เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 49 อดีตของเขา

ไป๋มู่ชิงรู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที เรื่องนี้ที่จริงแล้วเป็นเพราะเธอทำให้มันเกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้หนานกงเฉินแต่งงานกับภรรยาหลายคนแต่ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ และเธอเพิ่งจะแต่งเข้ามาเดือนกว่าๆก็ผลักดันให้ไปอยู่แนวหน้าแล้ว มิน่าล่ะคุณผู้หญิงถึงได้โกรธและให้เธอคอยรับใช้ที่ศาลบรรพบุรุษ และก็ไม่แปลกที่หนานกงเฉินจะโกรธจนแม้แต่เรื่องงานเลี้ยงที่สำคัญขนาดนี้ยังไม่บอกเธอ
หนานกงเฉินไม่บอกเธอเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้ หรือว่าหมายความว่าเธอไม่ต้องไปร่วมงาน? แต่ว่าเธอคือนายน้อยหญิงของตระกูลหนานกง ถ้าไม่ออกงานจะไม่ถูกผู้คนสงสัยหรอ?
แต่ในเมื่อตัวหนานกงเฉินเองก็ไม่ได้สนใจ เธอก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอก เอนในห้องที่เงียบสงบก็ไม่เลว
“พี่สะใภ้ พี่กับพี่ชายเข้ากันไม่ค่อยได้ใช่หรือไม่?” ผู่เหลียนเหยาถามอย่างละเอียด “ฉันรู้สึกว่าพี่สองคนอยู่ด้วยกันน้อยมาก แม้แต่พูดคุยยังไม่ค่อยพูดกันเลย”
ไป๋มู่ชิงถอนหายใจอย่างจำใจ “เธอไม่ใช่ไม่รู้จักเขา เย็นขาเหมือนกับน้ำแข็ง ยากที่ใครจะเข้าถึง”
“ใช่แล้ว” ไป๋มู่ชิงคิดอะไรขึ้นมาอย่างหนี่ง มองที่ผู่เหลียนเหยาแล้วถาม “ภรรยาคนก่อนๆของเขาอยู่ร่วมกันดีมั๊ย? แล้วยัง…… พวกเธอตายยังไง คงไม่ใช่ว่า……”
เธอถามไปอย่างไม่อาย และก็ไม่อายที่จะพูดถึงภรรยาเก่า ต่อหน้าผู่เหลียนเหยา
ผู่เหลียนเหยากลับดูเฉยเมย ยิ้มและส่ายหัว “ฉันและเซิ่งเคอเริ่มคบหากันมาเมื่อสองปีก่อน และได้เข้ามาในตระกูลหนานกงเมื่อปีที่แล้ว ดังนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องในสมัยก่อนเท่าไหร่”
“เฮ้อ…..” ไป๋มู่ชิงแสดงออกถึงความผิดหวัง
ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ผู่เหลียนเหยาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “แต่ฉันเคยได้ยินเซิ่งเคอพูดว่า พี่ชายเคยชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ก็เลยไปสู่ขอเธอมาเป็นภรรยา แต่ต่อมาหลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นได้ยินข่าวเกี่ยวกับตระกูลหนานกง ก็ได้ทอดทิ้งเขาไป พี่ชายสะเทือนใจกับเรื่องนี้มาก เขาจึงเริ่มยอมรับการจัดการของคุณย่า แต่งงานกับหญิงแปลกหน้าเป็นภรรยาของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า พี่ชายน่าสงสารมาก”
ไป๋มู่ชิงกัดฟัน เธอได้เข้าใจหนานกงเฉินจากคนอื่นเป็นครั้งแรก
“ผู้หญิงคนนั้นคงสวยมากใช่มั๊ย?” เธอถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ผู้หญิงที่สามารถทำให้คนเย็นชาอย่างหนานกงเฉินชอบ น่าจะรูปร่างหน้าตางดงามราวกับนางฟ้า?
ผู่เหลียนเหยาส่ายหัว “ไม่มีใครเคยเห็นหน้าเธอ แต่ฉันได้ยินมาว่า ตอนเด็กเธอช่วยชีวิตพี่ชายไว้ ดังนั้นพี่ชายก็เลยรู้สึกลึกซึ้งกับเธอเป็นพิเศษ
ที่แท้ก็เป็นผู้มีบุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ มิน่าล่ะถึงได้รับความรักจากชายที่เย็นชาคนนี้
เพียงแค่คิดไม่ถึงว่าคนที่โดดเด่นอย่างหนานกงเฉินก็ยังถูกทอดทิ้ง ผู้ชายที่มั่นใจในตัวเองอย่างเขา คงยากที่จะยอมรับเรื่องนี้
หลังจากผู่เหลียนเหยาออกไปจากห้อง ไป๋มู่ชิงเดินมาหยุดที่หน้าห้องนอนของหนานกงเฉินโดยไม่รู้ตัว หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยกมือขึ้นเคาะประตู
“เข้ามา” เสียงดังผ่านประตูลอยเข้ามาในหูของเธอ
หลังจากเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้ามาไม่กี่ก้าว ในที่สุดก็ได้เห็นหลังของหนานกงเฉิน ตอนนี้เขากำลังยืนสูดอากาศที่หน้าต่าง ที่เขี่ยบุหรี่ด้านข้างเต็มไปด้วยก้นบุหรี่
เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาสูบบุหรี่ และคิดไม่ถึงว่าท่าทางการสูบบุหรี่ของเขามีเสน่ห์ดึงดูดขนาดนี้
อาหารเช้าเพิ่งจะผ่านไปแค่ชั่วโมงเดียว ในที่เขียบุหรี่กลับเต็มไปด้วยก้นบุหรี่เยอะขนาดนั้น เขาไม่อยากเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้?
เขาหันมา ไม่แปลกใจกับการปรากฏตัวของเธอ และก็ไม่ถามด้วยว่าทำไมเธอถึงเข้ามา แต่กลับมองไปที่เธอและถามด้วยเสียงเศร้าๆ “ผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกับเธอใช่ไหม พอได้ยินว่าผู้ชายที่จะชอบแต่งงาน ก็คิดหาวิธีทำลายมัน”
หมายความว่ายังไง ไป๋มู่ชิงงงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รีบอธิบายทันที “ไม่ใช่ ฉันไม่เคยบอกคุณเหรอ ฉันตัดใจจากหลินอันหนานนานแล้ว ฉันไม่ได้แยกพวกเขาออกจากกันเพื่อไปแต่งงานกับเขา ก็แค่……”
“พอเถอะ” หนานกงเฉินบอกให้เธอหยุด น้ำเสียงกลับสู่ความเย็นชา “มาหาฉันมีธุระอะไร?”
ความคิดของผู้ชายคนนี้เปลี่ยนไปมาเร็วนัก ไป๋มู่ชิงหมดคำพูด
หรือว่างานเลี้ยงแนะนำตัวคืนนี้จะทำให้ผู้คนจับจ้องเขา? รวมถึงผู้หญิงที่ทิ้งเขาไปคนนั้น? เขารอให้เธอกลับมาทำลายงานแต่งของเขา?
ไป๋มู่ชิงส่ายหัว เธอกำลังคิดอะไร? ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้วเขายังจำผู้หญิงคนที่ทิ้งเขาไปได้ยังไง
“นั้น……” เธอพูดอย่างละอายใจทางด้านหลังของเขา “อันที่จริงฉันจะเข้ามาขอโทษคุณ ฉันคิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ฉันขอโทษ”
หนานกงเฉินยิ้มอย่างเย็นชา “บนโลกใบนี้ สิ่งที่ไม่มีความหมายที่สุดคือ คำว่า ‘ขอโทษ’ คำนี้”
ไป๋มู่ชิงพูดไม่ออกด้วยคำพูดของเขา และเธอก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“ยังมีธุระอะไรอีก?” เขาถาม
“ไม่ ไม่มีแล้ว” ไป๋มู่ชิงรู้สึกถึงความรำคาญใจของเขา เดินหันกลับออกจากห้องนอนไป
งานเลี้ยงจัดขึ้นในคฤหาสน์ของตระกูลหนานกง ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่มสักครู่ ไป๋มู่ชิงยังคงรอคำพูดไม่กี่คำจากหนานกงเฉิน
เธอซ่อนตัวอยู่คนเดียวในห้องนอน ไม่รู้แม้กระทั้งว่าควรไปงานเลี้ยงคืนนี้หรือไม่ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีใครบอกเธอ
แสงไฟในสวนดอกไม้ส่องเข้ามา แขกมากมาย
หลังจากที่รอมานานสาวใช้ก็นำชุดราตรีมาให้เธอ เธอรับกล่องอย่างดีใจแล้วเปิดมันออกดู เป็นชุดราตรีไหล่เดียวสีขาวราวกับหิมะ ช่วงคอของชุดราตรีออกแบบเป็นใบบัว ช่วงเอวมีช่อดอกบัว รูปแบบไม่ได้โดดเด่นมาก แต่มีดูสเน่ห์ และงดงามมาก
มองแค่แวบเดียว เธอก็ยิ่งชอบ
คนรับใช้ให้เธอเปลี่ยนชุดราตรีและลงไปรับแขกข้างล่าง ไป๋มู่ชิงไม่กล้าทำเชื่องช้า เปลี่ยนชุดเสร็จก็หมุนตัวหน้ากระจกหนึ่งรอบ มองดูความสวยงาม สวมอยู่บนร่างกายของเธอก็ไม่เลว แต่ไม่รู้ว่าสายตาของใครกันที่รู้ใจเธอจริงๆ
แน่นอน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะต้องกังวลเรื่องนี้ เธอแต่งตัวเสร็จก็ลงไปชั้นล่างอย่างเต็มใจ
ที่ชั้นล่าง คุณผู้หญิงและหนานกงเฉินกำลังทักทายแขกอยู่ในห้อง
มองเห็นเธอลงมา คุณผู้หญิงกล่าวตำหนิเธอ “สายป่านนี้แล้วทำไมเพิ่งมา?”
ไป๋มู่ชิงไม่พูดอะไร จริงๆแล้วก็คือพวกเขาไม่ได้บอกให้เธอลงมา
เธอก้มหน้าลง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นเธอก็พบว่าหนานกงเฉินกำลังมองตัวเองอยู่ ไม่สิ มองชุดที่เธอสวมใส่อยู่ แม้ว่าสายตาจะตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้พิสมัย
หมายความว่ายังไง? ชุดที่เธอใส่ไม่สวยเหรอ? ไม่เหมาะสมเหรอ? แม้ว่ามันจะดูไม่ดี แต่ก็เป็นตระกูลหนานกงที่จัดให้เธอ ดังนั้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
หนานกงเฉินจูงข้อมือของเธอ ดึงเธอไปข้างหลัง มองสำรวจชุดราตรีที่เธอใส่แล้วถามว่า “ทำไมไม่ใส่ชุดสีม่วง?”
“เอ๋?” ไป๋มู่ชิงไม่เข้าใจ ชุดสีม่วงอะไรกัน?
”ฉันถามว่า ทำไมไมใส่ชุดสีม่วง?”
มีชุดสีม่วงเหรอ? ไม่เห็นมีนิ่ หรือว่าเธอมองไม่ชัด?
ไม่ว่ายังไง ไม่ควรใส่ก็ใส่แล้ว ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกนอกจากตอบแบบสบาย ๆ : “เพราะฉันคิดว่าชุดนี้เหมาะกับฉันมากกว่า”
“กลับไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้” หนานกงเฉินสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ทำไม?”
“เดี่ยวนี้”
ไป๋มู่ชิงเห็นสีหน้าที่เรียบเฉยของเขาก็ไม่กล้าถามอะไรมาก ‘อืม’ แล้วหันกลับขึ้นไปชั้นบน
“เฉิน ยิ่งอัน มานี่สิ” คุณผู้หญิงกวักมือเรียกทั้งสองคน
ไป๋มู่ชิงเห็นหนานกงเฉินโมโห และเห็นคนกำลังมองมาที่ตัวเอง คือคุณผู้หญิงที่กำลังรอจะแนะนำเธอกับแขก เธอก็ทำได้แค่เดินไปหาคุณผู้หญิงข้างหน้า
“นี่คือผู้จัดการหลิว หลิวหมิน” คุณผู้หญิงแนะนำไปทางทั้งคู่ จากนั้นก็แนะนำหนานากงเฉินและไป๋มู่ชิงกับผู้จัดการหลิว
หลังจากแขกมาทีละคน ไป๋มู่ชิงก็ยุ่งจนไม่มีเวลาขึ้นไปเปลี่ยนชุด ทำได้แค่ล้มเลิกความคิดนั้นไป

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset