ตอนที่ซูวยาหยงเห็นไป๋มู่ชิงเดินชนกับหนานกงเฉินนั้นก็ตะลึงไปเลย
ทำไมหนานกงเฉินถึงมาอยู่ที่นี่ได้?ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้กันนะ?
ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนปลิ้นปล้อน มีเจตนาที่ไม่ดีแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดี เธอกังวลว่าถ้าเกิดไป๋มู่ชิงทำเรื่องที่ตัวเองวาแผนมานั้นเสียหมดล่ะ
หนานกงเฉินเห็นไป๋มู่ชิงเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดอะไร เลยใช้มือจับคางเธอและถามไปว่า“ฉันกำลังถามเธออยู่นะ?”
ไป๋มู่ชิงค่อยๆได้สติขึ้นมา จ้องเขาทั้งน้ำตาพูดว่า“ฉัน……”
“ยิ่งอัน”ซูวยาหยงเดินเข้าไปทันที ไปยืนอยู่ที่หน้าของทั้งสองอย่างเลี่ยงไม่ได้ จับมือไป๋ยิ่งอันแล้วพูดว่า“เด็กคนนี่ ร้องไห้ทำไมกันล่ะ?เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงเรามักจะต้องเจอ
“แม่”หลังจากที่หนานกงเฉินทักทายกับซูวยาหยง ก็รีบเข้าไปโอบไป๋มู่ชิง“เป็นอะไร?เสียใจอะไรขนาดนี้กัน?”
หัวใขของเธอเต้นอย่างรวดเร็ว อีกนิดเดียวก็เกือบจะบอกเขาไปแล้วว่าเธอท้องและแม่รองบังคับให้เธอเอาเด็กออก แต่ว่าพูดออกไปแล้วมันจะมีประโยชน์เหรอ?เดิมทีหนานกงเฉินก็ไม่ได้อยากมีลูกอยู่แล้ว เขาจะไล่ให้เธอไปผ่าตัดเอาเด็กออกเหมือนกับแม่รองไหม?
เธอทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงเวลานั้นเธอจะไม่สามารถปกป้องลูกได้ เพราะแม้แต่ตัวเองก็อาจจะถูกฆ่าเพราะโกหกเรื่องที่แต่งงานเข้าไปในตระกูลหนานกง
ในใจที่รู้สึกผิดของเธอก็เต็มไปด้วยความกดดัน เธออยากจะพูดออกไปแต่ทันใดนั้นซูวยาหยงแย่งเธอพูดว่า“ลูกรักถ้าเธอไม่กล้าพูด งั้นให้คุณชายเฉินพูดละกันนะ”
พอซูวยาหยงพูดจบก็หันไปหัวเราะเจื่อนๆว่า“เรื่องเป็นอย่างงี้ ฉันเห็นว่าไป๋ยิ่งอันไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เลยพาเธอมาโรงพยาบาล คุณหมอพูดว่าเยื่อบุโพรงมดลูกของเธอบางเกินไป ชีวิตนี้ยังไงก้คงตั้งครรภ์ไม่ได้ เธอเลยร้องไห้ ดังนั้น……”
เธอยิ้มนิ่งๆและพูดว่า“และคุณหมอยังพูดอีกว่า ถ้าดูแลตัวเองดีๆยังไงก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ในไม่ช้าก็เร็ว”
หนานกงเฉินก้มลงไปมองไป๋มู่ชิงที่กำลังร้องไห้อยู่ พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างโกรธว่า“ในใจเธอน่าจะรู้ดีนะว่าทำไมถึงตั้งครรภ์ได้ยาก?ทำไมถึงยังจะต้องมาตรวจอีก?”
