บทที่185 แล้วจะให้เชื่อคุณอีกได้อย่างไร
หลังจากที่ลี่เฉินซีไปแล้ว เมืองAก็มืดครึ้มอยู่หลายวัน ฝนตกปรอยๆอยู่ตลอด เสียงฝนพรึมพรำ ติดต่อกันไม่หยุด
ซูย้าวอยากออกไปข้างนอกตลอดเวลา ไปโรงพยาบาลรอบหนึ่ง เพื่อตรวจสอบครรภ์อย่างครอบคลุม พอมั่นใจแล้วว่าลูกน้อยปลอดภัย เธอก็วางใจอย่างเต็มที่ได้เสียที แต่ว่าด้านนอกอากาศไม่ดี ส่วนเจิ้งเอ๋อก็ดูเหมือนจะเป็นหวัดเล็กน้อย
อาจจะเป็นเพราะอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานาน และอุณหภูมิก็ปรับไว้ต่ำเกินไปหน่อย
เจิ้งเอ๋อไอตลอดเวลา ป้อนยาให้เยอะแล้ว แต่ก็ไม่มีผลเท่าใดนัก
มีคุณหมอมาตรวจให้ที่บ้าน สุดท้ายก็ทำได้แค่หยอดยา เจิ้งเอ๋อโวยวายไม่ยอมฉีดยา ซูย้าวเลยทำได้แค่คอยอยู่เป็นเพื่อน พอออกหากครู่เดียวเท่านั้น เจิ้งเอ๋อก็ร้องไห้โวยวายไม่ยอมหยุด
เวลาที่เด็กๆไม่สบาย ก็ทรมานคนอยู่เหมือนกัน
แต่ซูย้าวเองก็สงสารเขา มองเห็นลูกตัวเองไม่สบาย ความรู้สึกนั้น แทบอยากจะเอาความเจ็บป่วยทั้งหมดมาอยู่ที่ตัวเองเสีย
ไม่สบายติดต่อกันเกือบหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดเจิ้งเอ๋อก็ค่อยๆดีขึ้น เริ่มมีความอยากอาหาร สามารถทานอาหารได้มากขึ้น และรู้จักโวยวายจะทานขนมแล้ว แถมยังรู้จักเล่นของเล่นด้วย
หัวใจที่จุกแน่นของซูย้าว ก็เริ่มปล่อยวางได้ในที่สุด
อากาศด้านนอกเริ่มสดใสแล้ว เธอก็เลยหาเวลาว่างไปที่โรงพยาบาลสักรอบ
หลังจากตั้งครรภ์ครั้งที่สอง นี่เป็นการตรวจสอบอย่างเป็นทางการครั้งแรก เธอถือใบผลอัลตราซาวด์ที่เพิ่งได้มา นั่งอยู่ตรงหน้าคุณหมอ แล้วเขียนใส่กระดาษว่า “ลูกของฉันยังแข็งแรงดีไหมคะ ? มีตรงไหนไม่ปกติหรือเปล่า พัฒนาการเป็นอย่างไร นี่เป็นลูกคนที่สองของฉันค่ะ”
คุณหมอถือว่าเป็นมิตร ยิ้มบางๆ “ทุกอย่างปกติดี คุณไม่ต้องตื่นเต้นนะ”
จากนั้น คุณหมอก็ถือใบผลอัลตราซาวด์ แล้วชี้ไปที่ถุงตั้งครรภ์ด้านบน “คุณดูสิ ตัวอ่อนพัฒนาได้ดี เด็กก็สุขภาพดีด้วย ได้รับการพัฒนาอย่างดี สิ่งที่คุณต้องทำ ก็คือทำอารมณ์ให้มั่นคง ทำให้แน่ใจว่าได้รับสารอาหารครบถ้วน พักผ่อนให้มาก แล้วออกกำลังกายบ้างเป็นบางเวลา ทำใจให้สบายก็พอแล้ว!”
ในที่สุดซูย้าวก็โล่งอก ขณะเดียวกันคุณหมอก็เตือนเธอว่าให้มาตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอด้วย
ก่อนจะกลับ เธอก็ยังรู้สึกกังวลเล็กน้อย เลยเขียนในกระดาษถามว่า “คุณหมอคะ ฉันพูดไม่ได้ ลูกของฉันคงไม่……”
พอพูดถึงคำถามนี้ สีหน้าของคุณหมอก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “ตามหลักแล้ว คุณท้องยังไม่ถึงสามเดือน ยังไม่สามารถระบุได้ว่ายีนนั้นสืบทอดมาหรือไม่ แต่คุณซูคะ นี่เป็นลูกคนที่สองของคุณแล้ว ลูกคนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ?”
“ลูกคนแรกดีมากค่ะ สามารถพูดได้” เธอเขียนบนกระดาษ
คุณหมอพยักหน้า แล้วก็ดูผลการตรวจสอบร่างกายของซูย้าวอีกครั้ง จากนั้นก็ถามว่า “คุณซูคะ อาการใบ้ของคุณไม่ใช่การสืบทอดจากพันธุกรรม ใช่ไหมคะ ?”
เธอพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลค่ะ มีเพียงพันธุกรรมเท่านั้น ที่จะสามารถสืบทอดไปยังรุ่นต่อไปได้ ของคุณนั้นเกิดจากปัจจัยที่ได้มา ไม่มีทางสืบทอดไปยังลูกได้แน่นอนค่ะ!”
พอได้รับการยืนยันจากคุณหมอแล้ว ในที่สุดซูย้าวก็ถอนหายใจได้ยาวๆเสียที และวางใจอย่างเต็มที่แล้ว!
ขณะลงลิฟต์ไปชั้นล่าง ในมือเธอก็ยังถืออัลตราซาวด์ใบนั้นอยู่ มองไปที่ถุงตั้งครรภ์เล็กๆที่อยู่ด้านบน ก็คิดไปถึงตอนที่ตัวอ่อนนี้โตขึ้น พัฒนาไปเป็นเด็ก เป็นลูกคนที่สองของเธอกับลี่เฉินซี ความรู้สึกแบบนั้น มันทำให้มุมปากค่อยๆยกขึ้นกลายเป็นรอยยิ้ม
เป็นความรู้สึกที่ละเอียดอ่อนมากจริงๆ
ตอนที่ตั้งท้องครั้งแรก เธอบอกลี่เฉินซีแต่เนิ่นๆ แล้วก็ได้รับประโยคที่แสนเย็นชามาจากเขาว่า ไปเอาออก!
เป็นเพราะความดื้อรั้นของเธอ รวมถึงที่เจี่ยงเวินอี๋อยากจะได้หลานชาย เลยทำให้เจิ้งเอ๋อรอดมาได้อย่างฉิวเฉียด
แต่ว่าระหว่างที่ตั้งครรภ์ ทุกครั้งตอนมาที่โรงพยาบาลแม่สามีจะมาเป็นเพื่อนเสมอ ทุกครั้งพอผลตรวจออกมาแล้ว ก็มอบให้เจี่ยงเวินอี๋ทันที เธอแทบจะไม่เคยได้เห็นผลตรวจเลย
ขนาดใบผลอัลตราซาวด์ ก็ไม่เคยให้เธอได้ดู
ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ตัวเองในตอนนั้น ก็เหมือนกับหุ่นไม้ ที่ถูกคนอื่นใช้เป็นเครื่องมือในการสืบทอดทายาทเพียงเท่านั้น
แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ลูกคนนี้ เธอไม่เพียงจะเก็บเอาไว้ จะต้องทุ่มแรงกายแรงใจด้วยตัวเอง จากตั้งท้องจนถึงคลอด จนถึงเลี้ยงดูลูกให้เติบใหญ่ขึ้นมาในอนาคต จะไม่ยอมให้คนอื่นนอกเหนือจากลี่เฉินซี เข้ามาก้าวก่ายเด็ดขาด
อีกอย่างเธอก็เคยคิดไว้แล้ว ถ้าหากว่าลี่เฉินซีไม่ยินยอมให้เก็บเด็กคนนี้เอาไว้ เธอก็จะยืนกราน อย่างมากก็แค่……
แล้วพาเจิ้งเอ๋อย้ายออกมาอยู่ด้วย
ใช่ แบบนี้แหละ!
จะต้องปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
ในขณะที่เธอกำลังคิด ก็เดินออกมาจากลิฟต์ และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเจอกับเพ้ยส้าวหลี่เข้า จนตอนที่เขาเปิดปากพูดขึ้น ถึงกับทำให้เธอสะดุ้งตกใจ
“กำลังคิดถึงลูกของเธออยู่เหรอ ?”
เสียงของผู้ชายที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเพ้ยส้าวหลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เรื่องที่เธอท้อง บอกลี่เฉินซีไปหรือยัง ?” เขาถามออกมาตรงๆ
ซูย้าวส่ายหน้า
“ยังไม่พร้อมเหรอ ? หรือว่าไม่มีโอกาส ?” สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสนใจ
เพียงแต่ซูย้าวไม่เข้าใจ ว่าเรื่องที่ตัวเองตั้งครรภ์ มีอะไรน่าสนใจสำหรับเขากัน ?
เพ้ยส้าวหลี่ดูท่าทางของเธอ รอยยิ้มบางๆบนริมฝีปากก็กว้างขึ้น “ซูย้าว ที่ฉันพูดก่อนหน้านี้ ไม่ใช่แค่ล้อเล่นนะ เธอได้เก็บไปพิจารณาดูบ้างหรือเปล่า ?”
เธอเองก็ตอบกลับไปตรงๆ โดยการส่ายหน้า
จำเป็นต้องพิจารณาด้วยหรือ ?
ให้เธอไปจากลี่เฉินซี แล้วแต่งงานกับเขา นี่มันไม่เท่ากับฝันอยู่หรือ ?
แต่ว่าถึงจะเป็นฝัน แต่เพ้ยส้าวหลี่ก็อยากลองพยายามดู “ทำไมถึงไม่พิจารณาดูล่ะ ? เป็นเพราะกังวลอะไรอยู่หรือเปล่า ?”
ซูย้าวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วใช้ภาษามือพูดว่า “ไม่กังวล เพียงแค่ไม่มีความจำเป็นเท่านั้น”
“เธอมั่นใจกับชีวิตสมรสของตัวเองกับลี่เฉินซีขนาดนั้นเลยเหรอ ? ” เขาถามกลับ
เธอใช้ภาษามือพูดว่า “ไม่ใช่ว่ามีความมั่นใจ แต่เป็นเพราะว่าฉันมั่นใจในตัวเอง”
อย่างน้อยซูย้าวก็ทำได้ในจุดนี้ ถึงแม้จะไปจากลี่เฉินซี แต่เธอก็สามารถเลี้ยงดูตัวเองกับลูกได้ และยังสามารถทำให้ลูกมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เธอยังจะต้องการอะไรจากคนอื่นอีกล่ะ ?
ในเมื่อไม่ต้องการ แล้วทำไมต้องเสียเวลาไปพิจารณาด้วย!
รอยยิ้มบนริมฝีปากของเพ้ยส้าวหลี่ยังคงเดิม ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วพูดเพียงว่า “สิ่งที่ฉันให้เธอได้ มีมากกว่าที่เธอคิดไว้มากนะ อีกอย่างสิ่งที่เธออยากทำ ฉันก็สามารถช่วยให้เธอสมหวังได้ทุกอย่าง”
“เช่นอะไรล่ะ ?” เธอใช้ภาษามือถาม
“เช่นฉันสามารถช่วยแก้แค้นแทนพ่อเธอได้ เธออยากจะทำยังไงกับซัวฉ่ายลี่และเซียวควนสองสามีภรรยาก็ได้ทั้งนั้น ฆ่าให้ตาย ? หรือว่าให้พิการ ?”
คำพูดที่พูดออกมาพวกนี้ ทำให้ซูย้าวรู้สึกขนลุกขนพอง
ถึงแม้ตอนนั้นซัวฉ่ายลี่จะทำเรื่องที่ผิดต่อคุณพ่อจริงๆ แถมยังวางยาพิษคุณพ่ออย่างโหดเหี้ยม แต่เธออาจจะช่วยแก้แค้นแทนพ่อ อาจจะส่งซัวฉ่ายลี่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ได้ แต่เรื่องการฆ่าให้ตายหรือทำให้พิการนั้น ทำไมถึงได้น่ากลัวขนาดนี้ล่ะ ?
เพ้ยส้าวหลี่มองดูท่าทางตื่นตระหนกของเธอ ก็หัวเราะอีกครั้ง “เอาเถอะ ไม่ล้อเธอเล่นแล้ว ให้เธอดูอะไรบางอย่างแล้วกัน!”
ขณะที่เขาพูด ก็ล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา
พอกดที่หน้าจอ ภาพถ่ายภาพหนึ่งก็เข้ามาในสายตาของเธอทันที
ภาพดังกล่าวถ่ายที่สนามบินออสเตรเลีย ลี่เฉินซีกับหานฉ่ายหลิงกอดกันแน่น การกระทำที่ใกล้ชิด เห็นชัดโดยไม่ต้องอธิบาย
ราวกับคู่สามีภรรยาที่แต่งงานใหม่และตัวติดกันราวกับกาว เหมือนว่ากำลังไปฮันนีมูนกันอย่างไรอย่างนั้น
และอีกหลายภาพต่อจากนั้น มีภาพที่พวกเขาทานข้าวด้วยกัน คุยกัน และไปโรงแรมด้วยกัน
เพ้ยส้าวหลี่มองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอ แล้วก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง “รู้หรือเปล่า ? ตอนที่พวกเขาอยู่ที่โรงแรม พวกเขาพักอยู่ห้องเดียวกันด้วยนะ ถ้าไม่เชื่อเธอจะไปตรวจสอบดูก็ได้”
เสี้ยววินาทีนั้น ใจของซูย้าวกระตุกวูบ เจ็บจนรวดร้าว
“เธออยู่ในประเทศแล้วช่วยเขาอุ้มท้องอย่างยากลำบากอยู่แบบนี้ ยังต้องคอยดูแลเจิ้งเอ๋อทั้งวันทั้งคืนอีก แต่เขากลับพาผู้หญิงที่เป็นรักแรกไปเที่ยวเล่นอยู่ต่างประเทศอย่างสบายใจเฉิบ ผู้ชายที่จิตใจคับแคบ แถมหน้าไหว้หลังหลอกแบบนี้ น่าเชื่อถือเหรอ ? น่ารักเหรอ ?”
นิ่งไปครู่หนึ่ง เพ้ยส้าวหลี่ก็มองดูดวงตาที่เย็นยะเยือกของเธอ แล้วพูดเสริมอีกประโยคว่า “จะมอบชีวิตที่เหลือไว้ให้ได้เหรอ ?”
คำตอบที่ได้คือไม่ทั้งสิ้น
แต่ซูย้าวไม่ให้คำตอบอะไรกับเขาทั้งนั้น
และเธอแทบไม่ได้สนใจ และไม่ได้ดูต่ออีก เพียงแค่หันหลังแล้วเก็บใบผลอัลตราซาวด์ในมือไว้ให้เรียบร้อยอย่างไม่แยแส ถือกระเป๋า แล้วเดินจากไป
ทำไมแต่ละก้าวที่เดินกลับไป มันถึงได้หนักขนาดนี้ เหมือนว่าขาทั้งสองข้างจะเต็มไปด้วยตะกั่ว หนักจนก้าวขาลำบาก
ลี่เฉินซี เขาก็ยังคง……รักคนคนนั้นอยู่ ไม่ใช่หรือ ?