เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 146 คนที่มีข้อบกพร่อง

ไป๋มู่ชิงถอนหายอย่างเงียบสงัด พอเดินเข้าไปในห้องน้ำก็เริ่มสระผม หลังจากอาบน้ำทำอะไรเสร็จเธอเดินลงไปที่ชั้นล่าง
บนโต๊ะอาหารเช้า ผู่เหลียนเหยากับเซิ่งเคอปรึกษากันว่าช่วงสองวันนี้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เซิ่งเคอแนะนำว่าไปพักร้อนที่ทะเลของเมืองซี ชดเชยที่เมืองหลิวครั้งที่แล้ว
ผู่เหลียนเหยาทำหน้ามุ่ยอย่างทรมานใจและพูดว่า“แต่ว่าฉันเดินไปไม่ไหว อย่างนี้ก็จะเป็นภาระเปล่าๆ”
“เป็นภาระอะไรกัน ฉันอยากไปผ่อนคลายเป็นเพื่อนเธออยู่แล้ว”เซิ่งเคอเอื้อมมือไปวางที่ไหล่และหอมแก้มเธอ“ถ้าเธอเดินไม่ไหวก็ไม่เป็นไร ฉันยินดีที่จะเป็นไม้เท้าให้เธอ จะพาเธอไปทุกที่ในโลกนี้เลย”
ผู่เหลียนเหยาซึ้งจนน้ำตาไหล ผลักไปที่หน้าผากของเขาด้วยความไม่พอใจว่า“ทุกคนอยู่นี่กันหมด อย่าทำตัวน้ำเน่าแบบนี้ได้ไหม?”
“กลัวอะไรกัน พวกเราแต่งงานกันแล้วไม่ใช่ว่าแอบคบกันสักหน่อย ใช่ไหมพี่สะใภ้?”เซิ่งเคอหันไปยิ้มกับไป๋มู่ชิง
เดิมทีไป๋มู่ชิงอิจฉาควมรักที่เพิ่มขึ้นของทั้งสองมาก เห็นเซิ่งเคอไม่เคยไปจากผู่เหลียนเหยา รู้สึกประทับใจในความดื้อรั้นนั้นของเขา“พยักหน้าหัวเราะว่า“ใช่แล้วเหลียนเหยา จะมีผู้ชายบนโลกคนไหนจะดีเท่ากับเซิ่งเคอได้อีก”
เธอสาบานออกมาว่าเธอพูดออกมาจากใจจริง แต่ว่าหนานกงเฉินที่นั่งทานอาหารเช้าอยู่ข้างๆเธอกลับไม่พูดอะไรเลย มองไปที่ข้างๆเธอ
ไป๋มู่ชิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เขามองมา รู้สึกว่าตัวเองไม่ผิดและพูดว่า“ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงรู้สึกได้ถึงสายตาที่เขามองมา รู้สึกว่าตัวเองไม่ผิดและพูดว่า“ฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ?”
“ฉันรู้สึกมาโดยตลอดว่าเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดบนโลกนี้”ผู่เหลียนเหยาพูดพร้อมกับหัวเราะออกมา
“ทุกคนคุยอะไรกันถึงมีความสุขขนาดนี้”ทันดนั้นคุณผู้หญิงส่งเสียงเข้ามาที่หน้าประตูห้องอาหาร
ผู่เหลียนเหยาหยุดหัวเราะทันที“คุณย่า เซิ่งเคอพูดว่าเดี๋ยวจะพาหนูไปเที่ยวพักผ่อนที่เมืองซี หนูดีใจมากเลย”
“ไปเที่ยวพักผ่อนน่ะได้ แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวังด้วยนะ อย่าให้เกิดเรื่องเหมือนกับครั้งที่แล้วล่ะรู้ไหม?”คุณผู้หญิงพูดออกมาขณะที่เซิ่งซินพยุงมานั่งที่หัวโต๊ะ
คำพูดที่คุณผู้หญิงพูดออกมา บนโต๊ะอาหารเงียบขึ้นมาทันที ทุกคนก็เอาแต่นั่งเงียบพูดไม่จา
ไป๋มู่ชิงก้มหัวลงไปด้วยความหวาดผวา ยังคงทานอาหารเช้าในจานต่อ
“คุณย่า ท่านวางใจเถอะ ครั้งนี้พวกเราจะระมัดระวัง”ผู่เหลียนเหยาหัวเราะ พอพูดจบก็หันไปพูดกับไป๋มู่ชิงและหนานกงเฉินว่า“ใช่แล้ว พี่กับพี่สะใภ้ไปด้วยกันไหมคะ?เซิ่งซินด้วย”
“พวกเราคงจะไม่ไปหรอก พวกเธอไปกันเถอะ”ไป๋มู่ชิงตอบกลับมาโดยอัตโนมัติ
ความสัมพันธ์ตอนนี้ของเธอกับหนานกงเฉิน ไม่ทะเลาะกันก็ถือว่ามีความสุขดีแล้ว จะไปเที่ยวพักผ่อนเหรอ?
“ฉันก็ไม่ไป เดี๋ยวที่โรงเรียนก็จะมีกิจกรรมแล้ว”เซิ่งซินพูด
“ไม่ไปนั้นแหละถูกแล้ว”เซิ่งเคอเงยหน้าขึ้นมาชี้ผู่เหลียนเหยาด้วยโกรธว่า“นี่เป็นเรื่องของเราสองคน เธอจะเรียกคนไปเยอะขนาดนั้นทำไมกัน?”
ผู่เหลียนเหยาผลักมือเขาลงไป
“งั้นเราค่อยกลับไปคุยกัน”ผู่เหลียนเหยาพูดกับไป๋มู่ชิงว่า“ใช่แล้ว อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้ว วันนี้พี่สะใภ้ยังจะไปอยู่ข้างนอกอีกเหรอ?อยู่ที่บ้านฉลองด้วยกันไม่ดีกว่าเหรอคะ”
ไป๋มู่ชิงโดนเธอถามแบบนี้ก็พูดอะไรไม่ออก คำถามแบบนี้เธอจะตอบไปอย่างไร ยังไงก้จำเป็นต้องแล้วแต่หนานกงเฉิน
แต่ถ้าพูดจริงๆแล้ว ถ้าหากว่าหนานกงเฉินไม่จำกัดให้เธอออกไปเธอยิ่งยอมที่จะไปอยู่บ้านพักตากอากาศ เมื่อก่อนเธอรู้สึกไม่มีอิสระแล้ว แต่ตอนนี้ยิ่งรู้สึกไม่มีอิสระมากกว่าเดิมอีก
รู้กันอยู่ว่าผู่เหลียนเหยาขาเจ็บไปข้างหนึ่งแต่สำหรับเธอนั้นกลับไม่มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อย กลับเหมือนไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เธอที่เป็นแบบนั้นเลยทำให้ไป๋มู่ชิงรู้สึกสับสนและไม่สบายใจ
“ฉันแล้วแต่คุณชายใหญ่”ไป๋มู่ชิงตอบกลับออกมา
หนานกงเฉินไม่พูดอะไร เพียงแค่ค่อยๆทานอาหารเช้าไป
คุณผู้หญิงพูดว่า“ยังไงก็ต้องอยู่ที่บ้านฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ พอผ่านไปแล้วพวกเธออยากจะไปอยู่ที่ไหนก็ตามใจ”
คุณผู้หญิงเอ่ยปากขอแค่อยู่เทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยกัน ที่สำคัญที่สุดคือดูแลให้ไป๋มู่ชิงทานยา ในใจของไป๋มู่ชิงคงรู้ดี ในใจของเธอก็รู้สึกหนาวเหน็บเล็กน้อยและอีกตั้งหนึ่งสัปดาห์ถึงจะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ แสดงว่าเธอยังต้องอยู่ที่ตระกูลหนานกงเยอะกว่าเดิมตั้งหนึ่งสัปดาห์!
