เธอมองไปรอบๆ ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังหลัวเซินที่ยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น
ในตอนนี้หลัวเซินกำลังยิ้มให้เธอและโบกมือทักทาย “สวัสดี คุณไป๋ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อเห็นเขา ไป๋ยิ่งอันนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเขาบีบคั้นเมื่อกี่วันก่อน จนแทบอยากจะอาเจียนมื้อเที่ยงออกมา
เธอหยิบรองเท้าส้นสูงขึ้นมา ใช้ปลายรองเท้าส้นสูงตีไปที่เขา “แกยังจะมีหน้ามาเจอฉันที่นี่อีกเหรอ ไสหัวไปซะ ออกไป … !”
“ไม่ ไม่ คุณไป๋ คุณเข้าใจผิด ผมเป็นแค่คนขับรถ ผมแค่ส่งคนมาที่นี่ … ” หลัวเซินโบกไม้โบกมือพลางหลีกหนีเธอ
“คุณชายเฉินมาแล้วเหรอ” ไป๋ยิ่งอันหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็มีความสุขขึ้น คุณชายเฉินมาที่นี่แล้วงั้นเหรอ? คุณชายเฉินยกโทษให้เธอแล้วจริงๆเหรอ?
แม้ว่าครอบครัวของเธอจะถูกทำลายโดยน้ำมือของเขา แต่เมื่อได้ยินว่าคุณชายเฉินมาที่นี่ หัวใจของเธอก็จุดไฟแห่งความคาดหวังขึ้นมา
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าคุณชายเฉินสามารถให้อภัยเธอและยังคงเป็นสามีภรรยากันให้เธอพึ่งพาได้ แน่นอนว่าเธอเต็มใจ เพราะนี่เป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนี้
“ คุณชายเฉินจะไม่มาที่นี่อีกต่อไป” ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่เก่งกล้าสามารถดังขึ้นจากบันไดวนบนชั้นสอง ไป๋ยิ่งอันเงยหน้าขึ้นและเมื่อได้เห็นเลขาเหยียน สีหน้าของเธอก็เรียบเฉย“ ทำไมถึงเป็นเธอ? เธอมาทำอะไรที่นี่? ”
เลขาเหยียนยิ้มอย่างเฉยเมยและเดินลงไปชั้นล่างด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างช้าๆ
“คุณไป๋ บ้านหลังนี้เพิ่งเช่าได้สิบวันและเพิ่งจะหมดสัญญาในวันนี้” เลขาเหยียนดินมาหาเธอและยืนนิ่งพร้อมกับพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อจะคืนห้อง รบกวนคุณไป๋ช่วยดูหน่อยว่ามีของอะไรที่ต้องเอาไปบ้าง มิเช่นนั้นเกรงวันหลังจากวันนี้ไปจะไม่ใช่ของๆคุณไป๋อีกต่อไปแล้วค่ะ ”
“เธอพูดอะไร?” ไป่ยิ่งอันมองเธอ”เธอต้องการให้ฉันย้ายออกจากที่นี่”
“ คุณไป๋ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการให้คุณย้ายออกไปจากที่นี่หรอกนะคะ แต่บ้านหมดสัญญาแล้วและคุณชายเฉินไม่มีแผนจะต่อสัญญาเช่าอีก”
“เธอ … ” ไป๋ยิ่งอันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวพลางจับโซฟาข้างๆเธอด้วยฝ่ามือ และความหวังเล็ก ๆ ที่ประกายอยู่ในใจของเธอก็หายไปในทันใด
เมื่อครูเธอไม่น่าคิดอย่างเข้าข้างตัวเองเลยว่าเขาจะหายโกรธและตัดสินใจให้อภัยเธอ
เธอเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลไป๋ไม่นาน ซึ่งคฤหาสน์ตระกูลไป๋นั้นได้ถูกยึดไปแล้ว รวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อแม่และชื่อเธอก็ถูกยึดไปเช่นเดียวกัน
มิเช่นนั้นเธอคงจะไม่กลับมาที่นี่ แต่เธอไม่คาดคิดว่าแม้แต่ที่พึ่งสุดท้ายของเธอ หนานกงเฉินก็ยังจะยึดไปอีก ราวกับว่าหากเธอไม่ตายเขาก็จะไม่หยุด
หนานกงเฉินพูดถูก แม้ว่าเธอจะหาทางรอดได้ แต่มันจะทรมานยิ่งกว่าความตาย!
