บทที่ 127 หากชีวิตเป็นเช่นแรกพบ
หานฉ่ายหลิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร
เพียงแค่รู้สึกว่าถ้าไม่พูดมันออกไปและฝังมันไว้ในใจ ก็จะเป็นเหมือนกับต้นหญ้า ที่หยั่งรากฝังลึก จนยากจะถอน
ประกอบกับเรื่องราวที่เจอ ความคิดของหานฉ่ายหลิงเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ทั้งสับสน วุ่นวาย จนยากที่จะเข้าใจ อารมณ์ก็เป็นเช่นนี้ ไม่มีตัววัด และไม่สามารถเข้าใจได้
“ซูย้าว ฉันรู้ดีว่าสถานะของฉันไม่ควรที่จะพูดกับเธอแบบนี้ ฉันเองก็ไม่อยากทำร้ายเธอ ก็แค่…ฉัน…”
หลังจากที่ได้พูดออกไป ถึงแม้หานฉ่ายหลิงจะรู้สึกโล่งใจ แต่ความสุขเพียงชั่วครู่ก็แลกมาด้วยความรู้สึกผิดอันใหญ่หลวง เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่กำลังกดทับที่หัวใจ เธอไม่สามารถหายใจภายใต้แรงกดดันนี้ได้
“ขอโทษ!ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ทำไมถึงพูดเรื่องบ้าบอแบบนี้ออกมา ซูย้าว ฉันขอโทษ!”
เธอรีบร้อนพูดอธิบาย แต่สิ่งที่เธอพูดออกไปนั้น ก็เหมือนน้ำที่หก มันยากที่จะเก็บ อีกทั้งยังน่าระอา
หานฉ่ายหลิงยิ่งลุกลี้ลุกลน “ฉัน…ฉันน่าจะเวียนหัวน่ะ! ซูย้าว เธออย่าถือสาเลยนะ ฉันจะควบคุมความรู้สึกของตัวเอง ไม่ให้ไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฉินซี และไม่ก่อเรื่องจนไปทำร้ายเธอเด็ดขาด ฉันบ้าไปเอง! ฉันขอโทษ!”
ในช่วงเวลาสั้นที่ไม่ถึงสองนาที เธอพูดคำว่า ‘ฉันขอโทษ’ ซ้ำๆมากถึงสิบกว่าครั้ง
ดูก็รู้ว่าหานฉ่านหลิงกลัวจริงๆ
หานฉ่ายหลิง ผู้ซึ่งใจเย็น สง่างาม และมีเสน่ห์ที่น่าดึงดูดมาโดยตลอด ตอนนี้กลับกลายเป็นคนละคน
ซูย้าวนั่งนิ่ง เริ่มจากความตกใจ หัวใจเต้นแรง จากนั้นได้ยินเธอพูดคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนรู้สึกสับสนกับการกระทำของหานฉ่ายหลิง อีกทั้งยังขำกับท่าทางน่ารักๆของเธออีกด้วย
ไม่รอให้หานฉ่ายหลิงได้พูดอะไรต่อ ซูย้าวก็ยกมือขึ้นมาห้ามไว้ เธอยิ้มออกมา ปัดเป่าความกังวลในใจของเธอ
ไม่นานนัก ซูย้าวใช้ภาษามืออีกครั้ง “คุณหาน คุณเป็นคนดีคนนึงเลย ดีมากจริงๆ ไม่จำเป็นต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ”
หานฉ่ายหลิงที่รู้สึกละอายใจรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ฉันมันไม่ดี ฉันแอบรักสามีของคุณ ผู้หญิงอย่างฉัน คุณควรจะด่าฉันด้วยซ้ำ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง!ฉัน…”
ซูย้าวขัดเธออีกครั้งพลางใช้ภาษามือต่อ “ฉันรู้เรื่องระหว่างคุณกับเฉินซีมานานแล้วค่ะ คุณทั้งสองคือรักแรกของกันและกัน เพราะความเข้าใจผิดถึงได้เลิกรากันไป แต่คุณก็ยังคงรักเขาอยู่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผิดเลยค่ะ”
“ซูย้าว มันผิดตรงที่เขาแต่งงานแล้ว!นี่มันผิด!” หลังจากที่ผ่านพ้นจากความวุ่นวาย หานฉ่ายหลิงก็กลับมามีสติอีกครั้ง ขณะที่ถอนหายใจ เธอรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นช่างโง่เขลา!
พูดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร ทำไมถึงหน้าไม่อายได้ขนาดนี้…
ซูย้าวส่ายหน้าและใช้ภาษามืออีกครั้ง “มันผิดที่หลังจากที่คุณสองคนแยกทางกัน เขาก็แต่งงานกับฉัน คุณหาน คุณสามารถแสดงความรู้สึกที่แท้จริงของคุณออกมาได้เลย ฉันดีใจมากๆ คุณไม่ได้ทำร้ายจิตใจฉันนะ จริงๆนะคะ และก็ไม่จำเป็นต้องขอโทษด้วย”
เมื่อรู้ว่าเธอพูดเช่นนี้ หานฉ่ายหลิงก็ยิ่งรู้สึกละอายมากเท่านั้น
เธอก้มหน้าด้วยความอับอายพลางถอนหายใจ “ซูย้าว คุณมีจิตใจที่ดีจริงๆ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ชะมัด!”
แท้จริงแล้ว ต่อให้หานฉ่ายหลิงจะไม่พูดอะไรก็ตาม แต่ซูย้าวก็พอจะดูออก จากท่าทางของเธอที่แสดงออกถึงความรักที่มีต่อลี่เฉินซี
เมื่อเทียบกับคนก่อนๆของเขา หานฉ่ายหลิงนั้นค่อนข้างจะซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกนี้ที่เธอมีให้คนอื่น มันทำให้ซูย้าวไม่รังเกียจ และเกลียดเธอไม่ลง
เขาว่ากันว่าเมียหลวงควรจะเกลียดเมียน้อยให้มากๆ ส่วนเมียน้อยก็ควรจะทำร้ายจิตใจเมียหลวงไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ให้เป็นเหมือนน้ำกับไฟที่ไม่สามารถเข้ากันได้
แต่ซูย้าวทำไมลง
หานฉ่ายหลิงเองก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“เมื่อกี้ฉันเสียสติ!หลังจากที่เฉินซีพ้นขีดอันตรายแล้ว ฉันต้องระมัดระวังในคำพูด การกระทำและควบคุมความรู้สึกของฉัน นอกจากเรื่องงานที่ต้องติดต่อเป็นครั้งคราว ฉันจะไม่ทำตัวสนิทสนมกับเขาเด็ดขาด!” หานฉ่ายรับประกัน
แต่ซูย้าวกลับยิ้มออกมาจางๆ เรื่องแบบนี้ ผู้หญิงจะใช้อะไรมารับประกันได้
สิ่งที่เธอไม่อาจควบคุมได้ ก็คือเขา
ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อมา ลี่เฉินซีพ้นขีดอันตรายแล้ว เขาถูกย้ายจากห้อง ICU ไปยังหอผู้ป่วย VIP แต่เจ้าตัวยังไม่ฟื้นคืนสติ
แพทย์ได้ตรวจและพบว่าดัชนีร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และผลก็คือในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เขาอาจจะตื่นขึ้นมาเมื่อใดก็ได้7
นี่เป็นผลให้ซูย้าวยิ่งไม่กล้าออกจากโรงพยาบาล อีกทั้งยังเป็นเพราะหานฉ่ายหลิงได้รับบาดเจ็บ เธอหมดแรง และถูกส่งตัวไปยังห้องผู้ป่วยถัดไปเพื่อพักผ่อนชั่วคราว
ซูย้าวเองก็ไม่ได้นอนมาเป็นเวลาสองวันติดต่อกันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเหนื่อยล้า เธอทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ข้างเตียง มองดูชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง
ในความทรงจำ ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะยังเป็นเหมือนกับครั้งแรกที่ได้พบ ที่ภูเขาด้านหลังของคฤหาสน์ตระกูลลี่ มีป่าต้นไทรที่ไม่ค่อยมีใครไปนัก แต่ครั้นเมื่อลี่เฉินซียังเป็นเด็ก เขามักจะชอบถือการดานวาดภาพไปวาดภาพที่นั่น
เขาในตอนนั้น มีอายุได้เพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น
ครั้งหนึ่งที่ได้ไปเป็นแขกตระกูลลี่ ซูย้าวรู้สึกเบื่อและเดินเตร่อยู่ในสวนหลังบ้าน ขณะที่ฉันเดินฉันเดินเข้าไปในดงต้นไทร ก็บังเอิญพบเข้ากับหนุ่มน้อย
เสื้อเชิ้ตสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาที่ดูสะอาดตา และท่าทางที่เหมือนกับปุยเมฆ ทุกท่วงท่าเผยให้เห็นเสน่ห์ที่มากล้น จนทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะใจสั่น
ซูย้าวยังเด็กมากในตอนนั้น ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง คิดเพียงแค่ว่าพี่ชายคนนี้สวยมากจริงๆ เธอวิ่งเข้าไปหา เขย่งปลายเท้าขึ้นเงยหน้ามองเขา
ใช่แล้ว ซูย้าวในตอนนั้น ยังพูดได้อยู่
ไม่มีใครคาดคิดว่า เพียงชั่วพริบตาที่เอ่ยปากออกไป จะเป็นจุดเริ่มต้นโชคชะตาของเขาทั้งสองคนไปตลอดกาล โชคชะตาที่ไม่รู้จบ
จนถึงทุกวันนี้ ซูย้าวยังคงจำความเปิ่นและไร้เดียงสาของตัวเองได้ไม่ลืม ประโยคแรกที่เธอถามออกไปช่างไร้สาระสิ้นดี อีกทั้งยังฟังดูหยิ่งและห้าวหาญ “นี่ พี่เป็นหลานชายของคุณย่าลี่งั้นสิ”
ในตอนนั้นลี่เฉินซีมองเธออย่างสุภาพ หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่งเขาก็เอ่ยปากพูด “เธอเป็นลูกสาวคนเล็กของตระกูลลุงซูสินะ”
ซูย้าวยกยิ้ม ยังคงยืนมองเขาอย่างเงียบๆ ในดวงตากลมโตใสสีดำสนิท เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เธอเตี้ยชะมัด เหยียบทีเดียวก็มองไม่เห็นแล้ว!” จู่ๆหลี่เฉินซีที่นั่งอยู่บนยอดไม้ก็เอ่ยขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซูย้าวก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ เธอเอนตัวไปใกล้เขา มองภาพวาดที่เขาวาดพลางเอ่ยขึ้นอย่างประหลาดใจ “ว้าว พี่ชาย นกที่พี่วาดสวยจังเลย!”
ดวงตาของลี่เฉินซีเป็นประกาย “เธอก็รู้สึกอย่างงั้นเหรอ”
หลังจากครั้งนั้น เธอก็ได้รู้จักเขา เคารพ ความรัก หลังจากนั้นก็ได้เติบโต เริ่มสนใจมากขึ้น จนค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นความรัก และความรักที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้
ความคิดที่ยาวนานถูกขัดจังหวะ เพราะซูย้าวสังเกตเห็นว่าดวงตาของเขาขยับ ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตื่นขึ้นและได้รับผลกระทบจากการบาดเจ็บ
ลี่เฉินซีค่อยๆลืมตาขึ้น ความรู้สึกราวกับอยู่อีกโลกหนึ่ง ความคิดที่สับสนวุ่นวายหยุดนิ่งไปสองสามวินาที มันเป็นไปอย่างช้าๆ จากนั้นจึงค่อยๆรับรู้สิ่งรอบข้าง ว่าตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
เพียงแต่ไม่มีคนรอบข้าง ก็เอ่ยปากถามขึ้น “ฉ่ายหลิง เธอโอเคไหม? ”
เสียงทุ้มแหบและอ่อนแรง
ด้วยความเจ็บป่วยและอ่อนแอ ใบหน้าหล่อเหลาไร้สีที่แม้แต่ปากยังแตกซีด น้ำเสียงอิดโรย แต่กลับทำให้ซูย้าวรู้สึกเจ็บปวดได้
“ฉ่ายหลิง…”
หลังจากที่ตื้นขึ้น สิ่งแรกที่พูดถึง อีกทั้งยังเป็นคนที่คำนึงหา ท้ายที่สุดกลับเป็นคนอื่น
ซูย้าวถอนหายใจอย่างอ่อนแรง เธอยิ้มอย่างขมขื่นจากก้นบึ้งของหัวใจ สุดท้ายแล้ว คุณยังตั้งหน้าตั้งตารออะไรอยู่
สรุปครั้งสุดท้าย หัวใจของเขา ไม่ได้อยู่ที่นี่