินไปเปิดประตู พบว่าคนที่เข้ามาคือไป๋ยิ่งอัน
ไป๋ยิ่งอันเดินเข้ามา เหลือบมองไปรอบๆ ห้องนอน ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มบางๆ “ขอโทษนะ ห้องพักที่อยู่ฝั่งทะเลให้ผู้อาวุโสอยู่ พวกเราเด็กๆ ทำได้แค่อยู่ฝั่งนี้”
“ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ไม่เลือกอยู่แล้ว” ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเธอ “ฉันไม่คิดว่าเธอขึ้นมาเพราะเป็นห่วงการพักของเราใช่ไหม? ”
“ถูกต้อง ฉันขึ้นมาเพื่อเตือนพวกเธอให้ระวังนังชั้นต่ำผู่เหลียนเหยา ถึงห้องเราจะแยกกันอยู่ไกลกันที่สุด แต่เราก็ต้องระวัง” ไป๋ยิ่งอันหันไปหาหลินอันหนาน “คุณชายหลิน ได้โปรดดูแลภรรยาคุณให้ดี อย่าให้เธอมีโอกาสอยู่กับหนานกงเฉินตามลำพัง”
หลินอันหนานพูดหนึ่งประโยคอย่างไม่พอใจ “นายหญิงน้อย เรื่องนี้ไม่ต้องให้เธอเตือน”
ไป๋ยิ่งอันยิ้มเย้ยหยัน “คุณอย่าทำหน้าดูถูกแบบนี้ ภรรยาคุณเป็นผู้หญิงยังไงคุณก็น่าจะรู้ดีกว่าฉัน ในใจเธอไม่มีวันลืมหนานกงเฉิน”
หลินอันหนานสีหน้าเปลี่ยนไป จริงๆ เขาก็รู้สึกได้ แค่ไม่อยากยอมรับมันเท่านั้น ตอนนี้พอไป๋ยิ่งอันพูดแบบนี้ในใจก็เหมือนถูกทิ่มแทง
ไป๋มู่ชิงรู้สึกผิดในใจ จ้องมองเธออย่างเย็นชา “นายหญิงน้อยทางที่ดีเธอควรเข้าใจสถานการณ์ดี ตอนนี้คือตอนที่เราควรจะจัดการศัตรูผู่เหลียนเหยาด้วยกัน เธอทำให้ฉันหงุดหงิดมันก็ไม่ดีกับเธอ”
ไป๋ยิ่งอันโดนเธอพูดใส่แบบนี้ คิดแล้วก็ใช่
เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ทุกครั้งเห็นไป๋มู่ชิงตัวเองก็คิดที่จะทุบตีเธอให้ตาย เป็นที่ต้องตาต้องใจทุกครั้ง
เธอเบ้ปาก “งั้นก็ได้ ฉันแค่ขึ้นมาเพื่อเตือนพวกเธอ”
หลังจากไป๋ยิ่งอันไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็เงยหน้ามองหลินอันหนาน พบว่าสีหน้าเขายังคงไม่ค่อยพอใจ จึงใช้มือผลักแขนเขา “คุณอย่าไปฟังคำพูดไร้สาระของเธอ ฉันไม่ได้มีใจให้กับหนานกงเฉิน”
หลินอันหนานถอนหายใจเบาๆ พูดอย่างหมดหนทาง “ถึงมีมันจะสำคัญอะไร? เธอบอกฉันชัดๆ แล้วว่าไม่ได้รักฉันตั้งนานแล้ว”
“ฉัน……”
“ไม่เป็นไร ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่งเธอจะตกหลุมรักฉันอีกครั้ง” หลินอันหนานตบบ่าเธอ “เอาล่ะ เธอไปพักผ่อนสักหน่อย เดี๋ยวลงไปกินข้าว”
อาหารกลางวันรับประทานกันในโรงแรมห้าดาวของทางรีสอร์ต หนึ่งโต๊ะมีสิบคน ทุกคนเข้ากันได้ดีพอสมควร
หลังจากทานอาหารกลางวันแล้ว ทุกคนก็กลับห้องไปพักผ่อน ตอนบ่ายไปมุมตะวันตกเฉียงเหนือของทางรีสอร์ตเพื่อชมนิทรรศการดอกบัวด้วยกัน
เป็นครั้งแรกที่ไป๋มู่ชิงเห็นดอกบัวสวยงามมากมายขนาดนี้ เมื่อเธอเดินไปข้างๆ สระบัว อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นมา “ว้าว นี่เรียกว่าไร้ขอบเขตอย่างแท้จริง ดอกบัวเยอะมาก”
ผู่เหลียนเหยาเดินตามมาด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่ดอกบัวมีชื่อเสียง และตอนนี้ก็เป็นฤดูกาลของดอกบัวด้วย ฉันก็เลยเสนอให้มาที่นี่”
“เลือกที่ได้ไม่เลวเลย” ไป๋มู่ชิงยิ้มกลับให้เธอ หันตัวไปพูดกับหลินอันหนาน “อันหนาน ช่วยถ่ายรูปให้ฉันหนึ่งใบ”
เธอเอาโทรศัพท์ส่งให้หลินอันหนาน หลินอันหนานรับโทรศัพท์เธอมา เอาแขนโอบเอวเธอแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นสูง
เสียง ‘แชะ’ ดังขึ้น ภาพคู่ใกล้ชิดของทั้งคู่ก็ตรึงไว้บนหน้าจอ
“มา ให้ฉันดูหน่อย” ไป๋มู่ชิงเอาโทรศัพท์มาดู ปากเล็กกระดกขึ้น “ถ่ายไม่เห็นดอกบัว”
“จริงเหรอ งั้นเรามาถ่ายอีกรูป” หลินอันหนานเอาโทรศัพท์เธอมาอีกครั้ง จากนั้นก็กอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ถ่ายรูปใหม่ออกมาทันที
ไป๋ยิ่งอันเห็นสองคนกำลังถ่ายรูปกัน ก็เงยหน้าขึ้นมองหนานกงเฉิน พูดด้วยรอยยิ้ม “เฉิน เรามาถ่ายรูปด้วยกันหน่อยดีไหม? ”
เธอเดินควงแขนหนานกงเฉินตลอดทาง จนกระทั่งถึงตอนนี้ถึงค่อยปล่อยเขาแล้วหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋า
“เอาสิ” หนานกงเฉินพูดพร้อมยิ้มบางๆ “แต่ถ่ายโทรศัพท์มันธรรมดาเกินไป ให้เซิ่งเคอใช้กล้องถ่ายดีกว่า”
“ฉันช่วยพวกคุณถ่ายดีกว่า” ผู่เหลียนเหยาพูดอาสาตัวเอง จากนั้นก็วิ่งไปข้างๆ เซิ่งเคอที่กำลังถ่ายวิวทุกที่อยู่ แย่งกล้องในมือเขามา
“เฮ้ ฉันกำลังถ่ายน้ำค้างอยู่นะ” เซิ่งเคอประท้วง
“ตอนบ่ายมีน้ำค้างที่ไหน แน่นอนว่าถ่ายคนสำคัญกว่า” ผู่เหลียนเหยาทำหน้าทะเล้นใส่เขา หยิบกล้องกลับไปตรงหน้าหนานกงเฉินและไป๋ยิ่งอัน “มา พี่กับพี่สะใภ้ยืนชิดๆ กันหน่อย ใกล้ชิดกันอีกนิดนะ ดี หนึ่ง สอง……”
การเคลื่อนไหวของผู่เหลียนเหยามากไปหน่อย ไป๋มู่ชิงหันหน้ามองไป ก็เห็นไป๋ยิ่งอันแทบจะแนบชิดตัวหนานกงเฉิน และหนานกงก็โอบเอวเธออย่างใกล้ชิด
นอกจากการบังเอิญเจอกันครั้งสุดท้ายที่ห้างสรรพสินค้า เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพวกเขาสองคนปรากฏตัวด้วยกัน และท่าทางใกล้ชิดสนิทสนมแบบนี้ อย่างไรแล้วก็เคยคบกับหนานกงเฉิน และหนานกงเฉินก็คือพ่อของลูกเธอ ภายในใจเธอ……รู้สึกเจ็บปวดนิดหน่อย
โดยบังเอิญ เธองุนงง และงุนงงต่อหน้าทุกคน
นอกจากผู่เหลียนเหยาที่แอบดีใจ ไป๋ยิ่งอันและหลินอันหนานก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย และผู้เกี่ยวข้องอย่างหนานกงเฉินก็แค่มองเธอเรียบๆ แล้วจูงไป๋ยิ่งอันเดินผ่านหน้าเธอไป
“พี่อันหนาน ฉันก็จะช่วยพวกคุณถ่ายรูปหนึ่งใบ” ผู่เหลียนเหยาพูดพร้อมรอยยิ้ม
ไป๋มู่ชิงได้สติกลับมานิดหน่อย ยิ้มกลับให้เธอนิดๆ “เอาสิ ขอบคุณ” พูดจบ เธอก็จับแขนหลินอันหนานก่อน เกยหน้าบนไหล่เขา
“พี่อันหนาน พี่ยิ้มหน่อยสิ” ผู่เหลียนเหยาพูดกระตุ้น
หลินอันหนานแอบถอนหายใจ ดึงมุมปากเพื่อเผยรอยยิ้ม
หลังจากทุกคนชมดอกบัวเสร็จแล้ว ก็ไปดื่มชาดอกบัวในศาลา ทานขนมเมล็ดบัว เหล่าอาวุโสแต่ละคนก็ชมลักษณะพิเศษของที่นี่ไม่ขาดปาก
ผู่เหลียนเหยารับผิดชอบเช่าเรือมาสองสามลำ ปรบมือต้อนรับทุกคนอย่างร่าเริง “พวกผู้ใหญ่อยู่ดื่มชาพักผ่อนอยู่ที่นี่ พวกเด็กๆ ตามฉันมา พายเรือกัน!”