ไป๋มู่ชิงมองไปที่หนานกงเฉิน ในที่สุดหนานกงเฉินพูดก็พูดออกมาว่า“โอเคครับ”
หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เซิ่งเคอก็พาผู่เหลียนเหยาออกไปเที่ยวแล้ว เซิ่งซินก็ไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
ไป๋มู่ชิงไม่มีอะไรทำจนเดินกลับขึ้นไปบนห้องกลับพบว่าหนานกงเฉินนั่งอยู่ตรงโซฟากำลังกดรีโมทดูทีวีอยู่ ยากมากที่จะเห็นเขาว่างแบบนี้
เธอเดินเข้าไป มองไปที่เขาและถามว่า“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?”
“ใช่”หนานกงเฉินตอบอย่างเย็นชา เงยหัวขึ้นมาเห็นว่าเธอมองตัวเองด้วยท่าทางที่แปลก ไม่หยุดเลิกคิ้ว“ทำใม?ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ใช่ ฉันแค่นึกไม่ถึงเลยว่าคนบ้างานอย่างคุณชายใหญ่จะหยุดสุดสัปดาห์เหมือนกับคนอื่นเขาด้วย แทบจะไม่เคยเห็นเลย”เธอเดินไปนั่งข้างๆเขา จ้องเขาพูดว่า“คุณชายใหญ่ ฉันก็อยากหยุดอยู่สุดสัปดาห์เหมือนกัน”
“ไม่ใช่ว่าทุกวันเธอก็เหมือนกับวันหยุดเหรอ?”หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอ
“ความหมายของฉันคือฉันอยากออกไปเที่ยว”
“ฉันไม่สนใจ”หนานกงเฉินพูดทิ้งไว้กับเธอแบบนั้น
“คุณชายใหญ่คิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้วางแผนจะไปกับคุณ ฉันอยากไปเดินเล่นกับซูซี่และเหยาเหม่ย”
สีหน้าของหนานกงเฉินหม่นหมอง เขาคิดมากไปเองเหรอ?งั้นก็ดี!
“คุณชายใหญ่ ไม่ใช่ว่าคุณวางแผนที่จะคืนอิสระเหรอ?”
“คุณดูสิขนาดโทรศัพท์ยังไม่ชาร์จเลย”ไป๋มู่ชิงใช้คางชี้ไปยังโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะ ในใจคิดอย่างชอบใจว่าทั้งๆทีเขาค่อยๆเริ่มให้อภัยเธอแล้วและให้ตายยังไงก็ไม่ยอมรับ เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญจริงๆเลย
หนานกงเฉินมองไปตาม สายตาเธอ หัวเราะเบาๆว่า“คุณผู้หญิงคุณคิดมากเกินไปแล้ว ในโทรศัพท์ติดตั้งโปรแกรมบันทึกเสียงไว้แล้ว”
“คุณ……!”ไป๋มู่ชิงโมโหขึ้นมาในชั่วพริบตา
“อิสระ?เธอฝันไปเถอะ”หนานกงเฉินทิ้งรีโมทในมือและเดินไปโอบเธอไว้“อยู่บ้านดูทีวีก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปไหนแล้ว”
“อิสระ?เธอฝันไปเถอะ”หนานกงเฉินทิ้งรีโมทในมือและเดินไปโอบเธอไว้“อยู่บ้านดูทีวีก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปไหนแล้ว”
เกลียดจริงๆเลย!จ้องไปที่ด้านหลังของเขา ไปป๋มู่ชิงโกรธมาก!
ยังคิดว่าในที่สุดเขาจะไม่จับตามองเธอขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเขายังติดตั้งโปรแกรมบันทึกเสียงไว้อีก?คิดไม่ถึงเลยว่าจะทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมขนาดนี้ได้ ยังดีที่เมื่อวานเธอกลัวว่าเสียงดังจะไปกระทบกับการนอนของซูซี่เลยไม่ได้คุยโทรศัพท์ ไม่อย่างนั้นคงพังแน่ๆ
งั้นถ้าอยู่ที่นี่สองวัน กินยาสมุนไพรจีนไปสองวัน ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองต้องทุกข์ใจมากแน่
แต่ก็ไม่รู้ว่าหนานกงเฉินมัวยุ่งอยู่กับอะไร กลับมาช้ชีวิตตอนกลางคืนอีกแล้ว ถึงกระทั่งคืนวันอาทิตย์ ในที่สุดเธอก็ทนความทรมานไม่ไหว เธอเลยจ้องหนานกงเฉินด้วยท่าทางที่น่าสงสารว่า“ฉันออกไปซื้อชุดนอนได้ไหม?ฉันใส่เสื้อเชิ้ตของคุณมาตั้งหลายวันแล้ว”
“เธอจะไปกับใคร?”หนานกงเฉินยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงาน ดื่มชาและตรวจเอกสารไปด้วย
ไป๋มู่ชิงคิดดูและพูดว่า“ไปกับคุณไง”
ครั้งที่แล้วเธอพูดอยากไปกับซูซี่และเหยาเหม่ยแต่กลัยโนเขาปฏิเสธจนหมดหนทาง ดังนั้นครั้งนี้เธอเลือกที่จะไม่ดื้อเลยเปลี่ยนเป็นวิธี
เป็นไปตามคาด หนานกงเฉินยอมให้เธอตามคำขอ
เขาวงแก้ชาลงและเดินออกไปจากห้องหนังสือ
สังเกตเห็นห้างสรรพสินค้าข้างหน้า ไป๋มู่ชิงแทบจะไม่กล้าสายตาตัวเอง คิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเฉินจะไปเดินซื้อของเป็นเพื่อนเธอ?
จริงๆแล้วเธออยากออกมาหาเบาะแสของลูกสาว อยากไปคุยกับซูซี่ แต่ว่าหนานกงเฉินกำชับว่าจะไปเป็นเพื่อนเธอ เธอได้แต่ไปเดินซื้อเสื้อผ้าไปเงียบๆ
นี่เป็นห้างสรรพสินค้าที่หรูหรา ข้างในก็ใหญ่พอๆกับห้างหวาเม่า ของข้างในก็เป็นของมียี่ห้อ ไป๋มู่ชิงไม่ได้ชอบซื้อของแพงขนาดนี้ แต่ว่าวันนี้เธอมากับหนานกงเฉิน เธอได้แต่ดูแลการใช้เงินของหนานกงเฉิน
หนานกงเฉินพาเธอไปแผนกที่ขายชุดนอนโดยตรง หลังจากนั้นเอาคางชี้ไปที่รอบๆเพื่อให้ไป๋มู่ชิงไปเลือกเอง
ไป๋มู่ชิงมองไปรอบๆก็รู้สึกว่าเธอไม่เคยมาในที่แบบนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้เป็นอย่างดีขนาดนี้?
“คุณ……มาบ่อยไหม?”เธอถามออกไปด้วยความสงสัย
หนานกงเฉินมองไปที่เธอ“ถือว่าก็ไม่บ่อย”
ถือว่าก็ไม่บ่อย……งั้นแสดงว่าเคยมาหลายครั้งแล้วสิ?แต่ว่าที่นี่ขายชุดนอนและชุดชั้นในของผู้หญิงนะ เขามาทำไมกันนะ?
ก็แน่นอนว่ามาส่งผู้หญิงซื้อชุดชั้นในไง ยังจะต้องถามอีกเหรอ?
เห็นว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่หนานกงเฉินก็หัวเราะเย้าหยอกว่า“นี่เธออยากให้ฉันเล่นมุกเหรอ เล่นมุกออกมาแล้วทำไมไม่พอใจแล้วล่ะ?”
เขาพูดออกมาแบบนี้ ไป๋มู่ชิงถึงจะมีสติกลับมาได้ พูดออกมาเบาๆว่า“ฉันไม่ได้ไม่พอใจสักหน่อย”
“งั้นรีบไปเลือกชุดเร็วๆเลย”
ไป๋มู่ชิงก็เดินไปที่ร้านหนึ่งเพื่อเริ่มเลือกชุดนอน ราคาของชุดนอนข้างในแพงจนตกใจ ท่าทางของพนักงานก็นอบน้อมมาก ยิ้มและถามเธอว่าอยากได้ชุดแบบไหน
พนักงานชี้ไปที่ชุดโซนข้างในแล้วพูดว่า“ปกติแล้วคู่หนุ่มสาวชอบซื้อชุดนอนเซ็กซี่แบบนั้นกันนะ ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิง……”
“คุณไปช่วยฉันหาชุดนอนที่ทั้งถูกและสบายให้ฉันดีกว่านะ”ไป๋มู่ชิงรีบพูดแทรกเธอ หลังจากแอบมองไปที่หนานกงเฉินก็พูดด้วย
เสียงเบาๆ
พนักงานก็มองหนานกงเฉินนั่งอยู่ที่โซฟาตามเธอ ไม่เพียงแต่ไม่พูดเสียงเบาๆกลับพูดดังขึ้นว่า“ฉันดูแล้วคุณผู้ชายก็ไม่เหมือนจะเข้าใจรสนิยมแบบนี้หรอก”
“เขา……มีปัญหาทางด้านนั้น”เพื่อจะรีบกำจัดความคิดของพนักงาน ไป๋มู่ชิงเลยจำเป็นต้องโกหกออกไป
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพนักงานที่นี่จะเชื่อคนง่ายขนาดนี้ แม้กระทั่งหญิงสาวในร้านอีกสองคนที่เดินเข้ามาใกล้ก็เป็นคนเชื่อคนง่ายเหมือนกัน ทำหน้าอย่างเห็นใจและพูดเบาๆว่า“จริงเหรอคะ?ด้านนั้นเขาไม่รู้เรื่อง?เห็นกันอยู่เห็นๆว่าก็แข็งแรงดีนะ?”
“ใช่ ดูแข็งแรงดี ทำไมถึงจะไม่ได้?”
“หล่อขนาดนี้ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนมีข้อพกพร่อง?น่าสงสาร……”
ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก แค่คำพูดล้อเล่นเอง!
“ฮ่าฮ่า……ถ้าไม่งั้นก็คงไม่มาแต่งงานกับฉันแล้ว”
“ก็ถูก เมื่อครู่ฉันคิดอยู่เลยว่ายังไงต้องเป็นคุณแน่ๆที่ดูแลเขา ไม่อย่างนั้นคนที่ทั้งมีเงินทั้งหล่อแบบนี้ ทำไมจะต้องการคุณด้วย……”
“เฮ้อ……”พนักงานคนแรกทนไม่ไหวที่จะต้องพูดออกมา เธอยังคิดวางแผนจะขายเสื้อผ้าเพื่อรับค่าคอมมิชชั่นอีก
ผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าสีหน้าของไป๋มู่ชิงไม่ค่อยดีแล้ว เลยรีบพูดว่า“เอ่อ……ขอโทษนะคะ ฉันหมายถึงว่าปติแล้วผู้ชายที่มีเงินมักจะชอบไปแต่งงานกับดารา”
พูดจบ เธอก็รีบไปยืนอยู่ข้างๆ
“คุยกับพอใจหรือยัง?”ในที่สุดหนานกงเฉินพูดออกมา ลุกขึ้นมาจากโซฟาและเดินไปหาพวกเธอ
สีหน้าของผู้หญิงพวกนั้นก็เปลี่ยนไป ไม่กล้าพูดอะไรอีกเลย
มีแค่ไป๋มู่ชิงที่ถามออกไปอย่างกังวลใจว่า“พูดตามความจริงเธอคิดว่าฉันน่าเกลียดไหม?”
“ก็ไม่ได้สวยอะไร”หนานกงเฉินพูด
“……”
“ตอนนี้ถึงคราวเธอพูดความจริงแล้วว่าฉันมีปัญหาตรงไหนกัน?”
ไป๋มู่ชิงก็พูดอะไรไม่ออก
“พูดสิ”
“ที่จริงก็ยังดี”
“แค่ก็ยังดีเองเหรอ?”
“ดีมากๆ!”ไป๋มู่ชิงรีบยกนิ้วโป้งให้เขา ในใจคิดว่าถ้ากลับไปเธอต้องตายแน่ๆเลย
โถ่ เป็นความผิดของเธอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็สามารถทำลายน้ำใจของพนักงาน เพราะอะไรถึงต้องพูดคำพูดพวกนั้นให้หนานกงเฉินโมโหด้วย?
หนานกงเฉินยังคงไม่พอใจ อย่างไรก็ตามในมุมผู้ชายเรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นการดูถูกกันอย่างมาก เธอเอามือพยุงที่เองของไป๋มู่ชิงและกระซิบว่า“ภาพลักษณ์ของฉันโดนคุณทำลายหมดแล้ว คุณว่าฉันพาคุณไปลองชุดดูดีไหม?”
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ นี่ก็แค่พูดเล่นเองไม่ใช่เหรอ” ไป๋มู่ชิงยิ้มแห้งๆ จ้องไปที่ผู้หญิงพวกนั้นพูดว่า“จริงๆแล้วฉันมองว่าพวกคุณสวยกว่าฉันอีก เลยกลัวว่าพวกเธอจะแย่งสามีของฉันดังนั้นเลยพูดออกไปแบบนั้น”
พนักงานก็หัวเราะไปกับเธอ“จริงๆแล้วก็เข้าใจผิดกันนี่เอง เข้าใจผิด……”
พนักงานอีกคนได้หยิบชุดนอนที่เป็นชุดกระโปรงมาให้ไป๋มู่ชิง“คุณผู้หญิง คุณอยากได้ชุดที่ทั้งถูกทั้งสบายใช่ไหมคะ?ชุดนี้ใส่สบาย
มาก เป็นผ้าฝ้าย”
“งั้นดีเลย งั้นช่วยหยิบไซต์ใหญ่ให้หน่อยนะคะ”ไป๋มู่ชิงรีบตอบไปอย่างไว
ซื้อชุดนอนที่ร้านนี้ไปสองชุดและซื้อชุดชั้นในไปอีกสองสามชุด ในที่สุดทั้งสองคนก็ตั้งใจจะออกไปแล้ว
ตอนที่ส่งพวกเขาออกจากร้านนั้น พนักงานยังยืนหยัดที่จะถามหนานกงเฉินว่า“คุณผู้ชาย ไม่ลองพิจารณาชุดชั้นในและชุดนอนพวก
นั้นดูหน่อยเหรอคะ?”
หนานกงเฉินหันไปยิ้มพูดว่า“ไม่ต้องหรอก เธอใส่เสื้อเชิ้ตของฉันมันยั่วยวนมากกว่าชุดที่เซ็กซี่พวกนั้นอีก”
พนักงานอึ้งไปเลย
หน้าของไป๋มู่ชิงแดงขึ้นมาทันที
คิดในใจว่าเขานั้นเปิดเผยมากกว่าเธออีก ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูดออกมา
เพียงแต่ว่า……เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าตัวเองใส่เสื้อเชิ้ตของเขา สำหรับเขาแล้วมันจะไปยั่วยวนเขา โชคดีแล้วที่วันนี้เธอออกมาซื้อชุดนอน ไม่อย่างนั้นเธอเองก็ไม่รู้เหมือนว่าในทุกๆคืนเธอจะต้องเจอเรื่องอันตรายอะไรบ้าง
“อยากซื้ออะไรอีกไหม?”หนานกงเฉินถามเธอ
“ไม่ต้องค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว”ไป๋มู่ชิงตอบ
“งั้นพวกเรากลับกันเถอะ”
“อ้อ”จริงๆแล้วไป๋มู่ชิงอยากถามเขาว่ายังเช้าอยู่เลยจะรีบกลับไปทำอะไร ตอนนี้ยังเช้ายังสามารถไปดูหนังได้ แต่ว่าเธอยังไม่ทันอ้าปากพูดเธอก็เห็นคนรู้จัก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเฉียวซือเหิงกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง !
ไป๋มู่ชิงตกใจไปเลยเพราะผู้หยิงที่อยู่ข้างๆเฉียวซือเหิงไม่ใช่ซูซี่!
ผู้หญิงคนนั้นสวย หุ่นดี แต่ที่ทำให้เธอตกใจที่สุดนั้นคือเฉียวซือเหิงอุ้มเด็กทารกที่เหมือนอายุได้เพียงสามสี่เดือนเท่านั้น พวกเขาพึ่งจะเดินออกมาจากแผนกแม่และเด็ก
ในเวลานั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เห็นพวกเขาแล้ว ทำสีหน้าตกใจมากเหมือนกัน
“บังเอิญจัง” เฉียวซือเหิงยิ้มออกมาเบาๆ
หนานกงเฉินยิ้มเย้าหยอกตอบพวกเขาไปไปว่า“ทั้งสองคนเก็บตัวเก่งเหมือนกันนะ”
ฟางมี่ยังคงยังคงมีท่าทางอ่อนโยน รีบหยุดท่าทางออดอ้อนนั้นและพูดกับหนานกงเฉินว่า“คุณชายเฉินช่วยปิดเป็นความลับให้ด้วยนะไม่อย่างนั้นคุณผู้หญิงเฉียวฆ่าฉันแน่”
“เธอไม่กลัวคุณผู้หญิงเฉียวเหรอ?”
“แน่นอนสิ”ฟางมี่ยิ้มอย่างโอหังพูดว่า“แต่ว่านี่แค่ชั่วคราว รอฉันท้องลูกชานคนที่สอง ฉันจะให้เธอคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนฉัน!ใช่ไหมคุณชายเฉียว?”
ฟางมี่เขย่งเท้าไปหอมแก้มเฉียวซือเหิงและใช้มือลูบไปที่หมวกของลูก
ไป๋มู่ชิงมองเด็กตัวขาวและตุ้ยนุ้ยที่อ้อมกอดของเฉียวซือเหิง เด็กน้อยที่น่ารัก เธอกำลังจัดการตัวเองจากอาการตกใจนี้ เธอรู้ว่าความสัมพันธ์ของซูซี่กับเฉียวซือเหิงไม่ค่อยดีนัก แต่ยังไงก็ไม่คิดว่าเฉียวซือเหิงจะมีผู้หญิงคนอื่นแถมยังมีลูกด้วยกันอีกด้วย
เฉียวซือเหิงยกมือขึ้นมาดีดหน้าผากของฟางมี่ ใชค้างชี้ไปที่ไป๋มู่ชิง“อยู่ดอะไรมั่วซั่ว คุณนายน้อยตระกูลหนานกงคนนี้จะเป็นพี่สาวที่ดีให้ซูซี่”
“พี่สาวที่ดี?”ฟางมี่ตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็มองไปที่ไป๋มู่ชิง
ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็ได้สติกลับมา มองไปที่เฉียวซือเหิงอย่างโมโหว่า“เด็กคนนี้คือลูกเธอเหรอ?”
ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็ได้สติกลับมา มองไปที่เฉียวซือเหิงอย่างโมโหว่า“เด็กคนนี้คือลูกเธอเหรอ?”เฉียวซือเหิงยังไม่ทันได้ตอบ ฟางมี่กลับตอบมาด้วยความโกรธว่า“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน?เป็นไปได้ฉันก็จะมีลูกชายคนที่สอง?ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าพูดแล้วต้องรับผิดชอบ!”

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset