บทที่177 ต่อไปอย่ามาอีก
ช่วงบ่าย หลังช่วงเวลาเลิกงาน คนในบริษัทต่างก็ทยอยกลับบ้าน หลงเหลือเพียงคนส่วนหน่อยที่ยังยุ่งอยู่กับการทำงานล่วงเวลา
เมื่อลี่เฉินซีทำงานในมือจนเสร็จหมดแล้ว ก็เก็บข้าวของ แล้วออกมาจากบริษัท
ก่อนจะออกมา ยังกำชับหวางอี้อีกด้วยว่าให้รีบเลิกงาน ส่วนงานที่เหลือ ให้เก็บไว้ทำพรุ่งนี้
มองดูแผ่นหลังของเจ้านายที่เดินจากไป หวางอี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ช่วงนี้BOSSดูท่าทางอารมณ์ค่อนข้างดีเลย เลิกงานตรงเวลาทุกวัน แถมยังออกห่างจากความบันเทิงทั้งปวง เขาเปลี่ยนเป็นผู้ชายแสนดีที่อยู่ติดบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
ตอนที่ลี่เฉินซีขับรถกลับมาถึงบ้านตระกูลลี่นั้น แม่บ้านก็รีบออกมาต้อนรับ ขณะที่รับกระเป๋าเอกสารและเสื้อสูทไปจากเขา ก็พูดขึ้นว่า “คุณผู้ชายคะ คุณหานมาค่ะ เล่นอยู่กับคุณหนูที่ชั้นบนตั้งนานแล้วค่ะ”
สีหน้าของพี่เฉินซีไม่มีความรู้สึกสุขทุกข์ใดๆ เพียงแต่พี่เฉินซีกำลังเดินขึ้นไปชั้นบนนั้น ก็ถามอีกประโยคหนึ่งว่า “ซูย้าวล่ะ ?”
“คุณผู้หญิงช่วงเที่ยงพอทำงานที่คุณรับมอบหมายเสร็จแล้ว คุณโม่ก็มาหาพอดี ทั้งสองคนเลยออกไปช้อปปิ้ง คิดว่าคงใกล้จะกลับมาแล้วค่ะ”
เขาพยักหน้า แล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง
ตรงทางเดิน ก็ได้ยินเสียงของหานฉ่ายหลิงกับเจิ้งเอ๋อแล้ว เธอกำลังเล่านิทานให้เด็กน้อยฟัง และเจ้าตัวน้อยก็กำลังฟังอย่างตั้งใจ และทำเสียงยีๆยาๆตามด้วย
ลี่เฉินซีปรากฏตัวตรงหน้าประตูในเวลาที่ประจวบเหมาะพอดี เธอเงยหน้าขึ้นมา มองเขาด้วยสีหน้าเขินอาย แล้วพูดเสียงเบาว่า “คุณกลับมาแล้วเหรอ!”
เจิ้งเอ๋อเองก็หันมาเรียกเขาด้วย “ป่าป๊า ป่าป๊า……”
เขาเดินเข้าไป แล้วอุ้มตัวลูกชายขึ้นมา ปล่อยให้ร่างเล็กของเด็กน้อยนั่งบนแขนของเขา บีบแก้มน้อยๆของเขา หยอกเล่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ปล่อยตัวเขาลง
หานฉ่ายหลิงนั่งอยู่ตรงนั้น ยังคงเล่นกับเจิ้งเอ๋อ บนมือถือรถคันเล็กที่เด็กน้อยชอบ “เจิ้งเอ๋อ เล่นอันนี้ดีไหมจ๊ะ รถคันเล็กบรื้นๆ…..”
ลี่เฉินซีมองไปทางเธอ ครู่ใหญ่ ก่อนจะเปิดปากพูดว่า “เธอมานานแค่ไหนแล้ว ?”
“ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก สองชั่วโมงกว่าๆมั้ง!” หานฉ่ายหลิงอุ้มเจิ้งเอ๋อ โอบใบหน้าเล็กๆของเขาแล้วจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท่าทางสนิทสนมแบบนั้น หากคนไม่รู้เรื่องก็คงคิดว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกันจริงๆ
เพียงแค่มองดูฉากนี้ แววตาของลี่เฉินซีก็หมองลง
ราวกับว่ามองสีหน้าของเขาออก หานฉ่ายหลิงก็กำชับเจิ้งเอ๋อให้เล่นคนเดียวไปก่อน จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วตามเขาออกมาจากห้องเด็กอ่อน
“เฉินซี เป็นอะไรไป ? ฉันก็แค่มาเยี่ยมดูเจิ้งเอ๋อเท่านั้นเอง……” เธอแก้ตัวเสียงแผ่วเบา กลัวว่าจะทำให้เขาเข้าใจผิดหรือรู้สึกไม่ชอบใจ
ร่างสูงยาวของเขายืนอยู่ตรงนั้น แสงพระอาทิตย์ตกดิน ทำให้เกิดรัศมีจางๆปกคลุมตัวเขา เลยทำให้แววตาที่ซ่อนไว้ยิ่งซับซ้อนยากจะเข้าใจขึ้นไปอีก
“ก็พอจะดูออกว่า เธอดีกับเจิ้งเอ๋อมาก ฉ่ายหลิง ขอบคุณ”
คำพูดเกรงอกเกรงใจแบบนี้ ทำให้หานฉ่ายหลิงในเวลานั้น ฟังแล้วกลับไม่รู้สึกดีเท่าไหร่นัก
แต่ก็เป็นความคิดชั่ววูบเท่านั้น ไม่นานนัก เธอก็เงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าสดใส แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณฉันที่ช่วยคุณเลี้ยงลูกสิ เลี้ยงข้าวฉันสักมื้อแล้วกัน!”
“เลี้ยงข้าว ?” เขาขมวดคิ้ว
เธอพยักหน้า แล้วเดินไปข้างหน้า มือเล็กที่บอบบางคล้องแขนของชายหนุ่ม ท่าทางเป็นธรรมชาติ “ถึงเวลาอาหารพอดีด้วย ไม่ใช่เหรอ ? ไปทานข้าวเป็นเพื่อนฉันสักมื้อสิ”
แต่ลี่เฉินซีกลับปัดมือเธอออกด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ สีหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ความรู้สึกใดๆ พูดเพียงว่า “ไว้วันหลังเถอะ!”
ใจเธอกระตุกวูบ สีหน้าแข็งทื่อไปทันที
“จำได้ว่าก่อนหน้านี้บริษัทHSกับบริษัทLGเคยร่วมมือกันสินะ ไว้วันไหนตอนที่ส้าวหลิงอยู่ ทุกคนค่อยไปทานข้าวด้วยกันแล้วกัน” เขาพูดต่อ
ทานข้าวด้วยกัน……
ความผิดหวังเล็กๆวนเวียนอยู่ภายในใจของเธอ ราวกับหยดน้ำที่หยดลงในทะเลผืนใหญ่ แต่ละหยาดหยดเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตาแบบแอปริคอทที่ดูสับสนงุนงงถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันเป็นชั้นๆ “เฉินซี หรือว่าพวกเราสองคนอยู่ด้วยกัน ทานข้าวด้วยกันสักมือก็ไม่ได้เลยหรือ ?”
“ถ้าหากเกี่ยวกับงาน แน่นอนว่าต้องได้ แต่หากเป็นเรื่องส่วนตัว ก็ช่างเถอะ!” เขาทำหน้าเย็นชา ทำท่าเหมือนแยกเรื่องส่วนตัวออกจากงานอย่างชัดเจน
หานฉ่ายหลิงรับไม่ค่อยได้ เดินเข้าไปดึงแขนเขาไว้ “อะไรที่เรียกว่าเรื่องงาน ? แล้วอะไรที่เรียกว่าเรื่องส่วนตัว ? เฉินซี คุณเคยบอกฉัน คุณเคยพูดไว้ ตัวฉันกับเรื่องของฉัน คุณจะดูแลทั้งหมดเอง!”
เขาพยักหน้า สายตาที่เย็นชายังคงเย็นยะเยือก “ใช่ สิ่งที่รับปากเธอไว้ ฉันจำได้ทั้งหมด”
“แล้วสิ่งที่คุณทำตอนนี้มันคืออะไร ? ทำไมถึงผลักไสฉันออกไป ? ฉันก็แค่อยากหาเวลา เพื่อมาอยู่ด้วยกันกับคุณเท่านั้นเอง……”
ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นเขาส่ายหน้าเบาๆ จากนั้น มือใหญ่ก็ปล่อยออกจากมือเธอ ลี่เฉินซีเอ่ยขึ้น “ก่อนหน้านี้ฉันก็อธิบายกับเธอแล้ว ฉ่ายหลิง ระหว่างพวกเรายังคงเป็นเพื่อน เป็นพันธมิตร เป็นผู้ร่วมงาน ความสัมพันธ์มีเพียงแค่นี้ ไม่มีทางเกินกว่านี้!”
เขาแบ่งเส้นไว้อย่างชัดเจน และเป็นอิสระจากความคิดที่วุ่นวายและซับซ้อนก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิงแล้ว ผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างกาย ควรจะเลือกใคร ลี่เฉินซีได้ให้คำตอบนั้นแล้ว
แต่หานฉ่ายหลิงกลับหายใจติดขัดอย่างรุนแรง สีหน้าย่ำแย่มาก จ้องมองเขา ผ่านไปเนิ่นนาน ถึงเค้นคำพูดประโยคหนึ่งออกมา “หรือว่า ระหว่างพวกเรา……จะเป็นได้แค่ความสัมพันธ์พวกนี้แล้วหรือ ?”
ในระหว่างที่หญิงสาวน้ำตาคลอเบ้านั้น ลี่เฉินซีก็พยักหน้าอย่างโหดร้าย นอกจากพวกนี้ เขาจะไม่ให้สิ่งเพ้อฝันอะไรกับเธออีก แม้แต่พื้นที่ให้ต่อยอดใดๆก็ไม่มีทางมอบให้อีก
น้ำตาไหลรินลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงไม่นาน ก็ไหลอาบแก้มของเธอ
หานฉ่ายหลิงร่างกายโอนเอนพิงขอบกำแพง สูดหายใจลึก แต่กลับกลั้นน้ำตาที่กำลังไหลรินไม่ได้ รู้สึกราวกับตรงอกถูกคว้านออกเป็นรูกว้าง เจ็บจนเจียนจะตาย
“แล้วก็ ต่อไปหากไม่มีธุระอะไร ก็อย่ามาที่นี่อีกเลย!” เขาพูดเสริมอีก
ในชั่วขณะที่คำนั้นหลุดออกจากปาก หานฉ่ายหลิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป หันหลังแล้วเดินไปที่ทางลงบันไดอย่างรวดเร็ว
แต่ในขณะที่ลงไปชั้นล่างนั้น ใบหน้าที่น้ำตาอาบแก้มนั้นก็เจอกับซูย้าวที่กลับมาบ้านเข้าพอดี
ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันโดยตรง หานฉ่ายหลิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างรีบร้อน และไม่ได้พูดอะไร เดินตรงออกไปจากบ้านใหญ่ทันที
ซูย้าวชะงักไปอยู่หลายวินาที ก่อนจะหันหน้าเดินขึ้นไปชั้นบน พอเงยหน้าขึ้น ก็เจอกับลี่เฉินซีที่ยืนอยู่ชั้นบน
สายตาลุ่มลึกของเขา จ้องเขม็งมาที่เธอ
ในระยะห่างอันแสนสั้นนั้น หนึ่งสูงหนึ่งต่ำ ความยุ่งเหยิงของลมหายใจ ออกจะรุนแรงไปหน่อย
ซูย้าวไม่อยากจะคาดคะเนว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับหานฉ่ายหลิง ดังนั้นเลยถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว เลยขึ้นไปชั้นบนและเดินตรงไปที่ห้องตัวเองทันที
“ได้ยินว่าเธอทำงานเสร็จหมดแล้วเหรอ ?” เสียงของเขาดังขึ้นจากทางด้านหลัง
เธอหยุดเท้าลง แล้วหันกลับไป ทำภาษามือว่า “ทำเสร็จแล้ว รายละเอียดอยู่ในคอมพิวเตอร์ในห้องหนังสือ คุณไปดูเองเถอะ!”
จากนั้น ก็ผลักประตูเข้าไปในห้องนอน
เมื่อครู่ไปช้อปปิ้งกับโม่หว่านหว่าน เธอไม่ได้ซื้ออะไรเลย แต่กลับซื้อเสื้อผ้ามาให้เจิ้งเอ๋ออยู่สองสามชุด และของเล่นอีกสองสามอย่าง
ซูย้าวเข้าไปอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรก เปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างคราบฝุ่นควันตามตัว จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าตัวน้อยสองสามตัวนั้นไปสักด้วยมือ แล้วเอาไปตากไว้ที่ระเบียง
พอทำทุกอย่างจนเสร็จหมดแล้ว หันหลังไป ก็ชนเข้ากับแผ่นอกของลี่เฉินซี เธอชะงักไปด้วยความตกใจ จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดว่า “ในคอมพิวเตอร์ไม่มีอะไรเลยนะ ซูย้าว เธอทำเสร็จหมดแล้วจริงๆเหรอ ?”
เธอนิ่งอึ้งไป ไม่มีอะไรเลย ?
จะเป็นไปได้อย่างไร !
เธอยุ่งอยู่เกือบยี่สิบวัน จัดการทั้งหมดจนเรียบร้อย ถึงได้ออกไปช้อปปิ้งรับลมกับโม่หว่านหว่าน……
ซูย้าวเดินไปที่ห้องหนังสืออย่างรีบร้อน มองดูโฟลเดอร์ที่ว่างเปล่าในคอมพิวเตอร์ รวมถึงโปรแกรมที่เธอทำก่อนหน้านี้ ก็หายไปไม่เหลือแม้แต่เงา
ห้องหนังสือของบ้านตระกูลลี่ พ่อบ้านกับแม่บ้านไม่เคยยุ่งกับของพวกนี้อยู่แล้ว และไม่เคยแตะต้องมาก่อน เจิ้งเอ๋อยังเด็ก ยิ่งไม่มีทางแตะต้องไปเรื่อยแน่
ถ้าอย่างนั้น ความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ……
“ของเธอที่ทำล่ะ ?” เขายืนถามอยู่ข้างๆ สายตาเย็นชา แฝงด้วยคำถามและการทดสอบ
ซูย้าวมองดูเขา อยากจะพูดความสงสัยที่อยู่ภายในใจออกมา แต่ว่า ยังไม่ทันได้ทำภาษามือ เธอก็หยุดลงก่อน
ไม่มีหลักฐานใดๆทั้งนั้น
ถึงเธอจะพูดออกมา แล้วเขาจะเชื่อหรือ ?
ถ้าเกิดว่าเขาไม่เชื่อ เธอคงได้กลายเป็นคนร้ายที่ใส่ร้ายป้ายสีหานฉ่ายหลิง
ซูย้าวหลุบตาลง ขนตายาวนั้นปิดบังความวุ่นวายที่อยู่ในแววตา หันกลับไป ในใจเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย
แต่ลี่เฉินซีกลับขมวดคิ้วแน่น แล้วถามอีกครั้งว่า “เธอมั่นใจใช่ไหมว่าทำเสร็จหมดแล้ว ?”
เธอสูดหายใจเข้าลึก แล้วหยิบUSBที่อยู่ในลิ้นชักชั้นล่างสุดออกมา โยนให้เขา แล้วทำภาษามือว่า “อยู่ในนี้!”
จากนั้น ก็เดินออกจากห้องไปอย่างไม่แยแส
โชคยังดีที่ซูย้าวเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า
เธอเพียงแค่ไม่กล้านึกภาพ ว่าตอนนี้หานฉ่ายหลิงจะแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อเธออย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้แล้ว
ผู้หญิงคนนี้……