ไป๋มู่ชิงเมื่อได้ยินว่าพายเรือ ก็ตัวหดด้วยความตกใจทันที ส่ายหน้าด้วยสัญชาตญาณ “ไม่ ฉันไม่ไป”
พูดถึงน้ำเธอก็กลัว พายเรือเหรอ? เธอใจไม่กล้าจริงๆ
“พี่สะใภ้ พี่อย่าน่าเบื่อแบบนี้สิ” ผู่เหลียนเหยาขมวดคิ้ว
“คือ ฉันก็ไม่ไป ฉัน……” ไป๋ยิ่งอันก็ยิ้มขอโทษให้หนานกงเฉิน “คุณชายใหญ่ก็รู้ ฉันกลัวน้ำ”
“พวกคุณคนหนึ่งกลัวน้ำ อีกคนไม่อยากไป แล้วฉันจะเช่าเรือหลายลำไปเพื่ออะไร? ”
“พวกคุณไปเล่นกันเองก็ได้ เซิ่งซินและเซิ่งเคอจะไปเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่เอา แบบนี้น่าเบื่อมาก” ผู่เหลียนเหยาหันไปหาไป๋มู่ชิง “พี่สะใภ้ พี่ไม่กลัวน้ำ พี่ไปกับพวกเรานะ ถ้าพี่ไม่ไปพี่อันหนานก็ไม่อยากไป”
“ฉัน……” ไป๋มู่ชิงมองหลินอันหนาน แล้วมองสายตาน่ากลัวของไป๋ยิ่งอัน ทำได้แค่พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ “งั้นก็ได้ แต่ฉันพายเรือไม่เป็นนะ”
“ไม่เป็นไร เราก็พายไม่เป็น” ผู่เหลียนเหยาดึงเซิ่งซินมา “ไปกันเถอะ พี่สะใภ้คนโตกลัวน้ำไม่อยากไป เรามีหกคนเรือสามลำพอดี”
ไป๋ยิ่งอันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ทำได้แค่ยืนกัดฟันอยู่ที่เดิม
ผู่เหลียนเหยาดึงเซิ่งซินเดินนำไปที่ท่าเรือเล็กๆ เซิ่งซินและหนานกงเฉินอยู่เรือลำเดียวกัน ผู่เหลียนเหยาและเซิ่งเคอก็ขึ้นเรือไปแล้ว ไป๋มู่ชิงกลับยืนอยู่ริมน้ำแอบตัวสั่น
หลินอันหนานโน้มตัวไปพูดข้างหูเธอ “แผนการของผู่เหลียนเหยา เธออยากโดนหลอกเหรอ? ” พูดจบเขาก็ใช้มือลูบศีรษะไป๋มู่ชิง “ไม่ต้องกลัวนะ มีฉันอยู่เธอไม่จมน้ำหรอก”
ถึงไป๋มู่ชิงจะกลัว แต่พอได้ยินคำพูดของหลินอันหนานก็รวบรวมความกล้าขึ้นเรือทันที เธอแอบชำเลืองมองหนานกงเฉินที่อยู่ด้านหน้าสุด ในใจสงสัยว่าทั้งๆ ที่หนานกงเฉินไม่ชอบร่วมสนุก ไม่คิดว่าจะตกลงมาพายเรือด้วยจริงๆ? มันแปลกมาก
ตัวเรือโคลงเคลง เธอตกใจพึมพำขึ้นมาทันที คนด้านหน้าได้ยินเสียงก็หันกลับมามองเธอ ผู่เหลียนเหยายิ้มแล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้ ดูท่าทางตื่นตระหนกของพี่ พี่คงไม่ได้กลัวน้ำเหมือนพี่สะใภ้คนโตใช่ไหม? ”
ไป๋มู่ชิงรีบกวาดตามองหนานกงเฉิน ยิ้มเล็กน้อยให้เธอ “ฉันไม่กลัวน้ำ แต่ฉันรู้สึกว่าเรือมันไม่เสถียร ถ้าตกลงไปก็แย่เลย”
เพื่อแสดงว่าตัวเองไม่กลัวน้ำ เธอยังยืนขึ้นบนหัวเรือพร้อมชูสองนิ้วให้หลินอันหนานถ่ายรูปให้เธอ
หลินอันหนานอุ้มเธอลงมาจากหัวเรืออย่างสงสาร พูดขึ้น “ถ่ายคนเดียวจะไปสวยอะไร เราถ่ายด้วยกันดีกว่า” พูดจบก็พูดกับคนพายเรือว่า “พี่ครับ ช่วยจอดเรือใกล้ๆ หมู่ดอกบัวหน่อยได้ไหม? ตรงนั้นวิวสวยมาก”
“ได้ครับ” คนพายเรือพายเรือเข้าหาดอกบัว
“พี่ ฉันก็อยากถ่ายภาพดอกบัว” เซิ่งซินหยิบโทรศัพท์ยื่นให้หนานกงเฉิน “ใช้โทรศัพท์ฉันถ่าย” พูดจบก็พูดกับคนพายเรือว่า “พี่ รบกวนพายไปที่สระบัวหน่อย”
แขกเกือบทุกคนล้วนขอให้พายไปที่สระบัว คนพายเรือก็ชินตั้งนานแล้ว โดยไม่ต้องให้พวกเขาขอร้องก็พายเรือไปฝั่งดอกบัวทันที
เรือของผู่เหลียนเหยาและเซิ่งเคอเข้าใกล้แล้ว เซิ่งเคอสนใจการพายเรือมาก คว้าไม้พายจากคนพายเรือและเริ่มพายด้วยตัวเอง
หนานกงเฉินรับโทรศัพท์จากเซิ่งซินมาถ่ายรูปสองสามใบให้กับเธอ ขณะที่ถ่ายใบสุดท้าย ในเลนส์มีร่างสองร่างเพิ่มขึ้นมา ก็คือไป๋มู่ชิงกอดหลินอันหนานแน่น
เขาวางโทรศัพท์ลง ส่งโทรศัพท์คืนให้เซิ่งซิน
“พี่ รูปสุดท้ายไม่มีเสียง ไม่ได้ถ่ายใช่ไหม? ” เซิ่งซินเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์พร้อมถามขึ้น ไม่มีเสียงตอบรับจากหนานกงเฉินนานมาก เธอเงยใบหน้าเล็กขึ้น ถึงพบว่าหนานกงเฉินเสียสมาธิไปแล้ว
“ต้องคิดเรื่องงานอยู่แน่ๆ ” เธอพึมพำ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปตัวเอง
เพราะไป๋มู่ชิงกลัว จึงทำได้แค่กอดแขนหลินอันหนานแน่น พิงข้างกายเขาไว้
เธอรู้ว่าตัวเองทำแบบนี้ไม่ได้ ต้องโป๊ะแตกแน่ๆ เธอพยายามหายใจเข้าลึกๆ คลายมือออกจากร่างหลินอันหนานแล้วเริ่มยืนขึ้นอย่างโซเซ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปโดยเรียนรู้จากผู่เหลียนเหยาและเซิ่งซิน
ผู้หญิงทุกคนเวลาเจอวิวสวยๆ ก็ชอบหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูป เธอไม่สามารถทำให้ตัวเองแปลกแยกได้ ดังนั้น……เธอทำได้แค่พยายามเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทันใดนั้นตัวเรือก็เกิดเสียง ‘ปัง’ จากนั้นก็โคลงเคลง
“อ๊ะ……!” เธอร้องออกมาด้วยสัญชาตญาณ “ช่วยด้วย……!”
เธอเอนตัวไปด้านหลัง หลินอันหนานไตร่ตรองไม่ทัน ร่างเธอหลุดออกจากเรือไป เสียง ‘ตู้ม’ ดังขึ้นต่อหน้าหนานกงเฉิน
“พี่สะใภ้……!” ผู่เหลียนเหยาและเซิ่งซินร้องอุทาน
เซิ่งเคอและหลินอันหนานกลัวและตกตะลึง มีเพียงหนานกงเฉินเท่านั้นที่มีสติ เขากระโดดลงไปในน้ำดึงไป๋มู่ชิงขึ้นมาโดยไม่คิดเลย
ไป๋มู่ชิงที่จมน้ำอีกครั้งก็รู้สึกตกใจมาก มองเห็นความดีตรงหน้าไม่ชัดเลย รู้แค่ว่าต้องดิ้นรนและกรีดร้อง สองมือข่วนมือหนานกงเฉินมั่วซั่วไปหมด
“อยู่นิ่งๆ ” หนานกงเฉินจับสองมือซนๆ ของเธอไว้แน่น มองใบหน้าเล็กที่หวาดกลัวของเธอ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้ามันค่อนข้างคุ้นเคย ที่ริมแม่น้ำครั้งนั้น เธอก็กรีดร้องหวาดกลัวแบบนี้ สองมือเกือบทำให้เขาหายใจไม่ออก
ไป๋มู่ชิงได้ยินเสียงของหนานกงเฉิน ความหวาดกลัวบนใบหน้าก็จางลงไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่สามารถสงบลงได้อย่างสิ้นเชิง สองมือเธอกอดคอหนานกงเฉินไว้แน่น มองเขา น้ำตาไหลออกจากใบหน้าเหมือนสายฝน
หนานกงเฉิน คือเขาจริงๆ เหรอ? เขาช่วยตนไว้อีกแล้ว
เธออยากผลักเขาออกอย่างโหดร้าย เว้นระยะห่างจากเขา แต่เธอไม่กล้า เธอกลัว ร่างกายเธออ่อนแอไม่มีแรง
หลินอันหนานที่ได้สติกลับมาเห็นสองคนกอดกันในน้ำอย่างใกล้ชิด สีหน้าก็มืดมนทันที กระโดดตามลงไปในน้ำ จากนั้นก็ดึงไป๋มู่ชิงออกมาจากอ้อมแขนหนานกงเฉิน
“มู่ชิง เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ” หลินอันหนานพยุงเธอไปพิงเรือพร้อมถามอย่างเป็นห่วง
สีหน้าไป๋มู่ชิงขาวซีด พูดอะไรไม่ออกเลย
ด้วยการช่วยเหลือจากคนพายเรือ สองคนก็กลับขึ้นเรือได้อีกครั้ง หลินอันหนานกอดไป๋มู่ชิงที่ตัวหดน้ำตาไหลไม่หยุดไว้ในอ้อมแขน ตบบ่าเธอและพูดปลอบ “เอาล่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
เขาใช้มือเช็ดน้ำตาและน้ำทะเลสาบบนหน้าไป๋มู่ชิง น้ำตาไป๋มู่ชิงกลับไหลออกมาอีกครั้ง จ้องมองเขาแล้วพูดอย่างสะอึกสะอื้น “ฉันอยากกลับ”
แสดงเหนื่อยมากเกินไปแล้ว อันตรายเกินไปแล้ว เธอเหนื่อยมากจริงๆ จะแสดงต่อไปไม่ไหวแล้ว
ผู่เหลียนเหยามีสติกลับมาจากการตกใจ ตบตีเซิ่งเคอไปด้วยพร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธๆ “พายเรือไม่เป็นแล้วยังจะพายอีก ดูสิพี่สะใภ้ตกน้ำเลย”