“ขอโทษด้วยนะ ฉันบังคับให้เธอมาเองเพราะว่า……เห็นพวกเธอสองคนแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่ตั้งครรภ์เลยเลยคิดว่ายังไงร่างกายก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ”ซูวยาหยงพูด
หนานกงเฉินพยักหน้า ยิ้มไปด้วยกับพูดว่า“ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะตั้งครรภ์ไหม ดังนั้นตรวจก็ตรวจไปเถอะ ไป กลับบ้านกลับฉันเดี๋ยวนี้”
พอพูดจบ เขาก็พยุงไป๋มู่ชิงเดินไปทางทางหนีไฟ
เขาไม่สนใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้ไหม บางทีในใจของเขาถ้าเธอตั้งครรภ์ไม่ได้อาจจะดีที่สุดก็ได้ ไป๋มู่ชิงเช็ดน้ำตาบนหน้าของเธอ ไม่พูดอะไรสักประโยคเลยก็เดิมตามหนานกงเฉินไปที่ลิฟต์
ซูวยาหยงเห็นว่ายังไงเธอจะต้องกลับไปกับหนานกงเฉิน พูดอย่างกระวนกระวายว่า“ยิ่งอัน”หลังจากนั้นก็เดินตามพวกเขา ไปจับมือเธอด้วยหน้าที่ยิ้มแย้ม“กลับไปกับแม่ดีกว่านะ คุณชายเฉินยังต้องไปทำงานอีก”
ไป๋มู่ชิงมองเธอและจ้องไปที่หนานกงเฉินอย่างมีความหวัง ในใจลึกๆเธอหวังว่าหนานกงเฉินจะพาเธอออกไปจากโรงพยาบาล
หนานกงเฉินไม่ทำให้เธอผิดหวัง มองไปที่ซูวยาหยงแล้วพูดว่า“ให้เธอกลับด้วยกันดีกว่า ไม่มีเธอผมไม่ชินเลย”
“เอ่อ……”ซูวยาหยงพูดอะไรไม่ออก
“แม่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“คืออย่างงี้ ยิ่งอันตกลงกับพ่อเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวด้วยกันพรุ่งนี้ ตั๋วอะไรก็ซื้อไว้หมดแล้ว”
“อย่างนี้เองเหรอ?เครื่องออกกี่โมง?เดี๋ยวผมไปส่งเธอที่สนามบินเอง”หนานกงเฉินพูด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาไม่อยากให้ไป๋มู่ชิงกลับไปกับซูวยาหยง น่าจะเป็นเพราะว่าสะเทือนใจที่เห็นน้ำตาบนหน้าของเธอ
หนานกงเฉินพูดไปแบบนั้นแล้วซูวยาหยงไม่รู้จะพูดอ้างอะไรอีก เธอหันไปจ้องที่ไป๋มู่ชิง“ยิ่งอัน ลูกคิดว่าอย่างไร?”
ไป๋มู่ชิงประชันหน้ากับเธอ รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของเขาบอกเตือนเป็นนัย เธอพูดออกไปอย่างลังเลว่า“งั้นให้คุณชายเฉินไปส่งที่สนามบินก็ได้ค่ะ”
สรุปได้ว่าเธอกลับไปไม่ได้เพราะยังไงก็จะไม่เอาเด็กคนนี้ออก
ซูวยาหยงได้ยินเธอพูดแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะโมโหมากแต่ว่าเนื่องจากว่าหนานกงเฉินอยู่ตรงนั้นเลยได้แต่ยิ้มและพูดว่า“ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว งั้นพวกเราเจอกันที่สนามบินพรุ่งนี้นะ ยังไงก็อย่ามาสายล่ะ ไม่อย่างงั้น……พ่อจะโกรธเอานะ”
ยังคนเป็นสัญญาณเตือนอยู่จางๆขอเพียงแค่ไป๋มู่ชิงเท่านั้นที่เข้าใจ
“รู้แล้วค่ะ”ไป๋มู่ชิงพูดจบก็กลับไปกับหนานกงเฉิน
กลับไปถึงที่รถ ไป๋มู่ชิงพิงอยู่ที่เบาะอย่างเงียบๆทั้งหมดนี้ราวกับฝันไป
เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกลับมาจากความเป็นความตาย ยิ่งกว่านั้นเธอซาบซึ้งใจมากที่หนานกงเฉินรับเธอกลับมา
หนานกงเฉินไม่ได้รีบขับรถอะไร สังเกตเธอและพูดมาหนึ่งประโยคว่า“กลัวตั้งครรภ์ไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงที่เต็มไปด้วยน้ำตาพูดออกมาด้วยความทรมาน
หนานกงเฉินหยิบกระดาษทิชชู่ให้เธอ“พอแล้ว เช็ดน้ำตาได้แล้ว ฉันพูดแล้วว่าไม่เป็นไรและก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะมีลูกสักหน่อย”
ไป๋มู่ชิงหยิบกะดาษทิชชู่มาซับน้ำตาแต่กลับยิ่งร้องไห้ออกมา แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาไม่ได้วางแผนที่จะมีลูก ดังนั้นเลยไม่ได้บอกความจริงให้เขารู้!
เห็นว่าเธอไม่พูดอะไรออกมาเลยตั้งแต่แรกจนจบ หนานกงเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย ก็ค่อยๆขับรถกลับตระกูลหนานกง
ถึงบ้านตระกูลหนานกง คุณผู้หญิงสังเกตเห็นไป๋มู่ชิงเลยถามเธอไปด้วยใบหน้าที่งงงวยว่า“ไม่ใช่ว่าจะกลับไปอยู่บ้านสักช่วงหนึ่งเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงมองไปที่หนานกงเฉิน หนานกงเฉินเลยพูดทันทีว่า“ผมไปรับเธอกลับมาเอง”
“ทำไมกันล่ะ?”
“จะเป็นเพราะอะไรได้ล่ะ?ไม่ใช่ว่าคุณย่าให้พวกเราอยู่ด้วยกันหรอกเหรอ?”
“แต่ว่า……”
“คุณย่า ท่านอย่าแต่เลย พวกเราของกลับห้องก่อนนะ”หนานกงเฉินพาไป๋มู่ชิงขึ้นไปข้างบน
ได้แต่มองพวกเขาเดินจากไป คุณผู้หญิงถามด้วยความประหลาดใจว่า“ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนเปลี่ยนเป็นดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ห่างกันแค่วันเดียวก้ไม่ได้แล้ว?”
พี่เหอถามอยู่ข้างๆด้วยความกังวลว่า“นั้นสิ งั้นถ้าหลังจากนี้จะทำอย่างไรล่ะ”
“เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนดีขึ้น ฉันทำอะไรผิดขั้นตอนไปหรือเปล่า?”คุณผู้หญิงพูดพึมพำ ระหว่างพวกเขาก็แค่อยากทำให้ไป๋มู่ชิงมีความสุขเท่านั้นเอง เป็นผลดีกับลูกในท้อง ไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร
กลับถึงห้อง ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งพิงที่หัวเตียงและดึงผ้าห่มมาห่ม
หนานกงเฉินเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเธอเลยถามเธอว่า“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ฉันไม่เป็นไร”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัว ทันทีหลังจากนั้นเธอเงยหน้าและจ้องเขาพูดว่า“คุณไปทำงานเถอะ ไม่ต้องกังวลกับฉันหรอก”
“ฉันก็ไม่ได้อยากกังวลหรอก แต่ว่าเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันไม่สบายใจจริงๆ รู้ไหม?”
“ฉันขอโทษ”
“ช่างมันเถอะ เธอพักผ่อนเลย เดี๋ยวฉันกลับไปที่บริษัทก่อน”
“โอเค วันนี้……ขอบคุณมากเลยนะ”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างซาบซึ้ง ถ้าเกิดว่าไม่บังเอิญมาเจอเธอก็คาดว่าเธอคงช่วยลูกเอาไว้ไม่ได้
หลังจากหนานกงเฉินไปแล้วไป๋มู่ชิงก็ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้และนอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกกังวล เธอหลับตาลงพายามจะทำให้ตัวเองสงบลง คิดว่าหลังจากนั้นจะทำอย่างไรดี
ไป๋มู่ชิงนอนอยู่บนเตียงไปหนึ่งวัน ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ขึ้นมา
บนหน้าจอโทรศัพท์เต็มไปด้วยเจ็ดสิบกว่าสายที่ซูวยาหยงและไป๋ยิ่งอันสองแม่ลูกโทรมา ดูแล้วพวกเขาสองคนต้องกังวลจนใกล้จะเป็นบ้าแล้วแน่ๆ
หลังจากนั้นมีวีดีโอส่งมาในวีแชท ตอนที่เธอเห็นวีดีโอนั้นหน้าก็ซีดไปเลย เสี่ยวหยี่ที่ผอมจนเหลือแต่กระดูกและยังร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน ในที่สุดต่อมน้ำตาก็แตก
ด้านล่างยังมีข้อความเสียงของไป๋ยิ่งอันอยู่หนึ่งข้อความ เธอหัวเราะออกมาด้วยความมั่นใจเช่นเคยว่า“คุณหนูไป๋ คุณต้องไปตามหาพวกเขาให้ทั่วนะ ฉันมีข่าวร้ายจะบอกกับคุณด้วย วันนี้พวกเขาย้ายที่อีกแล้วเกรงว่าคุณจะหาตัวพวกเขาได้อยากขึ้นไปอีก”
ไป๋มู่ชิงโยนโทรศัพท์ไปบนเตียวด้วยความโมโห หลังจากนั้นก็นอนร้องไห้อยู่บนเตียงด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
เธอไม่เคยหาพวกเขาเจอเลย เลยวานให้คุณหนูหยวนกุยและเพื่อนฉันชื่อซูซี่ที่ไปเรียนอยู่ที่ยุโรปและอเมริกาช่วยหา แต่น่าเสียดายที่หาไม่เจอ
ดูแล้วสองแม่ลูกตระกูลไป๋คิดไว้อย่างรอบคอบกว่าเธออีก
เธอนอนร้องไห้อยู่ที่เตียงพักใหญ่ ไป๋มู่ชิงถึงจะค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง เช็ดคราบน้ำตาบนหน้าเพราะร้องไห้อย่างเสียใจหน้าอกเธอก็ค่อยๆแผ่วลง
หลังจากนั้นเธอคลานไปเอาโทรศัพท์ที่อยู่ตรงกลางเตียงโทรกลับไปหาไป๋ยิ่งอัน
พึ่งจะโทรติดได้ไม่นาน ในนั้นไป๋ยิ่งอันก็หัวเราะเยาะเย้ยว่า“ว่าอย่างไรน้องสาว?ในที่สุดก็รับโทรศัพท์สักทีนะ?”
ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดอย่างไม่สนใจว่า“ไปเจอกันที่ร้านกาแฟที่เจอกันคราวที่แล้ว”
“ทำไมต้องไปที่ร้านกาแฟด้วยล่ะ?เธอมาที่บ้านตระกูลไป๋ก็ได้นะ”
“คุณหนูคนโตเลือกที่จะไม่มาก็ได้นะ”ไป๋มู่ชิงพูดจบก็วางสายไปเลย
หลังจากที่วางสายไปแล้ว เธอเดินไปเก็บกวาดของที่ห้องน้ำให้สะอาด หลังจากเปลี่ยนชุดก็ลงไปด้านล่าง
ที่ด้านล่าง คุณผู้หญิงเห็นว่าเธอกำลังลงมาเลยถามเธอว่า“ยิ่งอัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อวานเธอบอกว่าจะกลับไปอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ”
“คุณชายใหญ่พูดว่าไม่ชิน ดังนั้นก็เลย……”เธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ ยิ้มพูดว่า“คุณย่าวางใจเถอะค่ะ ยังไงหนูก็จะดุแลเด็กคนนี้ให้ดี ทำให้เขาออกมาลืมตาดูโลกอย่างแข็งแรง”
พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เดิมทีที่คุณผู้หญิงทำหน้าตาเคร่งขรึม กลับยิ้มออกมาว่า“งั้นก็ดีแล้ว”
หลังจากที่ไป๋มู่ชิงพูดกับคุณผู้หญิงแล้วนั้นเธอก็ออกไปจากบ้านตระกูลหนานกง
ขณะที่เธอกำลังไปห้องรับรองของร้านกาแฟ ซูวยาหยงกับไป๋ยิ่งอันก็รอเธออยู่ที่นั้นแล้ว พอเห็นว่าเธอมาคนเดียว สองแม่ลูกนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
ไป๋ยิ่งอันมองไปที่เธอและหัวเราะเยาะว่า“ฉันคิดว่าเธอจะเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังหนานกงเฉินจนไม่กล้าออกมาแล้ว ดูแล้วยังมีความกล้าอยู่หนิ”
เสียงเธอพึ่งเงียบไป ซูวยาหยงพูดต่อว่า“ฉันจะนัดเวลากับหมอให้อีกที ถ้าครั้งนี้กล้าบอกหนานกงเฉินฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”
ไป๋มู่ชิงหายใจเข้าลึกๆและจ้องไปที่สองแม่ลูก
เธอไม่ได้เรียกหนานกงเฉินไปที่โรงพยาบาล ทำไมเขาถึงไปที่โรงพยาบาลได้เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันและก็ไม่ได้ถามเขา วันนี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย เธอไม่มีอารมณ์ที่จะไปสืบสาวหารายละเอียด
เธอรู้สึกว่าไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องอธิบายให้กับสองแม่ลูกนั้น แต่เธอจ้องพวกเธอด้วยสายตาที่เย็นชาว่า“ฉันมาที่นี่ก็เพราะอยากจะบอกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันก็จะเก็บเด็กคนนี้ไว้”
“เธอไม่กล้าหรอก!?”ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นมาจากโซฟาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธมาก
ไป๋ยิ่งอันที่เป็นคนในร้อนซูวยาหยงก็รีบเข้ามาห้าม หลังจากที่ดึงตัวไป่ยิ่งอันลงมานั่งเธอก็จ้องไป๋มู่ชิงอย่างไร้อารมณ์ว่า“งั้นเธอคิดจะทำอย่างไร?”
“คุณผู้หญิงไป๋ คุณยังไม่ได้เข้าใจสถานะของฉันที่อยู่ในตระกูลหนานกง งั้นตอนนี้ฉันจะบอกให้นะ ถึงแม้ว่าคุณจะวางมาดตัวเองว่าเป็นคุณผู้หญิงที่สูงศักดิ์ แต่ว่าในสายตาของตระกูลหนานกงแล้ว ตระกูลไป๋แทบจะไม่ได้สูงส่งอะไรเลย พวกเขาดูถูกลูกสาวตระกูลไป๋มาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เริ่มแรกคุณผู้หญิงหนานกงไม่เคยคิดที่จะให้ฉันอยู่ในตระกูลหนานกงต่ออยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าฉันถอดแหวนไม่ออก ในวันที่สองหลังจากแต่งงานยังไงฉันก็ต้องถูกคุณผู้หญิงไล่ออกมาอยู่ดี”เธอมองไปดูแหวนที่มือซ้ายของเธอ พยายามไปขยับถอดแหวนในมือและพูดว่า“เป็นเวลานานขนาดนี้แล้ว ท่าทีที่คุณผู้หญิงมีแต่ความรังเกียจและดูถูกแม้แต่ประโยคเดียวฉันก็ไม่มีค่าที่เธอจะมาคุยด้วย หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนไปเพราะว่าเด็กคนนี้ ถ้าหากว่าไม่มีเด็กคนนี้แล้ว เธอคิดว่าเธอจะเป็นอย่างไร?จะเป็นเพียงแค่เพราะแหวนแค่วงเดียวเหรอเธอถึงไม่ปล่อยฉันไป?ไม่เช่นนั้นลูกสาวสุดที่รักของเธอจะเข้าไปในตระกูลหนานกงแทนฉันได้เหรอ?”
ไป๋มู่ชิงพูดออกมาแบบนั้น ถึงแม้ซูวยาหยงและไป๋ยิ่งอันจะโกรธที่เธอพูดว่าตระกูลไป๋ต่ำต้อยขนาดนั้น แต่พวกเธอทั้งคู่ก็รู้ดีว่าที่เธอพูดมานั้นเป็นความจริง
ทุกครั้งที่ซูวยาหยงไปที่ตระกูลหนานกง คุณผู้หญิงไม่เคยทำสีหน้าดีๆใส่เธอเลยและยิ่งกว่านั้นก็ไม่ค่อยยอมพูดกับเธอ และยังเป็นเพราะว่าความกดดันนี้ทำให้ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าคุณผู้หญิงทำเหมือนฉันเป็นแค่คนรับใช้
“ถ้าหากว่าพวกเธอจะต้องการฆ่าลูกของฉัน งั้นฉันมีแค่ทางเลือกเดียวคือต้องบอกเรื่องทั้งหมดกับคุณผู้หญิง พวกเธอกลายเป็นแพะรับบาปแทน น้องชายและแม่ของฉันของฉันตายไปก็ถือว่าคุ้มแล้ว!”
“เธอกล้าเหรอ?”ไป๋ยิ่งอันโกรธจนต้องลุกขึ้นมาจากโซฟา
“ถ้าพวกเธอกล้าฉันก็กล้า”
ซูวยาหยงจ้องเธอด้วยความโกรธแค้นเหมือนกัน จริงๆแล้วปัญหานี้เธอเองก็ไม่เคยคิดเลย ถ้าไม่มีลูกแล้วคุณผู้หญิงต้องโทษว่าตระกูลไป๋ดูแลเด็กคนนี้ไม่ดี และคุณผู้หญิงก็จะกลายเป็นคนที่อารมณ์ไม่แน่นอน
ซูวยาหยงคิดดูแล้วพูดว่า“ถึงแม้เธอจะพุดแบบนั้น งั้นพวกเราได้แต่รอเวลา รอเด็กเกิดมาค่อยจัดการใหม่ ถึงเวลานั้นยิ่งอันจะเอาตัวเด็กกลับไปเลี้ยง”
นี่คือแผนที่สองที่ซูวยาหยงคิดมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ แต่โดนไป๋มู่อันปฏิเสธมา แผนที่สองนี้ไม่ดีเพราะว่าเด็กคนนี้คือลูกของไป๋มู่ชิง นี่ก็เหมือนกับระเบิดที่จะถูกเธอทำให้ระเบิดมาเมื่อไหร่ก็ได้
ครั้งนี้ยังเหมือนเดิม พอไป๋ยิ่งอันฟังแม่พูดแบบนี้แล้วก็พูดออกมาอย่างรีบร้อนว่า“แม่ ฉันไม่ต้องการแบบนี้”
ซูวยาหยงตบมือหลังจากบอกใบ้ด้วยปากแล้วก็หันไปพูดกับไป๋มู่ชิงอีกครั้งว่า“เธอวางใจเถอะ ถึงเวลานั้นฉันจะพาเด็กไปเลี้ยงในตระกูลหนานกงเอง มีคุณผู้หญิงที่รักและทะนุถนอมยังไงก็ต้องมีความสุขกว่าเธออยู่แล้ว”
ไป๋มู่ชิงมองลงมาด้วยความทรมานจนพูดอะไรไม่ออก
ถ้าให้ลูกไปอยู่กับคุณผู้หญิงหนานกงยังไงก็สบายใจได้ แต่ถ้าให้ไปอยู่กับคนดุร้ายแบบไป๋ยิ่งอันเธอคงทำใจไม่ได้จริงๆ อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะพยายามเพื่อตัวเอง
ของเพียงแค่สามารถปกป้องลูกได้ เธอก็ไม่กล้าขออะไรมากกว่านี้แล้ว เรื่องหลังจากนั้นเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากัน!
หลังขากที่ไป๋มู่ชิงไปแล้ว ไป๋ยิ่งอันรีบพูดออกมาว่า“แม่ หนูไม่อยากเลี้ยงลูกของคนอื่นนะ ไม่ใช่ว่าหนูจะคลอดออกมาเองไม่ได้”
และยิ่งกว่านั้นผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่เธอเกลียด แค่เธอคิดก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว
ซูวยาหยงไปตบมือเธอ ยิ้มอย่างปลอบโยนว่า “ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะไม่ได้เป็นที่ต้องการ แต่เขากลับเป็นคนที่คุ้มครองเธอ ไป๋มู่ชิงพูดถูก ถ้าไม่มีเด็กคนนี้แล้ว เธอกลับไปที่ตระกูลหนานกงก็จะถูกคุณผู้หญิงรังแก แต่กลับกัน ถ้าหากเธอสามารถคลอดเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหนานกง งั้นยังไงคุณผู้หญิงก็ต้องทำดีกับเธอแน่ๆ”
“แต่ว่าถ้าหลังจากนี้ไป๋มู่ชิงผู้หญิงเลวคนนั้นเปลี่ยนใจขึ้นมาล่ะ ละไปที่ตระกูลหนานกแล้วไปแสดงตัวจะทำอย่างไร?งั้นฉันก็ซวยแล้วสิ?”
“สบายใจได้ เพราะเธอจะมีชะตากรรมแบบนั้นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”ซูวยาหยงยิ้มด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
ถึงแม้ว่าจะเลือกทางที่สอง แน่นอนว่าจากนั้นเธอจะยืดเวลาออกไปอีก แต่ไป๋มู่ชิงผู้หญิงเลวทรามคนนี้เธอไม่เคยมีความคิดที่ว่าหลังจากที่เธอคลอดหลอดลูกออกมาแล้วจะอยู่ต่อบนโลกนี้
ไป๋ยิ่งอันตกใจมาก รู้สึกกลัวเล็กน้อยและพูดว่า“แม่ แม่ไม่ได้หมายความว่า……”
“ก็เธอบังคับฉัน”
ถึงแม้ว่าไป๋ยิ่งอันจะรู้สึกว่าทำแบบนี้ค่อนข้างที่จะโหดร้าย เพียงแต่ทำไปเพื่อในอนาคต อีกไม่นานก็คคิดออกเพราะกลัวว่าในที่สุดแล้วไป๋มู่ชิงจะหายตัวไปจากโลกใบนี้ เธอถึงจะไม่รู้สึกความกังวล
ในตอนกลานคืน หนานกงเฉินพบว่าไป๋มู่ชิงนอนดึกยังอยู่วาดรูปอยู่เลย เขาเดินเข้าไปหาเธอ“พรุ่งนี้จะไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?ทำไมยังไม่นอนอีก
“ไม่ไปแล้วไป๋มู่ชิงเงยหน้ามามองเห็นว่าเขาหน้าแดง“คุณดื่มมาเหรอ?”
“ธุรกิจไปได้สวย เลี่ยงไม่ได้หรอกนะที่ดื่ม”หนานกงเฉินเดินเข้าไปนั่งอยู่ข้างหลังเธอ มองดูเธอวาดรูปและถามว่า“ทำไมถึงไม่ไปแล้วล่ะ?”
“กลัวว่าคุณจะไปตามฉันกลับมาอีกไง”
“เห็นคุณทำใจไม่ได้ที่จะห่างจากฉันไง”
“รู้ดีจริงๆ”
“มานี่ ทำให้ฉันหายอยากหน่อย”หนานกงเฉินเอื้อมือไปโอบเอวของเธอ
“อะไรกัน?”หลังจากที่ไป๋มู่ชิงรู้สึกตัวก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องเขาและสะบัดหัวทันที“คุณไปหาคนอื่นเถอะ ฉันต้องรีบวาดรูปนี้ให้เสร็จ”
หนานกงเฉินทำสีหน้าอย่างหนักอึ้งว่า“เธอแน่ใจเหรอจะให้ฉันไปหาคนอื่น?”
“ฉัน……”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ เมื่อตะกี้มีผู้หญิงคนหนึ่งหุ่นดีว่าเธอร้อยเท่าอยากจะมาทำให้ฉันหายอยาก เธอรู้เอาไว้ด้วยนะ”หนานกงเฉินปัดพู่กันในมือของเธอตกไปที่อยู่พื้น เขาชี้จ้าวเฟยหยางที่อยู่ในภาพวาด“นี่วันวันเธอเอาแต่วาดผู้ชายคนนี้เธออยากจะทำอะไรกันแน่?จะหาเรื่องกันเหรอ?
“นี่ฉันกำลังวาดรูปอยู่”
“แค่วาดรูปก็ไม่ได้เหรอ”
“หนานกงเฉินคุณมีเหตุผลหน่อยสิ”
“ใช่สิฉันมันคนป่าเถื่อน ไม่มีเหตุผลหรอก”หนานกงเฉินเอื้อมแขนไปกอดและก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ
กลิ่นหอมจางๆของเหล้ากระจายเข้าไปทั่วปาก ไป๋มู่ชิงอึ้งไปพักหนึ่ง แท้ที่จริงแล้วที่เขาพูดว่าทำให้เขาหายอยากคือแบบนี้นี่เองเหรอ เธอยังใจกว้างพูดให้เขาไปหาคนอื่นอีก?
“มือฉันสกปรก……และคุณยังไม่ได้อาบน้ำเลย”ไป๋มู่ชิงผลักไสเพื่อขัดขืนเขา
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เมา แต่จะมาทรมานแบบนี้ก็ทนไม่ได้เหมือนกันเพราะเธอรู้สึกค่อนข้างกลัว
หนานกงเฉินไม่ได้อาบน้ำเลยรู้สึกไม่สบายตัว เลยปล่อยตัวเธอและเดินไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ
ตอนที่หนานกงเฉินกำลังอาบน้ำอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ไป๋มู่ชิงเดินไปเปิดประตูคนนั้นก็คือเสี่ยวลวี่ยกยาของหนานกงเฉินมาให้ พูดอย่างสุภาพว่า“นายหญิงน้อย ยาของคุณชายต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ในห้องของคุณไหม?”
“เขากำลังอาบน้ำอยู่”ไป๋มู่ชิงเอื้อมมือไปรับยาไว้“เอามาให้ฉันเถอะ”
หลังจากที่ปิดประตูลง ไป๋มู่ชิงกลับเข้ามาในห้องก็เติมยาเข้าไปในน้ำชา
หนานกงเฉินอาบน้ำเสร็จ พอเดินออกมาก็ได้กลิ่นขมฝาดของยา เขากวาดสายตาไปที่ถ้วยยาและขมวดคิ้วขึ้นมาทันที
“รีบกินยาเถอะเดี๋ยวเย็นแล้วจะยิ่งขม”ไป๋มู่ชิงพูด
หนานกงเฉินลังเลไปพักหนึ่ง หันตัวกลับไปมองถ้วยยาแล้วพูดว่า“ฉันไม่อยากกิน เธอช่วยเททิ้งหน่อย”
“เททิ้ง?”ไป๋มู่ชิงประหลาดใจมาก ชี้ไปที่ถ้วยยาพูดว่า“คุณชายใหญ่ นี่คุณแอบเทยาทิ้งทุกครั้งเลยเหรอ?”
“ก็มีบ้าง”
“ทำไมคุณทำแบบนี้?”
“ทำไมจะทำไม่ได้?”หนานกงเฉินเดินไปตรงหน้าของเธอและส่งถ้วยยาให้เธอ“เธอเคยกินเหรอถึงรู้ว่ายานี้รสชาติเป็นอย่างไร?คิดว่ายังไงเธอก็ดื่มไม่ลง”
“แต่ว่าคุณป่วยนะ ป่วยก็ต้องกินยา”
“ดื่มไปก็เหมือนกับป่วย สู้ไม่กินไม่ดีกว่าเหรอ”หนานกงเฉินทนไม่ได้จนเอายาถ้วยยายื่นเข้าไปในถังขยะเพราะอยากจะทิ้ง
“ไม่ได้การแล้ว”ไป๋มู่ชิงรีบไปจับมือเขาไว้เพื่อไม่ให้เทยาทิ้ง พูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย“ถ้าหากว่าไม่กินยาเดียวอาการจะหนักขึ้น นี่คุณอยากตายก่อนอายุสามสิบเหมือนที่ทุกคนพูดเหรอ?”
“เธอขู่ฉันเหรอ?”
“งั้นก็ตามใจคุณเถอะ”
หนานกงเฉินจ้องเธออยู่สักพักก็พูดว่า“อยากให้ฉันดื่มเหรอ งั้นเธอกินเป็นเพื่อนฉันสิ”
“อะไร……นะ……?”ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก
“ก็เธออยากให้ฉันดื่มไม่ใช่เหรอ?งั้นดื่มเป็นเพื่อนฉันสิ ไม่อย่างงั้นถ้าฉันอยู่ไม่ถึงสามสิบ……เธอก็ต้องเป็นหม้ายนะ จะน่าสงสารแค่ไหน”
“แต่ว่า……นี่เป็นยานะและร่ายการของฉันก็แข็งแรงดี……” เขาก็ไม่หยุดที่จะยื่นถ้วยให้เธอ เธอก็ถอยหลังไม่หยุด เธอโดนบังคับจนหลังของเธอไปชนเข้ากับโซฟาแล้ว
“นี่เป็นยาสมุนไพรจีน ไม่ตายหรอก”หนานกงเฉินมองไปที่ยาในถ้วยยาและบังคับให้เธอกินยาต่อ“ฉันคิดว่าเธอจะเอาใจใส่ฉันมากกว่านี้ แค่เสียสละนิดๆหน่อยๆให้ฉันก็ไม่ได้ เธอก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงพวกนั้นหรอก……”
“ไม่ใช่……ฉันแค่……”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างอ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรถึงจะดี
ถ้าไม่ใช่เพราะท้อง ถึงแม้ว่ายานี้จะเป็นยาพิษเธอก็ยอมดื่มเป็นเพื่อนเขา
“ไม่กล้าดื่มสินะ”หนานกงเฉินดึงถ้วยยากลับมาและยื่นเข้าไปในถังขยะอีกครั้งเพื่อที่จะเทยาลงไป
“อย่าเท”ไป๋มู่ชิงรีบจับมือเขาเพราะหมดหนทางเลยพูดว่า“ฉันดื่มถึงจะพอใจใช่ไหม”
นี่คือยาที่ใช้บำรุงในร่างกาย ไม่น่าจะเป็นอันตรายกับลูกในท้องใช่ไหม?กินเข้าไปละค่อยคายออกมาก็ได้
“ทำไมต้องฝืนใจขนาดนั้นด้วย?”
“เพราะฉันไม่อยากเป็นหม้ายไง”ไป๋มู่ชิงดื่มยานั้นเข้าไป
ยาพึ่งจะเข้าไปในปากเธอก็รู้สึกได้ถึงความขม เธอก็รีบวางถ้วยลงและคลานไปพ่นออกที่ถังขยะข้างๆ
“ดูสิ เธอยังดื่มไม่ได้เลยแล้วนี่จะให้ฉันดื่มไปตลอดชีวิต”หนานกงเฉินไปนั่งข้างๆเธอ โน้มตัวไปลูบหลังเธอ“เธอเป็นอะไรมากไหม?”
ไป๋มู่ชิงรู้สึกคื่นไส้ตั้งหลายครั้ง พอค่อยได้สติกลับมาก็ลุกขึ้นไปหยิบกระดาษทิชชู่มาหนึ่งแผ่น“ฉันไม่เป็นอะไร”
เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 86 ความกังวลในใจ
Posted by ? Views, Released on July 25, 2021
, เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ
Recommended Series
Comment
Facebook Comment