หนานกงเฉินปล่อยมือจากปุ่มลิฟต์และเดินเข้าไปยืนข้างๆเธอ
เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆเธอไป๋มู่ชิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลัง
เธอเอนตัวเข้ามุมลิฟต์โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “พรุ่งนี้ฉันจะต้องจัดงานแต่งแล้ว คืนนี้จะมีเพื่อนๆกับสไตล์ลิสต์มานะคะ”
สิ่งที่เธอหมายถึงนั้นชัดเจน บ้านของเธอนั้นมีคน เขาไม่มีสิทธิ์คิดไม่ซื่อกับเธอเป็นอันขาด
หนานกงเฉินหันกลับมา ใช้ร่างกายขวางเธอไว้ที่มุมลิฟต์ และใช้นิ้วเรียวแตะริมฝีปากที่น่าดึงดูดของเธอ”ไม่ต้องกังวลคืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม”
“งั้นก็ดี” ไป๋มู่ชิงหันหน้าหนีอย่างลุกลี้ลุกลน พยายามเอานิ้วที่เขากดเข้ากับริมฝีปากของเธอออกไป
หนานกงเฉินไม่ให้โอกาสเธอได้ผละออกไป และพูดต่ออย่างเรียบง่ายว่า “และ … ฉันเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เพิ่งถูกผู้ชายคนอื่นจูบมา”
“ฟู่ … ” ไป๋มู่ชิงสูดหายใจ เริ่มรู้สึกเจ็บเบาๆที่ริมฝีปากของเธอ
“ในเมื่อคุณไม่ชอบ ก็ปล่อยรีบปล่อยฉันสิ ”
ลิฟต์ได้หยุดลงที่ชั้นที่ทั้งสองคนอยู่ ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกอย่างแรงและพยายามเบียดร่างกายเขาออกไป
แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากลิฟต์ จู่ๆก็มีมือมาพันธนาการที่เอวของเธอ และหนานกงเฉินก็พาเธอกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเขา ที่เอวมีแขนอันทรงพลังของเขา ร่างกายของเธอแนบแน่นไปกับเขา ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
“ พรุ่งนี้แต่งงานใช่ไหม” เขาก้มลงมองเธอ
เธอพยักหน้าราวกับหุ่นยนต์ “ใช่ค่ะ”
“เธออยากได้ของขวัญแต่งงานแบบไหนล่ะ พี่เขยจะให้เธอ ไม่สิ…ต้องบอกว่าบอกคนรักจะให้เธอเอง”
“ ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นค่ะ” เธอพยายามอย่างหนักที่จะดันตัวเองออกจากพันธนาการของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของเขาได้เลย
“หนานกงเฉิน ถ้านายยังไม่ปล่อยฉันอีก ฉันจะตะโกนแล้วนะ!” เธอขู่ด้วยความโกรธ
ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยมือออกจากตัวเธอ ไม่ใช่เพราะเขากลัวเธอร้องตะโกน แต่เป็นเพราะเขาได้เล่นจนพอใจแล้ว
ทันทีที่เธอเป็นอิสระ ไป๋มู่ชิงก็หันหลังและรีบออกจากลิฟต์ เธอวิ่งไปไม่กี่ก้าวจนไม่ได้ยินเสียงหนานกงเฉินไช่ตามมา เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบใส่รหัสผ่านที่ประตูด้วยความรวดเร็วและเปิดประตูเข้าห้องไป
จะกระทั้งประตูทุกบานถูกล็อคหมดแล้ว ประตูระเบียงเองก็ถูกล็อคเช่นกัน ในที่สุดไป๋มู่ชิงก้รู้สึกโล่งใจ เธอเดินเข้าไปในห้องนอน มองดูริมฝีปากที่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ยังดีที่ไม่ถูกเขาทำร้ายจนเป็นแผล
เธออาบน้ำและเก็บของเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอนหลับพักผ่อน
เธอไม่ให้เหยาเหม่ยเข้ามาเพราะเมื่อพิจารณาแล้วว่าหนานกงเฉินรู้จักเหยาเหม่ยและรู้ว่าเหยาเหม่ยเป็นภรรยาของเพื่อนเขา ถ้าหากเจอเธอ เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
หลับตาลง เธอพยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองหลับโดยเร็วที่สุด แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์จากหลินอันหนาน และโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศที่มาแสดงความยินดีของซซี่ หลังจากวางสาย เธอก็ยังคงไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
เป็นเพราะหนานกงเฉินอาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงหรือไงกัน? จึงเป็นสาเหตุให้ใจของฉันเริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ทำไมฉันถึงกลัวเขามากขึ้นเรื่อยๆกันนะ? กลัวแม้กระทั่งเงาของเขา
หลังจากคิดเพ้อเจ้อมาพักหนึ่ง ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็หลับได้สักที แต่หลังจากหลับได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของพวกสไตล์ลิสต์นั่นเอง
ก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่าง ไป๋มู่ชิงถูกแต่งหน้าแต่งตัวโดยความช่วยเหลือของสไตล์ลิสต์
เธอได้รับสายจากหลินอันหนานด้วยความงุนงง อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์หลินอันหนานคงจะตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อถามเธออย่างสดชื่อว่าตื่นหรือยัง
ไป๋มู่ชิงลืมตาขึ้นและมองตัวเองในกระจก “ฉันกำลังแต่งหน้าอยู่”
“อะไรนะ?ยังไม่ตื่นเหรอ”
“อืม” ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา:”การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก”
“ เด็กดี อดทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้วนะ กลางคืนก็ค่อยนอนชดเชยนะ” เสียงของหลินอันนั้นฟังดูเอาแต่ใจ
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วถามว่า “แปดโมงมารับฉันไม่ได้เหรอ คุณตื่นมาทำอะไรเช้าขนาดนี้”
“ เพราะฉันอยากแต่งงานกับเธอไวๆน่ะสิ” หลินอันหนานยิ้มเบา ๆ
เขาไม่ได้บอกไป๋มู่ชิงว่าในความเป็นจริงนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ มักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะได้ไป๋มู่ชิงมาอย่างราบรื่น
ทำไมถึงมีความรู้สึกแย่ ๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้
ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเวลาบนกำแพงและปลอบว่า “เพิ่งจะตีห้าเอง เช้าเกินไป ไปนอนอีกสักหน่อยเถอะ”
“ไม่เป็นไร ฉันตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ”
“ ก็ได้้ ถ้างั้นเดินทางปลอดภัยนะ”
“เอาล่ะ ไม่รบกวนคุณแต่งตัวแล้วนะ” หลินอันหนานกล่าวด้วยรอยยิ้มและวางสายโทรศัพท์
ไป๋มู่ชิงวางโทรศัพท์และมองตัวเองในกระจก ตอนนี้เธอในกระจกนั้นดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วมีออร่าของเจ้าสาวอีกด้วย
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงฉากที่เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเมื่อปีที่แล้วโดยไม่มีชุดแต่งงานและผ้าคลุมศีรษะที่สวยงาม ไม่มีสไตล์ลิสต์มากมาย เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอใส่เสื้อผ้าแบบไหนและเธอก็กลายเป็นภรรยาของหนานกงเฉินด้วยความงุนงง
หนึ่งปีต่อมาวันนี้เธอก็ได้กลับมาเป็นเจ้าสาวอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธออยากจะแต่งงานด้วย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าครั้งที่แล้วมากนัก
เธอหลับตานึกถึงสิ่งดีๆทั้งหมดที่หลินอันหนานทำให้เธอ และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
เธอจะแต่งงานกับคนที่ดีกับตัวเองได้ไหมนะ เธอยังมีอะไรที่ดีกว่านี้ให้เลือกอีกนะ?
ทันใดนั้นเธอรู้สึกอยากจะโทรหาหลินอันหนาน เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรออกอีกครั้ง ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์หลินอันหนานดูแปลกใจเล็กน้อย”ไป๋มู่ชิง เป็นอะไรเหรอ?”
“ อันหนาน ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ เธออยากคุยเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของหลินอันหนานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
ไป่มู่ชิงหัวเราะ “อย่ากังวลนักสิ ฉันแค่มีความในใจบางอย่างจะบอกกับคุณ”
ความในใจ … ฟังแล้วดูน่าตื่นเต้นนะ!
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า”งั้นก็ได้ เธอพูดมาสิ ฉันฟังอยู่”
ไป๋มู่ชิงบีบโทรศัพท์บนฝ่ามือของเธอแน่น และพูดว่า “ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณอยู่ในร้านกาแฟ ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ฉันไม่รู้ว่าทำอะไร มีครอบครัวหรือแฟนหรือไม่ เพียงแค่นั้นฉันก็ถูกคุณดึงดูด เพียงแค่คุณยื่นมือมาเล็กน้อย ฉันก็พร้อมที่จะติดกับดักแล้ว จนกลายเป็นแฟนของคุณ ตอนนั้นฉันรักคุณจากใจจริงๆ และยังเป็นรักครั้งแรกของฉันอีกด้วย จนกระทั่ง … ”
“มู่ชิง คุณหยุดพูดเรื่องนั้นได้ไหม” หลินอันหนานขัดเธอ “ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยความผิดพลาดนั้น ดังนั้นโปรดหยุดพูดถึงเรื่องนี้เถอะ”
“อันหนาน ฉันยกโทษให้คุณค่ะ”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันบอกว่าฉันยกโทษให้คุณ” ไป่มู่ชิงย้ำ “ตราบใดที่คุณไม่ทรยศฉันอีก ฉันจะยกโทษให้คุณ และฉันจะรักคุณและชอบคุณเหมือนเดิม”
“มู่ชิง … ” หลินอันหนานกระซิบเสียงเบาอย่างประหลาดใจ “เธอพูดจริงเหรอ?”
“อืม”
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “นี่เป็นของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาเลย”
“ งั้นคุณต้องรักษาไว้ให้ดีนะคะ”
หนานกงเฉินปล่อยมือจากปุ่มลิฟต์และเดินเข้าไปยืนข้างๆเธอ
เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆเธอไป๋มู่ชิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลัง
เธอเอนตัวเข้ามุมลิฟต์โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “พรุ่งนี้ฉันจะต้องจัดงานแต่งแล้ว คืนนี้จะมีเพื่อนๆกับสไตล์ลิสต์มานะคะ”
สิ่งที่เธอหมายถึงนั้นชัดเจน บ้านของเธอนั้นมีคน เขาไม่มีสิทธิ์คิดไม่ซื่อกับเธอเป็นอันขาด
หนานกงเฉินหันกลับมา ใช้ร่างกายขวางเธอไว้ที่มุมลิฟต์ และใช้นิ้วเรียวแตะริมฝีปากที่น่าดึงดูดของเธอ”ไม่ต้องกังวลคืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม”
“งั้นก็ดี” ไป๋มู่ชิงหันหน้าหนีอย่างลุกลี้ลุกลน พยายามเอานิ้วที่เขากดเข้ากับริมฝีปากของเธอออกไป
หนานกงเฉินไม่ให้โอกาสเธอได้ผละออกไป และพูดต่ออย่างเรียบง่ายว่า “และ … ฉันเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เพิ่งถูกผู้ชายคนอื่นจูบมา”
“ฟู่ … ” ไป๋มู่ชิงสูดหายใจ เริ่มรู้สึกเจ็บเบาๆที่ริมฝีปากของเธอ
“ในเมื่อคุณไม่ชอบ ก็ปล่อยรีบปล่อยฉันสิ ”
ลิฟต์ได้หยุดลงที่ชั้นที่ทั้งสองคนอยู่ ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกอย่างแรงและพยายามเบียดร่างกายเขาออกไป
แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากลิฟต์ จู่ๆก็มีมือมาพันธนาการที่เอวของเธอ และหนานกงเฉินก็พาเธอกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเขา ที่เอวมีแขนอันทรงพลังของเขา ร่างกายของเธอแนบแน่นไปกับเขา ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
“ พรุ่งนี้แต่งงานใช่ไหม” เขาก้มลงมองเธอ
เธอพยักหน้าราวกับหุ่นยนต์ “ใช่ค่ะ”
“เธออยากได้ของขวัญแต่งงานแบบไหนล่ะ พี่เขยจะให้เธอ ไม่สิ…ต้องบอกว่าบอกคนรักจะให้เธอเอง”
“ ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นค่ะ” เธอพยายามอย่างหนักที่จะดันตัวเองออกจากพันธนาการของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของเขาได้เลย
“หนานกงเฉิน ถ้านายยังไม่ปล่อยฉันอีก ฉันจะตะโกนแล้วนะ!” เธอขู่ด้วยความโกรธ
ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยมือออกจากตัวเธอ ไม่ใช่เพราะเขากลัวเธอร้องตะโกน แต่เป็นเพราะเขาได้เล่นจนพอใจแล้ว
ทันทีที่เธอเป็นอิสระ ไป๋มู่ชิงก็หันหลังและรีบออกจากลิฟต์ เธอวิ่งไปไม่กี่ก้าวจนไม่ได้ยินเสียงหนานกงเฉินไช่ตามมา เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบใส่รหัสผ่านที่ประตูด้วยความรวดเร็วและเปิดประตูเข้าห้องไป
จะกระทั้งประตูทุกบานถูกล็อคหมดแล้ว ประตูระเบียงเองก็ถูกล็อคเช่นกัน ในที่สุดไป๋มู่ชิงก้รู้สึกโล่งใจ เธอเดินเข้าไปในห้องนอน มองดูริมฝีปากที่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ยังดีที่ไม่ถูกเขาทำร้ายจนเป็นแผล
เธออาบน้ำและเก็บของเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอนหลับพักผ่อน
เธอไม่ให้เหยาเหม่ยเข้ามาเพราะเมื่อพิจารณาแล้วว่าหนานกงเฉินรู้จักเหยาเหม่ยและรู้ว่าเหยาเหม่ยเป็นภรรยาของเพื่อนเขา ถ้าหากเจอเธอ เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
หลับตาลง เธอพยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองหลับโดยเร็วที่สุด แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์จากหลินอันหนาน และโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศที่มาแสดงความยินดีของซซี่ หลังจากวางสาย เธอก็ยังคงไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
เป็นเพราะหนานกงเฉินอาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงหรือไงกัน? จึงเป็นสาเหตุให้ใจของฉันเริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ทำไมฉันถึงกลัวเขามากขึ้นเรื่อยๆกันนะ? กลัวแม้กระทั่งเงาของเขา
หลังจากคิดเพ้อเจ้อมาพักหนึ่ง ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็หลับได้สักที แต่หลังจากหลับได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของพวกสไตล์ลิสต์นั่นเอง
ก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่าง ไป๋มู่ชิงถูกแต่งหน้าแต่งตัวโดยความช่วยเหลือของสไตล์ลิสต์
เธอได้รับสายจากหลินอันหนานด้วยความงุนงง อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์หลินอันหนานคงจะตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อถามเธออย่างสดชื่อว่าตื่นหรือยัง
ไป๋มู่ชิงลืมตาขึ้นและมองตัวเองในกระจก “ฉันกำลังแต่งหน้าอยู่”
“อะไรนะ?ยังไม่ตื่นเหรอ”
“อืม” ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา:”การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก”
“ เด็กดี อดทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้วนะ กลางคืนก็ค่อยนอนชดเชยนะ” เสียงของหลินอันนั้นฟังดูเอาแต่ใจ
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วถามว่า “แปดโมงมารับฉันไม่ได้เหรอ คุณตื่นมาทำอะไรเช้าขนาดนี้”
“ เพราะฉันอยากแต่งงานกับเธอไวๆน่ะสิ” หลินอันหนานยิ้มเบา ๆ
เขาไม่ได้บอกไป๋มู่ชิงว่าในความเป็นจริงนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ มักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะได้ไป๋มู่ชิงมาอย่างราบรื่น
ทำไมถึงมีความรู้สึกแย่ ๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้
ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเวลาบนกำแพงและปลอบว่า “เพิ่งจะตีห้าเอง เช้าเกินไป ไปนอนอีกสักหน่อยเถอะ”
“ไม่เป็นไร ฉันตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ”
“ ก็ได้้ ถ้างั้นเดินทางปลอดภัยนะ”
“เอาล่ะ ไม่รบกวนคุณแต่งตัวแล้วนะ” หลินอันหนานกล่าวด้วยรอยยิ้มและวางสายโทรศัพท์
ไป๋มู่ชิงวางโทรศัพท์และมองตัวเองในกระจก ตอนนี้เธอในกระจกนั้นดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วมีออร่าของเจ้าสาวอีกด้วย
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงฉากที่เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเมื่อปีที่แล้วโดยไม่มีชุดแต่งงานและผ้าคลุมศีรษะที่สวยงาม ไม่มีสไตล์ลิสต์มากมาย เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอใส่เสื้อผ้าแบบไหนและเธอก็กลายเป็นภรรยาของหนานกงเฉินด้วยความงุนงง
หนึ่งปีต่อมาวันนี้เธอก็ได้กลับมาเป็นเจ้าสาวอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธออยากจะแต่งงานด้วย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าครั้งที่แล้วมากนัก
เธอหลับตานึกถึงสิ่งดีๆทั้งหมดที่หลินอันหนานทำให้เธอ และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
เธอจะแต่งงานกับคนที่ดีกับตัวเองได้ไหมนะ เธอยังมีอะไรที่ดีกว่านี้ให้เลือกอีกนะ?
ทันใดนั้นเธอรู้สึกอยากจะโทรหาหลินอันหนาน เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรออกอีกครั้ง ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์หลินอันหนานดูแปลกใจเล็กน้อย”ไป๋มู่ชิง เป็นอะไรเหรอ?”
“ อันหนาน ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ เธออยากคุยเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของหลินอันหนานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
ไป่มู่ชิงหัวเราะ “อย่ากังวลนักสิ ฉันแค่มีความในใจบางอย่างจะบอกกับคุณ”
ความในใจ … ฟังแล้วดูน่าตื่นเต้นนะ!
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า”งั้นก็ได้ เธอพูดมาสิ ฉันฟังอยู่”
ไป๋มู่ชิงบีบโทรศัพท์บนฝ่ามือของเธอแน่น และพูดว่า “ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณอยู่ในร้านกาแฟ ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ฉันไม่รู้ว่าทำอะไร มีครอบครัวหรือแฟนหรือไม่ เพียงแค่นั้นฉันก็ถูกคุณดึงดูด เพียงแค่คุณยื่นมือมาเล็กน้อย ฉันก็พร้อมที่จะติดกับดักแล้ว จนกลายเป็นแฟนของคุณ ตอนนั้นฉันรักคุณจากใจจริงๆ และยังเป็นรักครั้งแรกของฉันอีกด้วย จนกระทั่ง … ”
“มู่ชิง คุณหยุดพูดเรื่องนั้นได้ไหม” หลินอันหนานขัดเธอ “ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยความผิดพลาดนั้น ดังนั้นโปรดหยุดพูดถึงเรื่องนี้เถอะ”
“อันหนาน ฉันยกโทษให้คุณค่ะ”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันบอกว่าฉันยกโทษให้คุณ” ไป่มู่ชิงย้ำ “ตราบใดที่คุณไม่ทรยศฉันอีก ฉันจะยกโทษให้คุณ และฉันจะรักคุณและชอบคุณเหมือนเดิม”
“มู่ชิง … ” หลินอันหนานกระซิบเสียงเบาอย่างประหลาดใจ “เธอพูดจริงเหรอ?”
“อืม”
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “นี่เป็นของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาเลย”
“ งั้นคุณต้องรักษาไว้ให้ดีนะคะ”
“เฉิน เราจะไปเข้าร่วมพิธีแต่งงานกันเมื่อไหร่คะ” เธอเดินไปด้านข้างของหนานกงเฉินและนั่งลงบนตักของเขา โดยไม่สนใจว่าเธอสวมชุดเซ็กซี่ขนาดไหน
เลขาเหยียนลดระดับสายตาลงเล็กน้อยและพูดว่า “นายน้อยเฉิน งั้นฉันขอตัวไปทำงานต่อนะคะ”
“ไปส” มือข้างหนึ่งของหนานกงเฉินจับเอวของไป๋ยิ่งอันเอาไว้
ไป๋ยิ่งอันกอดอกและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “จริงๆแล้วไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ค่ะ ตอนนี้เพิ่งจะเก้าโมงเองใช่ไหมคะ?”
หมายความว่าถ้าเขาอยากมีเซ็กส์ตอนนี้ เธอก็พร้อม หนานกงเฉินจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยนี้ของเธอได้อย่างไร เขาเพียงแค่ยิ้มจางๆ และปล่อยให้เธอเริ่มเอง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ต่อต้านใดๆ ไป๋ยิ่งอันก็กล้ามากขึ้น มือเล็กๆของเธอสอดเขาไปใต้เสื้อของเขา ลูบเบาๆอย่างอ่อนโยน
โทรศัพท์มือถือของหนานกงเฉินดังขึ้นเขาเหลือบมองไปที่หน้าจอ และมองผู้หญิงที่กำลังแกล้งเขาอยู่ และกดปุ่มรับสายทันที
“มีเรื่องอะไร” น้ำเสียงของเขาไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวใดๆ
เสียงร้องด้วยความเศร้าโศกของชายคนหนึ่งดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ และเขาไม่พูดอะไรเลย หนานกงเฉินขมวดคิ้ว “ถ้าไม่มีอะไร ฉันจะวางสาย”
ในที่สุดคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็พูดขึ้นว่า “นายน้อยเฉิน ผมโทรมาเพื่อขอโทษคุณ ทุกอย่างเป็นฝีมือผมทั้งหมด ผมเป็นคนบังคับให้สองพี่น้องทำแบบนี้เอง ไม่เกี่ยวกับพวกเธอเลย … …. ”
“หยุด” หนานกงเฉินพูดออกมาหนึ่งคำด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไปยิ่งอันเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ หนานกงเฉินก้มศีรษะลงและยิ้มให้เธอ “มันไม่เกี่ยวกับคุณ ที่รัก”
ไป๋ยิ่งอันยิ้มอย่างนุ่มนวลและเคลื่อนไหวต่อไป
หนานกงเฉินพูดต่อว่า”ฉันไม่ชอบที่จะได้ยินคำขอโทษ และไม่ต้องการคำอธิบาย”
“ได้ … ผมรู้ว่าผมได้ทำบาปที่ไม่อาจให้อภัยได้ และผมเต็มใจที่จะรับผิดชอบต่อการกระทำของผมเอง นายน้อยหนานกง… คุณจะยกโทษให้ลูกสาวทั้งสองของผมได้ไหม ถ้าผมตายคุณจะปล่อยพวกเขาไปไหม ”
“ไม่จำเป็น”
“ นายน้อยหนานกง ถือว่าผมขอร้องได้ไหม?”
“ลืมซะไปเถอะ ฉันไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น” หนานกงเฉินวางมือไว้บนศีรษะของไป๋ยิ่งอันและลูบเบาๆ
“นายน้อยหนานกง ได้โปรดปล่อยลูกสาวของผมไปเถอะ!” ไป๋จิ้งผิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ก็ร้องออกมา ตามด้วยเสียงหอบ’ เหมือนถูกลมพัด และในที่สุดเสียงก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องของทุกคน
เสียงนั้นดังมากจนแม้แต่ไป๋ยิ่งอันก็ยังตื่นตระหนก
“เสียงอะไรนะ” ไป๋ยิ่งอันถามพลางเหลือบมองโทรศัพท์มือถือของหนานกงเฉินด้วยความประหลาดใจ
หลังจากเงียบไปเพียงสองวินาที หนานกงเฉินก็วางโทรศัพท์ลงพลางก้มศีรษะและยิ้มให้เธอ “ไม่มีอะไร แค่มีคนกระโดดตึกแค่นั้นเอง”
“โกระโดตึก ใครกันคะ เกิดอะไรขึ้น” ไป๋ยิ่งหนานมองไปที่โทรศัพท์มือถือที่ยังมีเสียงดังอยู่ในมือ
“ฉันไม่รู้ อาจมีคนไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปล่ะมั้ง หนานกงเฉินดูโทรศัพท์ กอดไป๋ยิ่งอันที่นั่งอยู่บนตักของเขา พลางจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไปกันเถอะเราควรไปกันได้แล้ว”
“ ไปเลยเหรอ ยังเช้าอยู่เลย”
“ ไม่เช้า สายแล้วเดี๋ยวจะพลาดฉากเด็ด”
“ ก็แค่งานแต่งงาน ดูจนเบื่อแล้วค่ะ”
“แต่ฉันไม่เบื่อ” หนานกงเฉินยิ้มให้เธออีกครั้ง
ไป๋ยิ่งหนานรู้ตัวดีว่าเธอไม่สามารถห้ามเขาไว้ได้จึงต้องตามเขาออกไปจากห้องทำงานและเดินไปที่ลิฟต์
โรงแรมระดับห้าดาวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองซี ตั้งอยู่ต่อหน้าแขกแล้วสวนสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ตั้งแต่ในร่มถึงกลางแจ้งได้รับการตกแต่งในบรรยากาศที่อบอุ่นและโรแมนติกและมีดนตรีไพเราะอยู่ทุกมุม
ท่ามกลางงานเลี้ยงที่หรูหรา บรรดาชายหนุ่มต่างสวมใส่ชุดสูท และบรรดาหญิงสาวต่างสวมใส่ชุดราตรีเซ็กซี่ ใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
งานเลี้ยงแต่งงานเทียบเท่ากับงานสังสรรค์ขนาดใหญ่ที่กลุ่มคนร่ำรวยถือแก้วไวน์ไว้ในมือและพูดคุยอย่างสุภาพ เพื่อสร้างความสัมพันธ์บรรยากาศที่กลมกลืนและสงบสุข
หลังจากต้อนรับแขกแล้ว ไป๋มู่ชิงก็ถูกจัดให้พักผ่อนในห้องรับรองเจ้าสาว
เธอนั่งอยู่หน้ากระจกและขอให้ช่างแต่งหน้าเติมเครื่องสำอางค์ให้กับเธอ หลินอันหนานยืนอยู่ข้างหลัง มองดูเธอทั้งสวยและมีเสน่ห์ในกระจกนั่น และอดไม่ได้ที่จะจูบไปที่แก้มของเธอ “สวยจัง”
เหยาเหม่ยที่อยู่ด้านข้างเห็นเขาจูบไป๋มู่ชิงแล้วก็หัวเราะและพูดติดตลกทันที “นายน้อยหลิน คุณอดใจไว้จูบเธอคืนนี้ไม่ได้เหรอ คนเขากำลังแต่งหน้าอยู่นะ”
“เติมได้อีกน่ะ” หลินอันหนานมองไปที่เธอ ส่งสายไปให้เธอ
“ ช่างแต่งหน้าก็เหนื่อยมากแล้ว คุณก็ไม่เพิ่มเงินเดือนให้”
“เพิ่มสิ เพิ่มให้ทุกคนเลย” หลินอันหนานพูดอย่างใจกว้าง
ช่างแต่งหน้าหัวเราะอย่างมีความสุขทันที “ขอบคุณค่ะนายน้อยหลิน!”
“ดูสิ รวยก็ต้องใจกว้าง พวกเธอควรจะขอบคุณฉันนะ” เหยาเหม่ยชี้ไปที่ตัวเอง
“เอาล่ะ อย่าแกล้งคนอื่นเลย” ไป๋มู่ชิงยิ้มและดึงชายเสื้อของเหยาเหม่ย
“คนเขามาร่วมงานแต่งยังต้องแอบๆซ่อนๆ ไม่สะใจเลย เธอยังไม่ให้ฉันแกล้งนายน้อยหลินอีก” เหยาเหม่ยแสร้งทำเป็นโกรธและเหลือบมองเธอ “ยังไม่ทันได้แต่งงานก็ปกป้องนายน้อยหลินซะแล้ว ใจร้ายจริงๆ”
เธอผิดหวังอยู่แล้วที่ไม่ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวแม้แต่ไปร่วมงานแต่งงานเธอก็เหมือนกับขโมย เธอยังไม่สามารถปล่อยให้หนานกงเฉินเห็นตัวเองได้อีก ความรู้สึกแอบๆซ่อนๆแบบนี้ทำให้รู้สึกอึดอัดจริงซะจริง
“ มู่ชิงจะกลายเป็นคุณผู้หญิงหลินในไม่ช้าแน่นอน แน่นอนว่าต้องปกป้องหลินอันหนาน” หลินอันหนานยิ้มอย่างมีชัยชนะ
เหยาเหม่ยมองเขาไปด้านข้างพลางฮัมเพลงและหยุดพูด
ทุกคนคุยกันในเลานจ์สักพักบริกรก็มาแจ้งว่าได้เวลาออกไปด้านนอกแล้ว
“ไปกันเถอะ” หลินอันหนานพยุงไป๋มู่ชิงขึ้นจากเก้าอี้แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องโถงไปด้วยกัน
ในขณะที่การเดินขบวนของงานแต่งงาน ดำเนินไปอย่างช้าๆคู่บ่าวสาวคู่หนึ่งก็ปรากฏตัวจับมือกันที่บันไดวนที่เปิดอยู่ชั้นสอง ทุกคนที่ยืนอยู่ชั้นล่างต่างส่งเสียงปรบมือ
เมื่อเห็นการรวมตัวกันของแขกที่ชั้นล่าง ไป๋มู่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
หลินอันหนานรู้สึกถึงความกังวลใจของเธอ จึงจับมือของเธอไว้แน่นและกระซิบข้างหูของเธอว่า”อย่าประหม่า เป็นคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น”
หนานกงเฉินปล่อยมือจากปุ่มลิฟต์และเดินเข้าไปยืนข้างๆเธอ
เพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆเธอไป๋มู่ชิงก็สัมผัสได้ถึงออร่าอันทรงพลัง
เธอเอนตัวเข้ามุมลิฟต์โดยไม่รู้ตัว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง “พรุ่งนี้ฉันจะต้องจัดงานแต่งแล้ว คืนนี้จะมีเพื่อนๆกับสไตล์ลิสต์มานะคะ”
สิ่งที่เธอหมายถึงนั้นชัดเจน บ้านของเธอนั้นมีคน เขาไม่มีสิทธิ์คิดไม่ซื่อกับเธอเป็นอันขาด
หนานกงเฉินหันกลับมา ใช้ร่างกายขวางเธอไว้ที่มุมลิฟต์ และใช้นิ้วเรียวแตะริมฝีปากที่น่าดึงดูดของเธอ”ไม่ต้องกังวลคืนนี้ฉันไม่ได้ดื่ม”
“งั้นก็ดี” ไป๋มู่ชิงหันหน้าหนีอย่างลุกลี้ลุกลน พยายามเอานิ้วที่เขากดเข้ากับริมฝีปากของเธอออกไป
หนานกงเฉินไม่ให้โอกาสเธอได้ผละออกไป และพูดต่ออย่างเรียบง่ายว่า “และ … ฉันเป็นโรคกลัวเชื้อโรค ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เพิ่งถูกผู้ชายคนอื่นจูบมา”
“ฟู่ … ” ไป๋มู่ชิงสูดหายใจ เริ่มรู้สึกเจ็บเบาๆที่ริมฝีปากของเธอ
“ในเมื่อคุณไม่ชอบ ก็ปล่อยรีบปล่อยฉันสิ ”
ลิฟต์ได้หยุดลงที่ชั้นที่ทั้งสองคนอยู่ ไป๋มู่ชิงผลักเขาออกอย่างแรงและพยายามเบียดร่างกายเขาออกไป
แต่ก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากลิฟต์ จู่ๆก็มีมือมาพันธนาการที่เอวของเธอ และหนานกงเฉินก็พาเธอกลับเข้าสู่อ้อมแขนของเขา ที่เอวมีแขนอันทรงพลังของเขา ร่างกายของเธอแนบแน่นไปกับเขา ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ
“ พรุ่งนี้แต่งงานใช่ไหม” เขาก้มลงมองเธอ
เธอพยักหน้าราวกับหุ่นยนต์ “ใช่ค่ะ”
“เธออยากได้ของขวัญแต่งงานแบบไหนล่ะ พี่เขยจะให้เธอ ไม่สิ…ต้องบอกว่าบอกคนรักจะให้เธอเอง”
“ ขอบคุณ แต่ไม่จำเป็นค่ะ” เธอพยายามอย่างหนักที่จะดันตัวเองออกจากพันธนาการของเขา แต่เธอก็ไม่สามารถออกจากอ้อมแขนของเขาได้เลย
“หนานกงเฉิน ถ้านายยังไม่ปล่อยฉันอีก ฉันจะตะโกนแล้วนะ!” เธอขู่ด้วยความโกรธ
ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยมือออกจากตัวเธอ ไม่ใช่เพราะเขากลัวเธอร้องตะโกน แต่เป็นเพราะเขาได้เล่นจนพอใจแล้ว
ทันทีที่เธอเป็นอิสระ ไป๋มู่ชิงก็หันหลังและรีบออกจากลิฟต์ เธอวิ่งไปไม่กี่ก้าวจนไม่ได้ยินเสียงหนานกงเฉินไช่ตามมา เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบใส่รหัสผ่านที่ประตูด้วยความรวดเร็วและเปิดประตูเข้าห้องไป
จะกระทั้งประตูทุกบานถูกล็อคหมดแล้ว ประตูระเบียงเองก็ถูกล็อคเช่นกัน ในที่สุดไป๋มู่ชิงก้รู้สึกโล่งใจ เธอเดินเข้าไปในห้องนอน มองดูริมฝีปากที่ยังคงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ ยังดีที่ไม่ถูกเขาทำร้ายจนเป็นแผล
เธออาบน้ำและเก็บของเล็กน้อย จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอนหลับพักผ่อน
เธอไม่ให้เหยาเหม่ยเข้ามาเพราะเมื่อพิจารณาแล้วว่าหนานกงเฉินรู้จักเหยาเหม่ยและรู้ว่าเหยาเหม่ยเป็นภรรยาของเพื่อนเขา ถ้าหากเจอเธอ เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอน
หลับตาลง เธอพยายามอย่างมากที่จะทำให้ตัวเองหลับโดยเร็วที่สุด แต่เธอกลับไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างนั้นก็มีสายโทรศัพท์จากหลินอันหนาน และโทรศัพท์ทางไกลจากต่างประเทศที่มาแสดงความยินดีของซซี่ หลังจากวางสาย เธอก็ยังคงไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
เป็นเพราะหนานกงเฉินอาศัยอยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงหรือไงกัน? จึงเป็นสาเหตุให้ใจของฉันเริ่มสับสนวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
ทำไมฉันถึงกลัวเขามากขึ้นเรื่อยๆกันนะ? กลัวแม้กระทั่งเงาของเขา
หลังจากคิดเพ้อเจ้อมาพักหนึ่ง ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็หลับได้สักที แต่หลังจากหลับได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสายของพวกสไตล์ลิสต์นั่นเอง
ก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่าง ไป๋มู่ชิงถูกแต่งหน้าแต่งตัวโดยความช่วยเหลือของสไตล์ลิสต์
เธอได้รับสายจากหลินอันหนานด้วยความงุนงง อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์หลินอันหนานคงจะตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อถามเธออย่างสดชื่อว่าตื่นหรือยัง
ไป๋มู่ชิงลืมตาขึ้นและมองตัวเองในกระจก “ฉันกำลังแต่งหน้าอยู่”
“อะไรนะ?ยังไม่ตื่นเหรอ”
“อืม” ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา:”การแต่งงานมันเป็นเรื่องที่เหนื่อยมาก”
“ เด็กดี อดทนสักหน่อยก็ผ่านไปแล้วนะ กลางคืนก็ค่อยนอนชดเชยนะ” เสียงของหลินอันนั้นฟังดูเอาแต่ใจ
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วถามว่า “แปดโมงมารับฉันไม่ได้เหรอ คุณตื่นมาทำอะไรเช้าขนาดนี้”
“ เพราะฉันอยากแต่งงานกับเธอไวๆน่ะสิ” หลินอันหนานยิ้มเบา ๆ
เขาไม่ได้บอกไป๋มู่ชิงว่าในความเป็นจริงนั้นเขาเองก็รู้สึกไม่สบายใจ มักจะรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าจะได้ไป๋มู่ชิงมาอย่างราบรื่น
ทำไมถึงมีความรู้สึกแย่ ๆ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังบอกไม่ได้
ไป๋มู่ชิงเหลือบมองเวลาบนกำแพงและปลอบว่า “เพิ่งจะตีห้าเอง เช้าเกินไป ไปนอนอีกสักหน่อยเถอะ”
“ไม่เป็นไร ฉันตื่นแล้วก็นอนไม่หลับ”
“ ก็ได้้ ถ้างั้นเดินทางปลอดภัยนะ”
“เอาล่ะ ไม่รบกวนคุณแต่งตัวแล้วนะ” หลินอันหนานกล่าวด้วยรอยยิ้มและวางสายโทรศัพท์
ไป๋มู่ชิงวางโทรศัพท์และมองตัวเองในกระจก ตอนนี้เธอในกระจกนั้นดูสวยขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วมีออร่าของเจ้าสาวอีกด้วย
ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงฉากที่เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเมื่อปีที่แล้วโดยไม่มีชุดแต่งงานและผ้าคลุมศีรษะที่สวยงาม ไม่มีสไตล์ลิสต์มากมาย เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเธอใส่เสื้อผ้าแบบไหนและเธอก็กลายเป็นภรรยาของหนานกงเฉินด้วยความงุนงง
หนึ่งปีต่อมาวันนี้เธอก็ได้กลับมาเป็นเจ้าสาวอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่เธออยากจะแต่งงานด้วย แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าครั้งที่แล้วมากนัก
เธอหลับตานึกถึงสิ่งดีๆทั้งหมดที่หลินอันหนานทำให้เธอ และเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็มีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
เธอจะแต่งงานกับคนที่ดีกับตัวเองได้ไหมนะ เธอยังมีอะไรที่ดีกว่านี้ให้เลือกอีกนะ?
ทันใดนั้นเธอรู้สึกอยากจะโทรหาหลินอันหนาน เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรออกอีกครั้ง ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์หลินอันหนานดูแปลกใจเล็กน้อย”ไป๋มู่ชิง เป็นอะไรเหรอ?”
“ อันหนาน ฉันอยากคุยกับคุณ”
“ เธออยากคุยเรื่องอะไร?” น้ำเสียงของหลินอันหนานเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
ไป่มู่ชิงหัวเราะ “อย่ากังวลนักสิ ฉันแค่มีความในใจบางอย่างจะบอกกับคุณ”
ความในใจ … ฟังแล้วดูน่าตื่นเต้นนะ!
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า”งั้นก็ได้ เธอพูดมาสิ ฉันฟังอยู่”
ไป๋มู่ชิงบีบโทรศัพท์บนฝ่ามือของเธอแน่น และพูดว่า “ครั้งแรกที่ฉันเห็นคุณอยู่ในร้านกาแฟ ฉันตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น ฉันไม่รู้ว่าทำอะไร มีครอบครัวหรือแฟนหรือไม่ เพียงแค่นั้นฉันก็ถูกคุณดึงดูด เพียงแค่คุณยื่นมือมาเล็กน้อย ฉันก็พร้อมที่จะติดกับดักแล้ว จนกลายเป็นแฟนของคุณ ตอนนั้นฉันรักคุณจากใจจริงๆ และยังเป็นรักครั้งแรกของฉันอีกด้วย จนกระทั่ง … ”
“มู่ชิง คุณหยุดพูดเรื่องนั้นได้ไหม” หลินอันหนานขัดเธอ “ฉันจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อชดเชยความผิดพลาดนั้น ดังนั้นโปรดหยุดพูดถึงเรื่องนี้เถอะ”
“อันหนาน ฉันยกโทษให้คุณค่ะ”
“เธอพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันบอกว่าฉันยกโทษให้คุณ” ไป่มู่ชิงย้ำ “ตราบใดที่คุณไม่ทรยศฉันอีก ฉันจะยกโทษให้คุณ และฉันจะรักคุณและชอบคุณเหมือนเดิม”
“มู่ชิง … ” หลินอันหนานกระซิบเสียงเบาอย่างประหลาดใจ “เธอพูดจริงเหรอ?”
“อืม”
หลินอันหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “นี่เป็นของขวัญแต่งงานที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาเลย”
“ งั้นคุณต้องรักษาไว้ให้ดีนะคะ”