เซิ่งเคอลูบแขนที่เธอตีจนเจ็บแล้วพูดประท้วง “ถ้าเธอไม่จั๊กจี้ฉันข้างหลัง ฉันจะไปชนเรือพี่สะใภ้ได้ยังไง”
“คุณทำเองยังจะมาว่าฉันอีก? ” ผู่เหลียนเหยาพูดอย่างขุ่นเคือง “รีบไปขอโทษพี่สะใภ้กับพี่ๆ สองคนเลย”
เซิ่งเคอกลอกตาอย่างหมดคำจะพูด “ฉันคิดว่าตอนนี้สิ่งที่พวกพี่กับพี่สะใภ้ต้องการไม่ใช่คำขอโทษหรอก แต่เป็นรีบกลับโรงแรมไปเปลี่ยนชุดมากกว่านะ? ”
หนานกงเฉินสั่งให้เรือทุกลำพายกลับไป แล้วพูดกับเซิ่งเคอและผู่เหลียนเหยาว่า “พวกเธอสองคนพาเซิ่งซินไปเล่นต่อเถอะ เรากลับโรงแรมไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”
“งั้น……เราไม่เกรงใจแล้วนะ? ” เซิ่งเคอพูดจบพร้อมหัวเราะ ก้มหัวให้ทั้งสามคนที่ตกน้ำ “ขอโทษนะทุกคน ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้พวกคุณไม่สนุกจริงๆ นะ ตอนกลางคืนเชิญทุกคนมาเที่ยวบาร์”
“ฉันไม่อยากเป็นกว้างขวางคอ” เซิ่งซินพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันขึ้นฝั่งไปกับพวกคุณดีกว่า”
“อืม ซินเอ๋อร์รู้อะไรควรไม่ควร กลับไปกับพวกพี่เถอะ” เซิ่งเคอยกนิ้วให้กับเซิ่งซิน มองดูพวกเขากลับขึ้นฝั่งไป
หลังจากสามคนที่ตกน้ำขึ้นฝั่งไปแล้ว ก็มีรถบัสท่องเที่ยวมารับพวกเขาไปทันที
ระหว่างทางกลับโรงแรม ถึงไป๋มู่ชิงจะสงบลงไม่น้อย แต่เพราะใบหน้ายังคงซีดเซียวจากความหวาดกลัว มีหยดน้ำไหลลงมาจากเส้นผม กระโปรงบนตัวก็มีหยดน้ำ
พิงในอ้อมแขนหลินอันหนาน ปล่อยให้เขากอดตัวเองแน่น ไม่แน่ใจว่ากำลังแสดงหรือต้องการอ้อมกอดที่ปลอดภัยจริงๆ
หนานกงเฉินที่นั่งฝั่งตรงข้ามสองคนก็เงียบตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาจ้องมองพุ่มดอกบัวที่เคลื่อนไปด้านหลังรถอย่างต่อเนื่อง ร่างกายเปียกโชกไปทั่ว ผมชี้ฟูเล็กน้อย
เขาไม่ได้เหลือบไปมองสองคนที่กอดกันแน่นที่ฝั่งตรงข้าม ราวกับจงใจหลีกเลี่ยง
ถึงโรงแรมแล้ว หลินอันหนานพาไป๋มู่ชิงกลับห้อง หนานกงเฉินก็กลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ไป๋มู่ชิงอาบน้ำอุ่นในห้องน้ำ สวมชุดนอนที่โรงแรมเตรียมไว้ให้พวกเธอ ในที่สุดก็สงบลงอย่างแท้จริง
เธอเดินออกมาจากในห้องน้ำ พบว่าในห้องนอนไม่มีใคร หลินอันหนานไม่รู้ไปไหนแล้ว เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก เดินไปที่ตู้กดน้ำแล้วเทน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้วเพื่อดื่ม
ด้านบนวางยาแก้หวัดหนึ่งกล่อง และมีโน้ตจากหลินอันหนานทิ้งไว้ว่าเธอต้องกินมัน เป็นหวัดระหว่างเดินทางมันไม่ดี เธอจึงหยิบยาในกล่องออกมาชงอย่างเชื่อฟัง
ชงยาดื่มเสร็จแล้ว ท้องรู้สึกอุ่นขึ้นมากในพริบตาเดียว รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย
ทันใดนั้นประตูก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไป๋มู่ชิงวางแก้วลงแล้วเดินไปเปิดประตู คนที่ปรากฏขึ้นหน้าประตูห้องนอนเธอคือไป๋ยิ่งอัน ไม่รอให้เธอเอ่ยปากพูดอะไร ไป๋ยิ่งอันก็เดินเข้ามาแล้ว
ไป๋มู่ชิงปิดประตูเสร็จก็เดินตามเข้าไปในห้อง จากนั้นก็หยิบยาชงส่งให้ตรงหน้าไป๋ยิ่งอันแล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “เอายานี่ให้คุณชายเฉินดื่มหน่อย ยาแก้หวัด คุณชายเฉินจะรู้สึกไม่ได้ มันง่ายที่จะ……”
คำพูดเธอยังอยู่ในปาก ทันใดนั้นใบหน้าก็ถูกไป๋ยิ่งอันตบอย่างแรง
“เธอ……” ไป๋มู่ชิงถูกตบจนเซไม่กี่ก้าวเกือบล้มลงพื้นก็หันหน้ามาจ้องเธออย่างขุ่นเคือง พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ “ไป๋ยิ่งอันเธอตบฉันทำไม? ”
ไป๋ยิ่งอันก้มหน้ามองยาชงที่ตกลงบนพื้น จากนั้นก็ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมามองในมือ มุมปากยิ้มเยาะเย้ย “เป็นห่วงเขามากจริงๆ นะ”
“ฉันแค่เป็นห่วงว่าเขาจะเป็นหวัดระหว่างทางจนอาการกำเริบ แบบนี้จะปฏิบัติต่อเธอ……”
“เธอเป็นห่วงเขาเหรอ? ” ไป๋ยิ่งอันกลั้นอย่างหนักและคำราม “ตอนนี้เขาเป็นสามีฉัน เธอมีสิทธิเป็นห่วงเขาเหรอ? เขาจะอาการกำเริบต้องให้เธอมาใส่ใจไหม? ”
“ไป๋มู่ชิงเธอมันผู้หญิงหน้าด้าน!” ไป๋ยิ่งอันพูดแล้วจะตบหน้าเธออีกครั้ง โชคดีที่ไป๋มู่ชิงหลบได้ทัน
“ถ้าเธออยากป่าเถื่อน ก็ได้โปรดไปทำข้างนอก ฉันไม่มีเวลาทำกับเธอที่นี่ และไม่อยากขายขี้หน้าแบบเธอ” ไป๋มู่ชิงก็โกรธแล้วเหมือนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้หญิงตรงหน้า เธอต้องเดินทางมาในวันนี้ไหม? ต้องตกน้ำครั้งแล้วครั้งเล่าไหม?
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ตอนนี้เธอควรอยู่บริษัทเล็กๆ ที่ออกแบบงานศิลปะต่อไป สอนเด็กวาดรูปต่อไป บางทีอาจจะได้แต่งงานกับหลินอันหนาน แต่คงไม่ได้แต่งงานในเงื่อนไขแบบนี้แน่นอน
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เธอจะเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขและโชคดี!
คิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็นึกถึงเรื่องที่ตกน้ำเมื่อครู่ ไป๋มู่ชิงก็ยิ่งโกรธจนปวดตับ
ไป๋ยิ่งอันไม่ได้สนใจความโกรธเธอเลยสักนิด ไม่เคยสนใจความรู้สึกเธอเลย กลับตะโกนด้วยความหงุดหงิดยิ่งขึ้น “เสียหน้าเหรอ? ไป๋มู่ชิงเธอยังมีเกียรติอีกเหรอ? ตอนเธอมองหนานกงเฉินอย่างรักใคร่ต่อหน้าสาธารณชนทำไมไม่รู้สึกละอาย? ตอนเธอแสร้งกอดเขาแน่นๆ ในน้ำทำไมไม่ละอาย? ฉันว่าเธออยากฉวยโอกาสยั่วเขาไม่ใช่ไหมล่ะ? เธออยากแย่งผู้ชายไปจากฉันใช่ไหม? เธอคิดว่าตอนนี้หลบอยู่หลังหลินอันหนานแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรเธอใช่ไหม? ”
ไป๋ยิ่งอันเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ไป๋มู่ชิงถูกบังคับให้ถอยหลังทีละก้าว จนกระทั่งร่างกายชิดโซฟา
“ทำไม? รู้สึกผิดเหรอ? ไม่ดุร้ายแล้วเหรอ? ” ไป๋ยิ่งอันเห็นเธอเงียบก็ยิ่งโกรธ
ไป๋มู่ชิงหายใจเข้าเบาๆ แล้วมองเธอ “ฉันคบกับเขานานกว่าเธอ เขาเป็นพ่อของลูกฉัน ฉันคิดถึงเขา เป็นห่วงเขาแล้วมันยังไง? ทั้งหมดมันเกิดจากเธอไม่ใช่เหรอ? เธอตบฉันอีกทีแล้วมันจะลบความรู้สึกทั้งหมดในใจฉันได้เหรอ? ถ้าทำได้ก็ขอบคุณ ฉันบอกเธอแล้วว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับเขาอีกแล้ว ฉันกับอันหนานจะแต่งงานกัน ถ้าเธอยังต้องการงานแต่งที่ไร้เหตุผลนี้อยู่ งั้นเราก็หยุดเล่นกันได้ไหม? ”
ไป๋มู่ชิงไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ผลักไป๋ยิ่งอันล้มลงกับพื้น จ้องมองเธอแล้วตะโกน “เราไม่เล่นกันได้ไหมล่ะ? เธอคิดว่าชีวิตฉันตอนนี้มันดีมากเหรอ? เธอคิดว่าฉันใส่เสื้อผ้าเปิดเผย แต่งหน้าจัดๆ มันสบายมากไหม? ไป๋ยิ่งอันฉันจะบอกเธอให้ว่าฉันพอแล้ว! ฉันไม่เล่นแล้ว เธออยากทำอะไรก็ทำ? ”
ไป๋ยิ่งอันถูกเธอตะโกนใส่ก็โกรธและร้อนรนใจ ไม่คิดว่าเธอจะกล้ายอมรับว่าตัวเองเป็นห่วงหนานกงเฉินจริงๆ? ไม่คิดว่าตอนนี้เธอยังกล้าพูดว่าไม่เล่นแล้ว? แล้วเธอจะทำอย่างไรดี?