“คุณไป๋ คุณชายเฉินขอให้ฉันเตือน ว่าอย่าพยายามไปที่บ้านตระกูลหนานกงเพื่อรบกวนคุณผู้หญิงเพราะคุณชายเฉินไม่ได้ต้องการให้คุณผู้หญิงรู้เรื่องแผนการหน้าไม่อายของพวกคุณ ไม่อยากให้คุณผู้หญิงต้องโกรธ”เลขาเหยียนกล่าว
ไป๋ยิ่งอัน มองไปที่เธอ ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “เขาโหดร้ายถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน … ”
“คุณไป๋ ฉันคิดว่าควรจะเป็นคุณชายเฉินที่ต้องถามคุณมากกว่าถึงจะถูกนะคะ” เลขาเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จริงสิ คุณชายเฉินยังกล่าวอีกว่าจุดประสงค์ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อล้างแค้นให้กับหลานตัวน้อยของตระกูลหนานกงที่ตายไป”
ไป๋ยิ่งอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าหนานกงเฉินจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เธอคิดมาตลอดว่าหนานกงเฉินให้อภัยเธอแล้ว
เลขาเหยียนยังกล่าวอีกว่า”คุณไป๋ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญคุณออกไปด้วยค่ะ ฉันจะล็อคประตูแล้ว”
ทันใดนั้นไป๋ยิ่งอันก็คว้าข้อมือของเธอและวิงวอน”ฉันอยากพบคุณชายเฉิน ขอร้องล่ะเธอช่วยไปบอกเขาที”
“คุณไป๋ ฉันคิดว่าคุณชายเฉินบอกคุณอย่างชัดเจนทางโทรศัพท์ในวันนั้นแล้วนะคะ เขาจะไม่พบคุณอีกตลอดชีวิต นอกจาก … ” เลขาเหยียนส่ายหัวและหัวเราะ “คุณอยากจะขอร้องเขาใช่ไหมคะ? ฉันแนะนำให้คุณเลิกคิดได้เลยค่ะ เพราะคุณชายเฉินจะไม่ยอมรับคำขอโทษและคำวิงวอนใดๆ ”
เลขาเหยียนพูดจบพลางดึงมือเธอออกจากข้อมือของเธอ หันไปหาลอว์สันแล้วพูดว่า “ที่นี่ฝากนายจัดการก็แล้วกัน ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ”
“ครับ เลขาเหยียน” หลัวเซินตอบรับด้วยความเคารพ
เมื่อไป๋ยิ่งหนานได้ยินว่าจะฝากให้หลัวเซินจัดการที่นี่ต่อ เธอก็ตกใจและเดินตามเลขาเหยียนไปที่ประตู
เลขาเหยียนกำลังเปิดประตูรถเพื่อเข้าไป และพบว่าเธอกำลังตามมา จึงชี้เข้าไปในรถ “คุณจะไปไหน ฉันจะไปส่ง”
เพื่อที่จะหลบหนีหลัวเซินให้เร็วที่สุด ไป๋ยิ่งอันรีบเข้าไปในรถของเธอโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ขณะที่รถขับออกจากบริเวณบ้านพัก เลขาเขียนก็หันมาถามเธอประโยคหนึ่งว่า”คุณจะไปไหน”
ไปยิ่งอันเอนศีรษะพิงกระจกรถ ใบหน้าที่ซีดเซียวที่น่าสงสาร ทำให้ดูน่าเห็นอกเห็นแต่ใจแต่ก็เกลียดชังในเวลาเดียวกัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ยิ่งอันก็บ่นพึมพำขึ้นมา
ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านและแม้แต่ของติดตัวสักชิ้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอเองที่หาเรื่องใส่ตัว เป็นเพราะเธอเองเรื่องทั้งหมดถึงมาถึงจุดนี้ ทำร้ายพ่อของตัวเองจนตาย ยังทำให้แม่ต้องติดคุกอีก
หากไม่ใช่เพราะเธอที่โลภมากอยากจะเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง ยั่วโมโหหนานกงเฉิน ตระกูลไป๋จะล่มสลายไปในชั่วพริบตาได้อย่างไร?
ณ เวลาเช้าตรู่ คุณผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าไปได้ยินข่าวมาจากไหน มองไปยังหนานกงเฉินที่เดินเข้ามาจากนอกร้านอาหารแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าแกไปไปป่วนพิธีแต่งงานของอันหนาน”
เธอมองไปรอบๆ ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังหลัวเซินที่ยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น
ในตอนนี้หลัวเซินกำลังยิ้มให้เธอและโบกมือทักทาย “สวัสดี คุณไป๋ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อเห็นเขา ไป๋ยิ่งอันนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเขาบีบคั้นเมื่อกี่วันก่อน จนแทบอยากจะอาเจียนมื้อเที่ยงออกมา
เธอหยิบรองเท้าส้นสูงขึ้นมา ใช้ปลายรองเท้าส้นสูงตีไปที่เขา “แกยังจะมีหน้ามาเจอฉันที่นี่อีกเหรอ ไสหัวไปซะ ออกไป … !”
“ไม่ ไม่ คุณไป๋ คุณเข้าใจผิด ผมเป็นแค่คนขับรถ ผมแค่ส่งคนมาที่นี่ … ” หลัวเซินโบกไม้โบกมือพลางหลีกหนีเธอ
“คุณชายเฉินมาแล้วเหรอ” ไป๋ยิ่งอันหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็มีความสุขขึ้น คุณชายเฉินมาที่นี่แล้วงั้นเหรอ? คุณชายเฉินยกโทษให้เธอแล้วจริงๆเหรอ?
แม้ว่าครอบครัวของเธอจะถูกทำลายโดยน้ำมือของเขา แต่เมื่อได้ยินว่าคุณชายเฉินมาที่นี่ หัวใจของเธอก็จุดไฟแห่งความคาดหวังขึ้นมา
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าคุณชายเฉินสามารถให้อภัยเธอและยังคงเป็นสามีภรรยากันให้เธอพึ่งพาได้ แน่นอนว่าเธอเต็มใจ เพราะนี่เป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนี้
“ คุณชายเฉินจะไม่มาที่นี่อีกต่อไป” ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่เก่งกล้าสามารถดังขึ้นจากบันไดวนบนชั้นสอง ไป๋ยิ่งอันเงยหน้าขึ้นและเมื่อได้เห็นเลขาเหยียน สีหน้าของเธอก็เรียบเฉย“ ทำไมถึงเป็นเธอ? เธอมาทำอะไรที่นี่? ”
เลขาเหยียนยิ้มอย่างเฉยเมยและเดินลงไปชั้นล่างด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างช้าๆ
“คุณไป๋ บ้านหลังนี้เพิ่งเช่าได้สิบวันและเพิ่งจะหมดสัญญาในวันนี้” เลขาเหยียนดินมาหาเธอและยืนนิ่งพร้อมกับพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อจะคืนห้อง รบกวนคุณไป๋ช่วยดูหน่อยว่ามีของอะไรที่ต้องเอาไปบ้าง มิเช่นนั้นเกรงวันหลังจากวันนี้ไปจะไม่ใช่ของๆคุณไป๋อีกต่อไปแล้วค่ะ ”
“เธอพูดอะไร?” ไป่ยิ่งอันมองเธอ”เธอต้องการให้ฉันย้ายออกจากที่นี่”
“ คุณไป๋ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการให้คุณย้ายออกไปจากที่นี่หรอกนะคะ แต่บ้านหมดสัญญาแล้วและคุณชายเฉินไม่มีแผนจะต่อสัญญาเช่าอีก”
“เธอ … ” ไป๋ยิ่งอันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวพลางจับโซฟาข้างๆเธอด้วยฝ่ามือ และความหวังเล็ก ๆ ที่ประกายอยู่ในใจของเธอก็หายไปในทันใด
เมื่อครูเธอไม่น่าคิดอย่างเข้าข้างตัวเองเลยว่าเขาจะหายโกรธและตัดสินใจให้อภัยเธอ
เธอเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลไป๋ไม่นาน ซึ่งคฤหาสน์ตระกูลไป๋นั้นได้ถูกยึดไปแล้ว รวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อแม่และชื่อเธอก็ถูกยึดไปเช่นเดียวกัน
มิเช่นนั้นเธอคงจะไม่กลับมาที่นี่ แต่เธอไม่คาดคิดว่าแม้แต่ที่พึ่งสุดท้ายของเธอ หนานกงเฉินก็ยังจะยึดไปอีก ราวกับว่าหากเธอไม่ตายเขาก็จะไม่หยุด
หนานกงเฉินพูดถูก แม้ว่าเธอจะหาทางรอดได้ แต่มันจะทรมานยิ่งกว่าความตาย!
“คุณไป๋ คุณชายเฉินขอให้ฉันเตือน ว่าอย่าพยายามไปที่บ้านตระกูลหนานกงเพื่อรบกวนคุณผู้หญิงเพราะคุณชายเฉินไม่ได้ต้องการให้คุณผู้หญิงรู้เรื่องแผนการหน้าไม่อายของพวกคุณ ไม่อยากให้คุณผู้หญิงต้องโกรธ”เลขาเหยียนกล่าว
ไป๋ยิ่งอัน มองไปที่เธอ ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “เขาโหดร้ายถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน … ”
“คุณไป๋ ฉันคิดว่าควรจะเป็นคุณชายเฉินที่ต้องถามคุณมากกว่าถึงจะถูกนะคะ” เลขาเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จริงสิ คุณชายเฉินยังกล่าวอีกว่าจุดประสงค์ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อล้างแค้นให้กับหลานตัวน้อยของตระกูลหนานกงที่ตายไป”
ไป๋ยิ่งอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าหนานกงเฉินจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เธอคิดมาตลอดว่าหนานกงเฉินให้อภัยเธอแล้ว
เลขาเหยียนยังกล่าวอีกว่า”คุณไป๋ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญคุณออกไปด้วยค่ะ ฉันจะล็อคประตูแล้ว”
ทันใดนั้นไป๋ยิ่งอันก็คว้าข้อมือของเธอและวิงวอน”ฉันอยากพบคุณชายเฉิน ขอร้องล่ะเธอช่วยไปบอกเขาที”
“คุณไป๋ ฉันคิดว่าคุณชายเฉินบอกคุณอย่างชัดเจนทางโทรศัพท์ในวันนั้นแล้วนะคะ เขาจะไม่พบคุณอีกตลอดชีวิต นอกจาก … ” เลขาเหยียนส่ายหัวและหัวเราะ “คุณอยากจะขอร้องเขาใช่ไหมคะ? ฉันแนะนำให้คุณเลิกคิดได้เลยค่ะ เพราะคุณชายเฉินจะไม่ยอมรับคำขอโทษและคำวิงวอนใดๆ ”
เลขาเหยียนพูดจบพลางดึงมือเธอออกจากข้อมือของเธอ หันไปหาลอว์สันแล้วพูดว่า “ที่นี่ฝากนายจัดการก็แล้วกัน ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ”
“ครับ เลขาเหยียน” หลัวเซินตอบรับด้วยความเคารพ
เมื่อไป๋ยิ่งหนานได้ยินว่าจะฝากให้หลัวเซินจัดการที่นี่ต่อ เธอก็ตกใจและเดินตามเลขาเหยียนไปที่ประตู
เลขาเหยียนกำลังเปิดประตูรถเพื่อเข้าไป และพบว่าเธอกำลังตามมา จึงชี้เข้าไปในรถ “คุณจะไปไหน ฉันจะไปส่ง”
เพื่อที่จะหลบหนีหลัวเซินให้เร็วที่สุด ไป๋ยิ่งอันรีบเข้าไปในรถของเธอโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ขณะที่รถขับออกจากบริเวณบ้านพัก เลขาเขียนก็หันมาถามเธอประโยคหนึ่งว่า”คุณจะไปไหน”
ไปยิ่งอันเอนศีรษะพิงกระจกรถ ใบหน้าที่ซีดเซียวที่น่าสงสาร ทำให้ดูน่าเห็นอกเห็นแต่ใจแต่ก็เกลียดชังในเวลาเดียวกัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ยิ่งอันก็บ่นพึมพำขึ้นมา
ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านและแม้แต่ของติดตัวสักชิ้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอเองที่หาเรื่องใส่ตัว เป็นเพราะเธอเองเรื่องทั้งหมดถึงมาถึงจุดนี้ ทำร้ายพ่อของตัวเองจนตาย ยังทำให้แม่ต้องติดคุกอีก
หากไม่ใช่เพราะเธอที่โลภมากอยากจะเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง ยั่วโมโหหนานกงเฉิน ตระกูลไป๋จะล่มสลายไปในชั่วพริบตาได้อย่างไร?
ณ เวลาเช้าตรู่ คุณผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าไปได้ยินข่าวมาจากไหน มองไปยังหนานกงเฉินที่เดินเข้ามาจากนอกร้านอาหารแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าแกไปไปป่วนพิธีแต่งงานของอันหนาน”
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาพวกเขาพยายามค้นหาความจริงของเรื่องนี้ และในขณะเดียวกันพวกเขาก็คิดหาวิธีรับมือด้วยความกลัว เพราะกลัวว่าหนานกงเฉินจะทำลายล้างตระกูล หลินในบัดดลเช่นเดียวกับตระกูลไป๋
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว พวกเขาก็พบว่าพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากออกมาขอโทษเพียงเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าหนานกงเฉินเอาแต่ถือถ้วยชาและจิบทีละนิด แต่ไม่พูดคุณนายหลินก็ทรุดตัวลงจากโซฟาลงกับพื้นพลางน้ำตาไหล”เฉิน เพื่อเห็นแก่ป้า ได้โปรดไว้ชีวิตอันหนานกับตระกูลหลินได้ไหม ฉันสาบานว่าต่อไปนี้คุณจะไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของเขา และจะไม่มาขัดขวางคุณอีก เฉิน ป้าขอร้องล่ะ … ”
เมื่อเธอมาถึง เธอก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าหากหนานกงเฉินปฏิเสธที่จะให้อภัยพวกเขา เธอจะคุกเข่าที่นี่และคุกเข่าจนกว่าเขาจะสัญญาว่าจะปล่อยตระกูลหลินไป
แม้ว่าหนานกงเฉินจะโหดร้ายและไร้ความปรานี แต่ก็ยังดีกับญาติมาก ดังนั้นเธอจึงต้องเดิมพันด้วยวิธีนี้
และแน่นอนว่าเมื่อเธอคุกเข่าลง หนานกงเฉินก็ลุกขึ้นจากโซฟาทันที แต่เขาไม่ได้มาช่วยเธอ แต่กลับจ้องมองเธออย่างไม่แยแสและพูดว่า”คุณป้า ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นยืนภายในสามวินาที ผมรับประกันว่าตระกูลหลินจะถึงจุดจบเหมือนกับตระกูลไป๋อย่างแน่นอน”
คุณนายหลินจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ
จุดจบของตระกูลไป๋ … !
หลินเต้าหรานตั้งสติได้ทัน รีบช่วยพยุงคุณนายหลินขึ้นมานั่งบนโซฟา กว่าทั้งสองจะเงยหน้าขึ้น หนานกงเฉินก็ไปเดินออกจากห้องนั่งเล่นไปเสียแล้ว
“ เฉิน … ” คุณนายหลินร้องเรียกตามเงาของเขา
หลินเต้าหรานรีบกระซิบเธอให้หยุด“ ยังร้องอยู่อีก วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเขาหรอก”
หลังจากอาศัยอยู่ในคฤหาสน์เล็ก ๆ ริมทะเลแห่งนี้ได้สองสามวัน ไป๋มู่ชิงไม่เห็นใครอื่นเลยนอกจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและป้าที่หุงข้าว
คุณป้าทำอาหารเป็นคนใบ้ ไป๋มู่ชิงแทบจะไม่มีการสื่อสารกับเธอและถามเธอว่านี่คือที่ไหนแต่ไม่ได้รับการตอบรับใดๆกลับมา เธอจึงเลิกถาม เธอเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องทุกๆวัน
นี่คือบ้านที่ไม่คุ้นเคย ทุกอย่างภายในไม่คุ้นเคย ตอนแรกไป๋มู่ชิงไม่มีเสื้อผ้าใส่ เธอจึงอยู่ในห้องนอนสองสามวันโดยห่อด้วยผ้านวมบาง ๆ
จนกระทั่งบ่ายวันรุ่งขึ้น เธอเริ่มมีความกล้าพอที่จะเดินเข้าไปในห้องเก็บของ ที่ติดกับห้องนอน สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจคือมีเสื้อผ้าของผู้หญิงมากมายอยู่ข้างใน
ภายในมีห้องเก็บของที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าสวยงาม สีแดง สีเขียว สีม่วง ผ้าบางและหนาและมีขนาดพอดีกับตัวเธอ
แน่นอนว่าเธอจะไม่คิดหลงตัวเองว่าหนานกงเฉินกักขังเธอไว้ที่นี่ จะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆจำนวนมากให้เธอ นอกจากนี้เสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็ไม่มีป้าย แสดงว่าต้องเคยมีคนใส่มาก่อน
เธอไม่รู้ว่าใครเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนและก็ไม่มีใครบอกเธอมาก่อน
แต่เมื่อลองคิดเล่นๆว่าข้างกายหนานกงเฉินก็มีผู้หญิงอยู่มากมาย มีห้อง มีเสื้อผ้าก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร เสื้อผ้าของผู้หญิงคนอื่น…หากไม่ใช่เพราะว่าเธอไม่มีเสื้อผ้าใส่ล่ะก็เธอไม่มีวันใส่อย่างแน่นอน
ไป๋มู่ชิงยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนขนาดใหญ่ ไป๋มู่ชิงเหลือบมองไปที่เสื้อผ้ามากมายที่อยู่ข้างใน จากนั้นก็หยิบชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนจากมุมตู้ออกมา
ชุดนี้มีสไตล์เรียบง่ายและมีสีสดซึ่งเธอชอบสไตล์มาตลอด ทันทีที่เธอใส่เสื้อผ้าเสร็จ เธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ชั้นล่าง
เธอจำฝีเท้าของหนานกงเฉินได้ ดังนั้นเธอจึงรู้ทันทีว่าเขากำลังอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านทันใดด้วยความประหลาดใจและความกลัว
ข่าวดีก็คือในที่สุดหนานกงเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด เธอไม่ต้องกังวลกับการอยู่ที่นี่คนเดียวอีกต่อไป แม้ว่าเธอรู้ดีว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยให้เธอออกไป แต่การขอร้องเขาก็ยังดีกว่าการที่ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเลยในระยะเวลาสามวันเต็ม !
หนานกงเฉินปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าของเธอ แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้ดีไปกว่าตอนที่เธอถูกลากออกจากฉากแต่งงานในวันนั้น เขามีสีหน้าที่โกรธมากและเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยเธอไป
ไป๋มู่ชิงถึงกับล้มเลิกความคิดที่จะขอให้เขาปล่อยตัวเองออกไปในตอนนี้
เธอก้าวถอยหลังกลับไปในห้องอย่างไม่รู้ตัว และจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง
ทันทีที่หนานกงเฉินเข้ามา ก็เห็นเธอสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนยืนเท้าเปล่าอยู่ข้างขอบหน้าต่าง ในแสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาที่เธอ ทำให้เธอราวกับเป็นเอลฟ์ที่งดงาม
ทันใดนั้นภาพก็แวบเข้ามาในความคิดของเขา ครั้งหนึ่งมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางพระอาทิตย์ขึ้นสวมกระโปรงสีฟ้าอ่อนพร้อมโบว์ขนาดใหญ่
เธอมองไปรอบๆ ดวงตาของเธอจ้องมองไปยังหลัวเซินที่ยืนอยู่กลางห้องนั่งเล่น
ในตอนนี้หลัวเซินกำลังยิ้มให้เธอและโบกมือทักทาย “สวัสดี คุณไป๋ ยินดีที่ได้รู้จัก”
เมื่อเห็นเขา ไป๋ยิ่งอันนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเขาบีบคั้นเมื่อกี่วันก่อน จนแทบอยากจะอาเจียนมื้อเที่ยงออกมา
เธอหยิบรองเท้าส้นสูงขึ้นมา ใช้ปลายรองเท้าส้นสูงตีไปที่เขา “แกยังจะมีหน้ามาเจอฉันที่นี่อีกเหรอ ไสหัวไปซะ ออกไป … !”
“ไม่ ไม่ คุณไป๋ คุณเข้าใจผิด ผมเป็นแค่คนขับรถ ผมแค่ส่งคนมาที่นี่ … ” หลัวเซินโบกไม้โบกมือพลางหลีกหนีเธอ
“คุณชายเฉินมาแล้วเหรอ” ไป๋ยิ่งอันหยุดการเคลื่อนไหวของเธอ ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็มีความสุขขึ้น คุณชายเฉินมาที่นี่แล้วงั้นเหรอ? คุณชายเฉินยกโทษให้เธอแล้วจริงๆเหรอ?
แม้ว่าครอบครัวของเธอจะถูกทำลายโดยน้ำมือของเขา แต่เมื่อได้ยินว่าคุณชายเฉินมาที่นี่ หัวใจของเธอก็จุดไฟแห่งความคาดหวังขึ้นมา
เธอไม่เหลืออะไรแล้ว ถ้าคุณชายเฉินสามารถให้อภัยเธอและยังคงเป็นสามีภรรยากันให้เธอพึ่งพาได้ แน่นอนว่าเธอเต็มใจ เพราะนี่เป็นทางออกเดียวของเธอในตอนนี้
“ คุณชายเฉินจะไม่มาที่นี่อีกต่อไป” ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงที่เก่งกล้าสามารถดังขึ้นจากบันไดวนบนชั้นสอง ไป๋ยิ่งอันเงยหน้าขึ้นและเมื่อได้เห็นเลขาเหยียน สีหน้าของเธอก็เรียบเฉย“ ทำไมถึงเป็นเธอ? เธอมาทำอะไรที่นี่? ”
เลขาเหยียนยิ้มอย่างเฉยเมยและเดินลงไปชั้นล่างด้วยรองเท้าส้นสูงอย่างช้าๆ
“คุณไป๋ บ้านหลังนี้เพิ่งเช่าได้สิบวันและเพิ่งจะหมดสัญญาในวันนี้” เลขาเหยียนดินมาหาเธอและยืนนิ่งพร้อมกับพูดว่า “ฉันมาที่นี่เพื่อจะคืนห้อง รบกวนคุณไป๋ช่วยดูหน่อยว่ามีของอะไรที่ต้องเอาไปบ้าง มิเช่นนั้นเกรงวันหลังจากวันนี้ไปจะไม่ใช่ของๆคุณไป๋อีกต่อไปแล้วค่ะ ”
“เธอพูดอะไร?” ไป่ยิ่งอันมองเธอ”เธอต้องการให้ฉันย้ายออกจากที่นี่”
“ คุณไป๋ ไม่ใช่ว่าฉันต้องการให้คุณย้ายออกไปจากที่นี่หรอกนะคะ แต่บ้านหมดสัญญาแล้วและคุณชายเฉินไม่มีแผนจะต่อสัญญาเช่าอีก”
“เธอ … ” ไป๋ยิ่งอันก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวพลางจับโซฟาข้างๆเธอด้วยฝ่ามือ และความหวังเล็ก ๆ ที่ประกายอยู่ในใจของเธอก็หายไปในทันใด
เมื่อครูเธอไม่น่าคิดอย่างเข้าข้างตัวเองเลยว่าเขาจะหายโกรธและตัดสินใจให้อภัยเธอ
เธอเพิ่งกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลไป๋ไม่นาน ซึ่งคฤหาสน์ตระกูลไป๋นั้นได้ถูกยึดไปแล้ว รวมทั้งทรัพย์สินทั้งหมดที่เป็นชื่อแม่และชื่อเธอก็ถูกยึดไปเช่นเดียวกัน
มิเช่นนั้นเธอคงจะไม่กลับมาที่นี่ แต่เธอไม่คาดคิดว่าแม้แต่ที่พึ่งสุดท้ายของเธอ หนานกงเฉินก็ยังจะยึดไปอีก ราวกับว่าหากเธอไม่ตายเขาก็จะไม่หยุด
หนานกงเฉินพูดถูก แม้ว่าเธอจะหาทางรอดได้ แต่มันจะทรมานยิ่งกว่าความตาย!
“คุณไป๋ คุณชายเฉินขอให้ฉันเตือน ว่าอย่าพยายามไปที่บ้านตระกูลหนานกงเพื่อรบกวนคุณผู้หญิงเพราะคุณชายเฉินไม่ได้ต้องการให้คุณผู้หญิงรู้เรื่องแผนการหน้าไม่อายของพวกคุณ ไม่อยากให้คุณผู้หญิงต้องโกรธ”เลขาเหยียนกล่าว
ไป๋ยิ่งอัน มองไปที่เธอ ส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “เขาโหดร้ายถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน … ”
“คุณไป๋ ฉันคิดว่าควรจะเป็นคุณชายเฉินที่ต้องถามคุณมากกว่าถึงจะถูกนะคะ” เลขาเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “จริงสิ คุณชายเฉินยังกล่าวอีกว่าจุดประสงค์ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อล้างแค้นให้กับหลานตัวน้อยของตระกูลหนานกงที่ตายไป”
ไป๋ยิ่งอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าหนานกงเฉินจะพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง เธอคิดมาตลอดว่าหนานกงเฉินให้อภัยเธอแล้ว
เลขาเหยียนยังกล่าวอีกว่า”คุณไป๋ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เชิญคุณออกไปด้วยค่ะ ฉันจะล็อคประตูแล้ว”
ทันใดนั้นไป๋ยิ่งอันก็คว้าข้อมือของเธอและวิงวอน”ฉันอยากพบคุณชายเฉิน ขอร้องล่ะเธอช่วยไปบอกเขาที”
“คุณไป๋ ฉันคิดว่าคุณชายเฉินบอกคุณอย่างชัดเจนทางโทรศัพท์ในวันนั้นแล้วนะคะ เขาจะไม่พบคุณอีกตลอดชีวิต นอกจาก … ” เลขาเหยียนส่ายหัวและหัวเราะ “คุณอยากจะขอร้องเขาใช่ไหมคะ? ฉันแนะนำให้คุณเลิกคิดได้เลยค่ะ เพราะคุณชายเฉินจะไม่ยอมรับคำขอโทษและคำวิงวอนใดๆ ”
เลขาเหยียนพูดจบพลางดึงมือเธอออกจากข้อมือของเธอ หันไปหาลอว์สันแล้วพูดว่า “ที่นี่ฝากนายจัดการก็แล้วกัน ฉันยังมีเรื่องอื่นต้องไปทำ”
“ครับ เลขาเหยียน” หลัวเซินตอบรับด้วยความเคารพ
เมื่อไป๋ยิ่งหนานได้ยินว่าจะฝากให้หลัวเซินจัดการที่นี่ต่อ เธอก็ตกใจและเดินตามเลขาเหยียนไปที่ประตู
เลขาเหยียนกำลังเปิดประตูรถเพื่อเข้าไป และพบว่าเธอกำลังตามมา จึงชี้เข้าไปในรถ “คุณจะไปไหน ฉันจะไปส่ง”
เพื่อที่จะหลบหนีหลัวเซินให้เร็วที่สุด ไป๋ยิ่งอันรีบเข้าไปในรถของเธอโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
ขณะที่รถขับออกจากบริเวณบ้านพัก เลขาเขียนก็หันมาถามเธอประโยคหนึ่งว่า”คุณจะไปไหน”
ไปยิ่งอันเอนศีรษะพิงกระจกรถ ใบหน้าที่ซีดเซียวที่น่าสงสาร ทำให้ดูน่าเห็นอกเห็นแต่ใจแต่ก็เกลียดชังในเวลาเดียวกัน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลังจากนั้นไม่นาน ไป๋ยิ่งอันก็บ่นพึมพำขึ้นมา
ตอนนี้เธอไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้านและแม้แต่ของติดตัวสักชิ้น และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอเองที่หาเรื่องใส่ตัว เป็นเพราะเธอเองเรื่องทั้งหมดถึงมาถึงจุดนี้ ทำร้ายพ่อของตัวเองจนตาย ยังทำให้แม่ต้องติดคุกอีก
หากไม่ใช่เพราะเธอที่โลภมากอยากจะเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลหนานกง ยั่วโมโหหนานกงเฉิน ตระกูลไป๋จะล่มสลายไปในชั่วพริบตาได้อย่างไร?
ณ เวลาเช้าตรู่ คุณผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าไปได้ยินข่าวมาจากไหน มองไปยังหนานกงเฉินที่เดินเข้ามาจากนอกร้านอาหารแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าแกไปไปป่วนพิธีแต่งงานของอันหนาน”