บทที่ 7 ฉันบอกให้เธอไปไกลๆ
ซูย้าวไม่คิดเลยว่า โม่หว่านหว่านจะมา
ยืนอยู่ที่ประตู โม่หว่านหว่านยังสะบัดอาหารมื้อดึกในมือไปด้วย ใบหน้าเรียวเล็กนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
หวางอี้มองไปหาเธอด้วยความเหวอ ประมวลผลไม่ทันไปชั่วขณะ
“เป็นอาหารเพื่อสุขภาพทั้งนั้น ไม่ทำให้คุณนายบ้านนายและลูกในท้องของคุณนายท้องเสียแน่นอน!” โม่หว่านหว่านพูดแบบนี้
หวางอี้รู้สึกขมขื่น รีบปิดประตูแล้วเดินออกไป
ตอนที่เหลือสองคน โม่หว่านหว่านเอาอาหารมื้อดึกวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็ยิ้มแฉ่งไปหาซูย้าว “เป็นยังไง พอใจไหม?”
ซูย้าวเหวอไปขณะ สายตางุนงง
“ไม่ได้สังเกต หรือเพราะว่าฉันทำดีเกินไป” โม่หว่านหว่านพูดเองเออเอง
ซูย้าวสงสัยยิ่งหนัก ใช้ภาษามือถามเธอว่าหมายถึงอะไรกัน
โม่หว่านหว่านเลยลากเก้าอี้มานั่งที่ข้างเตียง แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟัง
ที่แท้ ตอนที่ซูหยวนรังแกซูย้าวที่ประตูหลังของโรงแรมนั้น ถูกโม่หว่านหว่านที่อยู่ที่มุมเห็นหมด เธอก็เลยสะกดรอบตามลงไปที่จอดรถใต้ดิน ตีซูหยวนให้สลบ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นของเธอแล้วขับรถของซูหยวนแล้วก็ทำการกระบวนการต่างๆ แล้วก็ทิ้งรถไว้ที่ถนนที่ห่างออกไปสองเส้น
พอรอซูหยวนตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ที่ตำแหน่งคนขับ เรื่องตรงกลางจำอะไรไมได้เลย
เพราะฉะนั้นตอนที่เจี่ยงเวินอี๋ถามเธอถึงสถานที่เกิดเหตุ ถึงได้ตื่นตระหนกร้อนรน
ซูย้าวสีหน้าตกใจ ไม่คิดเลยว่าโม่หว่านหว่านจะไปทำเรื่องแบบนี้!
“ทำไม ก่อนหน้านี้ที่เธอติดต่อฉัน ไม่ใช่บอกว่าจะหาโอกาสลงโทษซูหยวนหรอ?” โม่หว่านหว่านแกะเปลือกผลไม้ไปพูดไป
ซูหยวนขมวดคิ้ว ตอนแรกที่เธอได้ยินซูหยวนแม่ลูกอยากจะลืมท้องตัวเองคลอดลูก พอรอตัวเองคลอดลูกออกมา ก็จะฆ่าตัวเองให้ตาย รู้สึกโกรธมาก แต่ตอนนี้คิดดีๆ ก็รู้สึกใจร้อนเกินไป
“ที่ฉันไม่ได้บอกเธอ ก็เพราะว่าจะทำให้ละครนี้สมบูรณ์แบบ ใครจะไปคิด ว่าฉันจะทำร้ายซูหยวนล่ะ!” โม่หว่านหว่านยิ้มอย่างเย็นชา หน้าที่ขาวซีดก็มีความเจ้าเล่ห์ผุดขึ้น
เธอยังพูดว่า ลงโทษเล็กน้อย ก็ไม่ได้ทำให้เค้าเสียหายอะไร อย่างมากก็แค่ทำให้ลี่เฉินซีผิดหวังในตัวเธอ แต่นี่ก็เป็นเรื่องสมควร ใครให้เธอเอาแต่จ้องจะกินน้องเขย และลูกในท้องของเธอละ
พอพูดถึงลูก ซูย้าวก็ชะงักทันที
มือข้างหนึ่งลูกที่ท้องกลมโตของตัวเอง ภาพในหัวก็ผุดขึ้นมาถึงบทสนทนาของแม่ลูกซัวฉ่ายลี่และซูหยวน ยิ่งคิดยิ่งกลัว
“ไอ้เด็กโง่ ทำแบบนี้ถึงแม้จะอันตราย แต่ฉันก็เล็งจังหวะไว้ พอเห็นลี่เฉินซีอยู่แถวนี้ ถึงลงมือ!”
โม่หว่านหว่านทำอะไรก็รอบคอบ ถ้ามีความเสี่ยง เธอก็จะไม่ไปทำ!
แต่ซูย้าวนั้นช็อคไม่น้อยเลยทีเดียว นัยน์ตามองไปหาเธอด้วยความน้อยใจ แสดงความไม่พอใจ
“โอเคๆ ย้าวย้าวของฉัน ทำแบบนี้ก็เพื่อเธอไงละ!”
ทำลายความเชื่อมั่นของซูหยวนจะได้ไม่ทำให้เค้าเอาแต่คิดจะกลั่นแกล้งหลอกลวงซูย้าว
“อีกอย่าง นี่ก็เป็นการเตือนตระกูลหลี่ ให้ปกป้องเธอซึ่งเป็นคุณนาย ไม่งั้นพอรอเด็กเกิดออกมา ถ้าโดนซูหยวนขโมยไปทำยังไง?”
ซูย้าวหลี่ตาลง ถึงแม้เธอจะไม่ชอบการวางกับดักคนอื่นแบบนี้ แต่เพื่อลูกในท้อง ก็ต้องทำแบบนี้ไปก่อน!
เช้าอีกวันหนึ่ง ซัวฉ่ายลี่มองเจี่ยงเวินอี๋ที่มาด้วยความโกรธ เหวอชะงักไปสักพัก และก็ ยิ้มแฉ่งเดินเข้าไป
“พ่อยายทำไมถึงมาได้ละ มีธุระอะไรรึเปล่า?”
เพลียะ!
เอกสารทั้งกองถูกเจี่ยงเวินอี๋โยนลงไปที่โต๊ะน้ำชา “ดูสิว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเธอนั้นทำอะไรลงไป!”
ซัวฉ่ายลี่เก็บเอกสารขึ้นมาอย่างช้าๆ พอเปิดออก ก็ชะงักไปเลย
ข้างบนเป็นรูปภาพของกล้องวงจรปิดของโรงแรมเมื่อวาน และป้ายทะเบียนรถของซูหยวน
เธอเหวอเป็นเวลาพักใหญ่ๆจนพูดไม่ออก
“ซัวฉ่ายลี่ปกติเธอเลี้ยงดูสั่งสอนลูกสาวของเธอยังไงกัน ซูหยวนถึงได้กล้าขนาดที่จะขโมยรถมาชนซูย้าว!ชักจะเกินไปแล้วนะ!”
เจี่ยงเวินอี๋จิตใจเต็มไปด้วยความโกรธ เหมือนระเบิดนิวเคลียร์ที่กำลังจะปะทุ นั้นอนุภาพใช่ย่อย
“คือ…..ในนี้ต้องมีความเข้าใจผิดอย่างแน่นอน!”
ซัวฉ่ายลี่อึกอึกอักอัก พยายามแก้ตัวไปคำ
เจี่ยงเวินอี๋กลับสั่งเลขาว่า “ไปที่จอดรถ เอากล้องบันทึกหน้ารถของซูหยวนมา ซัวฉ่ายลี่เราก็มาวัดกันที่หลักฐาน!”
……..
ซัวฉ่ายลี่อยากจะขัดขวาง แต่เลขานั้นตัวใหญ่มาก เดินแค่สองสามเก้าก็หลบเธอได้แล้ว เดินไปที่ที่จอดรถอย่างรวดเร็ว
“แม่ยาย ในนี้ต้องมีความเข้าใจผิดแน่ๆ! โดนคนใส่ร้ายนะ!”
ซัวฉ่ายลี่ยังคงกำลังอ้าง จนกระทั่งเลขาเอาเครื่องบันทึกหน้ารถในรถยนต์มา พิสูจน์ถึงภาพตอนขับรถชน ถึงตาแตกเลยทีเดียว!
“คือ….. หยวนหยวนยังเด็ก ไม่ค่อยรู้อะไร ต้องทำไปเพราะวู่วามแน่ๆ!”
ขณะที่กำลังพูด ซูหยวนก็เดินลงมาจากบันได
ซัวฉ่ายลี่รีบพูดขึ้นมาว่า”หน่วนๆรีบมาเร็ว รีบขอโทษกับคุณน้า”
ซูหยวนรีบเดินมาอย่างเชื่อฟัง อ้าปากเหมือนจะพูด แต่เสียงยังไม่ทันได้ออกมา ก็ถูกเจี่ยงเวินอี๋ตัดบทไปก่อน
“ถ้าจะขอโทษก็ไปพูดกับซูย้าวที่โรงพยาบาล แต่ว่าซูหยวนคุณน้าเตือนเธออย่างนึงนะ”
เจี่ยงเวินอี๋จงใจเว้นวรรค สายตาอันเฉียบคมกวาดไปยังซัวฉ่ายลี่และซูหยวนสองแม่ลูก คำพูดที่พูดออกมา ก็ทั้งเย็นชาและโหดเหี้ยม “ในท้องซูย้าวหน่ะ เป็นหลานแท้ๆของฉัน ถ้าหากเด็กเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะให้ตระกูลซูของพวกเธอ ต้องได้รับบทลงโทษอันแสนสาหัสที่สุด!”
จบคำพูด ซัวฉ่ายลี่ก็ชะงักเหมือนโดนแทงใจดำ!
หลังส่งเจี่ยงเวินอี๋กลับบ้าน ก็ว่าซูหยวนด้วยความโกรธทันที “ทำไมเธอถึงความอดทนต่ำขนาดนี้ บอกแล้วว่าให้รอซูย้าวคลอดลูกออกมาก่อนค่อยลงมือ เธอไม่ฟัง เป็นไงล่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”
“แม่ ฉันไม่ได้เป็นคนทำ!”
ซูหยวนกัดฟันแก้ตัว กำแน่นอย่างโกรธแค้น ต้องเป็นกระหรี่ซูย้าวแน่ๆ ที่จงใจจัดฉากแสดงละครให้ตัวเองดูน่าสงสาร!
เธอจะรออยู่แบบนี้ไม่ได
ซูหยวนขับรถมาที่ บริษัทลี่ซื่อเลขาสาวที่อยู่ข้างนอกก็รู้จักเธอ จึงปล่อยเธอเข้าไป
ไม่มีอุปสรรคใดๆตลอดทางจนมาถึงห้องทำงานของ ceo ชายผู้ซึ่งสงบนิ่งราวกับทวยเทพนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ขาข้างเดียวแตะพื้น คีบบุหรี่ไว้บนมือ ควันบางๆคลุมใบหน้าอันเลือนลางของเขา
ผู้ชายแบบนี้ กวาดตามองไป เหมือนง่ายๆสบายๆ แต่แท้จริงแล้วมีออร่าอำนาจของผู้อยู่เบื้องบนอย่างแรงกล้า ไม่ต้องปริปากกล่าวใดๆทุกอย่างก็อยู่ในการควบคุม
ซูหยวนมองเขา ในใจแอบดีใจเอง
เสียงรองเท้าส้นสูงแตะแตะเพียงไม่กี่ก้าวก้าวเล็ก ๆ ก็วิ่งเข้ามาหาเขาและพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “พี่เฉินซี ฉันถูกใส่ร้าย! คุณเชื่อฉันนะ!”
ชายที่ตั้งใจทำงานอยู่ ขมวดคิ้วเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ ซูหยวน“ใส่ร้าย?”
น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ ทวนสองคำนั้นซ้ำอย่างประชดประชัน
“ใช่ พี่เฉินซี คุณคงไม่เชื่อใบ้นั่นจริงๆใช่ไหม แต่ไม่เชื่อฉัน? ฉันบริสุทธิ์นะ!”
ซูหยวนเสียงออดอ้อน คนที่ได้ฟังกระดูกแทบจะเปื่อยแล้ว
มือเล็ก ๆ ที่อ่อนโยนของเธอจับแขนของ ลี่เฉินซี และสั่นเล็กน้อย “ พี่เฉินซี ที่แสนดีของฉัน คุณเชื่อเค้าสิ! คนใบ้นั่นกำลังหลอกคุณจริงๆ…”
เขาไม่ได้ตอบ แต่ระหว่างคิ้วกลับมีความเย็นยะเยือกไหลมาทำให้คนสั่น!
ซูหยวนหวาดผวานิดหน่อย กัดริมฝีปากด้วยความตึงเครียด และพูดว่า “เฉิน……”
ครั้งนี้ ก่อนที่เธอจะพูดจบ ลี่เฉินซี มองเธออย่างเย็นชาและน้ำเสียงของเธอก็ยิ่งเย็นชา “ ไสหัวไป!”
“ห้ะ? พี่เฉินซี คุณ…คุณพูดอะไร?” ซูหยวนคิดว่าหูแว่วไปเอง ไม่กล้าเชื่อที่ตัวเองได้ยินกับหู
“ผมให้คุณไสหัวไป!” เขาขมวดคิ้วทั้งตัวรู้สึกบีบบังคับด้วยความหนาวเย็น