เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 135 กระโดดจากตรงนี้ลงไป

มองรอยยิ้มที่เดิมทีสง่าตอนนี้ก็เริ่มถูกความชั่วร้ายย้อมทับ ในที่สุดไป๋จิ้งผิงก็สำนึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกับพูดเล่นอยู่ แล้วนึกถึงเรื่องที่ภรรยาและลูกสาวของตัวเองทำในช่วงนี้
ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดกระทันหัน หนานกงเฉินรู้แล้ว? เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
งั้นเรื่องของบริษัท……
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงจะเอ่ยปากถามอย่างกล้าๆกลัวๆ:”บริษัทยิ่นเทียน……เป็นของคุณ?”
“ถูกต้อง” หนานกงเฉินพยักหน้า
“คุณ……!” ไป๋จิ้งผิงยืนขึ้นจากโซฟาอย่างฉับพลัน กัดฟันแล้วจ้องไปที่เขาอย่างตะลึงงัน ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าคุณทำเอาไว้
“แต่ว่านี่เป็นแค่การโต้ตอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อยู่ข้างหลังต่างหาก” หนานกงเฉินเอาบุหรี่กดไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับลง ยิ้มอย่างไม่มีภัย “ท่านประธานไป๋ แผนการเล็กน้อยของผมเมื่อเทียบกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณตระกูลไป๋แล้วมันคนละชั้นกันเลย ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด”
“ตกลงคุณจะเอายังไง?” ผ่านไปครู่ใหญ่ไป๋จิ้งผิงถึงถาม วันนี้เขาอุตส่าห์แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือและสนับสนุน ไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ เป็นผลที่ทำให้คนตกใจและโมโหในเวลาเดียวกัน
เขายืนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ล้มนั่งบนโซฟา โมโหจนหัวใจบีบรัดเป็นพักๆ
หนานกงเฉินชายตามองกระปุกยาเล็กๆบนโต๊ะ ยิ้มอย่างหยอกเล่น:”เมื่อกี้ก็พูดแล้วไง เอายาเม็ดในนี้ไปแบ่งให้ลูกสาวทั้งสองของคุณหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด แล้วผมจะส่งบริษัทไป๋ซื่อกับยิ่นเทียนให้คุณ”
“คุณเอาอะไรมาล้อเล่น? คุณบ้าไปแล้ว!”
ให้เขาฆ่าลูกสาวด้วยมือของเขาเอง? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
“ที่บ้าคือตระกูลไป๋ของพวกคุณ……” ร่างกายของหนานกงเฉินเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย รินแก้วชาแล้วจิบหนึ่งอึก ชายตามองไปยังเขา:”แล้วก็……ผมหนานกงเฉินไม่เคยล้อเล่น”
“เอาแบบนี้ไหม ผมให้คุณเลือกอีกที” หนานกงเฉินใช้กรามชี้ไปทางหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น:”คุณกระโดดจากตรงนี้ลงไปสิ ผมก็จะปล่อยลูกสาวที่รักของคุณทั้งสองไป”
ไป๋จิ้งผิงมองตามสายตาของเขาไปทางหน้าต่าง นี่มันชั้นหกสิบนะ กระโดดลงไปคงตายแน่ๆ
“ก็ยังไม่ยินยอมใช่ไหม?” หนานกงเฉินลุกขึ้นยืนจากโซฟา ยิ้ม:”ท่านประธานไป๋ไม่ต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ล้อคุณเล่นเฉยๆเท่านั้นเอง ยี่สิบปีที่อยู่ในคุกคงเจ็บปวดกว่าการกระโดดลงไปจากที่นี่สินะ ผมกลับชอบท่าทางของคุณตอนที่ติดคุก คงสนุกแน่นอน”
“หนานกงเฉิน……คุณมันไม่ใช่คน!” ไป๋จิ้งผิงโมโหจนร่างกายไม่มั่นคงแล้ว
“ใช่ ผมไม่ใช่คน ตระกูลไป๋ต่างหากคือคน”
“คุณ……”
หนานกงเฉินเห็นว่าท่าทางเขาเหมือนจะล้มลงมา ก็รีบเดินไปที่โต๊ะทำงานโทรบอกฝ่ายเลขา:”เรียกรถพยาบาลมาหน่อย”
หลังจากที่เอาไมโครโฟนติดไว้แล้ว หนานกงเฉินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง:”ท่านประธานไป๋ ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดอีกไหม? ถ้าไม่มี……ขอโทษทีนะ ผมยุ่งมาก”
ไป๋จิ้งผิงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก จังหวะหายใจก็ไม่มั่นคง เขาจ้องหนานกงเฉินด้วยความลำบากแล้วถามออกมา:”ผมตายแล้ว จะช่วยให้ความโกรธของคุณลดน้อยลงไหม?”
หนานกงเฉินไตร่ตรองสักพัก ลากมุมปากแล้วยิ้ม:”บอกไม่ได้”
“พ่อเกิดอะไรขึ้น? วันนี้ตอนบ่ายยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ยิ่งอันมองไป๋จิ้งผิงบนเตียงผู้ป่วยไปด้วย ถามอย่างกังวลไปด้วย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เลขาของหนานกงเฉินมาที่นี่พร้อมกับรถพยาบาล” สวีหย่าหรงพูด:”ฉันได้ยินเลขาผู้หญิงคนนั้นพูดว่าพ่อเธอเป็นลมล้มลงในห้องทำงานของหนานกงเฉิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“หรือว่าคุณชายเฉินจะไม่ตอบรับ? พ่อก็เลยรีบ?” ไป๋ยิ่งอันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า:”หนูจะโทรไปถามคุณชายเฉิน”
เธอถือโทรศัพท์กำลังจะกดโทร ไป๋จิ้งผิงในตอนนี้กลับหันหน้ามาหาเธออย่าเงียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีแรง:”ไม่ต้องหรอก……”
“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว?” ไป๋ยิ่งอันอึ้งไปสักพัก รีบวางโทรศัพท์แล้วไปจับมือของพ่อไว้:”พ่อ พ่อเป็นไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ไป๋จิ้งผิงอ้าปาก กลับพูดไม่ออกสักประโยค ทำได้แค่บีบมือเล็กๆของไป๋ยิ่งอัน
“พ่อ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักแบบนี้นี่แหละ”
ไป๋จิ้งผิงมองเธอ หางตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ยิ่งอัน……เป็นเพราะไม่ได้ปกป้องพวกเธอให้ดี พ่อไม่มีความสามารถ” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารักลูกสาวเกินไป ลูกสาวคงไม่เปลี่ยนเป็นแบบนี้ที่ในตอนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่
ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เขาเห็นด้วยกับความคิดของภรรยาที่ให้ไป๋มู่ชิงกลับมาแต่งงานแทน ตระกูลไป๋คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ เรื่องบริษัทเขาไม่กล้าจะหวังอะไรแล้ว ตอนนี้ขอแค่หนานกงเฉินปล่อยภรรยากับลูกสาวของตัวเองไป
“พ่อ……พ่ออย่าเป็นแบบนี้สิ” ไป๋ยิ่งอันน้ำตารื้นจนอารมณ์ทุกอย่างแสดงออกอยู่บนใบหน้า:”ไม่มีบริษัทแล้วก็ไม่เป็นไร อนาคตหนูสามารถเลี้ยงพ่อกับแม่ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูเป็นถึงนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกงเลยนะ”
“นายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง……” ไป๋จิ้งผิงยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบมือของเธอ:”ยิ่งอัน……ถ้าวันไหนหนานกงเฉินไม่ต้องการเธอแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนนะ แล้วก็อย่าทำเรื่องโง่ๆลงไป ให้หาผู้ชายดีๆแต่งงานด้วยใช้ชีวิตให้ดี”
“พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ?”
“พ่อพูดหลักความเป็นจริงกับเธออยู่” ไป๋จิ้งผิงไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องที่หนานกงเฉินเปลี่ยนไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตื่นตระหนก กลัวพวกเขาจะรับไม่ได้
ไป๋มู่ชิงก็ใกล้จะแต่งงานกับหลินอันหนานแล้ว เขาไม่อยากให้กระทบถึงงานแต่งของคู่สามีภรรยา ถ้าหลินอันหนานสามารถปกป้องไป๋มู่ชิงได้ ก็คงจะดีไม่น้อย!
“คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นโรคมะเร็งสักหน่อย และก็ไม่ได้มีโรคอะไรร้ายแรง แค่ร่างกายไม่มีแรงก็เท่านั้นเอง อย่าทำให้เหมือนว่ามาลาได้ไหมแบบนี้ทำให้ลูกตกใจกลัวนะ” สวีหย่าหรงเป็นห่วงแทนเขา:”ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถอะ ฉันยังรอให้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วคิดบัญชีอยู่นะ”
ไป๋จิ้งผิงรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องเมื่อวานตอนบ่ายที่เขาได้เจอกับจูฮุ่ย ยิ้มอย่างอ่อนแรง:”ได้……ผมจะรอให้คุณมาคิดบัญชีกับผม ถ้าคุณไม่มาหาผมแล้วทะเลาะสามวันสามคืนผมคงไม่ชินซะมากกว่า”
“ยังจะพูดเล่นอีก” สวีหย่าหรงด่าอย่างโมโห
จูฮุ่ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ถือโอกาสที่สวีหย่าหรงกับไป๋ยิ่งอันไม่อยู่มาหาไป๋จิ้งผิงที่ห้องผู้ป่วย
พยาบาลสาวเห็นว่าเธอเข้ามา มองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากนั้นก็ถอยออกไปตามสถานการณ์
ไป๋จิ้งผิงไม่ได้คาดหวังว่าจูฮุ่ยจะมาเยี่ยมตนเอง หลังจากที่บนหน้าเกิดความประหลาดใจขึ้น ก็เรียกเสียงเบา:”เสี่ยวฮุ่ย คุณมาแล้ว”

มองรอยยิ้มที่เดิมทีสง่าตอนนี้ก็เริ่มถูกความชั่วร้ายย้อมทับ ในที่สุดไป๋จิ้งผิงก็สำนึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกับพูดเล่นอยู่ แล้วนึกถึงเรื่องที่ภรรยาและลูกสาวของตัวเองทำในช่วงนี้
ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดกระทันหัน หนานกงเฉินรู้แล้ว? เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
งั้นเรื่องของบริษัท……
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงจะเอ่ยปากถามอย่างกล้าๆกลัวๆ:”บริษัทยิ่นเทียน……เป็นของคุณ?”
“ถูกต้อง” หนานกงเฉินพยักหน้า
“คุณ……!” ไป๋จิ้งผิงยืนขึ้นจากโซฟาอย่างฉับพลัน กัดฟันแล้วจ้องไปที่เขาอย่างตะลึงงัน ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าคุณทำเอาไว้
“แต่ว่านี่เป็นแค่การโต้ตอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อยู่ข้างหลังต่างหาก” หนานกงเฉินเอาบุหรี่กดไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับลง ยิ้มอย่างไม่มีภัย “ท่านประธานไป๋ แผนการเล็กน้อยของผมเมื่อเทียบกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณตระกูลไป๋แล้วมันคนละชั้นกันเลย ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด”
“ตกลงคุณจะเอายังไง?” ผ่านไปครู่ใหญ่ไป๋จิ้งผิงถึงถาม วันนี้เขาอุตส่าห์แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือและสนับสนุน ไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ เป็นผลที่ทำให้คนตกใจและโมโหในเวลาเดียวกัน
เขายืนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ล้มนั่งบนโซฟา โมโหจนหัวใจบีบรัดเป็นพักๆ
หนานกงเฉินชายตามองกระปุกยาเล็กๆบนโต๊ะ ยิ้มอย่างหยอกเล่น:”เมื่อกี้ก็พูดแล้วไง เอายาเม็ดในนี้ไปแบ่งให้ลูกสาวทั้งสองของคุณหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด แล้วผมจะส่งบริษัทไป๋ซื่อกับยิ่นเทียนให้คุณ”
“คุณเอาอะไรมาล้อเล่น? คุณบ้าไปแล้ว!”
ให้เขาฆ่าลูกสาวด้วยมือของเขาเอง? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
“ที่บ้าคือตระกูลไป๋ของพวกคุณ……” ร่างกายของหนานกงเฉินเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย รินแก้วชาแล้วจิบหนึ่งอึก ชายตามองไปยังเขา:”แล้วก็……ผมหนานกงเฉินไม่เคยล้อเล่น”
“เอาแบบนี้ไหม ผมให้คุณเลือกอีกที” หนานกงเฉินใช้กรามชี้ไปทางหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น:”คุณกระโดดจากตรงนี้ลงไปสิ ผมก็จะปล่อยลูกสาวที่รักของคุณทั้งสองไป”
ไป๋จิ้งผิงมองตามสายตาของเขาไปทางหน้าต่าง นี่มันชั้นหกสิบนะ กระโดดลงไปคงตายแน่ๆ
“ก็ยังไม่ยินยอมใช่ไหม?” หนานกงเฉินลุกขึ้นยืนจากโซฟา ยิ้ม:”ท่านประธานไป๋ไม่ต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ล้อคุณเล่นเฉยๆเท่านั้นเอง ยี่สิบปีที่อยู่ในคุกคงเจ็บปวดกว่าการกระโดดลงไปจากที่นี่สินะ ผมกลับชอบท่าทางของคุณตอนที่ติดคุก คงสนุกแน่นอน”
“หนานกงเฉิน……คุณมันไม่ใช่คน!” ไป๋จิ้งผิงโมโหจนร่างกายไม่มั่นคงแล้ว
“ใช่ ผมไม่ใช่คน ตระกูลไป๋ต่างหากคือคน”
“คุณ……”
หนานกงเฉินเห็นว่าท่าทางเขาเหมือนจะล้มลงมา ก็รีบเดินไปที่โต๊ะทำงานโทรบอกฝ่ายเลขา:”เรียกรถพยาบาลมาหน่อย”
หลังจากที่เอาไมโครโฟนติดไว้แล้ว หนานกงเฉินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง:”ท่านประธานไป๋ ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดอีกไหม? ถ้าไม่มี……ขอโทษทีนะ ผมยุ่งมาก”
ไป๋จิ้งผิงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก จังหวะหายใจก็ไม่มั่นคง เขาจ้องหนานกงเฉินด้วยความลำบากแล้วถามออกมา:”ผมตายแล้ว จะช่วยให้ความโกรธของคุณลดน้อยลงไหม?”
หนานกงเฉินไตร่ตรองสักพัก ลากมุมปากแล้วยิ้ม:”บอกไม่ได้”
“พ่อเกิดอะไรขึ้น? วันนี้ตอนบ่ายยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ยิ่งอันมองไป๋จิ้งผิงบนเตียงผู้ป่วยไปด้วย ถามอย่างกังวลไปด้วย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เลขาของหนานกงเฉินมาที่นี่พร้อมกับรถพยาบาล” สวีหย่าหรงพูด:”ฉันได้ยินเลขาผู้หญิงคนนั้นพูดว่าพ่อเธอเป็นลมล้มลงในห้องทำงานของหนานกงเฉิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“หรือว่าคุณชายเฉินจะไม่ตอบรับ? พ่อก็เลยรีบ?” ไป๋ยิ่งอันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า:”หนูจะโทรไปถามคุณชายเฉิน”
เธอถือโทรศัพท์กำลังจะกดโทร ไป๋จิ้งผิงในตอนนี้กลับหันหน้ามาหาเธออย่าเงียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีแรง:”ไม่ต้องหรอก……”
“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว?” ไป๋ยิ่งอันอึ้งไปสักพัก รีบวางโทรศัพท์แล้วไปจับมือของพ่อไว้:”พ่อ พ่อเป็นไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ไป๋จิ้งผิงอ้าปาก กลับพูดไม่ออกสักประโยค ทำได้แค่บีบมือเล็กๆของไป๋ยิ่งอัน
“พ่อ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักแบบนี้นี่แหละ”
ไป๋จิ้งผิงมองเธอ หางตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ยิ่งอัน……เป็นเพราะไม่ได้ปกป้องพวกเธอให้ดี พ่อไม่มีความสามารถ” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารักลูกสาวเกินไป ลูกสาวคงไม่เปลี่ยนเป็นแบบนี้ที่ในตอนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่
ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เขาเห็นด้วยกับความคิดของภรรยาที่ให้ไป๋มู่ชิงกลับมาแต่งงานแทน ตระกูลไป๋คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ เรื่องบริษัทเขาไม่กล้าจะหวังอะไรแล้ว ตอนนี้ขอแค่หนานกงเฉินปล่อยภรรยากับลูกสาวของตัวเองไป
“พ่อ……พ่ออย่าเป็นแบบนี้สิ” ไป๋ยิ่งอันน้ำตารื้นจนอารมณ์ทุกอย่างแสดงออกอยู่บนใบหน้า:”ไม่มีบริษัทแล้วก็ไม่เป็นไร อนาคตหนูสามารถเลี้ยงพ่อกับแม่ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูเป็นถึงนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกงเลยนะ”
“นายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง……” ไป๋จิ้งผิงยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบมือของเธอ:”ยิ่งอัน……ถ้าวันไหนหนานกงเฉินไม่ต้องการเธอแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนนะ แล้วก็อย่าทำเรื่องโง่ๆลงไป ให้หาผู้ชายดีๆแต่งงานด้วยใช้ชีวิตให้ดี”
“พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ?”
“พ่อพูดหลักความเป็นจริงกับเธออยู่” ไป๋จิ้งผิงไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องที่หนานกงเฉินเปลี่ยนไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตื่นตระหนก กลัวพวกเขาจะรับไม่ได้
ไป๋มู่ชิงก็ใกล้จะแต่งงานกับหลินอันหนานแล้ว เขาไม่อยากให้กระทบถึงงานแต่งของคู่สามีภรรยา ถ้าหลินอันหนานสามารถปกป้องไป๋มู่ชิงได้ ก็คงจะดีไม่น้อย!
“คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นโรคมะเร็งสักหน่อย และก็ไม่ได้มีโรคอะไรร้ายแรง แค่ร่างกายไม่มีแรงก็เท่านั้นเอง อย่าทำให้เหมือนว่ามาลาได้ไหมแบบนี้ทำให้ลูกตกใจกลัวนะ” สวีหย่าหรงเป็นห่วงแทนเขา:”ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถอะ ฉันยังรอให้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วคิดบัญชีอยู่นะ”
ไป๋จิ้งผิงรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องเมื่อวานตอนบ่ายที่เขาได้เจอกับจูฮุ่ย ยิ้มอย่างอ่อนแรง:”ได้……ผมจะรอให้คุณมาคิดบัญชีกับผม ถ้าคุณไม่มาหาผมแล้วทะเลาะสามวันสามคืนผมคงไม่ชินซะมากกว่า”
“ยังจะพูดเล่นอีก” สวีหย่าหรงด่าอย่างโมโห
จูฮุ่ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ถือโอกาสที่สวีหย่าหรงกับไป๋ยิ่งอันไม่อยู่มาหาไป๋จิ้งผิงที่ห้องผู้ป่วย
พยาบาลสาวเห็นว่าเธอเข้ามา มองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากนั้นก็ถอยออกไปตามสถานการณ์
ไป๋จิ้งผิงไม่ได้คาดหวังว่าจูฮุ่ยจะมาเยี่ยมตนเอง หลังจากที่บนหน้าเกิดความประหลาดใจขึ้น ก็เรียกเสียงเบา:”เสี่ยวฮุ่ย คุณมาแล้ว”
ไป๋จิ้งผิงถอนหายใจออกมาอย่างหมดปัญญา:”มู่ชิง ในอดีตฉันมีเรื่องที่ทำผิดต่อเธอมากจริงๆ และก็รู้ว่าเธอไม่มีทางที่จะให้อภัยฉันอย่างแน่นอน ในฐานะที่เป็นพ่อฉันไม่ได้ทำหน้าที่ให้เธอเลยแม้แต่นิด ถึงขนาดทำให้เธอเจอกับความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุด พ่อขอโทษเธอที่นี่ได้ไหม?”
“ไม่จำเป็น”
“มู่ชิง ครั้งนี้พ่อแบกต่อไม่ไหวแล้ว บางทีนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราพ่อลูกจะเจอกัน”
ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็หันไปมองทางเขา น้ำเสียงยังคงเหน็บแนม:”ทำไม? เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาหาย? มีชีวิตต่อไม่ได้แล้ว?”
“อืม ประมาณนั้น”
“ก็คงเป็น……กรรมตามสนอง” เธอหัวเราะเยาะ
“มู่ชิง!” จูฮุ่ยทนไม่ไหวตำหนิแรงขึ้น
ไป๋จิ้งผิงกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง:”ใช่แล้ว กรรมตามสนอง สวรรค์นี้ยุติธรรมจริงๆ”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า:”โอเค ฉันรู้แล้ว รอคุณขึ้นสวรรค์ฉันจะไปส่งคุณถึงชั้นสุดท้ายอย่างแน่นอน ท่านประธานไป๋ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม?”
ไป๋จิ้งผิงเคลื่อนย้ายร่างกายเล็กน้อย หยิบบัตรธนาคารหนึ่งใบออกมาจากด้านล่างหมอน:”ตอนนี้บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทรัพย์สมบัติทั้งหมดในนามของฉันก็ถูกอายัดหมดแล้ว เงินที่สามารถใช้ในมือได้ก็มีไม่มาก ฉันเอาเงินนี้แบ่งเป็นสองส่วน ให้เธอกับไป๋ยิ่งอันคนละสามสิบล้าน”
เขาส่งบัตรธนาคารมา:”รหัสคือวันเกิดของเธอ เก็บเงินไว้เถอะ ในอนาคตเผื่อเกิดอะไรขึ้นก็จะได้มีสำรองไว้ใช้”
ไป๋มู่ชิงมองลงดูบัตรธนาคารในมือของเขา อารมณ์ที่อยู่ในใจแสดงออกบนใบหน้า เธอเป็นคนที่ถูกคนทำให้ซาบซึ้งใจได้ง่าย คนที่ไม่มีตำแหน่งแบบนี้ ไม่ใช่ซาบซึ้งใจเพราะสามสิบล้านของเขา แต่เป็นเพราะคำพูดที่เขาพูดมาเมื่อกี้
ถึงแม้ว่าเธอจะเกลียดเขา แค้นเขา แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขาก็เป็นพ่อแท้ๆของตนเอง เห็นเขาอ่อนแรงขนาดนี้แล้วยังพูดคำพูดประเภทลาจาก ความเคียดแค้นที่มีต่อเขาที่อยู่ในใจก็เริ่มหายไปทีละนิด
เธอส่ายหัว เตือนตัวเองในใจว่าห้ามถูกเขาแสดงเป็นคนน่าสงสารแล้วใจอ่อน
“เก็บเงินพวกนั้นไว้ให้ลูกสาวที่รักคนนั้นของคุณเถอะ ฉันไม่ต้องการ”
“มู่ชิง……”
“โอเค ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วฉันไปก่อนละ” ไป๋มู่ชิงหมุนร่างแล้วเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย
จูฮุ่ยมองไป๋มู่ชิงเดินออกไป แล้วมองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียง สุดท้ายก็พูดออกมาว่า:”ใจของมู่ชิงอ่อนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะถูกคนทำร้ายขนาดนั้น เขาคงไม่ทำท่าทีแบบนี้กับคุณ”
“ผมรู้ เป็นผมที่ทำผิดต่อเขา” ไป๋จิ้งผิงเอาบัตรส่งให้ตรงหน้าเธอ:”เธอช่วยเขาเก็บบัตรก็แล้วกัน คงมีสักวันที่จะได้ใช้”
จูฮุ่ยมองบัตรธนาคารในมือเขา ส่ายหัว:”ไม่ต้องหรอก ลำบากขนาดนี้ยังข้ามผ่านมาได้แล้ว อนาคตถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องพวกเราก็จะสามารถข้ามผ่านไปได้เหมือนกัน”
“ท่านประธานไป๋ คุณรักษาตัวให้สบายใจเถอะ คุณวางใจได้ อนาคตฉันกับมู่ชิงคงจะไม่มาพัวพันกับคุณอีก” จูฮุ่ยยิ้มเบาๆให้เขา:”ท่านประธานไป๋รักษาตัวด้วย”
“ขนาดเธอยังเรียกฉันแบบนี้” ไป๋จิ้งผิงยิ้มเจื่อนๆอย่างเศร้าสลด
จูฮุ่ยไม่ได้พูดอะไรอีก หมุนร่างเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยของเขา
ได้เจอกับไป๋จิ้งผิง ในใจไป๋มู่ชิงได้รับผลกระทบอยู่ไม่น้อย
นี่เป็นการเจอครั้งสุดท้ายของเธอกับพ่อในนามคนนี้งั้นเหรอ? ทำไมถึงรู้สึกเสียใจขนาดนั้นนะ?
ได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาจากด้านหลัง เธอก็รีบปรับอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็ว หันหน้าไปมองจูฮุ่ยที่เดินเข้ามา เห็นใบหน้าของเขาเศร้าสลด:”แม่ แม่เป็นห่วงเขาเหรอ?”
“บริษัทเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นคนอายุน้อยที่มีกำลังแข็งแรงก็คงเผชิญหน้าไม่ไหวอย่างแน่นอน” จูฮุ่ยถอนหายใจเบาๆ
ไป๋มู่ชิงจู่ๆก็รู้สึกสงสารแม่ของตนเองขึ้นมา ชีวิตนี้รักผู้ชายแบบนั้น ผลสุดท้ายกลับไม่ได้ฝ่ายตรงข้ามมา
ตอนช่วงหนุ่มสาวไป๋จิ้งผิงแอบเขา ทำให้เขาได้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่โกรธง่ายจนเป็นนิสัยอย่างช่วยไม่ได้ แล้วยังเกิดเสี่ยวอี้ที่ไม่แข็งแรงออกมาอีก งานแต่งงานไม่เต็มไปด้วยความสุข อาการป่วยของเสี่ยวอี้ ทั้งชีวิตนี้ของเขานับว่าเจอเรื่องลำบากที่ต้องอดทนเข้าแล้ว
เธอยื่นมือออกไปโอบไหล่ข้างๆของเขาอย่างไม่รู้ตัว ให้คำมั่นสัญญาอย่างอ่อนโยน:”แม่ แม่วางใจได้ หลังจากนี้หนูจะไม่ให้แม่กับเสี่ยวอี้ลำบากอีกแล้ว”
จูฮุ่ยพยักหน้า ตบที่ไหล่เธอเบาๆ:”รอเธอกับหลินอันหนานแต่งงานเสร็จ การผ่าตัดของเสียวอี้สำเร็จแล้ว ทั้งชีวิตนี้ของฉันก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก”
“อืม ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น”
สองแม่ลูกปลอบใจซึ่งกันและกันอยู่สักพัก จูฮุ่ยจู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า:”พรุ่งนี้เป็นงานแต่งงานของเธอกับหลินอันหนาน รีบไปจัดการเรื่องของพวกเธอเถอะ เสี่ยวอี้มีฉันดูแลก็พอแล้ว”
ไป๋มู่ชิงยิ้ม:”หนูเคยถามอันหนานแล้ว เขาบอกว่าไม่มีอะไรให้หนูช่วย ให้หนูอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวอี้ที่โรงพยาบาลอย่างสบายใจ”
“เธอเป็นเจ้าสาว และก็เป็นตัวหลักในวันพรุ่งนี้ จะไม่มีเรื่องอะไรให้ทำได้ยังไง” จูฮุ่ยเร่ง:”รีบไปสิ”

มองรอยยิ้มที่เดิมทีสง่าตอนนี้ก็เริ่มถูกความชั่วร้ายย้อมทับ ในที่สุดไป๋จิ้งผิงก็สำนึกได้ว่าเขาไม่เหมือนกับพูดเล่นอยู่ แล้วนึกถึงเรื่องที่ภรรยาและลูกสาวของตัวเองทำในช่วงนี้
ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือดกระทันหัน หนานกงเฉินรู้แล้ว? เขารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
งั้นเรื่องของบริษัท……
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงจะเอ่ยปากถามอย่างกล้าๆกลัวๆ:”บริษัทยิ่นเทียน……เป็นของคุณ?”
“ถูกต้อง” หนานกงเฉินพยักหน้า
“คุณ……!” ไป๋จิ้งผิงยืนขึ้นจากโซฟาอย่างฉับพลัน กัดฟันแล้วจ้องไปที่เขาอย่างตะลึงงัน ที่แท้ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะว่าคุณทำเอาไว้
“แต่ว่านี่เป็นแค่การโต้ตอบเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ที่ยอดเยี่ยมกว่านี้อยู่ข้างหลังต่างหาก” หนานกงเฉินเอาบุหรี่กดไปที่ที่เขี่ยบุหรี่ให้ดับลง ยิ้มอย่างไม่มีภัย “ท่านประธานไป๋ แผนการเล็กน้อยของผมเมื่อเทียบกับแผนการที่ยิ่งใหญ่ของพวกคุณตระกูลไป๋แล้วมันคนละชั้นกันเลย ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด”
“ตกลงคุณจะเอายังไง?” ผ่านไปครู่ใหญ่ไป๋จิ้งผิงถึงถาม วันนี้เขาอุตส่าห์แบกหน้ามาขอความช่วยเหลือและสนับสนุน ไม่ได้คิดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างนี้ เป็นผลที่ทำให้คนตกใจและโมโหในเวลาเดียวกัน
เขายืนทรงตัวไม่ค่อยอยู่ล้มนั่งบนโซฟา โมโหจนหัวใจบีบรัดเป็นพักๆ
หนานกงเฉินชายตามองกระปุกยาเล็กๆบนโต๊ะ ยิ้มอย่างหยอกเล่น:”เมื่อกี้ก็พูดแล้วไง เอายาเม็ดในนี้ไปแบ่งให้ลูกสาวทั้งสองของคุณหนึ่งคนต่อหนึ่งเม็ด แล้วผมจะส่งบริษัทไป๋ซื่อกับยิ่นเทียนให้คุณ”
“คุณเอาอะไรมาล้อเล่น? คุณบ้าไปแล้ว!”
ให้เขาฆ่าลูกสาวด้วยมือของเขาเอง? เขาไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม?
“ที่บ้าคือตระกูลไป๋ของพวกคุณ……” ร่างกายของหนานกงเฉินเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย รินแก้วชาแล้วจิบหนึ่งอึก ชายตามองไปยังเขา:”แล้วก็……ผมหนานกงเฉินไม่เคยล้อเล่น”
“เอาแบบนี้ไหม ผมให้คุณเลือกอีกที” หนานกงเฉินใช้กรามชี้ไปทางหน้าต่างที่ยาวจรดพื้น:”คุณกระโดดจากตรงนี้ลงไปสิ ผมก็จะปล่อยลูกสาวที่รักของคุณทั้งสองไป”
ไป๋จิ้งผิงมองตามสายตาของเขาไปทางหน้าต่าง นี่มันชั้นหกสิบนะ กระโดดลงไปคงตายแน่ๆ
“ก็ยังไม่ยินยอมใช่ไหม?” หนานกงเฉินลุกขึ้นยืนจากโซฟา ยิ้ม:”ท่านประธานไป๋ไม่ต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น ล้อคุณเล่นเฉยๆเท่านั้นเอง ยี่สิบปีที่อยู่ในคุกคงเจ็บปวดกว่าการกระโดดลงไปจากที่นี่สินะ ผมกลับชอบท่าทางของคุณตอนที่ติดคุก คงสนุกแน่นอน”
“หนานกงเฉิน……คุณมันไม่ใช่คน!” ไป๋จิ้งผิงโมโหจนร่างกายไม่มั่นคงแล้ว
“ใช่ ผมไม่ใช่คน ตระกูลไป๋ต่างหากคือคน”
“คุณ……”
หนานกงเฉินเห็นว่าท่าทางเขาเหมือนจะล้มลงมา ก็รีบเดินไปที่โต๊ะทำงานโทรบอกฝ่ายเลขา:”เรียกรถพยาบาลมาหน่อย”
หลังจากที่เอาไมโครโฟนติดไว้แล้ว หนานกงเฉินหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง:”ท่านประธานไป๋ ยังมีเรื่องอะไรต้องพูดอีกไหม? ถ้าไม่มี……ขอโทษทีนะ ผมยุ่งมาก”
ไป๋จิ้งผิงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก จังหวะหายใจก็ไม่มั่นคง เขาจ้องหนานกงเฉินด้วยความลำบากแล้วถามออกมา:”ผมตายแล้ว จะช่วยให้ความโกรธของคุณลดน้อยลงไหม?”
หนานกงเฉินไตร่ตรองสักพัก ลากมุมปากแล้วยิ้ม:”บอกไม่ได้”
“พ่อเกิดอะไรขึ้น? วันนี้ตอนบ่ายยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ยิ่งอันมองไป๋จิ้งผิงบนเตียงผู้ป่วยไปด้วย ถามอย่างกังวลไปด้วย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เลขาของหนานกงเฉินมาที่นี่พร้อมกับรถพยาบาล” สวีหย่าหรงพูด:”ฉันได้ยินเลขาผู้หญิงคนนั้นพูดว่าพ่อเธอเป็นลมล้มลงในห้องทำงานของหนานกงเฉิน ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น”
“หรือว่าคุณชายเฉินจะไม่ตอบรับ? พ่อก็เลยรีบ?” ไป๋ยิ่งอันล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า:”หนูจะโทรไปถามคุณชายเฉิน”
เธอถือโทรศัพท์กำลังจะกดโทร ไป๋จิ้งผิงในตอนนี้กลับหันหน้ามาหาเธออย่าเงียบๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีแรง:”ไม่ต้องหรอก……”
“พ่อ พ่อฟื้นแล้ว?” ไป๋ยิ่งอันอึ้งไปสักพัก รีบวางโทรศัพท์แล้วไปจับมือของพ่อไว้:”พ่อ พ่อเป็นไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ไป๋จิ้งผิงอ้าปาก กลับพูดไม่ออกสักประโยค ทำได้แค่บีบมือเล็กๆของไป๋ยิ่งอัน
“พ่อ พ่อไม่ต้องพูดแล้ว นอนพักแบบนี้นี่แหละ”
ไป๋จิ้งผิงมองเธอ หางตาทั้งสองข้างมีน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ยิ่งอัน……เป็นเพราะไม่ได้ปกป้องพวกเธอให้ดี พ่อไม่มีความสามารถ” ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขารักลูกสาวเกินไป ลูกสาวคงไม่เปลี่ยนเป็นแบบนี้ที่ในตอนนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่
ถ้าในตอนนั้นไม่ใช่เขาเห็นด้วยกับความคิดของภรรยาที่ให้ไป๋มู่ชิงกลับมาแต่งงานแทน ตระกูลไป๋คงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างวันนี้ เรื่องบริษัทเขาไม่กล้าจะหวังอะไรแล้ว ตอนนี้ขอแค่หนานกงเฉินปล่อยภรรยากับลูกสาวของตัวเองไป
“พ่อ……พ่ออย่าเป็นแบบนี้สิ” ไป๋ยิ่งอันน้ำตารื้นจนอารมณ์ทุกอย่างแสดงออกอยู่บนใบหน้า:”ไม่มีบริษัทแล้วก็ไม่เป็นไร อนาคตหนูสามารถเลี้ยงพ่อกับแม่ได้ อย่าลืมสิว่าตอนนี้หนูเป็นถึงนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกงเลยนะ”
“นายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง……” ไป๋จิ้งผิงยิ้มออกมาด้วยความเจ็บปวด บีบมือของเธอ:”ยิ่งอัน……ถ้าวันไหนหนานกงเฉินไม่ต้องการเธอแล้ว อย่าเพิ่งรีบร้อนนะ แล้วก็อย่าทำเรื่องโง่ๆลงไป ให้หาผู้ชายดีๆแต่งงานด้วยใช้ชีวิตให้ดี”
“พ่อ พ่อพูดอะไรน่ะ?”
“พ่อพูดหลักความเป็นจริงกับเธออยู่” ไป๋จิ้งผิงไม่ได้บอกพวกเขาเรื่องที่หนานกงเฉินเปลี่ยนไปตอนนี้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะตื่นตระหนก กลัวพวกเขาจะรับไม่ได้
ไป๋มู่ชิงก็ใกล้จะแต่งงานกับหลินอันหนานแล้ว เขาไม่อยากให้กระทบถึงงานแต่งของคู่สามีภรรยา ถ้าหลินอันหนานสามารถปกป้องไป๋มู่ชิงได้ ก็คงจะดีไม่น้อย!
“คุณผู้ชาย ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นโรคมะเร็งสักหน่อย และก็ไม่ได้มีโรคอะไรร้ายแรง แค่ร่างกายไม่มีแรงก็เท่านั้นเอง อย่าทำให้เหมือนว่ามาลาได้ไหมแบบนี้ทำให้ลูกตกใจกลัวนะ” สวีหย่าหรงเป็นห่วงแทนเขา:”ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถอะ ฉันยังรอให้คุณออกจากโรงพยาบาลแล้วคิดบัญชีอยู่นะ”
ไป๋จิ้งผิงรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องเมื่อวานตอนบ่ายที่เขาได้เจอกับจูฮุ่ย ยิ้มอย่างอ่อนแรง:”ได้……ผมจะรอให้คุณมาคิดบัญชีกับผม ถ้าคุณไม่มาหาผมแล้วทะเลาะสามวันสามคืนผมคงไม่ชินซะมากกว่า”
“ยังจะพูดเล่นอีก” สวีหย่าหรงด่าอย่างโมโห
จูฮุ่ยคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ถือโอกาสที่สวีหย่าหรงกับไป๋ยิ่งอันไม่อยู่มาหาไป๋จิ้งผิงที่ห้องผู้ป่วย
พยาบาลสาวเห็นว่าเธอเข้ามา มองไป๋จิ้งผิงที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย หลังจากนั้นก็ถอยออกไปตามสถานการณ์
ไป๋จิ้งผิงไม่ได้คาดหวังว่าจูฮุ่ยจะมาเยี่ยมตนเอง หลังจากที่บนหน้าเกิดความประหลาดใจขึ้น ก็เรียกเสียงเบา:”เสี่ยวฮุ่ย คุณมาแล้ว”

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset