เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ – ตอนที่ 189 คุณยังรักฉันอยู่

บทที่ 189 คุณยังรักฉันอยู่

“ยังคิดจะหนี? ฝันไปเถอะ!”

โม่หว่านหว่านแค่เห็นซัวฉ่ายลี่แอบหนีไป แทบไม่ต้องคิดเลย จะพุ่งเข้าไปขวางทันที แต่กลับโดนซูย้าวห้ามเอาไว้

เธอจับมือของโม่หว่านหว่าน ส่ายๆหน้า

สื่อให้เธอรู้ว่าอย่าทำอย่างนั้น

ที่นี่เป็นศูนย์การค้า จู่ๆก็มีเรื่องวุ่นวาย ทำให้คนอื่นขำขันได้ จึงดึงเอาไว้อีกไม่ยอมปล่อยมือ จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน

อีกอย่างซัวฉ่ายลี่ไม่ว่าอย่างไร ทั้งอายุและลำดับศักดิ์ก็มากกว่าพวกเธอ ถ้ามีเรื่องถกเถียงอะไรกันขึ้นมาจริงๆ หรือก่อกวนจนเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะไม่ดีต่อเธอทั้งสองคน

โม่หว่านหว่านโมโหแย่แล้ว จะสนใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร แค่เธอเห็นซัวฉ่ายลี่วิ่งจนไม่เห็นแม้แต่เงา ก็ยิ่งโมโห “ซูย้าว เธอใจดีเกินไปหรือเปล่า? ลืมแล้วเหรอว่าเมื่อก่อนเธอทารุณ ต่อเธอยังไง? ทำไมปล่อยเธอไปง่ายๆขนาดนี้!”

ซูย้าวจะลืมได้อย่างไร!

ไม่ต้องพูดถึงชีวิตวัยเด็กที่ผ่านไปอย่างไม่เป็นดั่งใจ ก็คงเป็นเรื่องที่พ่อจากไป ในชีวิตนี้ซัวฉ่ายลี่เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเธอ

ซูย้าวเห็นกับตาที่พ่อโดนเธอใช้ยาพิษฆ่าตาย ตอนนั้นตนเองซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ฉากตอนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว เป็นฝันร้ายที่ยังอยู่

เพียงแต่ดูจากสถานการณ์ในวันนี้ ซัวฉ่ายลี่ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ อยากจะกำจัดเธอ ช่างง่ายดายเหลือเกิน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมถึงไม่เลือกโอกาสดีๆล่ะ?

ก็ทำให้เธอในวันนี้เหมือนกับตั๊กแตนช่วงท้ายของฤดูใบไม้ร่วง ได้กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขก่อนจะถึงจุดจบของตัวเอง

ความเพียรพยายามของซูย้าว ด้วยนิสัยอย่างนี้ของโม่หว่านหว่าน จะเข้าใจได้อย่างไร แค่ช่วยเหลือเธอที่ไม่ได้รับความยุติธรรมเท่านั้น “เธอใจดีเกินไปแล้วนะ! ยัยป้านั่นตั้งใจรังแกเธอชัดๆ!”

ในทันที เธอก็เห็นคอมพิวเตอร์ที่อยู่บนพื้น

โม่หว่านหว่านยิ่งโมโหจนจะไม่ไหวแล้ว “ของดีๆ เธอดูยัยป้านั่นทำจนพัง! นี่คนอะไร! แย่เกินไปแล้ว!”

ซูย้าวยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มเล็กน้อย ดึงมือของเธอ ใช้ภาษามืออธิบาย “อยู่ๆเธอมาได้ยังไง?”

เหตุการณ์เมื่อครู่ ถ้าไม่มีโม่หว่านหว่าน เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องโดนซัวฉ่ายลี่กลั่นแกล้งไปถึงเมื่อไหร่

พูดเช่นนี้ เธอจึงนึกถึงอะไรขึ้นมาทันที กวาดสายตามองไปมา ในที่สุดก็เจอร่างสูงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล

“หลินโม่ป่าย!” โม่หว่านหว่านตะโกนเสียงแหลมออกมา

หลินโม่ป่ายกำลังยืนซื้อของอยู่ไกลๆ ได้ยินเสียงตะโกนเรียกจึงโบกมือมาทางนี้ ครู่หนึ่ง ก็เดินเข้ามา

ตอนนี้ ในมือของเขามีกาแฟเย็นเพิ่มขึ้นมาสองแก้ว

ส่งให้ทั้งสองคน

โม่หว่านหว่านพลางดื่มกาแฟแล้วพูดไปด้วย “โม่ป่ายเห็นเธอโดนรังแก เขาจึงโทรมาหาฉัน แล้วพอดีฉันกำลังชอปปิ้งอยู่ใกล้ๆน่ะ!”

ซูย้าวจึงเข้าใจแล้ว เหลือบสายตามองไปที่หลินโม่ป่าย ยิ้มเล็กน้อย

โม่หว่านหว่านเอาคอมพิวเตอร์กลับไปที่ร้านใหม่อีกครั้ง หน้าจอแตกละเอียด แต่ยังอยู่ในช่วงรับประกัน จึงเปลี่ยนได้ฟรี

เปลี่ยนคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ให้ซูย้าวแล้ว โม่หว่านหว่านกำลังมองหลินโม่ป่ายที่อยู่ข้างๆไม่พูดไม่จาสักเท่าไหร่ เธอไม่อยากเป็นก้างขวางคอ จึงบอกว่ายังมีธุระขอตัวก่อน

หลินโม่ป่ายเสนอตัวไปส่งซูย้าวกลับบ้าน เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ ขึ้นรถมากับเขา

บรรยากาศในรถค่อนข้างเงียบ กลัวว่าเธอจะรู้สึกอึดอัด จึงเปิดเพลงภาษาอังกฤษสบายๆ เรียบง่าย สบายใจ เหมาะสมกับบรรยากาศในตอนนี้ ดีสุดๆเลย

รถมากมายบนถนน หลินโม่ป่ายค่อยๆขยับพวงมาลัย สายตาเรียบเฉยมองไปด้านหน้า จู่ๆก็พูดขึ้นเบาๆ “เรื่องเมื่อกี้ ทำไมเธอไม่ถามฉันล่ะ เพราะอะไรถึงไม่ช่วยเธอแก้ไขสถานการณ์เอง แต่กลับต้องเรียกหว่านหว่านมาก่อน?”

ได้ฟังเช่นนี้ ซูย้าวแค่ยิ้ม แล้วใช้ภาษามืออธิบาย “ฉันรู้เหตุผลอยู่แล้ว ทำไมต้องถามอีกล่ะ”

“ห๊ะ? เธอรู้อะไร?” เขากลับรู้สึกสนใจอยากจะรู้

ซูย้าวใช้ภาษามืออธิบาย “นายคิดว่าฉันไม่รู้จริงๆเหรอ ถึงอยากให้ฉันพูดออกไป?”

น้อยครั้งที่หลินโม่ป่ายจะมีโอกาสคุยกับเธอ จึงอยากคุยให้มากขึ้นหน่อย “เธอว่ามาสิ ฉันอยากฟัง”

เช่นนี้แล้ว ซูย้าวจึงใช้ภาษามืออธิบาย “ง่ายมาก ถ้านายออกหน้ามาช่วยฉันแก้สถานการณ์ น้าซัวจะไม่ยอมรับผิด แต่ต้องเล่นงานนายไปด้วยแน่ๆ ไม่เพียงแก้สถานการณ์ไม่ได้ แต่จะแย่ไปกันหมด”

ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ถือได้ว่าเติบโตมาด้วยกัน แล้วตอนเด็กๆ บ้านตระกูลซูและตระกูลหลินยังหมั้นหมายกันเอาไว้โดยพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย แม้จะบอกว่าเป็นคำพูดเล่นๆ แต่หลินโม่ป่ายกลับดูแลเธอในฐานะคู่หมั้นของตนเองมาโดยตลอด หลายปีราวกับหนึ่งวัน

ดังนั้น ถ้าบอกว่าเป็นความรักเก่า ก็ย่อมได้

ซัวฉ่ายลี่ต้องกัดประเด็นนี้ไม่ยอมปล่อยแน่ๆ พูดจาเหลวไหล คงยิ่งทำให้ซูย้าวอึดอัดใจและตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

ตอนนั้นต่อให้เขาจะเป็นห่วงขนาดไหน ก็ทำได้เพียงโทรหาโม่หว่านหว่านให้มาแก้สถานการณ์

นี่เป็นการกระทำที่รอบคอบ แล้วก็ครุ่นคิดเพื่อซูย้าว

เธอรู้ และเข้าใจดี

ยิ่งให้ความสำคัญกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อตนเอง เพียงแค่ยิ่งให้ความสำคัญ ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ

หลินโม่ป่ายหายใจเข้าลึกๆ รอยยิ้มกว้างที่ยิ่งอบอุ่นอย่างชัดเจน ราวกับลมฤดูใบไม้ผลิโชยเข้ามาปะทะใบหน้า เบาๆ อบอุ่นๆ

“ดูแล้ว เธอก็ยังเข้าใจฉันที่สุดนะ!”

ดูเหมือนจะถอนใจ แต่ก็พูดความเจ็บปวดของตนเองออกมา

ซูย้าวลู่สายตาคู่สวยลง ใช้ภาษามืออธิบายอีกครั้ง “โม่ป่าย ฉันรู้ว่านายดีกับฉัน แต่เรื่องราวมากมาย ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ย้อนกลับไปไม่ได้อีก คนเราต้องมองไปข้างหน้า ฉันหวังว่านายจะมีความสุข”

“อื้ม ฉันก็หวัง!” หลินโม่ป่ายกลับพูดตรงๆ ยังคงยิ้มแล้วมองไปที่เธอ “เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉัน สบายใจได้ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบพุ่งตัวเข้าไปหาทางตันอยู่แล้ว เพียงแค่เธอมีความสุข ฉันได้เห็นก็ดีใจแล้ว!”

เธอพยักหน้า ไม่นึกเลย หลินโม่ป่ายยิ่งเป็นเช่นนี้ ในใจของซูย้าว ก็ยิ่งรู้สึกละอายใจ

ราวกับการดูแลเธอเช่นนี้ แต่ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง จนกระทั่งตอนนี้ เธอก็ไม่คู่ควรที่จะได้รับ

ส่งเธอกลับไปที่บ้านตระกูลลี่แล้ว เนื่องจากคืนนี้ลูกชายอยู่กับคุณยายที่นั่น ซูย้าวกับพี่เลี้ยงจึงค่อนข้างผ่อนคลาย กินข้าวเย็นแล้ว ก็ขึ้นข้างบนไปพักผ่อน

ออสเตรเลียด้านนี้ หานฉ่ายหลิงนั่งอยู่บนโซฟา เปิดคอมพิวเตอร์ดูรูปภาพที่เก็บเอาไว้

ทีละรูปๆ ล้วนแต่เป็นรูปถ่ายตอนที่เธอกับลี่เฉินซีคบกับตอนแรก ความทรงจำตอนท่องเที่ยวมากมาย ยังมีรูปคู่ของทั้งสองคนที่ถ่ายด้วยกันด้วยความรัก

เธอเปิดดูทีละรูปๆ อยากจะหาสถานที่บางแห่ง ไม่ว่าจะอย่างไร พรุ่งนี้เขาก็ต้องกลับประเทศ จะล้มเหลวอีกครั้งไม่ได้อีกแล้ว

สุดท้าย เธอจับจ้องไปที่รูปภาพหนึ่งในนั้น สายตาชะงักงัน

ต้องสู้ลูกเดียว แล้วก็ทำได้เพียงสู้จนถึงที่สุดเท่านั้น!

ตอนกลางคืน หลังจากลี่เฉินซีได้พบกับนักธุรกิจต่างชาติแล้ว ก็กลับโรงแรม นั่งอยู่ที่โซฟาใต้อาคารเห็นหวางอี้ที่เพิ่งลงมา จึงถามขึ้น “ฉ่ายหลิงล่ะ? เรียกเธอลงมาไปกินข้าวกัน!”

หวางอี้กลับบอกว่า “คุณหานไม่อยู่โรงแรมนะครับ ได้ยินว่าออกไปแต่เช้าแล้ว จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่กลับมาเลยครับ!”

“ไปไหนแล้ว?” เขาถาม

หวางอี้ส่ายหน้า

ลี่เฉินซีจึงหยิบมือถือขึ้นมา โทรออกไปหาเธอ

โทรศัพท์มีแต่เสียงตู๊ดๆ อย่างไรก็โทรไม่ติด

ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว พลางโทรหาเธอ แล้วพลางลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก

โทรไปหาหลายรอบแล้ว เขากำลังขับรถวนไปรอบๆ ลองดูว่าจะเจอเธอหรือเปล่า แล้วในที่สุดก็โทรติด

“คุณอยู่ไหน?” ลี่เฉินซีถามขึ้นเป็นประโยคแรก

น้ำเสียงของหานฉ่ายหลิงด้านนั้นค่อนข้างอ่อนล้า ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่พูดว่า “ฉันอยู่ไหนสำคัญด้วยเหรอ? เฉินซี พวกเราไม่ต้องกลับไป ได้ไหม? อยู่ที่นี่กันเถอะ!”

ลี่เฉินซีขมวดคิ้วแน่นขึ้น อารมณ์ขึ้นๆลงๆ “คุณอยู่ดีๆ จู่ๆเป็นอะไรไป?”

“ฉันไม่เป็นไร แค่ไม่อยากให้คุณไป เราอยู่ที่นี่กันเถอะ! ซื้อบ้านสักหลัง แล้วจดทะเบียนแต่งงานกัน คุณกับฉันเราสองคน นอกจากคุณแล้ว อะไรฉันก็ไม่ต้องการ……”

จู่ๆหานฉ่ายหลิงก็พูดจาเหลวไหล ผสมปนเป ทำลายความคิดเขาอย่างฉับพลัน

เขาแน่ใจมาก ถ้าเธอปกติดี จะไม่พูดคำเหล่านี้ออกมาอย่างกะทันหัน ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ!

“ฉ่ายหลิง คุณอยู่ไหนกันแน่?” ลี่เฉินซีถาม น้ำเสียงร้อนใจ

ความร้อนรนอย่างนี้ เพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น

ความรู้สึกอย่างนี้ ทำให้เธอมีความสุข

หานฉ่ายหลิงพยายามควบคุมความในใจของตนเองที่กำลังจะปะทุออกมา เสียงยังคงอ่อนเพลียเล็กน้อย แล้วยังแหบพร่าอีกด้วย “ถ้าคุณยังแคร์ฉันอยู่ ก็จะเดาได้ว่าฉันอยู่ที่ไหน เฉินซี ฉันเชื่อว่า คุณจะต้องหาเจอ เพราะในใจของคุณยังรักฉันอยู่……”

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เจ้าสาวใบ้:อยากจะบอกรักคุณ

เธอเป็นสาวใบ้ เมื่ออายุ19ปีก็ถูกแม่เลี้ยงและพี่สาวบังคับแต่งงานกับเขาโดยการขาย ภายใต้การแต่งงานที่หรูหราได้ซ่อนแผนร้ายอันน่าทึ่งไว้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset