บทที่178 ฉันรู้ว่าคุณแค่หลอกฉัน
ในบาร์ที่สับสนวุ่นวาย เสียงดนตรีดังอึกทึกสนั่นหู หานฉ่ายหลิงดื่มเหล้าเข้าไปหลายแก้ว จากนั้นก็เบียดตัวเข้าไปในฟลอร์เต้นรำ
ขยับตัวโยกย้าย ไปตามจังหวะของเสียงเพลง ราวกับช่วงเวลานั้น ด้วยฤทธิ์ของเหล้า ทำให้ความยุ่งเหยิงในหัวหายไปจนหมดสิ้น ทั่วทั้งร่าง รู้สึกโล่งขึ้น และสบายขึ้นมาก
ในฟลอร์เต้นรำที่เต็มไปด้วยผู้คน เสียงดนตรีที่สั่นหู ชายหญิงแปลกหน้า เธอเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มอย่างโง่เขลา น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว และร่วงลงมาจากหางตา
ถ้าหากว่า ตอนแรกเธอไม่เลิกกับเขาไปเพราะความสับสน ตำแหน่งคุณผู้หญิงลี่ในตอนนี้ จะเป็นเธอหรือเปล่า ?
ถ้าหากตอนแรกเธอไม่ได้ไปจากเขา ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เขาก็คงไม่เลือกที่จะทอดทิ้งเธอสินะ !
ถ้าหาก……
ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้วางยาเขา ไม่ได้คิดที่จะบีบบังคับให้เขาทำแบบนั้น ผลในปัจจุบัน คงไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้ใช่ไหม ?
ทำไมในโลกนี้ถึงไม่มียาแก้ไขอดีตนะ ? ทำให้เวลาย้อนกลับไป ทำให้ทุกอย่างเริ่มใหม่อีกครั้ง
ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ทำไมถึงทอดทิ้งเธอ ไม่ใช่ยัยคนใบ้นั่น!
ทำไมเธอที่เป็นถึงคุณหนูของบริษัทHS รักแรกของทั้งสองฝ่าย ตั้งแต่สมัยมหาลัยจนถึงช่วงเข้าสังคมแรกๆ หรือว่าความรู้สึกพวกนั้นมันไม่มีค่าหรืออย่างไร ? ทำไมถึงได้ทิ้งมันไปแบบนี้!
หรือว่าทำเพื่อซูย้าวที่เป็นใบ้พูดไม่ได้คนนั้นกันแน่!
คิดถึงตรงนี้ ในใจของหานฉ่ายหลิง ก็เหมือนมีงูพิษหลายพันตัวกำลังกัดแทะ เพลิงโกรธทะลวงจิตใจ ไม่ว่าจะพูดอะไรเธอก็ไม่สามารถกล้ำกลืนกลิ่นอันน่ารังเกียจนี้ได้
พอความโกรธเข้าครอบงำจิตใจ เธอเลยไม่มีอารมณ์จะเต้นต่อ และไปเหยียบเท้าของคนข้างๆเข้าโดยไม่ตั้งใจ หญิงสาวคนนั้นทำท่าน่าสงสาร แล้วเรียกแฟนหนุ่มของตัวเองเข้ามาช่วยปกป้อง
“นี่ เหยียบเท้าแฟนฉันแล้ว ยังไม่รู้จักขอโทษอีก เธอเป็นคนใบ้หรือไง ?”
คำว่า “คนใบ้” เสียดแทงใบหูของหานฉ่ายหลิงมาก เธอแทบไม่ทันได้คิด และไม่รู้ว่าเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เธอง้างมือขึ้น แล้วตบลงบนใบหน้าของชายหนุ่มทีหนึ่ง
การกระทำนั้นรวดเร็วมาก ชายหนุ่มกับหญิงสาวเลยยังไม่ทันได้ตอบสนอง
“นายสิคนใบ้ !”
เธอตะคอกไปคำหนึ่ง ก่อนที่จะเดินจากไป แต่กลับถูกชายหนุ่มดึงข้อมือเอาไว้ก่อน ในขณะที่กำลังคุกรุ่น ก็มีคนเข้ามากันไว้ทันเวลา แล้วดึงตัวชายคนนั้นเอาไว้
เงาอันงดงามของเพ้ยส้าวหลี่ สูงใหญ่ตระหง่าน ท่าทางที่ออกรับแทนคนอื่น หล่อเหลาจนดูเหมือนฉากที่โผล่มาจากในภาพยนตร์
หญิงสาวหลายคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตาค้างไปในทันที ก่อนจะเผลออุทานออกมาว่า หล่อจังเลย!
ชายหนุ่มกวาดสายตาไปมองการแต่งกายของเพ้ยส้าวหลี่ ทั้งหมดเป็นสินค้าสั่งทำพิเศษแบบลิมิเต็ดเอดิชั่น ท่าทางหรูหราและราคาแพง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนที่เหมาะจะยั่วโมโห เลยรีบลากแฟนตัวเองเดินออกไปทันที
หานฉ่ายหลิงดื่มเหล้าไปไม่น้อย จู่ๆก็สงบลง ในสมองมึนๆเบลอๆ และไม่อาจสนใจเพ้ยส้าวหลี่ที่อยู่ตรงหน้าได้ ทำได้แค่ผลักฝูงชนที่อยู่ตรงหน้าออก และเดินโซซัดโซเซไปที่เคาน์เตอร์บาร์
พอนั่งลง เธอก็สั่งเหล้าขวดหนึ่งจากบาร์เทนเดอร์
ในส่วนนี้ของทางบาร์ บาร์เทนเดอร์ไม่ได้สนใจว่าใครจะดื่มมากไป หรือดื่มไม่ได้อะไรทำนองนั้น เพียงแค่จำหน่ายเหล้าเท่านั้น อย่างไรในแต่ละวันก็มีคนเมาจนล้มอยู่แล้ว ถือเป็นเรื่องทั่วไป
หานฉ่ายหลิงเทเองดื่มเอง และดื่มเข้าไปอีกหลายแก้ว จากนั้นก็เงยใบหน้าที่เมามายขึ้นมา ดวงตาแบบแอปริคอท สะท้อนแสงไฟสลัว และมองไปทางเพ้ยส้าวหลี่อย่างน่าหลงใหล แต่คำพูดที่ออกมาจากปากนั้น กลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามถึงกับตื่นตกใจ
“เฉินซี ฉันรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องมา……”
เพ้ยส้าวหลี่ชะงักไปทีหนึ่ง และคิ้วก็ขมวดแน่นขึ้นหลายระดับ
แต่ก็ไม่ได้ลังเลอะไร และนั่งลงข้างๆเธอ
“ฉันรู้อยู่แล้ว ว่าคุณไม่มีทางไม่สนใจฉัน เฉินซี ฉันรู้ ว่าคุณยังรักฉันอยู่ ที่พูดเมื่อกี้นั้นก็แค่คำพูดตอนที่โกรธ แค่หลอกฉันเท่านั้น ใช่ไหม ?”
หานฉ่ายหลิงมองดูใบหน้าหล่อเหลาร้ายกาจของเขา และยิ้มอย่างโง่เขลา ท่าทางที่กำลังเมามาย คำพูดที่ออกมาก็ค่อนข้างไม่ชัดเจน
เพ้ยส้าวหลี่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เพียงแค่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วมองดูเธอเงียบๆ
“เฉินซี คุณบอกฉันสิ ว่าคำพูดทั้งหมดก่อนหน้านี้ แค่หลอกฉัน ใช่ไหม ?”
ดูเหมือนว่าหานฉ่ายหลิงจะเมาแล้วจริงๆ สะลึมสะลือ มองดูคนตรงหน้าด้วยดวงตาพร่ามัว สีหน้าออดอ้อน ภายใต้แสงไฟมือสลัว ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์กว่าเดิม
ทำให้คนใจสั่นไม่น้อยเลย
เพ้ยส้าวหลี่สูดหายใจเข้าลึกทีหนึ่ง คนเมาที่จำคนผิดนั้น เขาเห็นมามากแล้ว แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข้าใจผิดว่าเขาเป็นลี่เฉินซี
เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
เขาโบกมือเรียกบาร์เทนเดอร์รินเหล้าให้ แล้วยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
ไม่ได้ไปสนใจเธอ เพียงแค่นั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
เวลาแต่ละนาทีแต่ละวินาทีผ่านพ้นไป หานฉ่ายหลิงดื่มเข้าไปอีกไม่น้อย มองดูคนข้างๆ จนรู้สึกว่าภาพตรงหน้าถูกซ้อนทับ พร่ามัว ดูไม่ชัดเจน
แต่ไม่เป็นไร มีแค่เงาที่เหมือนก็ยังดี อย่างน้อยที่สุด ในใจที่เยือกเย็นเปลี่ยวเหงา ก็เหมือนได้รับการปลอบโยนบ้าง และไม่ได้รู้สึกว่าเจ็บปวดมากเท่าไหร่นัก
“คุณไม่ได้รักซูย้าว เธอก็ไม่ได้เหมาะสมกับคุณนะ คนใบ้คนหนึ่ง นอกจากคลอดลูกได้แล้ว ยังจะทำอะไรเป็นอีก ? เธอดีกว่าฉันตรงไหน ?”
เธอบ่นพึมพำ ราวกับจะเอาความไม่พอใจที่อยู่ภายในใจทั้งหมด พูดออกมาในคราวเดียว
ตรงเคาน์เตอร์บาร์มีคนนั่งอยู่มากมาย เพ้ยส้าวหลี่เองก็ไม่ได้สนใจเธอ มีหญิงสาววัยเยาว์คนหนึ่งเดินเข้ามา ท่วงท่าสง่างาม เข้ามานั่งตรงที่ว่างข้างๆที่อยู่ใกล้กับเขา
“สุดหล่อ ต้องการเพื่อนไหมคะ ?” หญิงสาวในชุดคอต่ำสุดเซ็กซี่ เข้ามาประชิดเพ้ยส้าวหลี่ด้วยท่าทางสุดร้อนแรง
เขายิ้มบางๆ และปฏิเสธด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ “มีคนข้างกายอยู่แล้ว คงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนอีกหรอกใช่ไหมครับ”
หญิงสาวหันไปมองหานฉ่ายหลิงทีหนึ่ง แล้วทำเสียงในจมูกอย่างเย็นชา “หล่อน ? เมาขนาดนั้นแล้ว คนหล่ออย่าไปรอเลยดีกว่า !”
เพ้ยส้าวหลี่เพียงแค่ยิ้มบางๆ ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใดๆ
หญิงสาวเห็นว่าเขาเย็นชาเกินไป ราวกับภูเขาน้ำแข็ง เลยไม่พูดอะไรต่ออีก หันหลังเดินจากไปทันที
หานฉ่ายหลิงหมอบอยู่กับเคาน์เตอร์บาร์ เอียงคอมองเขา แล้วพูดอีกว่า “พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่มหาลัย ปีนั้นฉันเพิ่งอยู่มัธยมปลายปีสามนะ แต่คำพูดเดียวของคุณ ที่บอกว่าอยากให้ฉันสอบเข้ามหาลัยของพวกคุณ ฉันก็ไปสอบทันที รู้ไหม ? เฉินซี เพื่อคุณแล้ว ฉันสามารถยอมทิ้งได้ทุกอย่าง!”
“ยอมทิ้ง ?” เหมือนว่าเพ้ยส้าวหลี่จะได้ยินคำที่น่าสนใจเข้า เลยพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นก็ก้มหน้ามองดูเธอ “ถ้าอย่างนั้นเธอยอมทิ้งตัวเธอเองไหม ?”
“คุณอยากให้ฉันทำยังไง ?” เธอเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาพร่ามัวจากความเมามาย
เพ้ยส้าวหลี่สูดหายใจเข้าลึกๆทีหนึ่ง ตัวเขาเองก็อาจจะเมาแล้ว ถึงได้ไปสนทนากับผู้หญิงเมามายคนหนึ่งแบบนี้!
เขาส่ายหน้า แล้วลุกขึ้นชำระเงิน จากนั้นก็ยื่นแขนยาวไปคว้าเอวบางของหานฉ่ายหลิง แล้วอุ้มเธอเดินออกไป
เปิดห้องนอนห้องหนึ่งที่โรงแรมข้างๆบาร์ วางเธอลงบนเตียงเบาๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปข้างนอก
เพิ่งจะหันหลัง ยังไม่ทันได้ก้าวเท้า ก็รู้สึกว่าทางด้านหลังถูกอะไรบางอย่างดึงไว้ พอหันกลับไปมอง มือเล็กๆของหานฉ่ายหลิงดึงชายเสื้อของเขาไว้ ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ท่าทางดื้อรั้นนั้น ยังแฝงด้วยความแข็งกร้าวด้วย “อย่าไปนะ เฉินซี……”
ถึงแม้เธอจะจำคนผิด แต่พอมองดูดีๆแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยวางจริงๆ ลี่เฉินซีไม่ยอมรับเธอ ทำให้เธอต้องมาคร่ำครวญแบบนี้ เพ้ยส้าวหลี่อยากไปก็ไปไม่ได้ ถ้าเช่นนั้น……
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาชั่วร้าย “เธอแน่ใจนะว่าจะเอาแบบนี้ ?”
“อืม ฉันไม่ได้คุณรับผิดชอบสักหน่อย ฉันขอแค่คุณ เฉิน……”
ไม่ปล่อยให้เธอพูดพร่ำชื่อนั้นออกมาอีก เพ้ยส้าวหลี่ก็เข้าไปปิดไว้เสียก่อน ริมฝีปากบางอุดปากเธอไว้ อุดไม่ให้คำที่ยังไม่ทันได้พูดออกมาจากปากนั้น ถูกปิดผนึกกลับเข้าไป
ค่ำคืนที่ยุ่งเหยิง โรมเร้าคลอเคลีย ดังก้องอยู่ในห้องขนาดใหญ่ ครั้งแล้วครั้งเล่า……
วันต่อมา ตอนที่หานฉ่ายหลิงลืมตาอันพร่ามัวขึ้นมา ก็เป็นเวลาหลังเที่ยงไปแล้ว แสงแดดจากด้านนอกส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา สว่างจ้าจนเธอแทบลืมตาไม่ขึ้น
เธอยกมือขึ้นมาบัง หลังสร่างเมาแล้วหัวก็ปวดจนแทบระเบิด บีบนวดขมับสักพัก พอจะลุกขึ้น ก็รู้สึกว่าส่วนล่างของร่างกายไม่ค่อยปกติ
พอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความไม่ปกติแบบนี้ ทำให้เธอเข้าใจอย่างชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอ แล้วยังมีเศษเสี้ยวความทรงจำที่อยู่ในหัวอีก ทำให้เธอนิ่งอึ้งไปทันที
ผู้ชายคนนั้นเมื่อคืนนี้ เป็นใครกันแน่ ?
เป็นลี่เฉินซีจริงๆ หรือว่า……
พระเจ้าช่วย!
หานฉ่ายหลิงปิดปากอย่างตื่นตระหนกโดยสัญชาตญาณ นี่เธอทำเรื่องแบบนี้กับผู้ชายแปลกหน้าขณะกำลังเมามาย เหลวไหลเกินไปแล้ว !