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ? !” ไป๋ยิ่งอันลุกขึ้นจากพื้นอย่างกระตือรือร้น
“ถูกต้อง ฉันบ้าไปแล้ว ไม่อยากได้อะไรแล้ว ฉันไม่อยากมีชีวิตแล้ว! ฉันตายไปพร้อมกับเธอได้ไหม? ” ไป๋มู่ชิงยิ่งตะคอกก็ยิ่งเสียงดัง
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกผลักออกมาในตอนนี้ หลินอันหนานรีบเดินเข้ามา กอดไป๋มู่ชิงที่สะเทือนใจจนพูดสะเปะสะปะไว้ในอ้อมแขน ลูบผมเธอไปด้วยพร้อมปลอบโยนอย่างรีบร้อน “เอาล่ะๆ อย่าตะโกนออกมาแล้ว มีอะไรก็พูดดีๆ นะ……เด็กดี……”
“ฉันกำลังพูดอะไรอ่ะ? ฉันไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้นแล้ว!” ไป๋มู่ชิงกระแทกไหล่เขาอย่างสะเทือนอารมณ์
หลินอันหนานหันไปจ้องมองไป๋ยิ่งอันที่ลุกลี้ลุกลน ตะโกนใส่เธอ “ยังไม่รีบออกไปอีก? ”
ไป๋ยิ่งอันจะกล้าทำให้ไป๋มู่ชิงไม่พอใจได้ที่ไหนกัน รีบหันตัวเดินไปที่ประตูทางเข้า
หลังจากไป๋ยิ่งอันไปแล้ว หลินอันหนานก็ทำให้ไป๋มู่ชิงสบายใจ กว่าจะทำให้เธอสงบลงได้ เมื่อครู่นี้คำพูดที่เธอตะโกนใส่ไป๋ยิ่งอันเขาได้ยินทั้งหมด ถึงแม้ภายในใจจะผิดหวังก็ทำอะไรไม่ถูก
เขาพูดเสียงเบาข้างหูเธอ “มู่ชิง เธอสงบลงเพื่อฉันได้ไหม ฉันสัญญาว่านี่จะเป็นการแสดงครั้งสุดท้ายของเธอ แค่เรากลับไปที่เมืองซี เราจะออกมาทันทีหลังแต่งงาน แค่ทำเพื่อฉัน ช่วยดูแลตัวเองให้ดี ได้ไหม? ”
ไป๋มู่ชิงหลับตา หายใจเข้าลึกๆ
หลังจากสะเทือนอารมณ์แล้ว ทุกอย่างก็กลับมาที่จุดเดิม ถ้าเธอพินาศไปกับตระกูลไป๋อย่างสง่างาม ทุกวันนี้คงไม่ทรมานมากขนาดนั้น
ไป๋ยิ่งอันนั่งตรงทางเดินชั้นสองสักพักหนึ่ง ความตื่นเต้นสงบลงแล้ว เธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ควรฉีกหน้าไป๋มู่ชิง แต่พอนึกสภาพเธอตอนกอดหนานกงเฉินแน่นๆ ในน้ำก็โกรธแทบบ้า จากนั้นก็ควบคุมพฤติกรรมตัวเองไม่ได้
ไม่ควรมาคิดบัญชีเธอตอนนี้เลยจริงๆ ไม่ควรจริงๆ ……
ฝ่ามือค่อนข้างเจ็บ เธอแบมือออกมา ยาชงนั้นเธอถือมันไว้ในมือ
เธอหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ห้องนอน
เธอเดินเข้าไปในห้องนอน หนานกงเฉินกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี เช็ดหยดน้ำพร้อมมองสำรวจเธอแล้วถามขึ้น “ทำไมเธอก็กลับมาแล้ว? ไม่ได้ไปเที่ยวกับพวกเซิ่งซินเหรอ? ”
“ชมดอกบัวแล้ว ขนมที่เป็นเอกลักษณ์ก็กินแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ……” ไป๋ยิ่งอันเดินไป มองสำรวจเขา “คุณโอเคไหม? ร่างกายเย็นไหม? ”
“วันร้อนๆ แบบนี้ ไม่เป็นหวัดหรอก” หนานกงเฉินพูด
“ก็ไม่เสมอไป คุณหมอหวงบอกว่าร่างกายคุณห้ามเย็น ไม่งั้นจะเป็นหวัดง่าย” ไป๋ยิ่งอันหันตัวเดินไปข้างๆ โต๊ะชา “ฉันเป็นห่วงกลัวว่าคุณเป็นหวัด ไปหายาแก้หวัดให้คุณโดยเฉพาะ ได้ยินว่าผลลัพธ์มันดีมาก”
เธอใช้น้ำร้อนชงยา จากนั้นก็ถือมาตรงหน้าเขาแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ดื่มตอนร้อนๆ จะยิ่งดี รีบดื่มมันเลยดีกว่า”
หนานกงเฉินเห็นยาในมือเธอ มุมปากก็ยิ้มเบาบางออกมา “ขอบคุณ”
พูดจบ เขาก็รับยาชงมา
“ขอบคุณอะไร? ฉันเป็นภรรยาคุณนะ ต้องดูแลคุณอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ไป๋ยิ่งอันยิ้มนิดๆ ให้เขา “เมื่อกี้คุณไม่ได้กินเค้กดอกบัว เดี๋ยวฉันลงข้างล่างไปเอามาให้คุณกิน”
“โอเค ขอบคุณครับ” หนานกงเฉินพูด
หลังจากไป๋ยิ่งอันไปแล้ว หนานกงเฉินก็เดินไปหยิบโทรศัพท์โทรหาหมายเลขบริการ ไม่นาน พนักงานเสิร์ฟสาวท่านหนึ่งก็มา
เขาเอายาชงที่ยังร้อนอยู่นั้นส่งให้พนักงาน “ช่วยฉันเอายาแก้หวัดแก้วนี้ไปให้คุณหนูไป๋ห้อง 206 หน่อย”
“ได้ค่ะ” พนักงานรับยามาแล้วเดินไปที่สุดทางเดิน
ขณะที่พนักงานไปส่งยา ไป๋มู่ชิงก็กลับมาสงบสติอารมณ์อีกครั้ง กำลังนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งให้หลินอันหนานช่วยเธอเป่าผมอยู่
“มีอะไรเหรอ” หลินอันหนานมองสำรวจพนักงานที่ยืนอยู่หน้าประตู ปิดไดร์เป่าผมอย่างง่ายๆ
“สวัสดีค่ะทั้งสองท่าน ฉันมาส่งยาค่ะ” พนักงานถือแก้วเดินเข้ามา ยืนตรงหน้าทั้งสองคน จ้องไปที่ไป๋มู่ชิงแล้วถามขึ้น “ไม่ทราบว่าคุณคือคุณหนูไป๋ใช่ไหมคะ?”
“ใช่ค่ะ” ไป๋มู่ชิงกวาดตามองแก้วในมือเธอ เนื่องจากทั้งสองคนเพิ่งดื่มยานี้ไป พนักงานได้กลิ่นยาชงทันทีที่เข้ามา
“คุณชายที่อยู่ห้อง 201 ให้ฉันเอายาแก้หวัดนี้มาให้คุณ เขาบอกว่าผลลัพธ์มันดีมาก” พนักงานพูด
ได้ยินว่าคุณชายห้อง 201 เอามาให้ หลินอันหนานก็ทำหน้าตึงทันที เสียงเย็นชาขึ้นมาก “ไม่ต้อง เธอช่วยฉันเอากลับไปคืนเขา บอกว่าคุณหนูไป๋เพิ่งดื่มมันไป”
พนักงานประหลาดใจเล็กน้อย สายตามองไปที่ไป๋มู่ชิง จากนั้นก็พยักหน้า “โอเคค่ะ ฉันจะเอามันส่งคืน”
พนักงานเพิ่งหันตัวเดินออกไป ไป๋มู่ชิงก็รีบเรียกเธอไว้ “เดี๋ยวก่อน”
เธอยืนขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปด้านหน้าพนักงานรับแก้วมาแล้วพูดขึ้น “ฉันจะรับยาไว้ คุณไปทำธุระของคุณเถอะ”
“โอเคค่ะ ถ้าทั้งสองท่านไม่มีรับสั่งอะไรฉันขอตัวออกไปก่อนนะคะ” พนักงานพยักหน้าให้กับพวกเขา ก่อนจะหันตัวเดินไปที่ประตูทางเข้า
หลังจากพนักงานเดินไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ถือแก้วชงนั้นเดินไปที่ห้องน้ำ แล้วเทมันลงในอ่างล้างหน้า
เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 127 ความคิดในใจของแต่ละคน
Posted by ? Views, Released on August 29, 2021
, เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment